ทำไมถึงต้องใช้เซรั่มแอมพูลในการดูแลผิวหน้า
แอมพูล (Ampoule) จะมีลักษณะเป็นขวดที่มีขนาดเล็ก ซึ่งมักจะมีปริมาณที่มากกว่าสกินแคร์ปกติ เนื่องจากมีการควบคุมปริมาณและสูตรที่มากซึ่งทำให้เหมาะสำหรับการใช้ในช่วงเวลาที่ต้องการผลลัพธ์ทันที เช่น การแก้ปัญหาผิวหน้าที่ขาดน้ำหรือผิวขาวออร่า ส่วนมากแล้ว แอมพูลมักมีความเข้มข้นและสูตรที่เน้นการดูแลผิวหน้าในด้านที่ต้องการบำรุง เช่น สารสกัดจากพืชหรือวิตามินที่ช่วยให้ผิวดูสมบูรณ์และกระจ่างใสมากขึ้น แอมพูลเป็นผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่มีความเข้มข้นสูง บรรจุอยู่ในขวดแก้วขนาดเล็ก มีลักษณะคล้ายเซรั่ม แต่แอมพูลจะมีปริมาณส่วนผสมที่มากกว่าและเข้มข้นกว่าเซรั่มมาก จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการดูแลผิวหน้า
ใช้อย่างไร?
แอมพูลเป็นทรีทเมนต์สำหรับผิวที่มีทั้งในรูปแบบของขวดแก้วดรอปเปอร์หรือเป็นเม็ดแคปซูล โดยคิดค้นขึ้นเพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบที่บรรจุในขวดเซรั่มด้วย โดยในขั้นตอนของสกินแคร์รูทีน แอมพูลจะนิยมใช้หลังการทำความสะอาดผิวและการใช้โทนเนอร์ จากนั้นตามด้วยการลงมอยส์เจอรไรเซอร์เพื่อช่วยล็อคความชุ่มชื้น
Ampoule กับ Serum เหมือนกันหรือไม่ ?
ตอบสั้นๆ คือ ไม่เหมือนกัน แอมพูล (Ampoule) และเซรั่ม (Serum) เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีเนื้อสัมผัสคล้ายกัน แต่มีความแตกต่างกันตามส่วนประกอบการใช้งานแม้ว่าทั้งคู่จะเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการดูแลผิวหน้า แต่มีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้ 1.ความหนาแน่นของส่วนผสม
-
Ampoule: มักมีความหนาแน่นของสารสกัดที่สูงกว่า Serum มาก โดยทั่วไปมักมีสูตรที่เข้มข้นและเน้นประสิทธิภาพสูงมากกว่าเซรั่มประมาณ 2-3 เท่า ทำให้แอมพูลสามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าเซรั่ม
-
Serum: มีความหนาแน่นของสารสกัดที่น้อยลงเล็กน้อยมากกว่า Ampoule แต่ก็ยังมีประสิทธิภาพสูง
2.การใช้งาน
-
Ampoule: มักถูกออกแบบมาให้ใช้เป็นระยะเวลาสั้นๆ และมักจะมีปริมาณที่มากกว่า Serum
-
Serum: มักถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของระบบดูแลผิวที่ใช้เป็นประจำ และมักมีปริมาณที่น้อยลงเล็กน้อย
3.ส่วนประกอบ:
-
Ampoule: มักมีสูตรที่เข้มข้นและมีสารสกัดที่เน้นการบำรุงผิวในด้านที่เจาะจง มีส่วนผสมของสารบำรุงผิวที่หลากหลายกว่าเซรั่ม เช่น สารต้านอนุมูลอิสระ สารเพิ่มความชุ่มชื้น สารลดริ้วรอยเป็นต้น
-
Serum: มีความหลากหลายในสารสกัดและส่วนประกอบ เช่น วิตามินซี วิตามินอี สารต้านอนุมูลอิสระ หรือสารที่ช่วยในการลดริ้วรอย
4.การบรรจุและความสามารถในการเก็บรักษา:
-
Ampoule: มักถูกบรรจุในขวดที่ใช้งานได้ครั้งเดียวเพื่อประสิทธิภาพสูง และมีรูปแบบที่ทันสมัย
-
Serum: มักถูกบรรจุในขวดที่ให้ความสะดวกในการใช้งานตลอดเวลา
5.ราคา:
-
Ampoule: มักมีราคาที่สูงกว่า Serum โดยทั่วไป
-
Serum: มักมีราคาที่ค่อนข้างเข้าถึงได้
แอมพูลมักถูกนำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาผิวอย่างเร่งด่วนและตรงจุด เช่น ปัญหาริ้วรอย ปัญหาจุดด่างดำ ปัญหารูขุมขนกว้าง เป็นต้น ในขณะที่เซรั่มมักถูกนำมาใช้เพื่อบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น กระจ่างใส และเรียบเนียน ดังนั้น การเลือกแอมพูลหรือเซรั่มให้เหมาะกับสภาพผิวจึงขึ้นอยู่กับปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข หากมีปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและตรงจุด แอมพูลอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าเซรั่ม แต่ถ้าต้องการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น กระจ่างใส และเรียบเนียน เซรั่มอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าแอมพูล
Ampoule กับ Serum ควรใช้ร่วมกันหรือไม่ ?
