ใกล้หน้าหนาวทีไรรู้สึกผิวแห้งทุกที การมีผิวพรรณที่สดใส ดูสุขภาพดี จะช่วยให้มีความมั่นใจมากขึ้น เป็นความปรารถนาของหลายๆ คนที่อยากให้ผิวของตัวเองชุ่มชื้น เนียนเด้งอยู่เสมอ แต่ปัญหาผิวหนังแห้งกร้านมักจะมาทำลายความฝันนี้ลงไปได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้น เราจึงต้องหาสาเหตุ วิธีแก้ไข และแนวทางป้องกันอย่างถูกต้อง เพื่อให้ผิวของเราดูสุขภาพดีตลอดเวลา เสริมสร้างความมั่นใจได้ทุกวัน
ทำความรู้จักกับอาการผิวแห้ง
ผิวหนังแห้ง คือลักษณะของผิวที่ไม่มีความมันเกาะตัวอยู่บนชั้นผิว ซึ่งจะสังเกตได้จากความรู้สึกแห้งตึงผิวหลังล้างหน้าหรืออาบน้ำ สาเหตุเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย อาการผิวแห้งอาจจะไม่รุนแรงมากแต่มักจะสร้างปัญหาให้กับทุกคนได้อยู่เสมอ เนื่องจากสภาพผิวจะมีความแห้งกร้าน ผิวแตกลอกออกเป็นขุยหรือเป็นแผ่นออกมาจนสังเกตได้ จนนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ เช่น ผิวไม่เรียบเนียน สีผิวไม่สม่ำเสมอ บางคนเมื่อผิวลอกมากๆมักจะเกิดอาการแสบ ระคายเคืองผิว ยิ่งเวลาไปเจอแสงแดดผิวก็จะเสื่อมสภาพได้ง่าย ด้วยเหตุนี้การดูแลผิวที่แห้งกร้านจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ
ผิวแห้งเกิดจากอะไร
ผิวแห้งเกิดจากชั้นไขมันในผิว หรือที่เรียกว่า lipid barrior ได้ถูกทำลายไปจนทำให้มีการสูญเสียความชุ่มชื้นออกจากผิวมากกว่าปกติ เกิดเป็นผิวที่แห้งกร้าน ตึง ลอกเป็นขุย หากไม่ดูแลผิวก็อาจส่งผลให้เกิดอาการทางผิวหนังอื่นๆตามมาได้ เช่น การติดเชื้อทางผิวหนัง
คนที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน สาเหตุพื้นฐานหลักๆจะมีอยู่ 2 ปัจจัยคือ ปัจจัยภายในร่างกายและปัจจัยภายนอกที่เกิดจากสภาพแวดล้อม
- ปัจจัยภายในร่างกายที่ทำให้ผิวหนังแห้ง
เกิดจากต่อมไขมันที่ผลิตน้ำมันออกมาหล่อเลี้ยงผิวไม่สามารถทำได้ในปริมาณที่เหมาะสม ส่งผลให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย ดูแห้งกร้าน ลอกเป็นขุยได้ง่าย หรือเกิดจากลักษณะทางพันธุกรรมคนในครอบครัว อาจเกิดปัญหาผิวหนังแห้งก็เป็นได้
- ปัจจัยภายนอกร่างกายที่ทำให้ผิวหนังแห้ง
มักเกิดจากผิวที่สัมผัสกับสารเคมีบางชนิดในช่วงเวลาหนึ่ง จนทำให้ชั้นผิวหนังเสียหาย เกิดการระคายเคือง แห้งและลอกออกเป็นขุย หรือสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย อากาศแห้งหรือหนาวจัดจะดึงดูดเอาน้ำที่อยู่ในผิวของเราออกไปด้วย รวมถึงคนที่มีพฤติกรรมอาบน้ำร้อนหรือน้ำอุ่นบ่อยๆ ความร้อนจากน้ำจะทำให้รูขุมขนเปิด และทำให้ผิวเสียความชุ่มชื้นมากจนเกินไป เป็นสาเหตุของอาการแห้ง ผิวลอก
- สภาพอากาศที่ทำให้ผิวแห้ง ส่วนใหญ่จะเกิดในช่วงฤดูหนาวหรือช่วงที่อากาศแห้ง เช่น เวลาที่อุณหภูมิและความชื้นลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวปรับสภาพไม่ทัน
- เครื่องปรับอากาศ สำหรับใครที่ต้องทำงานอยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานาน มักจะพบว่ามีผิวที่แห้งขึ้นมาก เพราะอุณหภูมิและลมเย็นๆ จากแอร์
- การแช่น้ำร้อนหรืออาบน้ำร้อน หากทำเป็นเวลานานๆก็จะทำให้ผิวเกิดความแห้งได้
- ใช้สบู่หรือผงซักฟอกที่รุนแรง มักจะทำลายความชื้นในผิว เพราะในสบู่และผงซักฟอกมีส่วนผสมที่ขจัดความมันออกไป
