“ใต้ตาคล้ำ มีริ้วรอยรอบดวงตา ตาโรย ตาลึกโบ๋ มีถุงใต้ตา มีรอยตีนกา” คุณกำลังเผชิญกับปัญหารอบดวงตาในลักษณะนี้อยู่กันบ้างหรือเปล่า? แน่นอนว่า เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น นอกจากความเสื่อมของอวัยวะภายในร่างกายแล้ว ปัญหาผิวพรรณต่างๆก็เริ่มตามมา รวมถึงผิวรอบดวงตาด้วย นอกจากนั้น ยังเกี่ยวข้องกับสภาวะแวดล้อมต่างๆและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละคน ที่สามารถส่งผลเสียหายต่อสภาพผิว “ฟิลเลอร์ใต้ตา” อีกหนึ่งวิธีการดูแลผิวพรรณรอบดวงตาที่หลายคนให้ความสนใจและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะไม่เพียงช่วยแก้ปัญหาตาหมีแพนด้า แต่ยังช่วยลดความเหี่ยวย่นรอบดวงตา ทำให้หน้าดูเด็กลงได้อีกต่างหาก การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับใคร มีประโยชน์อย่างไร มีข้อดีและมีข้อควรระวังอย่างไร เราไปหาคำตอบจากบทความนี้ด้วยกัน
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา (Under-Eye Filler) เป็นการใช้สารเติมเต็มไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ฉีดเข้าไปยังบริเวณรอบดวงตา เพื่อช่วยแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น รวมถึงปัญหาใต้ตาคล้ำด้วย เนื่องจากกรดไฮยาลูรอนิคที่อยู่ในฟิลเลอร์มีคุณสมบัติในการช่วยอุ้มน้ำได้ดี ทั้งยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวได้ จึงทำให้ผิวรอบดวงตามีความเรียบเนียน ทำให้รอยคล้ำและริ้วรอยจางลง
การฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง?
เนื่องจากฟิลเลอร์เป็น HA หรือกรดไฮยาลูรอนิก เป็นสารที่ช่วยเติมเต็มเนื้อเยื่อและคอลลาเจนใต้ผิวที่พร่องไปให้ดูเต็มและเต่งตึงมากขึ้น ทั้งยังสามารถช่วยแก้ปัญหาอื่นๆได้อีกหลายประการดังต่อไปนี้
- ช่วยแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ
ผู้ที่ขอบตาดำ ใต้ตาคล้ำ ทำให้หน้าดูโทรม ดูเหนื่อย ไม่สดชื่น โดยจะเห็นรอยคล้ำเป็นวงใต้ตา ซึ่งเป็นไปได้ว่าเกิดจากพันธุกรรมหรือเกิดจากโรคภูมิแพ้ รวมถึงการนอนน้อยและการขยี้ตา - ช่วยแก้ปัญหาสำหรับคนที่มีเบ้าตาลึกหรือตาโหล
ปัญหานี้มักพบในคนที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป โดยมีลักษณะคือ เนื้อเยื่อใต้ตาค่อยๆยุบตัวลงเห็นเป็นเบ้าลึก ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากพันธุกรรม หรือการที่ร่างกายขาดวิตามินซี วิตามินเค ธาตุเหล็ก รวมถึงอายุที่เพิ่มมากขึ้น แต่เมื่อเติมด้วยฟิลเลอร์จะทำให้ผิวบริเวณรอยดวงตาฟู มีความสดใสมากขึ้น - ช่วยแก้ปัญหาผู้ที่ถุงใต้ตามีความหย่อนคล้อยให้มีความกระชับมากขึ้น
ถุงใต้ตาเกิดจากการที่ไขมันที่อยู่บริเวณเบ้าตา ได้ตกลงมาเป็นถุงใต้ตา เกิดขึ้นได้ตั้งแต่อายุ 20 กว่าๆจนถึงอายุที่มากขึ้น สามารถใช้ฟิลเลอร์ฉีดเพื่อดันไขมันให้กลับลงไป ช่วยให้ผิวบริเวณรอบดวงตาดูเรียบเนียนมากขึ้น - ช่วยแก้ปัญหาผู้ที่มีริ้วรอยใต้ตา รอยตีนกาหรือรอยย่นบริเวณหางตา เนื่องจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้คอลลาเจน อีลาสติน และกรดไฮยาลูรอนิกตามธรรมชาติในผิวลดลง รวมถึงปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น การใช้สายตาที่หนักจนเกินไป การแสดงอารมณ์ซ้ำๆ การชอบขยี้ตาบ่อยๆ หรือภูมิแพ้ เป็นต้น
การฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะกับใครบ้าง?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะกับผู้ที่มีลักษณะและความต้องการ ดังต่อไปนี้
- ผู้ที่มีร่องน้ำตาหรือร่องใต้ตาลึกและชัด โดยจะมีลักษณะเป็นครึ่งวงกลมใต้ตา
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับผิวรอบดวงตา เช่น รอยคล้ำใต้ตา เบ้าตาลึก ตาโหล มีถุงใต้ตา มีริ้วรอยใต้ตา เป็นต้น
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ไวขึ้น ไม่ต้องพักฟื้น
- ผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด
ใครที่ไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา?
ผู้ที่ไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพราะอาจจะส่งผลข้างเคียงที่เสี่ยงต่ออันตรายที่อาจเกิดขึ้น คือผู้ที่มีลักษณะดังต่อไปนี้
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์และอยู่ในภาวะที่กำลังให้นมบุตร
- ผู้ที่มีปัญหาเลือดหยุดไหลยาก รวมถึงผู้ที่มีแผลฟกช้ำง่าย
- ผู้ที่เป็นโรคผิวหนัง หรือมีปัญหาผิวหนังอักเสบ เพราะอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้โดยง่าย
- ผู้ที่แพ้สารไฮยาลูรอนิค แอซิด
- ผู้ที่ตาแห้งมากจนถึงขั้นอันตราย จะต้องหยอดน้ำตาเทียมให้อาการดีขึ้นก่อน จึงจะสามารถฉีดฟิลเลอร์ได้ ไม่เช่นนั้น อาจจะก่อให้เกิดการระคายเคือง เสี่ยงต่อการอักเสบ
- ผู้ที่กำลังใช้ยาหรือผู้ที่มีโรคที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ทำให้เลือดหยุดไหลได้ยาก หรือทำให้เกิดรอยช้ำได้ง่ายกว่าปกติ เช่น ยาแก้ปวดแอสไพริน และ NSAIDS ยาที่ช่วยลดการแข็งตัวของเลือด รวมไปถึงวิตามินหรือสมุนไพรบางชนิด เช่น วิตามินอี กระเทียม ขิง แปะก๊วย เป็นต้น
- ผู้ที่กำลังเป็นโรคเริมหรืองูสวัด
- ผู้ที่ผิวบริเวณรอบดวงตาหรือบริเวณใกล้เคียงมีการอักเสบและติดเชื้ออยู่ ควรรอให้หายดีก่อนฉีดฟิลเลอร์
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาชา
- ผู้มีมีประวัติเป็นแผลเป็นคีลอยด์ได้ง่าย
- ผู้ที่มีถุงใต้ตาขนาดใหญ่
- ผู้ที่บริเวณใต้ตามีความหย่อนคล้อยมากและผิวบาง ควรงดฉีดฟิลเลอร์ เพราะอาจจะเกิดการจับตัวเป็นก้อนเป็นลำได้
ข้อดีของการฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีดังต่อไปนี้
- ฟิลเลอร์ที่มีส่วนประกอบของสารไฮยาลูรอนิกหรือ HA มีความปลอดภัย ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา
- เห็นผลทันทีหลังทำหัตถการและจะเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุดใน 2 สัปดาห์
- ไม่ได้มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น อาจมีอาการข้างเคียง เช่น มีรอยแดงหรือบวมเล็กน้อยในบางราย แต่หลังจากนั้น 7-14 วัน ก็จะหายเป็นปกติ
- อยู่ได้ประมาณ 6-24 เดือน โดยขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ สามารถเติมใหม่ได้ตลอด
- สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ โดยไม่มีสารตกค้างในร่างกาย
ข้อเสียของการฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีข้อเสียหรือข้อจำกัด ดังต่อไปนี้
- โดยธรรมชาติของฟิลเลอร์ ไม่ได้อยู่ถาวรตลอดไป แต่จะมีช่วงเวลาของการคงอยู่และการสลายไปตามธรรมชาติ และจะสลายได้เร็วขึ้น เมื่อเจอกับความร้อนหรือทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้กำลัง เช่น การออกกำลังกาย การทำซาวน่าหรือการทำเลเซอร์ เป็นต้น
- ด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงสภาพผิวที่มีความหย่อนคล้อย ทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวได้ง่ายขึ้น จะต้องกลับมาฉีดเพิ่มอยู่บ่อยๆ
- หากฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์และไม่มีความชำนาญ จะเสี่ยงต่อการที่ฟิลเลอร์จะจับตัวกันเป็นก้อนเป็นลำ
- ในบางกรณี อาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ เช่น อาการบวมแดง เขียวช้ำ หรือคันในจุดที่ลงเข็ม แต่อาการเหล่านี้ไม่รุนแรง จะหายไปเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ควรแกะ เกาหรือนวดในจุดที่ฉีดฟิลเลอร์
สาระน่ารู้เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
มีประเด็นมากมายเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ท่านสามารถเรียนรู้ เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจและเพื่อให้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ ดังนี้
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายหรือไม่?
ฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัยสูง คือฟิลเลอร์ประเภทกรดไฮยาลูรอนิก(Hyaluronic Acid หรือ HA) ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา ที่มีความปลอดภัยสูงเนื่องจากเป็นการเลียนแบบสารไฮยาลูรอนิกธรรมชาติที่อยู่ในร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย สลายไปเองตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้าง แต่ควรเลือกฉีดในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีเครื่องมือที่ครบครัน และฉีดกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ เพื่อป้องกันฟิลเลอร์เป็นก้อนเป็นลำ หรืออันตรายอื่นๆที่จะตามมา - ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากี่ CC ดี?
ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับฉีดใต้ตา จะมีความแตกต่างกันออกไปแต่ละกรณี โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินก่อนว่าปัญหาของแต่ละคนมีมากน้อยเพียงใด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูดีแบบเป็นธรรมชาติมากที่สุด ถ้าหากใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณมากจนเกินไป จะทำให้เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังยืดออกมามากไป เวลายิ้มบริเวณใต้ตาจะเป็นก้อนชัดเจน ดูไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งโดยทั่วไป ผู้ที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำและมีถุงใต้ตา จะใช้อยู่ที่ประมาณ 1–2 CC - ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากี่วันเห็นผล?
หลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มักจะมีอาการบวมเล็กน้อยตามมา แต่อาการดังกล่าวจะค่อยๆหายไปเองภายใน 2–3 วัน และจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายใน 2–3 สัปดาห์ - ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้ถาวรไหม?
ปกติแล้วการฉีดฟิลเลอร์จะมีระยะเวลาของการคงอยู่ ไม่ได้อยู่นานถาวรตลอดไป ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดด้วย แต่ถ้าหากอยากยืดอายุของฟิลเลอร์ไม่ให้สลายตัวเร็วจนเกินไป ผู้ที่รับการฉีดจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองร่วมด้วย โดยหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวได้เร็ว เช่น การเผชิญกับความร้อน การทำเลเซอร์ หรือการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น - ฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานไหม?
ฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานประมาณ 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ รวมถึงการดูแลตัวเองหลังฉีด - ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยให้ตาหายคล้ำไหม?
การฉีดฟิลเลอร์ที่มีสารไฮยาลูโรนิก แอซิด เป็นการช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวรอบดวงตา พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว จึงสามารถช่วยลดความหมองคล้ำบริเวณใต้ตาได้ ทำให้ดวงตาสดใสมากขึ้น - ทำศัลยกรรมตากับฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาพร้อมกันได้ไหม?
การทำศัลยกรรมตาควบคู่กับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถทำได้ในบางกรณี ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละเคส แต่ก่อนทำควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อแพทย์จะได้ประเมินสภาพปัญหารอบดวงตา รวมถึงการระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น แต่โดยส่วนใหญ่แพทย์จะแนะนำให้ทำหัตถการทีละอย่าง เพื่อความปลอดภัย - ทำไมหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไม่ควรขยี้ตา?
การขยี้ กด หรือนวดบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อได้ง่าย - ทำไมบางคนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วจับตัวเป็นก้อน
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วมีการจับตัวกันเป็นก้อน เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังต่อไปนี้- เกิดจากฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากเกินไป
- เกิดจากการเลือกฟิลเลอร์ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งที่ฉีด
- เกิดจากความไม่ชำนาญและขาดประสบการณ์ของแพทย์ที่ทำหัตถการ โดยฉีดฟิลเลอร์ในชั้นผิวที่ตื้นจนเกินไป ทำให้ฟิลเลอร์ไปกองกันอยู่ในชั้นกล้ามเนื้อ
- เกิดจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม
- จริงไหมที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วอันตรายถึงขั้นตาบอด?
กรณีที่ฉีดฟิลเลอร์แล้วถึงขั้นตาบอด เกิดขึ้นได้น้อยมาก เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มไฮยาลูโรนิก แอซิด ที่มีความใกล้เคียงกับสารที่อยู่ในร่างกายของคนเรา แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ หากไปฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญหรือขาดประสบการณ์ อาจเกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้ เช่น มีการกดเข็มลงชั้นผิวหนังที่ลึกเกินไปแล้วพลาดฉีดเข้าสู่เส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดเกิดการอุดตันและเนื้อเยื่อถูกทำลาย อาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นได้ - รอยเข็มจากการฉีดฟิลเลอร์ใช้เวลากี่วันหาย?
หลังฉีดฟิลเลอร์ เป็นเรื่องปกติที่จะมีอาการรบวม แดง และมีรอยเข็มในบริเวณที่ฉีด แต่อาการดังกล่าวจะหายไปได้เองภายใน 2-3 วัน และจะหายเป็นปกติและเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายใน 2-3 สัปดาห์ ทั้งนี้ ผู้รับการฉีดจะต้องทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่เพียงช่วยให้อาการบวม แดง ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังป้องกันการอักเสบและอาการแทรกซ้อนอื่นๆตามมาอีกด้วย - ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วดื่มแอลกอฮอล์ได้หรือไม่?
หลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้ว แนะนำให้งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำให้เลือดมีการสูบฉีดมากขึ้น ซึ่งจะไปกระตุ้นให้บริเวณแผลมีเลือดไหลออกมา และยังทำให้รอยแดงหรืออาการบวมเข็มหายช้าลง ทั้งยังเสี่ยงต่อการอักเสบได้ด้วย ดังนั้นหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่เป็นเวลา 24 – 48 ชั่วโมง - ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเจ็บไหม?
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ท่านสามารถขอยาชา เพื่อบรรเทาอาการเจ็บจากการฉีดได้ ซึ่งโดยปกติในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และหลังฉีดก็จะมีอาการบวมเข็มเล็กน้อยและจะค่อยๆหายไปเอง - ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี?
การเลือกยี่ห้องของฟิลเลอร์ใต้ตาก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผลลัพธ์ดูดีและเป็นธรรมชาติ อย่าง Me Filler ซึ่งเป็นฟิลเลอร์คุณภาพดี แบบhyaluronic acid fillers ที่สามารถช่วยแก้ไขจุดบกพร่องในบริเวณที่คุณเป็นกังวล รวมถึงผิวหนังใต้ตา ไม่ว่าจะเป็นตาหมองคล้ำ รอยตีนกา หรือริ้วรอยรอบดวงตาอื่นๆ รวมถึงปัญหาถุงใต้ตา มหัศจรรย์ด้วยนวัตกรรม densimatrix technology ที่มีโครงสร้างแบบ cross-linked hyaluronic acid 100% (non-free ha) ที่มีความบริสุทธิ์สูงในขั้นตอนเดียว, มีความปลอดภัยสูงสุดด้วยค่า BDDE ที่ต่ำที่สุด , มีความยืดหยุ่นหลังการฉีด ,เป็นลักษณะเนื้อเจลที่มีความสม่ำเสมอ ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าฉีดไปแล้วจะจับตัวเป็นก้อนเป็นลำ,มีแรงอัดต่ำและคงที่,ให้ความชุ่มชื้นต่อผิว มีปัจจัยการบวมต่ำ,ช่วยกระตุ้นกลไกการสร้างเนื้อเยื่อ และที่สำคัญคงผลลัพธ์ได้ยาวนาน 9-12 เดือนเลยทีเดียว การันตีคุณภาพมาตรฐานการผลิต ความปลอดภัย และประสิทธิภาพได้อย่างสูงสุด ใช้ง่าย อาการข้างเคียงน้อย ไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนทันใจแน่นอน - ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบวม ทำอย่างไรดี?
เรื่องการฉีดฟิลเลอร์แล้วบวม สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ใช่กับทุกคน ถ้าในเคสปกติ อาการบวมจะหายไปเองภายใน 2-3 วันหลังทำหัตถการ และสำหรับท่านที่กังวลเรื่องอาการบวม แนะนำให้นอนหนุนหมอนสูง ไม่ต้องดื่มน้ำมากเกินไป ไม่จับ ไม่นวด ไม่กดบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ แต่ถ้ากรณีที่อาการบวมไม่ลดลง แนะนำให้ไปพบแพทย์ที่ทำหัตถการ เพื่อให้การดูแลต่อไป - เป็นภูมิแพ้แล้วฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้ไหม?
สำหรับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำจากโรคภูมิแพ้ สามารถฉีดฟิลเลอร์เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ โดยไม่ส่งผลข้างเคียงใดๆ เนื่องจากเป็นฟิลเลอร์ที่มีส่วนประกอบของสารกลุ่มไฮยาลูรอนิค แอซิด ที่จะเข้าไปช่วยให้เส้นเลือดบริเวณใต้ตาขยายตัว ทั้งยังช่วยพยุงผิวที่ยุบตัวให้อิ่มฟูขึ้น พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่ง สดชื่น ช่วยลดอาการขอบตาดำจากการเป็นภูมิแพ้ได้
ถ้าจะกล่าวโดยสรุปคือ ฟิลเลอร์สามารถช่วยแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำแบบหมีแพนด้าได้อย่างเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน นอกจากนั้น ยังช่วยทำให้เบ้าตาที่ลึกดูตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมทั้งช่วยเรื่องริ้วรอยรอบดวงตาให้ดูจางลง ช่วยเสริมดวงตาให้ดูเปล่งปลั่ง สดใส หน้าดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยเสริมความมั่นใจให้กับทุกท่านได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องผ่าตัด