โดยทั่วไปแล้ว แอมพูลและเซรั่มสามารถใช้ร่วมกันได้ แต่ไม่แนะนำให้ใช้ร่วมกันทั้งหมดในคราวเดียว เพราะอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ หากต้องการใช้แอมพูลและเซรั่มร่วมกัน ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข โดยแนะนำให้ใช้แอมพูลก่อนเซรั่ม เพราะแอมพูลมีส่วนผสมที่เข้มข้นกว่าเซรั่ม ทำให้สามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่า แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการและปัญหาผิวหน้าของแต่ละบุคคล นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดในการใช้ร่วมกันบ้าง ดังนี้
-
สารสกัดที่ซ้ำกัน: หาก Ampoule และ Serum ที่คุณเลือกใช้มีสารสกัดหรือส่วนประกอบที่เหมือนกันมาก การใช้ร่วมกันอาจทำให้ผิวได้รับประสิทธิภาพที่มากเกินไป และอาจทำให้ผิวแสบ, แพ้, หรือปรากฏปัญหาผิว
-
ความเข้มข้นของสารสกัด: ถ้า Ampoule มีสารสกัดที่มีความเข้มข้นมาก, การใช้ Serum ที่มีสารสกัดเข้มข้นเช่นกันอาจทำให้ผิวได้รับมากเกินไปและทำให้ผิวสามารถรับมือได้ยาก
-
วัตถุประสงค์การใช้งาน: Ampoule มักถูกออกแบบมาเพื่อให้ผลลัพธ์ทันทีและมีสารสกัดที่เข้มข้น ในขณะที่ Serum มักให้ผลลัพธ์ที่ส่วนประกอบเบาบางมาก ดังนั้น, การใช้แยกกันอาจช่วยให้คุณควบคุมปริมาณสารสกัดที่ท่านใช้ได้ง่ายขึ้น
-
ความเร็วในการดูแลผิว: Ampoule มักถูกใช้เพื่อให้ผลลัพธ์ทันที, ในขณะที่ Serum มักถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการดูแลผิวที่ใช้เป็นประจำ การใช้ Ampoule ในกรณีที่ต้องการผลลัพธ์ทันทีและ Serum เป็นส่วนหนึ่งของระบบที่ใช้ประจำอาจเป็นทางเลือกที่ดี
หน้าที่ของแอมพูล
แอมพูลมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อบำรุงผิวอย่างล้ำลึกและตรงจุด โดยส่วนผสมของแอมพูลจะมีความเข้มข้นสูง ทำให้สามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างตรงจุดและรวดเร็วทันใจ
ก่อนที่เราจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์แอมพูลบำรุงผิวหน้า เราควรสำรวจความต้องการและปัญหาผิวของตัวเองเสียก่อน เพื่อที่จะได้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์แอมพูลที่ตรงโจทย์และทำให้ผิวของเราดีขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเราสามารถแบ่งประเภทของแอมพูลตามสภาพผิวที่แตกต่างของแต่ละคน ดังนี้
-
แอมพูลสำหรับผิวมันและเป็นสิวง่าย : ผิวมันเป็นประเภทผิวที่พบได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี ผิวมันคือผิวที่ผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมามาก มีความมันเงาและเต็มไปด้วยสิวหัวดำและสิวเสี้ยน ดังนั้นเราควรใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ที่มีส่วนผสมช่วยลดความมันและช่วยลดขนาดของรูขุมขน ผลิตภัณฑ์แอมพูลที่ดีที่สุดที่นำมาใช้ในการแก้ปัญหาผิวชนิดนี้คือ แอมพูลที่มีเนื้อบางเบา ช่วยควบคุมความมันได้อย่างดี ช่วยรักษาสิวและลดความมันส่วนเกินบนใบหน้าได้อย่างสมบูรณ์ รวมทั้งมีคุณสมบัติของการต้านการอักเสบของผิวด้วย
-