- สาเหตุอื่นๆ เช่น ผู้ที่เป็นผิวหนังอักเสบหรือภูมิแพ้ผิวหนัง และโรคสะเก็ดเงิน อาจมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดผิวขาดน้ำได้ และนอกจากนี้อาจเกิดจากผลข้างเคียงของโรคบางชนิด เช่น โรคดีซ่าน โรคเบาหวานและโรคไต
ประเภทของอาการผิวหนังแห้ง
ผิวหนังแห้งที่เกิดจากการระคายเคือง
มักเกิดในกรณีที่ผิวหนังไปสัมผัสกับสารเคมีบางอย่าง เช่น สารฟอกขาว นิกเกิล จนทำให้เกิดความระคายเคือง ผิวลอกออกมา
ผิวหนังแห้งที่เกิดจากต่อมไขมันในร่างกายผลิตน้ำมันออกมาน้อยเกินไป จนทำให้ความชุ่มชื้นที่อยู่บนผิวไม่เพียงพอ จะสังเกตเห็นเป็นผื่นแดง สะเก็ดขุยๆ ซึ่งเกิดได้ตามส่วนต่างๆของร่างกายโดยเฉพาะบริเวณหนังศีรษะ
สำหรับคนที่มีปัญหาผิวแห้งมากๆ แนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อหาวิธีแก้ไขอย่างถูกต้อง เพราะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยตรงจะมีวิธีรักษาด้วยการให้ยาทาภายนอก หรือยาทานเพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้ผิวกลับมาชุ่มฉ่ำอีกครั้ง แต่สำหรับใครที่รู้สึกว่าผิวหนังของตัวเองมีอาการแห้งในบางครั้ง ก็อาจจะไม่ต้องถึงขั้นพบแพทย์ผิวหนัง แต่ควรดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลามมากเกินไป
ผิวแห้งกับผิวหนังอักเสบ ต่างกันหรือไม่?
ส่วนใครที่กำลังสงสัยว่าตัวเองมีผิวหนังอักเสบหรือว่าเป็นแค่ผิวแห้งกันแน่ ลองมาสังเกตตัวเองไปพร้อมๆกันค่ะ
ในกรณีที่ผิวหนังแห้ง เกราะป้องกันชั้นนอกสุดของผิวจะอ่อนแอลงจากสิ่งแวดล้อมภายนอก เช่น มลภาวะ อากาศเย็น ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์รุนแรง ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาผิวหนังแห้ง ผิวลอกเป็นขุยและผิวแตกลายที่สามารถมองเห็นได้
ผิวหนังอักเสบจะแตกต่างออกไป ซึ่งเป็นภาวะของผื่น อาการแพ้ ส่วนใหญ่จะมีผลกับเด็กทารกและเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี แต่ในผู้ใหญ่ก็สามารถมีอาการได้เช่นกัน ในโรคผิวหนัง ผิวมักจะมีความแห้งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สัมผัสกับผลิตภัณฑ์ที่ออกฤทธิ์รุนแรงหรือถูกทำร้ายจากปัจจัยภายนอก ทำให้สารที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองหรืออาการแพ้อย่างไรฝุ่น ขนสัตว์ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่รุนแรงแทรกซึมเข้าสู่ผิว และก่อให้เกิดการอักเสบขั้นรุนแรงได้
อาการของผิวหนังแห้งและผิวหนังอักเสบต่างกันอย่างไร
ในกรณีของผิวหนังแห้ง อาจจะประสบภาวะผดผื่น ผิวไหม้ หรือรู้สึกคันเล็กน้อย แต่จะมีอาการคันที่รุนแรงกว่าผิวที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบ ผิวหนังแห้งสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งใบหน้าและบริเวณร่างกาย ส่วนผิวหนังอักเสบมักพบเห็นได้ทั่วไปบนใบหน้า หนังศีรษะและตามกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง บริเวณข้อพับต่างๆ
อาการของผิวหนังแห้ง
- รู้สึกตึงที่ผิว โดยเฉพาะหลังจากอาบน้ำ แช่น้ำหรือว่ายน้ำ
- ผิวดูหยาบกร้าน ไม่เรียบเนียน
- มีอาการคันตามผิวหนัง
- ผิวหนังตกสะเก็ด ผิวลอกเป็นขุย
- ผิวหนังแตกแห้ง อาจมีเลือดออกเล็กน้อย
- ผิวซีด
อาการเหล่านี้สามารถรักษาได้เองโดยวิธีการดูแลตัวเอง เลือกทาครีมบำรุงที่เหมาะสม แต่หากเกิดอาการต่อไปนี้อาจจะต้องไปพบแพทย์ผิวหนัง
- อาการผิวแห้งที่ไม่ดีขึ้น แม้จะพยายามรักษาอย่างดีแล้ว
