ถุงใต้ตาและริ้วรอยเป็นปัญหาที่หลายคนต้องเผชิญหน้า เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หน้าดูเหมือนแก่ และเป็นที่สะสมของความเมื่อยล้า ปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้หญิงและผู้ชายทุกวัย มักพบมากในผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป สาเหตุของปัญหาเหล่านี้อาจเกิดจากกรรมพันธุ์ ไลฟ์สไตล์ หรือปัจจัยด้านสุขภาพ เช่น นอนไม่พอ ดื่มน้ำน้อย พักผ่อนน้อย ตาแห้ง ภูมิแพ้ เครียด เป็นต้น
ใต้ตาดำคล้ำมีริ้วรอย เกิดจากสาเหตุหลักๆ 2 ประการ คือ
-
ถุงใต้ตา เกิดจากไขมันใต้ตาเคลื่อนตัวมาอยู่ใต้ผิวหนังบริเวณขอบตาล่างมากขึ้น ส่งผลให้เกิดถุงนูนออกมา ถุงใต้ตาสามารถเกิดจากสาเหตุต่างๆ เช่น อายุที่มากขึ้น กรรมพันธุ์ ภูมิแพ้ พักผ่อนน้อย ดื่มน้ำน้อย ตาแห้ง นอนไม่พอ เครียด ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป สูบบุหรี่ เป็นต้น
-
ริ้วรอยใต้ตา เกิดจากผิวใต้ตาขาดความชุ่มชื้น ส่งผลให้ชั้นผิวหนังชั้นบนหย่อนคล้อยลง ทำให้เห็นรอยย่นของผิวบริเวณใต้ตา ริ้วรอยใต้ตาสามารถเกิดจากสาเหตุต่างๆ เช่น อายุที่มากขึ้น แสงแดด การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การขยี้ตาบ่อยๆ เป็นต้น
เมื่อใต้ตาดำคล้ำมีริ้วรอยพร้อมกัน อาจทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย และหมองคล้ำ ส่งผลให้บุคลิกภาพและความรู้สึกของผู้ที่มีปัญหานี้แย่ลงได้ วันนี้เราจะพูดถึงวิธีที่ฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถช่วยลดปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้คุณดูอ่อนเยาว์มากขึ้น
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยแก้ปัญหาถุงใต้ตาและริ้วรอยใต้ตาได้ ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มชนิดหนึ่งที่ทำจากไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกาย มีคุณสมบัติช่วยเติมเต็มร่องลึกและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถทำได้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยแพทย์จะฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในบริเวณใต้ตาที่มีปัญหา ฟิลเลอร์จะเข้าไปเติมเต็มร่องลึกและช่วยยกกระชับผิวบริเวณนั้น ทำให้ถุงใต้ตาดูลดลง ริ้วรอยใต้ตาดูจางลง และผิวใต้ตาดูเรียบเนียนขึ้น
ทำความรู้จักกับฟิลเลอร์ใต้ตา
ฟิลเลอร์ใต้ตา (Filler under-eye) เป็นกระบวนการทางเวชศาสตร์ที่ใช้สารเติมเต็มเพื่อลดเลือนเส้นรอยฝ้ายที่อยู่ใต้ดวงตาหรือกระชับพื้นที่ใต้ตา เพื่อให้ผิวดูมีลักษณะสม่ำเสมอและเต่งตึงมากขึ้น กระบวนการนี้มักจะนำเสนอในคลินิกความงามหรือคลินิกผิวหนัง ซึ่งมีหลายประเภทของฟิลเลอร์ที่ใช้ในการดูแลรักษาใต้ตาฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อลดปัญหาถุงใต้ตาและริ้วรอย มีส่วนประกอบที่ช่วยในการเสริมสร้างคอลลาเจนและทำให้ผิวดูมีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยมีส่วนสำคัญที่สุดคือ :
1.ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid): เป็นสารที่มีคุณสมบัติในการเก็บน้ำและช่วยให้ผิวดูมีความชุ่มชื้นมากขึ้น ส่วนในกระบวนการทางเวชศาสตร์ ไฮยาลูรอนิคแอซิดถูกใช้ในฟิลเลอร์เพื่อเติมปริมาณของสารนี้ในพื้นที่ใต้ตาและลดเลือนเส้นรอย
2.ไฮโอกซี่แซลโซลิต (Hydroxyapatite): เป็นสารที่มีความหนาแน่นสูงและถูกนำมาใช้ในฟิลเลอร์เพื่อสร้างโครงสร้างที่มีความแข็งแกร่ง สามารถใช้ในการปรับปรุงรูปหน้าและกระชับผิวได้
3.ไฮโลรอนิคแอซิด (Poly-L-Lactic Acid): เป็นสารที่ถูกใช้ในฟิลเลอร์เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ทำให้ผิวดูมีความยืดหยุ่นและมีลักษณะเต่งตึง
4.กราฟต์ (Fat): มักนำไขมันจากส่วนอื่นของร่างกายของผู้รับบริการมาใช้ในฟิลเลอร์ เพื่อเติมเต็มปริมาณของไขมันในพื้นที่ใต้ตา
