ด้วยสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยฝุ่นควันและมลพิษต่างๆมากมาย ได้ส่งผลกระทบต่อสภาพผิวหน้า ทำให้เกิดปัญหาที่ยากจะหลีกเลี่ยง อย่าง “สิวผด” แม้จะเป็นตุ่มเล็กๆแต่หากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้องก็สามารถทำให้เกิดปัญหาใหญ่ได้ เมื่อสัมผัสจะพบว่าผิวหน้าขรุขระ ไม่เรียบเนียน ที่ไม่เพียงทำให้ขาดความมั่นใจ แต่ “สิวผด” ยังเป็นสัญญาณอันตรายที่แสดงให้เห็นว่าผิวกำลังอ่อนแอหรือกำลังแพ้อะไรบางอย่าง แท้จริงแล้วสิวผดมีสาเหตุมาจากอะไร สามารถรักษาและดูแลผิวในขณะที่มีสิวผดได้อย่างไรบ้าง เราจะมารู้จักกับสิวประเภทนี้ด้วยกัน เพื่อหาทางสร้างเกราะป้องกันและคืนความแข็งแรงให้กับผิวอีกครั้ง
ลักษณะของสิวผด
“สิวผด” (Acne Aestivalis หรือ Mallorca Acne) เป็นหนึ่งในประเภทของสิวที่มีลักษณะเป็นตุ่ม ผื่นเล็กๆ มีทั้งแบบเม็ดเล็กๆหัวปิด (papules) และเป็นตุ่มน้ำใสๆข้างใน มีขนาดใกล้เคียงกัน ด้วยเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1-2 มิลลิเมตร มักกระจายอยู่ตามจุดต่างๆทั่วใบหน้า เมื่อเอามือลูบจะรู้สึกสากๆ ผิวหน้าไม่เรียบเนียนในบริเวณที่มีสิวผด ในบางทฤษฎีกล่าวว่าสิวผดคือหนึ่งในผื่นที่มีสาเหตุมาจากแสงแดด (polymorphous light eruption) และรังสีอัลตร้าไวโอเล็ต ที่มักจะดูเรียบเนียน ไม่มีอาการในเวลาเช้า แต่จะเห่อขึ้นและเห็นได้ชัดในช่วงบ่าย ที่มีอากาศร้อนหรือเหงื่อออก ซึ่งบริเวณที่มีสิวผดอาจจะมีตุ่มหรือผื่นสีแดงรอบๆ ในบางกรณีอาจจะมีอาการคันร่วมด้วย สิ่งที่น่าสนใจคือยิ่งล้างหน้าบ่อยก็ยิ่งกระตุ้นให้เกิดสิวผด และนอกจากนั้นยังมีโอกาสพัฒนาเป็นสิวผดเรื้อรังหรือสิวอักเสบตามมา หากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง
บริเวณที่มักเกิดสิวผด
สิวผดสามารถเกิดขึ้นได้ตามจุดต่างๆ ทั่วใบหน้า แต่มีตำแหน่งที่พบได้บ่อย ดังต่อไปนี้
- สิวผดที่หน้าผาก สิวผดที่เกิดบริเวณหน้าผาก โดยส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการที่บริเวณหน้าผากโดนแสงแดดหรือรังสียูวี (UV) รวมถึงสิ่งสกปรกและเชื้อโรคต่างๆ ทั้งจากมลภาวะที่อยู่รอบข้างและจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการไว้ผมม้า แพ้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะบางประเภท การที่ไม่สระผม การใส่หมวก การใช้มือสัมผัสบริเวณผิวหน้าอยู่บ่อยๆ ทำให้สิ่งสกปรกเกาะติดผิวหน้าได้ง่ายขึ้น
- สิวผดที่แก้ม สิวผดที่บริเวณแก้ม โดยส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสกับแสงแดดหรือแสง UVA มากเกินไป โดยเฉพาะในช่วงกลางวันจนถึงบ่ายแก่ๆที่มีความร้อนของอากาศค่อนข้างสูง ทำให้เกิดสิวผดเห่อขึ้นมาได้ ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีสาเหตุมาจากสารเคมีที่อยู่ในเครื่องสำอางที่ใช้ในแต่ละวันอีกด้วย
- สิวผดที่คาง สิวผดที่เกิดขึ้นบริเวณคาง สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากแสงแดด สิ่งสกปรก หรือความมันที่เกิดขึ้นบนใบหน้า เนื่องจากบริเวณคางเป็นทีโซน(T-Zone) ที่มีการหลั่งซีบัม(Sebum) หรือน้ำมันออกมาจากรูขุมขน ซึ่งถ้าหากความมันส่วนเกินมารวมกับสิ่งสกปรกก็จะทำให้เกิดการอุดตัน และในปัจจุบันที่มีการใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา ทำให้บริเวณคางมีความอับชื้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวผดขึ้นมาได้
นอกจากบริเวณหน้าผาก แก้ม และคางแล้ว ยังมีบริเวณอื่นๆที่มักมีแนวโน้มในการเกิดสิวผด เช่น สิวผดที่หลังสิวผดที่คอ สิวผดที่หน้าอก และสิวผดที่จมูก เป็นต้น
สาเหตุของสิวผด
สิวผด สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยสามารถแบ่งเป็นสาเหตุจากปัจจัยภายใน ที่ผิวมีความอ่อนแอและเกี่ยวข้องกับระบบการทำงานของต่อมผลิตน้ำมัน รวมถึงปัจจัยกระตุ้นต่างๆที่ทำให้เกิดสิวผดได้ง่ายขึ้น ดังนี้
สาเหตุจากปัจจัยภายใน
ในทางการแพทย์พบว่า สิวผดสามารถเกิดขึ้นได้จากเชื้อรา ที่มีชื่อเรียกว่า Pityrosporum ovale (P. ovale) ซึ่งเป็นเชื้อรายีสต์ประเภทหนึ่งในกลุ่ม มาลาสซีเซีย (Malassezia species) ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะพบเชื้อราชนิดนี้ที่ผิวหนังของเราทุกคน แต่ถ้าหากว่าต่อมไขมันทำงานผิดปกติ มีการผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมามากจนเกินไป ก็จะกลายเป็นอาหารของยีสต์ชนิดนี้ และทำให้เชื้อเจริญเติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า “รูขุมขันอักเสบจากเชื้อรา” ทำให้เกิดสิวผด ผดผื่น สิวเม็ดเล็กๆ และอาจมีอาการคันร่วมด้วย นอกจากนั้นในบางรายอาจมีผิวบอบบาง แพ้ง่าย เนื่องจากผิวหน้าชั้นนอกไม่แข็งแรงพอ ทำให้มีการสร้างเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ได้ไม่ดีนัก และยิ่งถ้าหากได้รับสิ่งเร้าจากปัจจัยภายนอกร่วมด้วย ก็จะทำให้ผิวอ่อนแอลง เกิดปัญหาผิวต่างๆ ตามมาได้ง่าย
สาเหตุจากปัจจัยกระตุ้นภายนอก มีปัจจัยภายนอกอื่นๆอีกมากมายที่สามารถเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสิวผดขึ้นมาได้มากขึ้น ได้แก่
- การล้างหน้าไม่สะอาด
เพราะบนใบหน้าของเรามีทั้งคราบน้ำมัน คราบเครื่องสำอาง ฝุ่นควันมากมายที่เกาะและตกค้างอยู่บนผิว รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีฟองมากจนเกินไป ก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและเกิดสิวผดขึ้นมาได้ - การแพ้ครีมหรือเครื่องสำอางที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐาน
มีส่วนผสมของสารที่ทำร้ายผิวอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นสารปรอท (mercury) ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) หรือ สเตียรอยด์ (Steroid) ทำให้ผิวหน้าเกิดการระคายเคืองหรือแพ้ได้ง่ายๆ รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวบาง เช่น ครีมที่มีกรดลอกผิวต่าง ๆ ก็สามารถทำให้เกิดสิวผดได้เช่นกัน - ความอับชื้นของผิวในบริเวณนั้นๆ
โดยเฉพาะบริเวณคางหรือแก้มที่มีการใส่หน้ากากอนามัยอยู่เป็นประจำ ทำให้เกิดการหมักหมมและอับชื้น และเนื่องด้วยอากาศที่ร้อนอบอ้าว กระตุ้นให้เกิดสิวผดได้ง่ายขึ้น - แพ้เหงื่อตัวเอง
เป็นปกติที่เหงื่อของคนเราจะถูกขับออกมาเมื่อสัมผัสกับความร้อนหรือมีน้ำมันบนผิวอยู่มาก เมื่อเหงื่อและน้ำมันถูกขับออกมาในปริมาณที่มาก ประกอบกับการเป็นคนที่แพ้ง่ายอยู่แล้ว สามารถทำให้เกิดสิวผดขึ้นได้ - สภาพอากาศที่ร้อนจัด
วันที่อากาศร้อนจัด ทำให้ร่างกายขับเหงื่อออกมาได้มาก และเมื่อมีการสัมผัสกับฝุ่นละออง ก็ยิ่งก่อให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคและสิ่งสกปรก ทำให้เกิดการระคายเคืองขึ้นมาได้ - การใช้น้ำอุ่นล้างหน้า
ปกติแล้ว น้ำอุ่นจะทำให้ผิวแห้งกร้าน และทำให้เกิดการระคายเคืองได้โดยง่าย เนื่องจากต่อมไขมันจะต้องทำงานหนักเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นควรใช้น้ำอุณหภูมิปกติล้างหน้าดีที่สุด - มลภาวะทางอากาศ
โดยเฉพาะฝุ่น 5 ที่เป็นปัญหามายาวนานในบ้านเรา ซึ่งเป็นลักษณะของฝุ่นขนาดเล็กที่กระจายตัวอยู่ทั่วอากาศ ประกอบกับฝุ่นจากควันรถ เป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวผด หรือผื่นเม็ดเล็กๆบนใบหน้าได้ง่ายกว่าปกติ บางกรณีอาจมีรอยแดงร่วมด้วย หากปล่อยไว้นานๆ ไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง สามารถกลายเป็นสิวอักเสบได้ในที่สุด - พฤติกรรมอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ,การเช็ดถูหน้าบ่อยๆหรือการเช็ดถูหน้าแรงๆ, ภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอหรือร่างกายไม่แข็งแรง เป็นต้น
ความแตกต่างของสิวผดและสิวประเภทอื่นๆ
“สิวผด” มีความคล้ายคลึงกับสิวประเภทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตันหรือผดผื่น แต่แท้จริงแล้วมีความแตกต่างกันตามลักษณะและสาเหตุการเกิดดังต่อไปนี้
- สิวผด สิวผด มีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆเมื่อลูบจะรู้สึกสาก ผิวไม่เรียบเนียน อาจมีอาการเห่อ แดง และคันเมื่อถูกกระตุ้นจากปัจจัยต่างๆ ทั้งแสงแดด มลภาวะ ความร้อน รวมถึงพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ การเช็ดถูหน้าแรงๆ การแพ้เครื่องสำอางบางประเภท หรืออุปกรณ์แต่งหน้าที่ไม่สะอาด
- สิวอุดตัน สิวอุดตัน มีทั้งแบบหัวปิดและหัวเปิด สิวหัวเปิดสามารถกดออกได้ในขณะที่สิวหัวปิดจะมีรากสิวที่ลึกและกดออกยากกว่า พร้อมทั้งมีโอกาสพัฒนาเป็นสิวอักเสบได้ ซึ่งสาเหตุของการเกิดสิวอุดตันมักมาจากต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากจนเกินไป และเมื่อรวมกับฝุ่น ควัน และสิ่งสกปรกจนเกิดการอุดตันของรูขุมขน รวมถึงการล้างหน้าไม่สะอาดและการใช้เครื่องสำอางที่ไม่เหมาะสมอีกด้วย
- ผดผื่น โดยทั่วไปผดผื่นจะมีลักษณะเป็นตุ่มนูนใส มีขนาดเล็กกว่าสิวผด เมื่อจับดูจะแข็งเป็นจุดเล็กๆที่มีการกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ มีอาการคัน ระคายเคือง และเป็นปื้นสีแดง มีสาเหตุมาจากมลภาวะและสิ่งสกปรกต่างๆ มักเกิดกับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือผู้ที่อยู่ในช่วงภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำ พักผ่อนน้อย หรือเป็นอาการร่วมกับภูมิแพ้ เช่น ภูมิแพ้ผิวหนัง ลมพิษ แพ้อาหาร เป็นต้น
การรักษาสิวผด
ในการรักษาสิวผด โดยส่วนใหญ่มีวิธีที่นิยมใช้อยู่ 2 วิธีคือการใช้ยาและหัตถการทางการแพทย์ ดังต่อไปนี้
การรักษาสิวผดด้วยการใช้ยา การรักษาสิวผดด้วยการใช้ยาทาหรือครีมรักษาสิวผด เป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะง่ายและเห็นผลในการรักษาได้เร็ว นอกจากนั้นยาบางชนิดยังช่วยยับยั้งเชื้อยีสต์ P.ovale ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวผดได้อีกด้วย เช่น
- ยาที่มีส่วนผสมของ Ketoconazole
เป็นยาที่ช่วยรักษาเชื้อรา ที่สามารถต้านเชื้อราได้หลายชนิด รวมถึงเชื้อรา ovale ที่ก่อให้เกิดสิวผดด้วย โดยจะออกฤทธิ์ในการไปยับยั้งการสังเคราะห์อาหารในเชื้อราและลดการลำเลียงสารอาหารที่ผนังเซลล์ของเชื้อรา จึงทำให้เชื้อราขาดสารอาหารและหยุดการเจริญเติบโตในที่สุด แต่การใช้ยาประเภทนี้จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น - ยาที่มีส่วนผสมของ Adapalene
อะดาพาลีน(Adapalene) เป็นยาที่จัดอยู่ในกลุ่ม เรตินอยด์ (Retinoids) ซึ่งประเภทของยาอะดาพาลีนที่ใช้รักษาสิวผดคือ “Differin” ใช้ทาก่อนนอน เพื่อให้หัวของสิวผดผุดออกมา แล้วค่อยกำจัดออก - ยาที่มีส่วนผสมของ Zinc PCA
Zinc PCA ช่วยควบคุมความมันส่วนเกินบนผิว ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิว ทั้งยังช่วยลดรอยแดงที่เกิดจากการอักเสบของสิวได้อีกด้วย - ยาที่มีส่วนผสมของกลุ่มอนุพันธุ์วิตามิน เอ
ยาประเภทนี้ ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตันของรูขุมขน สามารถใช้ได้ทั้งสิวผดและสิวอุดตัน มีความเข้มข้นหลายระดับ มีผลข้างเคียงคือสามารถทำให้หน้าบาง หน้าแห้ง หรือผิวลอกเป็นขุยได้ ควรขอคำแนะนำจากแพทย์เมื่อจำเป็นต้องใช้ - เวชสำอางค์ที่มีส่วนผสมของ Licochalcone A
คุณสมบัติของ Licochalcone A คือมี Anti – oxidant และ Anti – inflammatory ที่จะช่วยยับยั้งการทำร้ายเซลล์ผิวจากรังสีอัลตร้าไวโอเล็ต ทั้งยังช่วยปลอบประโลมผิวจากอาการระคายเคือง ไวต่อแสงแดดและรอยแดงจากแดดด้วย - ยากลุ่มสเตียรอยด์
ในกรณีที่เป็นสิวผดแล้วมีอาการคันร่วมด้วย การใช้ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ทา จะช่วยลดอาการคันได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังช่วยลดอาการผื่นแพ้และลดการระคายเคืองผิวได้เร็ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างเคร่งครัด
การรักษาสิวผดด้วยหัตถการทางการแพทย์ หัตถการทางการแพทย์ที่ใช้ในการรักษาสิวผด ซึ่งเป็นที่นิยมในปัจจุบัน มีดังต่อไปนี้
- เมโสหน้าใสรักษาสิวผด
เมโสหรือชื่อทางการคือเมโสเทอราปี(Mesotherapy) เป็นการนำวิตามินต่างๆเข้าสู่ผิวหน้าเพื่อให้ผิวดูสดใส หรืออาจจะใช้เข็มสะกิดทั่วใบหน้าเพื่อผลักวิตามินเข้าไป ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแพทย์แต่ละท่าน และวิธีการนี้ได้นำมาใช้ในการรักษาสิวผดได้ด้วย โดยช่วยขับสารพิษที่ตกค้างในผิว ลดการอักเสบของผิว ลดผดผื่นทำให้ผิวหน้าแข็งแรงขึ้นได้ - การทำเลเซอร์รักษาสิวผด
การทำเลเซอร์เพื่อรักษาสิวผด เป็นอีกหนึ่งทางเลือกยอดนิยม ที่ถึงแม้จะสามารถรักษาได้อย่างตรงจุด แต่ต้องทำหลายครั้งและต้องใช้งบประมาณที่ค่อนข้างสูง
สิวผดแบบไหนที่ต้องไปพบแพทย์
ในการรักษาสิวผด ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของสิว ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ดังต่อไปนี้
- สิวผดเล็กน้อย สามารถรักษาได้ด้วยการทายา
- สิวผดปานกลาง รักษาได้ด้วยการทายา ร่วมกับยาฆ่าเชื้อแบบรับประทาน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
- สิวผดรุนแรง กรณีที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาเบื้องต้นใน 2 แบบแรกภายใน 2-3 เดือน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง
การดูแลตัวเองในขณะที่เป็นสิวผด
ในระหว่างที่กำลังทำการรักษาสิวผด จำเป็นที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดูแลตัวเองควบคู่ไปด้วย เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการรักษาให้ดีมากยิ่งขึ้น ดังต่อไปนี้
- ห้ามแกะหรือบีบสิว
การสัมผัสบริเวณที่เป็นสิวบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการแกะ เกาหรือบีบสิว เป็นการกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของสิวมากยิ่งขึ้น เนื่องจากที่มือของคนเราเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคชั้นดีที่อาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ และนอกจากนั้นการบีบสิวอาจจะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำ รอยสิว หรือแผลเป็นที่ยากจะรักษาตามมาได้อีกด้วย - ล้างหน้าให้สะอาด
โดยเฉพาะการล้างเครื่องสำอางให้สะอาดหมดจด จะช่วยลดโอกาสที่จะทำให้ผิวระคายเคืองได้ ดังนั้นก่อนล้างหน้าแนะนำให้ใช้คลีนซิ่งทำความสะอาดผิวหน้าก่อน เพื่อความสะอาดล้ำลึก และมั่นใจได้ว่าไม่มีสิ่งใดตกค้างอยู่ในรูขุมขน พร้อมทั้งเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าให้เหมาะกับสภาพผิว ที่ไม่มีส่วนผสมของสารที่ก่อให้เกิดสิวได้โดยง่าย ไม่ว่าจะเป็น แอลกอฮอล์ น้ำมัน น้ำหอม หรือพาราเบน ซึ่ง purifying mousse เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวเนื้อมูส ภายใต้ชื่อ acnelan acne solution by mesoesteti เหมาะสำหรับผิวมันและผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ช่วยขจัดน้ำมันส่วนเกินและมลภาวะต่างๆที่ตกค้างอยู่บนผิว โดยไม่ทำให้ผิวแห้ง รู้สึกได้ถึงความนุ่ม สบายผิว ทั้งยังช่วยลดสิวจากต้นเหตุได้ด้วย - ไม่ขัดหน้าหรือถูหน้าแรงๆ
ผิวหน้าของคนเรามีความบอบบางมาก ดังนั้นการขัดหรือเช็ดหน้าแรงๆอาจจะส่งผลเสียให้กับผิวได้ ทั้งยังทำให้เกิดการระคายเคือง ทำให้ผิวเสี่ยงต่อการอักเสบและเกิดเป็นแผลเล็กๆบนผิวได้ (micro scarring) และเมื่อต้องเช็ดหน้าควรใช้ฝ่ามือนวดใบหน้าเบาๆ ถ้าต้องการเช็ดให้แห้ง แนะนำให้ใช้วิธีซับหน้าเบาๆแทนการเช็ดถู เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคือง อีกทั้งยังช่วยถนอมผิว และช่วยชะลอการเกิดรอยเหี่ยวย่นได้อีกด้วย - เลือกสกินแคร์ที่เหมาะกับสภาพผิว
ปฏิเสธไม่ได้ว่าสภาพผิวแต่ละประเภท ทั้งผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม หรือผิวแพ้ง่ายมีวิธีการดูแลที่แตกต่างกัน ครีมบำรุงหรือสกินแคร์ที่ใช้ก็มีความแตกต่างกันด้วย ซึ่งจำเป็นที่จะต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม เพื่อสิวจะได้หายเร็วขึ้นและผิวหน้าก็จะแข็งแรงขึ้นด้วย สำหรับท่านที่มีผิวผสมจนถึงผิวมัน ที่มีแนวโน้มเป็นสิวได้ง่าย hydra-vital light by mesoesteti เจลครีมบำรุงเนื้อบางเบา ที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นและฟื้นบำรุงผิวให้แข็งแรง พร้อมทั้งช่วยปกป้องผิวจากการรุกรานของฝุ่น ควัน และมลภาวะต่างๆ ด้วยส่วนผสมของ ANTI-POLLUTION/ANTIOXIDANT: URBAN D-TOX รวมถึง HA Complex ให้ความสดชื่นทันทีและยาวนาน ทำให้ผิวเนียนนุ่ม เปล่งปลั่ง สุขภาพดี สร้างชั้นปกป้องผิวด้วย Biotechnological plant-based และเสริมสร้างเกราะปกป้องผิวให้แข็งแรงขึ้นด้วย BARRIER FUNCTION REINFORCEMENT: BARRIER FUNCTION สารพอลิแซ็กคาไรด์จากพืช เพื่อช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำจากผิวหนังชั้นนอก รวมถึงผลิตภัณฑ์ตัวอื่นที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น hydra-vital factor k ครีมบำรุงผิวให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ หรือ pure renewing mask มาส์กหน้าสูตรสำหรับคนเป็นสิว ที่ช่วยขจัดความมันส่วนเกินบนใบหน้า ช่วยให้เซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพหลุดออกมา ทั้งยังช่วยกำจัดสิ่งสกปรกบริเวณรูขุมขน รวมถึง acne one ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับผิวที่เป็นสิว ผิวมันหรือผิวที่เป็นสิวง่าย เนื่องจากสามารถช่วยลดความมันส่วนเกินบนผิวหน้า ลดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว - เลี่ยงแสงแดดจัดๆ
เนื่องจากความร้อน เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดสิวผด ไม่ว่าจะเป็นความร้อนจากแสงแดดหรือความร้อนจากพลังงานไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆ เป็นสิ่งที่จะไปกระตุ้นการทำงานของต่อมเหงื่อให้ระบายเหงื่อออกมามากกว่าปกติ ประกอบกับผิวหน้าของคนเราที่ต้องพบเจอกับมลภาวะ สิ่งสกปรกต่างๆ ก็อาจจะทำให้เกิดการอุดตันเกิดขึ้นได้ ดังนั้นก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง จำเป็นที่จะต้องทาครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพ โดยมีค่า SPF30 ขึ้นไป และสามารถทาครีมกันแดดบางๆในช่วงเวลาที่อยู่บ้าน เพื่อเป็นเกราะปกป้องผิวหน้าไม่ให้เกิดความหมองคล้ำ ทั้งยังช่วยชะลอการหย่อนคล้อยของผิวได้อีกด้วย หรือกรณีที่ผิวหน้ามีเหงื่อออกมาในปริมาณที่มาก ควรล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดอย่างเบามือและรีบซับหน้าให้แห้งทันที - หลีกเลี่ยงความเครียด
เนื่องจากความเครียด ทำให้ร่างกายมีการผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล (cortisol) และฮอร์โมนแอนโดรเจน (androgens) ซึ่งมีผลต่อการทำงานของต่อมไขมันและอาจทำให้เกิดสิวขึ้นมาได้ ดังนั้นควรหาวิธีคลายเครียดในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การทำงานอดิเรกที่ชื่นชอบ หรือการนั่งสมาธิ ทำจิตใจให้สงบ ลดสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดสิว - พักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนน้อยหรือนอนดึก ส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวอย่างแท้จริง เนื่องจากช่วงเวลาที่เรานอนหลับ เป็นช่วงเวลาที่ผิวต้องการเวลาในการฟื้นฟู แต่ถ้าหากพักผ่อนไม่เพียงพอ นอกจากหน้าตาจะดูโทรมแล้ว ยังทำให้ผิวหยาบ มีสิวอุดตันขึ้นมาได้ง่าย - ไม่ควรซื้อยามาใช้เอง
ในการใช้ยารักษาสิวผด ขอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา ไม่ควรหลงเชื่อคำโฆษณาเกินจริงหรือซื้อยามาใช้เอง เนื่องจากในยาบางตัวอาจมีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์(STEROID) ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวของท่านในระยะยาว แน่นอนว่าอาการของสิวอาจจะยุบเร็ว แต่เมื่อหยุดใช้ยา สิวอาจจะเห่อมากขึ้นกว่าเดิม จนสุดท้ายกลายเป็นผิวที่แพ้ง่าย และทำให้หน้าติดสารสเตียรอยด์ไปในที่สุด - รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
ควรรับประทานอาหารประเภทผัก ผลไม้มากยิ่งขึ้น รวมถึงควรเสริมแร่ธาตุอย่างสังกะสี (Zinc)เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว เช่นคะน้า ผักบุ้ง ถั่วเหลือง และปลา เป็นต้น เลี่ยงอาหารประเภทมันและหวานหรืออาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ดื่มน้ำให้ได้วันละ 2-3 ลิตรหรือประมาณ 8 แก้วต่อวัน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและปรับสมดุลให้กับร่างกาย
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่โลกมีอุณหภูมิที่ร้อนขึ้น มีมลภาวะ ฝุ่น ควัน และมลพิษมากขึ้น ทั้งยังต้องใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลาเพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 ทำให้เกิดสิวผดขึ้นได้ง่ายๆตามบริเวณต่างๆของใบหน้า และถึงแม้ว่าจะมียาหรือวิธีการรักษาที่ทันสมัยเข้ามาช่วยขจัดปัญหาสิวผด แต่สิ่งสำคัญคือการปกป้องและดูแลสุขภาพผิวของตัวเองให้ดีอยู่เสมอ พร้อมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่นำไปสู่การเกิดสิวผดหรือพัฒนาไปสู่สิวอักเสบที่รุนแรงยากและยากต่อการรักษาต่อไป