- ผิวหนังแห้งที่มาพร้อมกับรอยแดง
- รู้สึกแห้งตึงที่ผิว และมีอาการคันขณะนอนหลับ ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
- ผิวตกสะเก็ดหรือผิวลอกเป็นบริเวณกว้าง
- มีอาการปวดหรือติดเชื้อจากการเกา
ใครบ้างที่เสี่ยงเกิดผิวแห้ง
บุคคลทั่วไป (โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 40+)
หลายคนอาจจะเข้าใจว่า ผิวแห้ง ร่องรอยการเหี่ยวย่น หรือปัญหาผิวต่างๆมักจะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุเพียงอย่างเดียว แต่รู้หรือไม่ว่า ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปก็เป็นช่วงที่เริ่มประสบปัญหาผิวแล้ว โดยเฉพาะผู้หญิงที่เข้าสู่ช่วงหมดประจำเดือน ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ผลิตจากรังไข่ลดลง ส่งผลให้ผิวหนังแห้ง หยาบกร้าน เกิดจุดด่างดำ มีริ้วรอยเหี่ยวย่น สีผิวไม่สม่ำเสมอ
ผู้สูงอายุ
เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อภาวะผิวแห้ง และผิวหนังอักเสบมากที่สุด เนื่องจากอายุที่มากขึ้น สภาพผิวหนังจึงค่อยๆเสื่อมลงตามอายุ ทำให้ความสามารถในการซ่อมแซมและสร้างเซลล์ใหม่ของผิวลดลง ผิวเริ่มไม่กักเก็บน้ำ รวมถึงต่อมไขมันที่ผลิตน้ำมันมาเคลือบผิวทำงานลดลง เราจึงมักเห็นผิวของผู้สูงอายุมีความหย่อนคล้อยและแห้งมาก จนเป็นรอยแตกขาวๆ เป็นขุย หรือมีลักษณะเหมือนเกล็ดปลา
ผู้ป่วย
ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักประสบปัญหาผิวแห้งคันและผิวหนังอักเสบ เช่น ผู้ป่วยโรคไต โรคเบาหวาน โรคภูมิแพ้ โรคมะเร็ง ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายทั้งภายในและภายนอก เช่น ขาดสารอาหาร สมดุลของฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง เหงื่อหลั่งได้น้อยลง รวมทั้งที่เกิดจากการรักษา เช่น การฟอกไต การฉายรังสี เป็นต้น
เด็ก
เนื่องจากเด็กจะมีโครงสร้างผิวหนังที่ยังไม่แข็งแรงเท่ากับผู้ใหญ่ จึงทำให้การควบคุมอุณหภูมิและการระเหยของน้ำในผิวยังทำได้ไม่ดีพอ ความสามารถในการสร้างไขมันของผิวก็ยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ ผิวของเด็กจึงแห้งและแพ้ง่าย จึงทำให้เกิดผิวลอก อาการคัน และผื่นต่างๆตามมา
วิธีดูแลผิวไม่ให้แห้งกร้าน
การดูแลผิวบริเวณใบหน้า
สำหรับใบหน้า หากปฏิบัติตามหลักในการล้างหน้าและเพิ่มความชุ่มชื้นโดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับผิวแห้งอย่าง Hydra – vital factor k ครีมบำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ ช่วยบำรุงให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ทำหน้าที่เสมือนโครงสร้างเกราะป้องกันผิวจากสิ่งแวดล้อมภายนอก เพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้คงอยู่ยาวนาน ทำให้ผิวรู้สึกเนียนนุ่มและดูมีสุขภาพดี แถมตัวนี้ยังเหมาะกับผิวที่แพ้ง่ายอีกด้วย
การดูแลผิวกาย
การชโลมมอยเจอร์ไรเซอร์ลงบนผิวกาย ก็เหมือนกับการมอบความชุ่มชื้นให้กับผิวเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ช่วยลดผลกระทบจากผิวหนังแห้งได้ ควรใช้โลชั่นบำรุงผิวกายเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะเวลาหลังอาบน้ำ
การเลือกโลชั่นก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน อย่างในฤดูหนาวอาจเลือกเนื้อครีมที่มีความเข้มข้น เพราะในช่วงหน้าหนาวผิวมักจะแห้งขึ้นมาก เพราะความหนาว ลมที่ผลัดมาตามธรรมชาติ และด้วยอากาศหนาวอาจทำให้เราเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน ก็จะทำให้ผิวยิ่งขาดความชุ่มชื้นขึ้นไปอีก เมื่อเราสัมผัสอากาศหนาวแล้วมาอาบน้ำอุ่น ความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิล้วนเป็นปัจจัยที่ก่อปัญหาทำให้ผิวของเราแห้งกร้านนั่นเอง ใช้โลชั่นทาตัวแล้วอย่าลืมใช้โลชั่นทามือด้วย เพราะมือของเราก็ต้องการการบำรุงเหมือนกัน
วิธีดูแลผิวบอบบางที่มีแนวโน้มระคายเคืองง่าย
สาวๆกว่า 20% ที่กำลังประสบปัญหาผิวระคายเคืองแบบเรื้อรัง ซึ่งมักจะปรากฏให้เห็นลักษณะของผิวแตก โดยเฉพาะเวลาที่ต้องสัมผัสกับอากาศหนาวเย็น เช่น ริมฝีปาก มือ เท้า หรือบริเวณที่เกิดการเสียดสี บางคนปากแห้งจนเกิดการอักเสบ ทำให้เจ็บแสบบริเวณมุมปาก หรือเลือดออกซิบๆเลย
จนอาจทำให้ขาดความมั่นใจและท้อแท้ เพราะผิวที่แห้งกร้านและผื่นคันมักจะมองเห็นได้หากอยู่ภายนอกร่มผ้า ทำให้ไม่กล้าเผยผิวหรือต้องใส่เสื้อคลุมไว้ตลอดเวลา สำหรับคนที่ผิวบอบบางมีแนวโน้มระคายเคืองง่ายอาจจะต้องดูแลมากกว่าคนที่มีผิวแห้งปกติทั่วไป โดยจะต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ถนอมผิวสำหรับผิวบอบบางโดยเฉพาะ
เคล็ดลับการรักษาผิวหนังแห้งด้วยตัวเอง
สำหรับใครที่มีผิวแห้งไม่มาก หรือเป็นเฉพาะช่วงอากาศหนาวเย็น การดูแลรักษาผิวง่ายๆด้วยตัวเองก็สามารถทำได้เลยด้วยเคล็ดลับดังนี้
- กินอาหารที่มีโอเมก้า 3 สูง เพราะเป็นกรดไขมันจำเป็นที่ช่วยเสริมสร้างชั้นน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติ อาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาซาดีน ถั่ววอลนัทและน้ำมันดอกคำฝอย
- กินวิตามินซีอย่างพอเหมาะ รับวิตามินซีจากธรรมชาติอย่างผัก ผลไม้ เพราะในวิตามินซีเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างคอลลาเจน ซึ่งคอลลาเจนก็มีโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของผิวหนัง
- ใช้น้ำมันหรือโลชั่นที่มีวิตามินอี จะช่วยลดการอักเสบและเพิ่มการป้องกันผิวได้
- อย่าให้ร่างกายขาดวิตามินเอ เพราะการขาดวิตามินเอสามารถทำให้ผิวแห้งรุนแรงได้ ควรกินอาหารประเภทผัก ผลไม้ เช่น แครอท ส้ม มะละกอ ที่อุดมไปด้วยอัลฟาแคโรทีน เบต้าแคโรทีนและคริปโตแซนทีน โดยร่างกายจะเปลี่ยนสารเหล่านี้ให้เป็นวิตามินเอ และนำไปใช้ในเวลาที่ต้องการ
- บำรุงผิวด้วยน้ำมันมะพร้าว ด้วยสรรพคุณของน้ำมันมะพร้าวที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว แถมยังเป็นน้ำมันที่สกัดมาจากธรรมชาติ ไม่เป็นอันตรายต่อผิวแม้ผิวบอบบาง
- ปกป้องผิวจากแสงแดดเพราะรังสี UV เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผิวถูกทำลายทิ้งริ้วรอยแห่งวัยและทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น
- ดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดผิวแห้งเลย
เลือกครีมบำรุงผิวที่มีสารสกัดต่อไปนี้
- สารสกัดจากดอกคาโมมายล์ (Chamomile) ช่วยลดอาการคัน ลดการระคายเคือง และต้านการอักเสบของผิว แถมยังช่วยฟื้นฟู ซ่อมแซมผิวให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
- สารสกัดจากว่านหางจระเข้ (Aloe Barbadensis Leaf Juice) ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ทำให้ผิวอิ่มน้ำ และดูดซึมน้ำได้ดี กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำต่างๆ แถมยังมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียอีกด้วย
- น้ำมันอาร์แกน (Argan oil) ช่วยเคลือบผิวไม่ให้แห้งตึง เพิ่มความยืดหยุ่น ป้องกันการเกิดผิวแตกลาย เพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยปรับสภาพผิวให้แข็งแรง และยังสามารถลดการอักเสบของรูขุมขนได้
- วิตามิน C, B3 และ E ช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังมีสาร Alpha-Arbutin ที่ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสี ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นด้วย
- Sodium HA โมเลกุลเล็กซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึก ช่วยกักเก็บน้ำ เติมความชุ่มชื้นให้กับผิว พร้อมทั้งช่วยลดเลือนริ้วรอย ให้ผิวแลดูแข็งแรงมีสุขภาพดี
มาส์กหน้า ช่วยฟื้นฟูผิวแห้ง
สำหรับสาวๆที่ประสบปัญหาผิวหน้าแห้ง มักจะเป็นกังวลไม่น้อยเลย เพราะแต่งหน้ายังไงก็ดูไม่สวย ผิวลอกเป็นขุย เครื่องสำอางไม่ติดทน การดูแลผิวหน้าจึงเป็นสิ่งที่สาวๆให้ความสำคัญ อาจจะต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้าที่เพิ่มความชุ่มชื้น มีมอยเจอร์ไรเซอร์เป็นส่วนประกอบสำคัญ เมื่อดูแลให้หน้าสะอาดแล้ว การมาส์กหน้าเพื่อฟื้นบำรุงผิวที่แห้งกร้านก็เป็นเรื่องที่ควรทำเช่นกัน
post-peel crystal fiber mask
แผ่นมาส์กหน้าสูตรพื้นบำรุงผิวที่แห้งกร้าน ช่วยให้ผิวรู้สึกเนียนนุ่มชุ่มชื้นและยืดหยุ่น แผ่นมาร์คผลิตจากเส้นใย crystal fiber nano 3 มิติ ซึ่งเป็นเส้นใยจากธรรมชาติ มีความปลอดภัยและอ่อนโยนต่อผิว แผ่นมาร์คสามารถปรับเข้ากับรูปหน้าได้พอดี และยึดเกาะบนผิวหน้าได้แนบสนิท เพิ่มความสามารถในการซึมผ่านและการนำพาสารบำรุงเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น
ส่วนประกอบสำคัญ
Hyaluronic acid : ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
Platinum powders : ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอย ป้องกันผิวจากมลภาวะภายนอกที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองของผิว
Seaweed extract : สารสกัดจากสาหร่ายทะเล ช่วยปลอบประโลมผิวที่อ่อนแอและเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
วิธีใช้
ใช้มาร์คหน้าสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง หรือใช้หลังจากการทำหัตถการ หรือเลเซอร์ที่ทำให้ผิวแห้ง
ผิวของเราจะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา เพราะฉะนั้นจึงควรรักษาสมดุลความชุ่มชื้นโดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เติมเต็มชั้นไขมันในผิว หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่รุนแรง หรือการทำความสะอาดผิวด้วยน้ำที่อุณหภูมิสูงเกินไป หากต้องอยู่ในห้องปรับอากาศเป็นประจำควรบำรุงผิวด้วยครีมหรือโลชั่นอย่างสม่ำเสมอ ดื่มน้ำสะอาดวันละ 6-8 แก้ว เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว ปัญหาผิวแห้ง คัน เป็นผื่น คือสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะฉะนั้นการเริ่มต้นดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้นอกจากจะช่วยลดอาการดังกล่าวให้หายไป แล้วยังเป็นวิธีบำรุงผิวเพื่อให้ผิวเต่งตึง เรียบเนียน ดูมีสุขภาพดี สวยอย่างมั่นใจได้อีกครั้ง