แอมพูลสำหรับผิวแพ้ง่าย : ผิวแพ้ง่ายเป็นผิวประเภทที่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอมและสารพาราเบน เราควรเลือกผลิตภัณฑ์แอมพูลที่ให้ความชุ่มชื้นและปรับค่า pH ของผิวให้สมดุล มอบการบำรุงล้ำลึกทั้งความชุ่มชื่นและแก้ไขความแห้งกร้านของผิว โดยที่ผลิตภัณฑ์แอมพูล Ampoule for Sensitive Skin ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง ควรมีส่วนผสมที่ได้รับการทดสอบแล้วว่าเป็นมิตรกับผิว ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวได้ง่าย
-
แอมพูลสำหรับผิวแห้ง : ลักษณะเด่นของผู้ที่มีผิวแห้งคือผิวขาดความชุ่มชื้น, ผิวขาดความยืดหยุ่น และผิวขาดความกระชับ ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะยิ่งพบมากขึ้นเมื่อมีอายุมากขึ้น ดังนั้นเราจึงควรเลือกแอมพูลสำหรับผิวแห้งที่ให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ อีกทั้งยังช่วยทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นอีกด้วย ผลิตภัณฑ์แอมพูลสำหรับผิวแห้งจึงเป็นแอมพูลที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอน หรือ ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) ซึ่งมีคุณสมบัติกักเก็บน้ำให้ผิวได้อย่างยาวนาน ทำให้ผิวชุ่มชื้นอิ่มฟู ทำหน้าที่ลดริ้วรอยของผิวได้เป็นอย่างดี บอกลาผิวแห้งเสียไปได้เลย
ประเภทของแอมพูล
แอมพูลมีหลากหลายประเภท แต่ละประเภทจะมีคุณสมบัติและเหมาะสำหรับผิวที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. antiaging flash ampoules
เซรั่มสูตรเข้มข้นที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากการเกิดริ้วรอย ช่วยให้ผิวรู้สึกกระชับขึ้นในทันที ริ้วรอยต่างๆ แลดูจางลง รวมถึงริ้วรอยที่เกิดจากการกดทับ บริเวณใบหน้าขณะนอนหลับ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดริ้วรอยได้เช่นเดียวกัน ปรับสภาพผิวให้แลดูอ่อนเยาว์และเสมือนฟื้นฟูจากความเหนื่อยล้า
ส่วนประกอบที่สำคัญ
-
Collagen และ elastin คอลลาเจนเป็นส่วนประกอบสำคัญ เนื้อเยื่อเกี่ยวพันในชั้นผิวหนังแท้ ช่วยเพิ่มความเต่งตึงและความยืดหยุ่นของผิว ช่วยปกป้องความหย่อนคล้อยทำให้ผิวแลดูกระชับ
-
Silk tree extract สารสกัดจากเปลือกต้น Mimosa ช่วยปรับสภาพผิวเสมือนฟื้นฟูผิวจากความเหนื่อยล้า ให้กลับมาแลดูสุขภาพดีอย่างมีประสิทธิภาพ
-
Phyto peptides เปปไทด์จากพืชธรรมชาติ ฟื้นฟูผิวที่เหนื่อยล้า และยกกระชับผิวในทันทีลดเลือนริ้วรอยให้ดูจางลง
เหมาะกับ
-
เหมาะกับทุกสภาพผิว
-
สำหรับผิวที่เหนื่อยล้า ริ้วรอย รอยย่น รอยยับของผิวที่เกิดจากการนอน ผิวขาดความกระชับ
-
ใช้บำรุงผิวก่อนการแต่งหน้า เพื่อความเปล่งปลั่งให้กับผิว
-
สามารถใช้ได้ทุกวัน ทั้งเช้าและก่อนนอน
2.proteoglycans ampoules
เซรั่มเข้มข้น ช่วยบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก เพื่อช่วยฟื้นบำรุงผิว และเสริมเกราะปกป้องผิวให้ดูแข็งแรง ใช้บำรุงผิวหลังการผลัดเซลล์ผิว เลเซอร์ หรือทรีทเม้นต์ที่ทำให้ผิวแห้ง เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหลังการทำ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ทาบริเวณรอบดวงตา ริมฝีปาก และบริเวณลำคอ
สูตรบำรุงและเติมสารอาหารผิว เพื่อให้ผิวรู้สึกชุ่มชื้นและแข็งแรง เซรั่มเข้มข้นช่วยบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก เพื่อช่วยฟื้นบำรุงผิว และเสริมเกราะปกป้องผิวให้ดูแข็งแรง ใช้บำรุงผิวหลังการผลัดเซลล์ผิว เลเซอร์ หรือทรีทเม้นต์ที่ทำให้ผิวแห้ง
เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหลังการทำ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ทาบริเวณรอบดวงตา ริมฝีปาก และบริเวณลำคอ
ส่วนประกอบสำคัญ
-
Proteoglycans ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง บำรุงผิวในระดับลึก Soy isoflavones สารสกัดจากถั่วช่วยให้ผิวดูมีความยืดหยุ่น และตึงกระชับช่วยปรับสภาพผิวให้แลดูสุขภาพดี
-
Vitamin F ประกอบด้วยโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ช่วยปกป้องผิว ทําให้ผิวแลดูแข็งแรง ช่วยปรับสภาพผิวให้แลดูสุขภาพดี
-
Vitamin C เป็นสารติออกซิแดนท์ ช่วยให้ผิวแลดูสว่างกระจ่างใส
เหมาะสำหรับ
-
เหมาะสำหรับผิวแห้ง ผิวมีอายุ ผิวขาดความยืดหยุ่น บำรุงรอบดวงตา ผิวแพ้ง่าย
-
สามารถใช้หลังผลัดเซลล์ เลเซอร์ หลังออกแดด เผื่อให้ความชุ่มชื้นผิว
-
สามารถใช้ได้ทุกวัน ทั้งเช้าและก่อนนอน
3.pollution defense ampoules
เซรั่มเข้มข้น สูตรปกป้องผิวจากสภาพแวดล้อม ช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ ที่มีสาเหตุจากมลภาวะ ฝุ่น ควัน หรือสิ่งแวดล้อมภายนอกเพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอย และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวในระหว่างวัน
ส่วนประกอบสำคัญ
-
Idebenon อนุภาพของโคเอ็นไซม์คิวเท็น เป็นสารแอนติออกซิแดนท์ มีอนุภาคขนาดเล็กกว่าถึง 60% แทรกซึมสู่ผิวได้ลึกและปกป้องผิวได้ดีกว่าโคเอ็นไซม์คิวเท็น ส่งเสริมการทำงานของผิวให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในการป้องกันอนุมูลอิสระ
-
Croton lechleri extrac (Dragon blood redin) สารสกัดจากต้น croton lechleri ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ และสิ่งแวดล้อมจากภายนอกที่เป็นสาเหตุให้เกิดอนุมูลอิสระ
-
Cross-linked HA+ กรดไฮยาลูโรนิกชนิด Cross-link มีความเสถียรสูง จึงเป็นเกราะป้องกันผิวชั้นนอกจากการสูญเสียความชุ่มชื้น ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นนานขึ้น
-
Niacinamide วิตามินบี 3 ช่วยปกป้องผิวชั้นนอก และช่วยให้ผิวรู้สึกแข็งแรงขึ้น
เหมาะสำหรับ
-
เหมาะกับทุกสภาพผิวและผิวแพ้ง่าย
-
สามารถใช้ได้เป็นประจำทุกวันตอนเช้า
4.melatonin ampoules
เซรั่มเข้มข้น สูตรฟื้นบำรุงผิวในตอนกลางคืน และคืนความกระจ่างใสให้ผิว ช่วยฟื้นบำรุงผิวในขณะนอนหลับ ช่วยดีทอกซ์และปกป้องผิวจากสารพิษ
อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระระหว่างวันไม่ให้ซึมเข้าสู่ผิว ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพผิวและป้องกันการเกิดริ้วรอย ให้ผิวดูเปล่งปลั่งกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ส่วนประกอบสำคัญ
-
Melatonin สารธรรมชาติ ช่วยส่งเสริมกลไลการซ่อมแซมผิวตามธรรมชาติในขณะนอนหลับ ปรับสภาพผิวในตอนกลางคืนขณะพักผ่อน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบการปกป้องผิวภายในจากอนุมูลอิสระ
-
Glutathione สารแอนติออกซิแดนท์ที่มีประสิทธิภาพสูง ในการปกป้องผิวจากสารพิษหรืออนุมูลอิสระไม่ให้ทำลายผิว ดีทอกซ์และมีส่วนช่วยให้ผิวดูสว่างและกระจ่างใสขึ้น
-
Superoixde dismutase ช่วยปกป้องผิวชั้นนอกจากมลภาวะที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดอนุมูลอิสระ
เหมาะสำหรับ
-
เหมาะกับทุกสภาพผิวและผิวแพ้ง่าย
-
สามารถใช้เป็นประจำทุกวันก่อนนอน
5.glycolic + E + F ampules
สูตรช่วยผลัดเซลล์ผิว ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพให้หลุดลอกออก ช่วยลดเลือนริ้วรอยรูขุมขนกว้าง แก้ไขปัญหาจุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำ ลดสาเหตุของการเกิดสิว และปรับสภาพผิวให้แลดูเรียบเนียนสม่ำเสมอ
ส่วนประกอบสำคัญ
-
Glycolic acid กรด AHA ช่วยในการผลัดเซลล์ ลดสาเหตุการเกิดสิวที่เกิดจากการอุดตันของเซลล์ผิวชั้นนอก ที่เสื่อมสภาพ ช่วยปรับสภาพผิวให้แลดูเรียบเนียน กระจ่างใส
-
Vitamin F ประกอบด้วยโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ช่วยปกป้องผิว ทำให้ผิวแลดูแข็งแรง
-
Vitamin E เป็นสารแอนติออกซิแดนท์ ช่วยปกป้องผิวจากปัจจัยภายนอก ที่มีสาเหตุจากอนุมูลอิสระ
เหมาะกับ
-
เหมาะกับทุกสภาพผิว ผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม
-
สามารถใช้เป็นประจำสัปดาห์ละครั้งก่อนนอน
-
สำหรับผิวที่หมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ จุดด่างดำ รูขุมขนกว้าง ผิวมัน
แอมพูลเป็นผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่มีความเข้มข้นสูง จึงควรใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและปลอดภัย ทั้งหมดนี้คือ 5 สูตรที่เหมาะสำหรับทุกสภาพผิวที่ต้องการการบำรุงที่แตกต่างกัน ด้วยสารสกัดเข้มข้นจาก mesoestetic เพื่อผลลัพธ์ที่มองเห็นได้ มั่นใจได้ว่าปริมาณที่ใช้ในแต่ละครั้งเพียงพอที่จะให้ผลสูงสุด เซรั่มแอมพูลผ่านการทดสอบประสิทธิภาพ บรรจุในหลอดแก้วสีชาเพื่อรักษาคุณภาพและคุณสมบัติที่ดีของส่วนผสม ผ่านการทดสอบภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง
วิธีใช้แอมพูลแบบผิดๆ ที่ควรหลีกเลี่ยง มีดังนี้
-
ใช้แอมพูลผิดประเภท แอมพูลแต่ละประเภทมีส่วนผสมและวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน จึงควรเลือกแอมพูลให้เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข
-
ใช้แอมพูลมากเกินไป แอมพูลมีส่วนผสมที่เข้มข้น จึงควรใช้เพียงเล็กน้อย ทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอ
-
ใช้แอมพูลผิดลำดับ แอมพูลควรใช้หลังล้างหน้าและเช็ดโทนเนอร์ ควรใช้ก่อนผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่นๆ เช่น เซรั่ม ครีมบำรุง เป็นต้น
-
ใช้แอมพูลไม่สม่ำเสมอ แอมพูลควรใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
-
ใช้แอมพูลหมดอายุ แอมพูลมีอายุการใช้งานจำกัด ควรใช้ให้หมดภายใน 12 เดือน นับจากวันที่เปิดใช้
วิธีใช้แอมพูลอย่างถูกต้อง
-
ล้างหน้าให้สะอาด ล้างหน้าให้สะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะสมกับสภาพผิว
-
ทำความสะอาดผิว เช็ดโทนเนอร์ เช็ดโทนเนอร์เพื่อปรับสมดุลผิว เตรียมความพร้อมรับแอมพูล
-
ทาแอมพูล หยดแอมพูลลงบนฝ่ามือ ลูบไล้ให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ใช้วิธีการที่ระบุในบรรจุภัณฑ์ กระจายแอมพูลบนผิวหน้า โดยเริ่มจากบริเวณที่มีปัญหามาก่อน เช่น ริ้วรอยหรือสิว
-
ทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่นๆ ตามด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่นๆ เช่น เซรั่ม ครีมบำรุง เป็นต้น
-
ทาครีมกันแดด ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันผิวจากแสงแดด
นอกจากนี้ ควรอ่านฉลากผลิตภัณฑ์อย่างละเอียดก่อนใช้ทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยแอมพูลยังมีส่วนช่วยแก้ไขปัญหาผิวอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ปัญหาสิว ปัญหาผิวแพ้ง่าย ปัญหาผิวขาดความแข็งแรง เป็นต้น ในการเลือกแอมพูลเพื่อแก้ไขปัญหาผิว ควรเลือกแอมพูลที่มีส่วนผสมที่เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข
เทคนิคการใช้แอมพูล
-
สามารถใช้แอมพูลได้เช้าและเย็น หรือใช้เฉพาะตอนเช้าหรือตอนเย็นก็ได้ ขึ้นอยู่กับประเภทของแอมพูลและปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข
-
หากใช้แอมพูลร่วมกับเซรั่ม ควรใช้แอมพูลก่อนเซรั่ม เพราะแอมพูลมีส่วนผสมที่เข้มข้นกว่าเซรั่ม ทำให้สามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่า
-
หากแอมพูลมีส่วนผสมของสารไวต่อแสง เช่น วิตามินซี วิตามินเอ เป็นต้น ควรหลีกเลี่ยงการทาแอมพูลในช่วงเช้า และควรทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันผิวจากแสงแดด
-
หากมีผิวแพ้ง่าย ควรทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้แอมพูล โดยทาแอมพูลบริเวณท้องแขนหรือหลังใบหูทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง หากไม่มีอาการแพ้จึงสามารถใช้แอมพูลได้
เทคนิคเก็บรักษาแอมพูลให้คงคุณภาพ มีดังนี้
-
เก็บในที่แห้งและเย็น อุณหภูมิที่เหมาะสมในการเก็บรักษาแอมพูลคือ 15-25 องศาเซลเซียส ควรหลีกเลี่ยงการเก็บแอมพูลในที่ร้อนหรือแสงแดดส่องถึง เพราะอาจทำให้ส่วนผสมเสื่อมสภาพ
-
เก็บให้พ้นมือเด็ก แอมพูลมีส่วนผสมที่เข้มข้น อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อเด็กได้ จึงควรเก็บให้พ้นมือเด็ก
-
เก็บให้มิดชิด แอมพูลควรเก็บให้มิดชิด เพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากสิ่งสกปรกหรือแบคทีเรีย
-
ใช้ให้หมดแอมพูลมีอายุการใช้งานจำกัด ควรใช้ให้หมดภายในระยะเวลาที่กำหนด นับจากวันที่เปิดใช้
นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์แอมพูลบางชนิดอาจมีคำแนะนำในการเก็บรักษาเพิ่มเติม เช่น การเก็บในตู้เย็น เป็นต้น ควรปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์อย่างเคร่งครัด
ข้อควรระวังในการใช้แอมพูล
-
ไม่ควรใช้แอมพูลหมดอายุ
-
ไม่ควรใช้แอมพูลเกินปริมาณที่กำหนด
-
ไม่ควรใช้แอมพูลร่วมกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่นๆ มากเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้
-
หากมีผิวแพ้ง่าย ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญด้านความงามก่อนใช้แอมพูล
สรุป
แอมพูลเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงที่มีความเข้มข้นสูง มีประสิทธิภาพ สามารถช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างเร่งด่วนและตรงจุด แอมพูลแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันตามลักษณะของสารสกัด, การใช้งาน, ซึ่งควรเลือกใช้ตามความต้องการของผิวและวัตถุประสงค์ในการดูแลผิวหน้าของแต่ละบุคคล เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและปลอดภัย