Ascorbic acid หรือที่รู้จักกันในชื่อ วิตามินซี เป็นวิตามินที่สามารถละลายน้ำได้ โดยวิตามินซีนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราอย่างมาก เช่น ใช้รักษาโรคลักปิกลักเปิด หวัด อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการซ่อมแซมและเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกายได้อย่างดีเยี่ยมอีกทั้งยังช่วยให้แผลสมานเร็ว และสร้างคอลลาเจนให้ผิว ซึ่งวิตามินซีตัวนี้นั้นไม่สามารถสร้างได้เองจึงต้องมีการเพิ่มวิตามินซีเข้าสู่ร่างกายด้วยวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทานผัก ผลไม้ที่มีวิตามินซีซึ่งจะพบได้ในส้ม สับปะรด มะขาม สตรอเบอร์รี่ มะนาว มเขือเทศ เป็นต้น ซึ่งยังมีวิธีอื่นๆ ที่สามารถนำวิตามินซีเข้าสู่ร่างกายของเราได้ทั้ง ทา ฉีดหรือดริป ก็สามารถทำได้เช่นกัน
Ascorbic acidวิตามินยอดฮิต ที่เด่นเรื่องผิวไบร์ท
เป็นวิตามินยอดนิยมที่สกินแคร์หรือเครื่องสำอางค์ในหลายๆ แบรนด์นิยมนำไปเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ เนื่องจากวิตามินซีนั้น มีคุณสมบัติที่ช่วยในเรื่องของการกระตุ้นคอลลาเจน ลดการทำลายผิวหนังจากแสงแดด ลดเลือนจุดด่างดำและปรับผิวให้ขาวกระจ่างใส กระตุ้นระบบการไหลเวียนโลหิตอีกด้วย ช่วยในเรื่องของการลดริ้วรอย ลดความมันให้ผิวดูเรียบเนียนและรูขุมขนที่เล็กลง อีกทั้งยังเป็นวิตามินที่ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระและลดการสร้างเม็ดสีสาเหตุที่ก่อให้เกิดผิวหมองคล้ำ ซึ่งประเภทที่นิยมนำมาอยู่ในเครื่องสำอางค์จะมีด้วยกันอยู่ 3 ประเภท
ประเภทของAscorbic acid
- Ascorbic acid
เป็นวิตามินซีที่มีฤทธิ์เป็นกรด โดยเป็นวิตามินประเภทที่นิยมใช้มากที่สุดซึ่งคุณสมบัติคือ การสร้างคอลลาเจน ลดเลือนจุดด่างดำจากการถูกทำลายของแสงแดดได้ดี แต่ทั้งนี้มีข้อเสียคือ เป็นวิตามินที่ไม่ค่อยเสถียรภาพเนื่องจากมีสถานะเป็นผงแห้ง จึงทำให้เมื่อมีการนำไปผสมกับเครื่องสำอางค์ที่เป็นของเหลวโดยมีน้ำเป็นส่วนประกอบ ทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิไดซ์ที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวของเราได้ เพราะจะเป็นการไปกระตุ้นให้เกิดสารอนุมูลอิสระนั่นเอง
- Ascorbyl Palmitate
เป็นส่วนหนึ่งของAscorbic acid โดยเป็นวิตามินซีที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้มีความคงตัวและเสถียรภาพ ซึ่งวิตามินซีชนิดนี้เป็นวิตามินที่สามารถละลายน้ำได้ดี และยังมีคุณสมบัติที่สามารถต้านอนุมูลอิสระได้ดีพอๆ กับวิตามินอี แต่หากนำมาใช้ในทางเครื่องสำอางค์หรือสกินแคร์นั้น ยังไม่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวหนังได้ดีพอ
- Magnesuim Ascorbyl Phosphate (MAP)
เป็นวิตามินซีที่ถูกพัฒนาขึ้นมาอีกตัวเพื่อให้มีความคงตัวมากกว่า ซึ่งใน MAP นั้นมีความสามารถในการกระตุ้นคอลลาเจนได้ดีกว่า อีกทั้งยังมีความเป็นกรดที่ต่ำกว่าและระคายเคืองน้อยกว่า จึงทำให้ MAP เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายและผู้ที่ต้องการผิวกระจ่างใส แต่ไม่ต้องการผลัดเซลล์ผิวนั่นเอง
การดูดซึมของ Ascorbic acid
Ascorbic acidเป็นวิตามินซีที่สามารถละลายในน้ำได้ ดังนั้นแล้วจึงสามารถดูดซึมได้ง่าย โดยการดูดซึมของวิตามินนั้นจะขึ้นอยู่กับปริมาณที่รับประทานเข้าไปในแต่ละครั้งซึ่งวิตามินจะดูดซึมแค่จุดอิ่มตัวเท่านั้น หากมากเกินจุดอิ่มตัวร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ ซึ่งการรับประมานวิตามินซีให้ร่างกายสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างได้และไม่เกินจุดอิ่มตัวนั้น คือการแบ่งรับประมาณต่อวันหลายๆ ครั้ง โดยบริโภคในแต่ละวันในขนาดที่ต่ำกว่า 1 กรัมจนครบขนาดที่พอเหมาะต่อร่างกายของเราได้รับ ซึ่งการทำวิธีนี้ร่างกายจะดูซึมวิตามินซีได้มากกว่าการรับประทานในครั้งเดียว อีกทั้งการรับประทานครั้งละน้อยๆ ยังดูดซึมได้ดีกว่าการรับประทานครั้งละมากๆ
ประโยชน์ของAscorbic acid
หากมองในรูปแบบของทางการแพทย์นั้น วิตามินซีจะช่วยในเรื่องของการรักษาผู้ที่ขาดวิตามินซี เพิ่มธาตุเหล็กจากการรักษาโรคธาลัสซีเมียด้วยการใช้ร่วมกับยาดีเฟอร็อกป้องกันหวัด สมานแผลได้เร็ว และยังป้องกันมะเร็งอีกด้วย ส่วนในเรื่องของผิวพรรณนั้นจะมีประโยชน์ดังนี้
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ผิวหนัง โดยจะทำหน้าที่เป็นเส้นใยที่คอยเชื่อมเนื้อเยื่อต่างๆ ไว้ด้วยกัน ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง
- เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยชะลอความแก่และลดการเกิดริ้วรอย
- ช่วยชะลอการทำงานของเอนไซม์ที่จะผลิตเม็ดสีมากขึ้น
- ปรับสีผิวที่คล้ำเสียจากการโดนแสงแดดให้ขาวกระจ่างใสมากขึ้น
- ป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์
- ลดริ้วรอย จุดด่างดำและรอยสิวให้จางลง
- ช่วยให้แผลที่โดนไฟไหม้หรือแผลสดหายเร็ว อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างผนังเซลล์ให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรงมากขึ้น
รูปแบบผลิตภัณฑ์Ascorbic acid ที่พบได้ทั่วไป
สำหรับวิตามินซีนั้น มีหลายวิธีในการเพิ่มเข้าสู่ร่างกายนอกเหนือจากการทานผัก ผลไม้ ซึ่งในปัจจุบันนั้นได้มีผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามินซีอยู่หลากหลายรูปแบบ ดังนี้
- แบบเม็ดสำหรับรับประทาน โดยวิตามินในรูปแบบเม็ดนั้นจะทำอยู่ที่ขนาด 500 และ 1,000 มิลลิกรัม ซึ่งในบางบริษัทจะทำเป็นรูปแบบของ buffered มากกว่าในรูปแบบเม็ดทั่วไป เนื่องจากในรูปแบบของ buffered นั้นจะค่อยๆ ละลายอย่างช้า ทำให้มีการระคายเคืองกระเพาะอาหารที่น้อยว่ารูปแบบทั่วไป ซึ่งข้อเสียคือมีขนาดที่ใหญ่จึงทำให้กลืนลำบาก
- แบบเม็ดอม เป็นรูปแบบสำหรับผู้ที่ไม่ชอบกลืนยาหรือกลืนยาเม็ดใหญ่ยาก โดยในรูปแบบอมนั้นจะเป็นการที่อมเอาไว้ให้วิตามินค่อยๆ ละลาย ซึ่งมีข้อเสียคืออาจทำให้ฟันกร่อนได้เนื่องจาก วิตามินเป็นกรด
- แบบเม็ดเคี้ยว จะเป็นวิตามินที่อยู่ใยรูปแบบแต่งสีและรสชาติของวิตามินเพื่อให้ดูน่ารับประทานและทานง่าย หากทานในปริมาณที่มากก็อาจจะก่อให้เกิดฟันผุได้
- แบบเม็ดฟู เป็นวิตามินซีที่อยู่ในรูปแบบเม็ดที่ต้องนำไปละลายกับน้ำก่อนถึงจะรับประทาน ซึ่งในรูปแบบเม็ดฟูนั้นขณะที่กำลังละลายอยู่นั้นจะมีฟองแก๊สคาร์บอนไดออกไซต์อยู่ ซึ่งควรให้ฟองหมดก่อนถึงค่อยรับประทานเพราะอาจจะทำให้ท้องอืดได้
- แบบแคปซูล จะมีทั้งแบบที่เป็นแคปซูลแข็งและนิ่ม ซึ่งในรูปแบบแคปซูลนั้นจะทานง่ายกว่าแบบเม็ด
- แบบสารละลายสำหรับฉีด เป็นรูปแบบที่ต้องฉีดเข้าเส้น ซึ่งควรทำโดยแพทย์หรือพยาบาลที่มีความชำนาญเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นรูปแบบที่ไม่ควรใช้ทุกวันอีกด้วย
ข้อสังเกตุในการเลือกซื้อสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของAscorbic acid
- มีคำว่า L-Ascorbic Acid หรือ Sodium Ascorbyl Phosphate
โดย L-Ascorbic Acid เป็นหนึ่งใน Active Ingredient ซึ่งเป็นวิตามินซีสังเคราะห์ที่ทำหน้าที่ในการกระตุ้นให้มีการผลิตคอลลาเจนเพิ่มมากขึ้นและยังช่วยต้านการเกิดสารอนุมูลอิสระและช่วยให้ผิวมีความกระชับมากขึ้น ส่วน Sodium Ascorbyl Phosphate จะทำหน้าที่ปลอบประโลมผิวที่อ่อนโยนและเสื่อมสภาพได้ช้ากว่า ซึ่งหากมีส่วนประกอบของทั้งสองนี้อยู่ก็จะมีเปอร์เซ็นต์ของ L-Ascorbic Acid หรือ Sodium Ascorbyl Phosphate มาก
- มีคำว่า Ferulic Acid หรือ Vitamin E
ขึ้นชื่อว่ามีส่วนประกอบของ Vitamin E ก็ต้องมี Ferulic Acid คู่กัน เนื่องจากวิตามินซีนั้นไม่สามารถอยู่ได้เพราะมีสถานะที่ไม่เสถียรภาพและหากอยู่ในสกินแคร์ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบก็จะยิ่งทำให้วิตามินซีนั้นเสื่อมสภาพ ซึ่งกรดเฟอรูลิกนั้นจะทำหน้าที่ให้การช่วยคงสภาพให้วิตามินซียังอยู่ได้ดีและช่วยคงประสิทธิภาพการทำงานของวิตามินซีได้คงเดิม
- เลือกAscorbic Acidในรูปแบบของเซรั่ม
โดยวิตามินซีนั้นถูกนำมาเป็นผลิตภัณฑ์ในหลายรูปแบบทั้งแบบครีม โลชั่น เซรั่ม ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้เห็นผลมากที่สุดก็คือในรูปแบบของเซรั่ม เพราะเซรั่มจะมีความเข้มข้นและมีประสิทธิภาพที่สูงกว่า
- ขวดทึบหรือขวดแก้วสีชา
เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่ใช้ในการเลือกซื้อสกินแคร์ที่มี่วนผสมของวิตามินซี เนื่องจากในขวดสีชานั้นจะช่วยป้องกันการเกิดออกซิไดซ์จากแสงแดด อีกทั้งยังควรเป็นขวดปั๊มสุญญากาศเพื่อป้องกันไม่ให้อากาศเข้าไปในขวดเมื่อใช้งาน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้วิตามินนั้นคงสภาพและรักษาไว้ได้นาน นั่นเอง
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนประกอบของAscorbic acid
สำหรับคนที่ไม่อยากทานหรือไม่อยากฉีดเข้าสู่ร่างกายนั้น จะมีอีกทางเลือกหนึ่งที่ไม่ต้องเจ็บตัวก็คือการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนประกอบของAscorbic acid โดยเราจะขอแนะนำผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของวิตามินซีที่เป็นผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ชั้นนำของสเปน คือ aox ferulic ซึ่งเป็นเซรั่มสูตรเข้มข้นจากแบรนด์ mesoestetic ซึ่งเป็นเซรั่มที่เหมาะกับการใช้ทุกสภาพผิวและมีความอ่อนโยนต่อผิวของเราเป็นอย่างมาก เนื่องจาก mesoestetic เป็นแบรนด์ชั้นนำที่ขึ้นชื่อในเรื่องของผิวหนังและได้รับการยอมรับจากแพทย์ชั้นนำของโลก
- aox ferulic
เป็นเซรั่มสูตรเข้มข้นที่มีส่วนประกอบของAscorbic acid มากถึง 15% โดยคุณสมบัติของตัวเซรั่มนั้นสามารถปกป้องผิวจากสารอนุมูลอิสระที่มีสาเหตุมาจากรังสี UV อินฟาเรดและแสงสีฟ้าที่ทำร้ายผิวของเราในระหว่างวัน อีกทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยและปรัยสภาพผิวของเราให้และดูกระจ่างใสและอ่อนเยาว์อีกด้วย โดยส่วนประกอบของเซรั่มจะมี ดังนี้
- Ferulic acid 0.5% เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยผิวของเรามีความยืดหยุ่นและดูอ่อนเยาว์ลงมากกว่าเดิม
- Vitamin C 15% วิตามินซีที่จะช่วยในเรื่องผิวขาวกระจ่างใส ปกป้องผิวจากรังสีและแสงแดดต่างๆ
- Protech cell complex 1.5% ที่ประกอบไปด้วยวิตามินอี สารต้านอนุมูลอิสระ ที่จะช่วยในเรื่องของการลดเลือนริ้วรอยและปกป้องผิวจากสภาพแวดล้อมที่พบเจอในแต่ละวันทั้งฝุ่น ควัน มลภาวะ เป็นต้น
โดยตัวเซรั่มนั้นสามารถใช้ได้ทุกวันประจำเช้า-เย็น และก่อนนอน อีกทั้งยังมีความอ่อนโยนและมีส่วนประกอบที่ช่วยในเรื่องของผิวกระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอยได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่ที่แต่ละสภาพผิวของแต่ละบุคคลและการใช้ประจำอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งตัวเซรั่มไม่สามารถเปลี่ยนสีผิวได้ตามธรรมชาติ ดังนั้นแล้วหากคุณต้องการที่จะดูแลผิวหน้าของคุณให้ดูขาวกระจ่างใสและไร้ริ้วรอย ต้องไว้ใจ mesoestetic เท่านั้น