ฟิลเลอร์ใต้ตาแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง
ฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถแก้ปัญหาได้หลายอย่าง ดังนี้
-
ถุงใต้ตา ฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถช่วยเติมเต็มไขมันใต้ตาที่เคลื่อนตัวมาอยู่ใต้ผิวหนังบริเวณขอบตาล่างมากขึ้น ทำให้ถุงใต้ตาดูลดลง
-
ริ้วรอยใต้ตา ฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ตา ทำให้ริ้วรอยใต้ตาดูจางลง
-
ร่องลึกใต้ตา ฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ตา ทำให้ผิวใต้ตาดูเรียบเนียนขึ้น
-
ใต้ตาดำคล้ำ ฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ตา ทำให้ผิวใต้ตาดูสว่างขึ้น
นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ใต้ตายังสามารถช่วยยกกระชับผิวบริเวณใต้ตา ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลง
ข้อดี-ข้อเสียการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การทำฟิลเลอร์ใต้ตามีข้อดีในการลดเลือนเส้นริ้วรอย ทำให้ดวงตาดูสดใสมากขึ้น ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วทันใจ เห็นผลทันทีหลังฉีด ไม่ต้องพักฟื้น สามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติหลังฉีด ปลอดภัย ฟิลเลอร์เป็นสารที่ร่างกายสามารถย่อยสลายได้เอง มีอายุการใช้งานยาวนาน อยู่ได้นาน 6 – 18 เดือน
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ตา ราคาอาจสูง อาจเกิดอาการบวมหลังฉีดซึ่งจะหายไปเองภายใน 1 – 2 สัปดาห์ อาจเกิดก้อนแข็งหรือเป็นตะปุ่มตะป่ำบริเวณที่ฉีดได้ แต่อาการเหล่านี้มักหายไปเองภายใน 1 – 2 เดือน
ฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีที่นิยมใช้กันเพื่อแก้ปัญหาถุงใต้ตา ริ้วรอยใต้ตา และร่องลึกใต้ตา โดยทั่วไปแล้ว การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาถือว่าปลอดภัย หากได้รับการฉีดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน ฟิลเลอร์ใต้ตาจะใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) ที่ผ่านการรับรองจากอย. ว่ามีความปลอดภัย สลายหมดไปเองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย
อย่างไรก็ตาม การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาก็อาจเกิดความเสี่ยงได้บ้าง ดังนี้
-
อาการบวมช้ำ เป็นอาการที่พบได้บ่อยหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อาการบวมช้ำจะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์
-
การเกิดก้อนแข็งหรือเป็นตะปุ่มตะป่ำ อาจเป็นผลข้างเคียงที่พบได้น้อย อาการเหล่านี้มักหายไปเองภายใน 1-2 เดือน หากอาการไม่หายไป ควรไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาการรักษา
-
การติดเชื้อ ความเสี่ยงในการเกิดการติดเชื้อหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีน้อยมาก แต่หากเกิดการติดเชื้อ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาทันที
-
การอักเสบ อาการอักเสบอาจเกิดขึ้นได้หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อาการอักเสบมักหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์ หากอาการไม่หายไป ควรไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาการรักษา
-
ผลข้างเคียงอื่นๆ เช่น อาการชา ตาพร่ามัว ปวดหัว เป็นต้น อาจเป็นผลข้างเคียงที่พบได้น้อย หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาการรักษา
เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรเลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา และเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน
นอกจากนี้ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เช่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือขยี้บริเวณที่ฉีด หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก ประคบเย็นบริเวณที่ฉีด เป็นต้น
ฟิลเลอร์ใต้ตาที่แนะนำ ปลอดภัย ยี่ห้อ mesofiller ประเทศสเปน
1.mesofiller global เนื้อเจลมีความสมดุลระหว่างความยืดหยุ่นและความหนืด เหมาะสำหรับเติมเต็มและแก้ปัญหาบนใบหน้าได้หลากหลาย เนื้อเจลมีความละเอียดทำให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ สามารถปรับให้เข้ากับรูปทรงของใบหน้าได้อย่างสมบูรณ์ เหมาะสำหรับการฉีดเสริมบริเวณที่มีริ้วรอยร่องลึกระดับปานกลางบริเวณตา
2.mesofiller intense เนื้อเจลไฮยาลูโรนิกที่มีความเข้มข้นสูง เนื้อเจลมีความหนืดและความคงตัวสูง ทำให้สามารถคงรูปได้ดี สามารถปรับแต่งให้ได้ตามรูปทรงที่ต้องการ เหมาะสำหรับการฉีดบริเวณที่มีริ้วรอยร่องลึกบริเวณตา
ฟิลเลอร์ทั้ง 2 ชนิด cross-linking process กระบวนการทำให้ ha มีโครงสร้างเป็นร่างแห เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ภายในทำให้เกิดรูปทรง เทคโนโลยีการทำ ha ให้อยู่ในรูป crosslink 100% โดยไม่มี free ha มีความปลอดภัยสูง BDDE ต่ำ ไม่ก่อให้เกิดความระคายเคือง สามารถคงรูปในการฉีดได้ดี ผิวเรียบเนียน อัตราการบวมต่ำ สามารถกำหนดปริมาณการฉีดและสามารถจัดรูปทรงได้อย่างง่ายดาย สามารถเข้าได้ดีกับเนื้อเยื่อ เติมเต็มได้ทันที และไม่ก่อให้เกิดลักษณะเป็นก้อนนูนหลังการฉีด สามารถกระตุ้นการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อที่ขาดน้ำทำให้เติมเต็มความชุ่มชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 9-12 เดือน หลังจากการฉีดเพียงครั้งเดียว
การเตรียมตัวก่อนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีดังนี้
-
ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินปัญหาและความต้องการอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย แพทย์จะประเมินสภาพผิวหนัง ให้คำปรึกษาและอธิบายขั้นตอนทั้งหมดให้คุณทราบ
-
ทดสอบการแพ้ ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้ทำการทดสอบการแพ้ก่อนการทำฟิลเลอร์ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาทางการแพทย์ที่ไม่คาดคิด
-
ประเมินสภาพผิวหนัง แพทย์จะทำการประเมินสภาพผิวหนังใต้ตา เพื่อตรวจสอบปัญหาที่ต้องการแก้ไข รูปร่างของดวงตา และความต้องการของผู้รับบริการ
-
ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิกและแพทย์ ก่อนตัดสินใจฉีด เช่น คลินิกมีใบอนุญาตประกอบกิจการหรือไม่ แพทย์ผู้ฉีดฟิลเลอร์มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมและมีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์หรือไม่
-
ระงับการใช้ยาบางประการ แพทย์อาจแนะนำให้หยุดใช้บางประการยาหรือวิตามินก่อนการทำฟิลเลอร์ เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
-
สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ การลดหรือเลิกสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์อาจช่วยให้กระบวนการฉีดฟิลเลอร์ดำเนินไปได้ดีขึ้น
-
สอบถามเกี่ยวกับฟิลเลอร์ที่ใช้ในการฉีด ยี่ห้อ ราคา และระยะเวลาการอยู่ตัวของฟิลเลอร์
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1-2 สัปดาห์
-
งดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วิตามินอี ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs
-
งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
-
พักผ่อนให้เพียงพอ
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1-2 วัน
-
งดแต่งหน้าบริเวณใต้ตา
-
งดการทาครีมหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบริเวณใต้ตา
ในวันนัดฉีด
-
แต่งกายสบายๆ
