ผิวอ่อนล้า ผิวแห้งขาดน้ำคือเรื่องที่ทุกคนเคยได้ยินกันอย่างแน่นอน แถมเป็นปัญหาผิวที่ทุกคนสามารถเจอได้ทั้งนั้น ทั้งสองอย่างต่างก็เป็นปัญหาสภาพผิวที่แตกต่างกัน การดูแลรักษาให้ผิวกลับมาชุ่มชื้นแบบปกติก็มีวิธีที่ไม่เหมือนกัน แล้วเราจะแยกออกได้ยังไงล่ะว่าเรากำลังเจอกับปัญหาผิวออะไรกันแน่ สาวๆ ส่วนใหญ่อยากจะมีผิวสวย ผิวดูกระจ่างใสแบบธรรมชาติ จึงลงทุนลงแรง ค้นหาสารพัดสูตรหรือวิธีทำให้ผิวกระจ่างใสเร็ว กระจ่างใสแบบเห็นผลจริง ทั้งทาโลชั่นหรือครีมทาผิวเพื่อผิวกระจ่างใส ฉีดผิว กินสารพัดวิตามิน แต่ผิวก็ยังดูคล้ำเสียไม่ดูกระจ่างใสขึ้นสักที มาเช็คกันดีกว่าว่าสาวๆ หลงลืมสิ่งเหล่านี้ที่เป็นสาเหตุทำให้ผิวของเราไม่กระจ่างใส ขึ้นสักทีหรือเปล่า… ออกแดดบ่อย หรือนั่งทำงานในออฟฟิศเจอทั้งแสงจากหลอดไฟและจอคอมพิวเตอร์ แต่ไม่ชอบทาครีมกันแดด หมั่นทาครีมบำรุง แต่ผิวก็ไม่กระจ่างใสขึ้นสักที เพราะหลงลืมหนึ่งวิธีทำให้ผิวกระจ่างใส อย่างการสครับขัดผิวไป เพื่อให้เซลล์ผิวเก่าหลุดออกเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วจึงมาเกาะตัวรวมกัน จนเป็นสาเหตุทำให้ผิวดูหมองคล้ำไม่ใสอย่างที่ต้องการ และที่สำคัญ ดูแลแต่ภายนอก ขาดการดูแลจากภายใน ไม่ดูแลร่างกายและผิวพรรณเรื่องอาหารการกินหรือบำรุงภายในร่างกายเลย ทำให้ผิวดำหมองคล้ำ
5 เคล็ดลับ วิธีทำให้ผิวไบรท์เร็ว ไบรท์ไว เห็นผลจริง ลาก่อน ผิวดำคล้ำเสีย ไม่สดใส
- สครับขัดผิว พอกผิว สูตรธรรมขาติ ทำได้ด้วยตัวเอง ช่วยฟื้นบำรุงผิวกระจ่างใสเร็วไว วิธีทำให้ผิวกระจ่างใสเร็วโดยการขจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว ทำได้ด้วยการสครับ ขัดผิวเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง สามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าแล้วเผยผิวใหม่ ที่ดูกระจ่างใสขึ้นได้ เป็นวิธีทำให้ผิวใสที่เห็นผลได้ชัดเจน และสาว ๆ สามารถเลือกสูตรขัดผิวสำเร็จรูปที่ชื่นชอบได้ตามท้องตลาด หรือใช้สมุนไพรทั่วไป ที่มีคุณสมบัติบำรุงผิวให้ผิวดูกระจ่างใส เรามีสูตรสครับผิวแบบธรรมชาติที่ทำได้เองที่บ้าน มาฝากสาวๆ
- สูตรสครับขัดผิวกระจ่างใสด้วยมะนาว มะนาวช่วยทำให้ผิวกระจ่างใส ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ช่วยให้ผิวสดชื่นอีกด้วย สูตรขัดผิววิธีทำให้ผิวกระจ่างใสง่ายๆ ด้วยมะนาวเริ่มจากนำมะนาว น้ำผึ้ง เกลือ และโยเกิร์ตมาผสมให้เข้ากัน และพอกตัวทิ้งไว้ 25-30 นาที แล้วล้างออก จากนั้นอาบน้ำขัดตัวอย่างเบามือ ทำเป็นประจำสัปดาห์และ 1-2 ครั้ง
- สูตรครับขัดผิวด้วยขมิ้นชัน สมุนไพรอีกหนึ่งชนิดที่ใครรู้สึกว่าอยากกระจ่างใสทำไง ต้องนึกถึงนั่นคือ ขมิ้นชัน การขัดผิวด้วยขมิ้นชันเป็นอีกวิธีทำให้กระจ่างใสเร็ว และทำได้ง่าย เพียงนำขมิ้นชัน (เพื่อความสะดวกสามารถหาซื้อแบบผงมาใช้ได้) ผสมกับกากกาแฟ มะขามเปียก น้ำผึ้ง และโยเกิร์ต คนให้เข้ากัน นำมาพอกผิวทิ้งไว้ 15-20 นาที จากนั้นขัดอย่างเบามือประมาณ 5 นาที และล้างออก ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ผิวก็จะดูมีน้ำมีนวลขึ้น กระจ่างใสขึ้น แถมยังช่วยลดรอยจุดด่างดำบนผิวได้ด้วย
- ทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี ถือเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่จะช่วยฟื้นบำรุงผิวให้ดูกระจ่างใสขึ้น เพราะตลอดทั้งวันผิวของเราเจอทั้งแสงแดด ฝุ่น ควัน และมลภาวะต่างๆ มากมาย สิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ ดังนั้นสาวๆ ควรอาบน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้า – เย็น และควรอาบน้ำด้วยอุณหภูมิปกติ หรือเย็นนิดหน่อย จะช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง เพราะน้ำเย็นทำให้เลือดสูบฉีด เป็นการดีทอกซ์ของเสีย แต่ไม่ควรอาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนเกินไป ถ้าชอบน้ำอุ่นควรปรับอุณหภูมิให้อุ่นพอดี และไม่อาบนานเกินไป ควรใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที ไม่เช่นนั้นจะส่งผลให้ผิวแห้ง และอาจไวต่อแสงทำให้ผิวคล้ำเสียง่ายได้
- พักผ่อนและดื่มน้ำให้เพียงพอ อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญในการดูแลผิวจากภายในสู่ภายนอก ก็คือการดื่มน้ำ นอนหลับ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยสาวๆ ควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย อย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน นอนหลับพักผ่อนให้ได้วันละ 8 ชั่วโมง จะช่วยให้ผิวอิ่มเอมสดใสเปล่งปลั่งขึ้น และควรงดบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆ เพราะทั้ง 2 อย่างนี้เป็นอีกหนึ่งตัวการร้ายที่ทำให้ผิวของเราดำหมองคล้ำ
- เลือกทานอาหารและหมั่นออกกำลังกาย นอกจากดูแลผิวพรรณภายนอกแล้ว สาวๆ ต้องดูแลจากภายในด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างผัก-ผลไม้ ที่จะช่วยในเรื่องขับถ่ายและมียังวิตามิน C เช่น ส้ม ฝรั่ง กีวี่ กล้วยน้ำว้า มะละกอ และลูกพรุน ควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายขับเหงื่อและสิ่งสกปรกใต้ผิวหนังออกมา ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น
- บำรุงผิวด้วยครีมหรือโลชั่นช่วยให้ผิวดูไบรท์ที่มีส่วนผสมของวิตามินจากธรรมชาติ วิธีทำให้ผิวไบรท์เร็วแบบง่ายๆที่สาวๆ ทำได้ทุกวันก็คือการทาครีมหรือโลชั่นช่วยให้ผิวดูไบรท์ที่มีส่วนผสมของวิตามินจากธรรมชาติ และหากต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน ครีมกันแดดก็ขาดไม่ได้เลยทีเดียว เดี๋ยวนี้โลชั่นช่วยให้ผิวดูไบรท์ก็มีให้เลือกมากมาย สาวๆ ที่ไม่รู้ว่าอยากผิวไบรท์ทำไง? ลองเลือกใช้โลชั่นช่วยให้ผิวดูไบรท์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซีจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะมาจากผลไม้ที่เราคุ้นหูคุ้นตากันดีอย่าง ส้ม, เลม่อน, เชอร์รี่, โกจิเบอร์รี่ และ ทับทิม เพราะวิตามินเหล่านี้สามารถฟื้นบำรุงให้ผิวดูกระจ่างใส ไม่ทำร้ายผิว เพียงทาต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน แค่นี้ก็บอกลาผิวหมองคล้ำไปได้เลย
ผลไม้ที่อุดมวิตามินที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส แบบไม่ทำร้ายผิว
- ส้ม : ส้มนั้นอุดมไปด้วยวิตามินซี ที่ช่วยบูสท์ผิวที่หมองคล้ำ ให้กระจ่างใส ฉ่ำเด้ง และยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวได้อีกด้วย นีเวีย เอ็กซ์ตร้า ไวท์ ซีแอนด์อี วิตามิน โลชั่น
- เชอร์รี่ : เชอร์รี่นั้นประกอบไปด้วยวิตามินเอ ช่วยให้สี สีผิวดูสม่ำเสมอ กระจ่างใสขึ้น และสามารถลดเลือนจุดด่างดำได้ด้วย นีเวีย เอ็กซ์ตร้า ไวท์ ซี แอนด์ เอ วิตามิน โลชั่น
- ทับทิม : ทับทิมนั้นอุดไปด้วยวิตามินซีสูงมากช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง ผิวใสอมชมพู แลดูอ่อนเยาว์ และเป็น 1 ในส่งนผสมของ นีเวีย เอ็กซ์ตร้า ไบรท์ 10 ซูเปอร์ วิตามิน แอนด์ สกิน ฟู้ด เซรั่ม ที่อุดมไปด้วย วิตามิน & สกินฟู้ด กว่า 10 ชนิด ช่วยลดผิวหมองคล้ำ รอยดำฝังลึกแก้ยาก
การรักษาผิวหน้านั้นขึ้นอยู่กับระดับความลึกของริ้วรอย
และอาจต้องใช้วิธีการรักษามากกว่า 1 อย่างเพื่อผลลัพธ์ที่ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทาครีมลดริ้วรอย มักนิยมนำครีมที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์อย่างเตรติโนอิน (Tretinoin) มาใช้ในการลดเลือนริ้วรอย โดยจะช่วยกระตุ้นให้มีการผลัดผิวใหม่ ซึ่งมักจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นใน 24 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม การทาครีมที่มีเรตินอยด์เป็นส่วนประกอบจะช่วยลดริ้วรอยร่องตื้นเท่านั้น แต่ไม่สามารถลดริ้วรอยลึกได้ นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยต่าง ๆ ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและอาจมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน ดังนี้
- กรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha Hydroxy Acids: AHA) หรือกรดผลไม้ ประกอบไปด้วยกรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) และกรดแลคติก (Lactic Acid) ซึ่งการใช้กรดชนิดนี้ค่อนข้างปลอดภัย แต่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม การใช้กรดผลไม้ในการรักษาตีนกาและริ้วรอยอาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก
- สารต้านอนุมูลอิสระ ประกอบไปด้วยวิตามินเอ ซี อี และเบตาแคโรทีน อาจช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ แต่มีงานวิจัยสนับสนุนไม่มากนักที่แสดงให้เห็นว่า การใช้ครีมที่มีส่วนประกอบของสารต้านอนุมูลอิสระจะสามารถลดริ้วรอยได้อย่างชัดเจน
- ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทั่วไป ผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอยที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวทั่วไปและไม่มีส่วนผสมของสารประกอบต่าง ๆ ข้างต้นก็อาจช่วยลดเลือนริ้วรอยตื้น ๆ ได้ชั่วคราว
- ฉีดฟิลเลอร์ การฉีดฟิลเลอร์เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดรอยตีนกาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะฉีดฟิลเลอร์เข้าสู่ผิวหนังบริเวณที่มีริ้วรอยโดยตรง สารที่นำมาใช้ทำฟิลเลอร์เพื่อฉีดสู่ผิวหนังนั้นมีหลายประเภทและให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไป ซึ่งผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์นั้นอาจคงอยู่ได้นาน 3-12 เดือน อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอถึงข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์ชนิดต่าง ๆ ที่เหมาะกับสภาพผิว เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ทางการรักษาที่ดีที่สุด
- ทำเลเซอร์ การยิงเลเซอร์เพื่อให้ผิวเกิดการลอก (Ablative Laser Resurfacing) เป็นการลอกผิวหนังชั้นบนออกไป เพื่อเผยผิวที่มีสุขภาพดีและดูอ่อนเยาว์ การใช้เลเซอร์รักษารอยตีนกาเป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพ เพราะความร้อนจากเลเซอร์จะกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ส่งผลให้ผิวหนังบริเวณหางตาเรียบเนียนและตื้นขึ้น โดยหลังทำเลเซอร์อาจใช้เวลาพักฟื้นหลายสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม การทำเลเซอร์อาจไม่สามารถลดริ้วรอยอย่างตีนกาได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น แพทย์อาจรักษาริ้วรอยด้วยเลเซอร์ร่วมกับวิธีการรักษาอื่น ๆ เช่น การฉีดโบทอกซ์ เป็นต้น
การดูแลผิวขาดน้ำ ให้กลับมาชุ่มชื่น และเปรั่งปรั่ง
สำหรับผิวที่ขาดน้ำควรดูแลด้วยการให้ความชุ่มชื้นผิว ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ โดยการดื่มน้ำเพิ่มเติมความชุ่มชื้น ประมาณ 8 แก้วต่อวัน แต่ไม่ควรดื่มน้ำครั้งละมากๆ การได้รับน้ำมากจนเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ จึงควรดื่มให้เหมาะสมกับความต้องการในแต่ละวันก็เพียงพอแล้ว ถ้าไม่อยากดื่มน้ำบ่อยๆ การทานอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหรือผลไม้ เช่น แตงโม สตรอเบอร์รี่ แตงกวาและคื่นช่าย ก็สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับร่างกายได้ รักษาผิวที่ขาดน้ำได้ด้วยการรับประทานอาหารและการเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวัน เช่น
- งดดื่มแอลกอฮอล์ หรือดื่มในปริมาณที่พอเหมาะเท่านั้น
- งดสูบบุหรี่
- ดื่มกาแฟน้อยลงและคาเฟอีนจากแหล่งอื่นๆ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- จิบน้ำเป็นระยะขณะออกกำลังกาย (Nemours Foundation แนะนำให้จิบสองสามครั้งทุก 20 นาทีเป็นอย่างน้อย)
- เติมเกลือแร่หลังจากออกกำลังกาย
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- กินอาหารจากพืชมากขึ้น เช่น ผลไม้ ผัก และพืชตระกูลถั่ว
- การดูแลผิวขาดน้ำ
ดูแลผิวด้วย ผลิตภัฑณ์ Skin Balance ตัวช่วยให้ผิวกลับมาขาวใส และชุ่มชื่น อย่างเคย
Skin Balance ปรับสมดุลผิวโดยเฉพาะ”มีส่วนผสมของ Fomes Officinalis Mushroom Extract ที่ออกฤทธิ์กระชับรูขุมขนได้ทันทีหลังใช้ถึง 30% อุดมด้วย Active ลดการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้ความมันส่วนเกินลดลง แต่ผิวไม่แห้งกร้าน พร้อมสารสกัดกระชับรูขุมขนเข้มข้น รูขุมขนกระชับขึ้นทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ ลดความมันส่วนเกิน กระชับรูขุมขนเพิ่มความชุ่มชื้น กระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว ลดการอักเสบ ระคายเคือง ปรับสมดุลผิว เสริมความแข็งแรงให้ชั้นผิว ลดโอกาสเกิดสิวและแบคทีเรียบนใบหน้า ปรับผิวเรียบเนียน สุขภาพผิวดี Skin Balance ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนังแล้ว พบว่า “ปลอดภัย ไม่ระคายเคืองผิว”คิดค้นและดูแลโดยแพทย์ผิวพรรณและความงาม