-
เตรียมเอกสารสำคัญ เช่น บัตรประชาชน ใบรับรองแพทย์
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
-
ประคบเย็นบริเวณที่ฉีด วันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 15-20 นาที
-
หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือขยี้บริเวณที่ฉีด
-
หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก
-
ดื่มน้ำให้เพียงพอ
หากมีอาการผิดปกติใดๆ หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เช่น อาการบวมช้ำ อาการปวด อาการคัน อาการชา เป็นต้น ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
6 ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
1.พบแพทย์เพื่อปรึกษาปัญหาและรับคำแนะนำจากแพทย์
2.แพทย์จะทำการทำความสะอาดบริเวณที่จะฉีด
3.แพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะที่บริเวณที่จะฉีด
4.แพทย์จะฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในบริเวณที่มีปัญหา
5.แพทย์จะประคบเย็นบริเวณที่ฉีด
6.แพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังฉีด
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 ครั้งใช้ฟิลเลอร์กี่ซีซี
ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดใต้ตา 1 ครั้ง ขึ้นอยู่กับปัญหาและความต้องการของแต่ละบุคคล โดยปกติแล้วจะใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1-2 ซีซี ในกรณีทั่วไปที่ต้องการเติมเต็มร่องลึกใต้ตาและริ้วรอยใต้ตา
ในกรณีที่ปัญหาใต้ตารุนแรง เช่น ถุงใต้ตาลึกมาก กระดูกใต้ตายุบตัวมาก เป็นต้น อาจต้องใช้ฟิลเลอร์มากกว่า 2 ซีซี
แพทย์จะเป็นผู้ประเมินปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคล โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ปัญหาใต้ตา ความหนาของผิวหนัง ความยืดหยุ่นของผิวหนัง เป็นต้น
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
-
หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือขยี้บริเวณที่ฉีด
-
หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก
-
ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 15-20 นาที
-
ดื่มน้ำให้เพียงพอ
ฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานแค่ไหน
ฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ สภาพผิว ความหนาของผิวหนัง ความยืดหยุ่นของผิวหนัง การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ เป็นต้น
ฟิลเลอร์ใต้ตาที่ทำจากสารไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) จะอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ฟิลเลอร์ใต้ตาที่ทำจากสารโพลีเมอริก ซิลิกา (Polymeric Silica) จะอยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน
หากดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นอย่างดี เช่น หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือขยี้บริเวณที่ฉีด ดื่มน้ำให้เพียงพอ เป็นต้น ฟิลเลอร์ใต้ตาก็จะอยู่ได้นานขึ้น
การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ควรเลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิกและแพทย์ก่อนตัดสินใจฉีด ควรสอบถามเกี่ยวกับฟิลเลอร์ที่ใช้ในการฉีด ยี่ห้อ ราคา และระยะเวลาการอยู่ตัวของฟิลเลอร์
ทำไมฟิลเลอร์ใต้ตามาแล้วถึงดูเป็นก้อน ดูแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติ
ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน ดูแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติ อาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ ดังนี้
-
ใช้ฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานมักมีเนื้อสัมผัสที่แข็งกว่าฟิลเลอร์แท้ จึงทำให้มีโอกาสเกิดก้อนหรือเป็นตะปุ่มตะป่ำได้มากกว่า ไม่ใช่ HA ฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ เช่น ซิลิโคนเหลว เมื่อฉีดเข้าไปแล้วอาจทิ้งสารตกค้างไว้ในชั้นผิว เมื่อเวลาผ่านไปจะไหลรวมกันเป็นก้อน ส่งผลให้เกิดการอักเสบ บวมแดง หรือแพ้
รวมถึงอาจเกิดฟิลเลอร์เน่าทำให้ใบหน้าเสียโฉมหรือเสียรูปทรงได้ หากจะทำการรักษาต้องขูดออกหรือผ่าตัดเอาออกเท่านั้น ไม่มียา ฉีดสลายฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ปลอมมักพบได้ในคลินิกเถื่อนหรือหมอกระเป๋าที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ ฟิลเลอร์ปลอมมักมีราคาถูกกว่าฟิลเลอร์แท้มาก ทำให้ผู้ที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์หลงเชื่อและเลือกฉีดฟิลเลอร์ปลอม แก้ไขด้วยการขูดออกหรือผ่าตัดออกเท่านั้น
-
ฉีดฟิลเลอร์ผิดตำแหน่ง การฉีดฟิลเลอร์ผิดตำแหน่ง เช่น ฉีดใต้ผิวหนังแทนที่จะเป็นการฉีดใต้กล้ามเนื้อ จะทำให้ฟิลเลอร์กระจายตัวไม่สม่ำเสมอ และมีโอกาสเกิดก้อนหรือเป็นตะปุ่มตะป่ำได้ การอุดตันของหลอดเลือด การฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในหลอดเลือด อาจทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือด ส่งผลให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นขาดเลือดไปเลี้ยง เกิดอาการเนื้อตายได้
-
ฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป การฉีดฟิลเลอร์มากเกินไปจะทำให้ฟิลเลอร์มีโอกาสจับตัวเป็นก้อนหรือเป็นตะปุ่มตะป่ำได้
-
แพทย์ผู้ฉีดไม่มีความเชี่ยวชาญ แพทย์ผู้ฉีดที่ไม่มีความเชี่ยวชาญอาจฉีดฟิลเลอร์ได้ไม่ถูกต้องตามเทคนิค ทำให้มีโอกาสเกิดก้อนหรือเป็นตะปุ่มตะป่ำได้ ควรศึกษาคุณหมอให้ดีก่อน ฉีดเยอะไปก็เป็นก้อน ฉีดน้อยไปก็แก้ไขปัญหาได้ไม่ครบถ้วน คุณหมอแต่ละท่านมีความชำนาญต่างกัน ประสบการณ์ต่างกัน การฉีดฟิลเลอร์ก็เหมือนงานศิลปะ ถ้าคุณหมอมีฝีมือ เข้าใจโครงสร้างใบหน้าเป็นอย่างดี ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนเลย
หากฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน ดูแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาการรักษา แพทย์อาจใช้วิธีการฉีดสลายฟิลเลอร์เพื่อแก้ไขผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์
ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำในการเลือกคลินิกและแพทย์เพื่อฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
-
เลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ
-
เลือกแพทย์ผู้ฉีดฟิลเลอร์ที่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมและมีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์
-
สอบถามเกี่ยวกับฟิลเลอร์ที่ใช้ในการฉีด ยี่ห้อ ราคา และระยะเวลาการอยู่ตัวของฟิลเลอร์
นอกจากนี้ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ผลลัพธ์ที่คุณจะได้รับ
การใช้ฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างถูกต้องจะช่วยลดปัญหาถุงใต้ตาและริ้วรอยได้อย่างเห็นได้ชัด ผิวดูมีความอ่อนเยาว์และปราศจากความเมื่อยล้า เพิ่มความมั่นใจในรูปร่างของคุณ
สรุป:
ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการลดปัญหาถุงใต้ตาและริ้วรอย คุณก็สามารถเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้าของคุณได้โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือใช้วิธีการทางการแพทย์ที่ซับซ้อน การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยแก้ปัญหาถุงใต้ตาและริ้วรอยใต้ตาได้ ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วทันใจ ปลอดภัย และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน อย่างไรก็ตาม ควรเลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี