รอยสิว จัดการได้! แนะนำวิธีลดรอยสิวให้จางเร็ว พร้อมเคล็ดลับฟื้นฟูผิวสวย

รอยสิว

รอยสิว คือ ปัญหาผิวที่หลายคนเผชิญหลังจากการรักษาสิว แม้สิวจะหายไปแล้ว แต่รอยที่ทิ้งไว้กลับทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน และส่งผลต่อความมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นรอยแดง รอยดำ หรือจุดด่างคล้ำจากสิว หากปล่อยทิ้งไว้ อาจใช้เวลานานในการจางหาย  ซึ่งในปัจจุบัน มีหลากหลายวิธีในการลดรอยสิวอย่างปลอดภัยและได้ผล ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมช่วยผลัดเซลล์ผิว การบำรุงอย่างต่อเนื่อง หรือเทคโนโลยีความงามสมัยใหม่ บทความนี้ จะพาคุณไปรู้จักกับวิธีลดรอยสิวให้จางลงอย่างปลอดภัย พร้อมเคล็ดลับฟื้นฟูผิวให้กลับมาเนียนใสอีกครั้ง

รอยสิว คืออะไร? ทำไมถึงเกิดขึ้นกับผิวของเรา

รอยสิว คือร่องรอยหรือจุดด่างดำที่ปรากฏบนผิวหนังหลังจากสิวหายแล้ว เป็นผลจากกระบวนการอักเสบที่เกิดขึ้นใต้ผิวหนัง ซึ่งทำให้ผิวผลิตเม็ดสีหรือเมลานินออกมามากเกินไป จนกลายเป็นรอยดำหรือรอยแดงที่เห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะในคนที่มีผิวสีเข้ม หรือผิวที่ไวต่อการอักเสบ

ประเภทของ รอยสิว ที่พบบ่อย และวิธีสังเกต

รอยสิว เป็นปัญหาผิวที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะวัยรุ่นหรือวัยผู้ใหญ่ แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ดังต่อไปนี้

  • รอยดำจากสิว (Post-Inflammatory Hyperpigmentation: PIH)
    มีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลหรือสีดำที่เกิดหลังสิวหายแล้ว โดยมีสาเหตุมาจากเม็ดสีเมลานินถูกผลิตมากเกินไป หลังจากที่ผิวเกิดการอักเสบ ลักษณะของรอยดำมักจะราบเรียบกับผิว ไม่เจ็บ ไม่ปูด
  • รอยแดงจากสิว (Post-Inflammatory Erythema: PIE)
    มีลักษณะเป็นจุดสีชมพู แดง หรือม่วง มีสาเหตุมาจากเส้นเลือดฝอยใต้ผิวเสียหายหลังการอักเสบ มักเกิดในคนที่มีผิวขาวหรือผิวบอบบาง
  • หลุมสิว (Atrophic Scars)
    มีลักษณะเป็นรอยบุ๋มลงไปในผิว มี 3 ประเภทหลัก ๆ คือ Ice pick, Boxcar, Rolling โดยมีสาเหตุมาจากการที่คอลลาเจนถูกทำลายในขณะที่เป็นสิวอักเสบ

ส่วน วิธีสังเกตว่าคุณกำลังมีรอยสิวแบบไหน ให้พิจารณาสิ่งต่อไปนี้

  • สังเกตสี
    หากรอยสิวมีสีแดง-ชมพู เรียกว่ารอยแดงจากสิว  แต่ถ้าหากรอยดังกล่าวมีสีน้ำตาล-ดำ เรียกว่ารอยดำจากสิว
  • สังเกตรูปร่าง
    ว่ามีลักษณะเรียบหรือบุ๋ม ถ้าเรียบ แสดงว่าเป็นรอยสิวทั่วไป แต่ถ้าหากเป็นรอยบุ๋ม  แสดงว่าเป็นหลุมสิว
  • การสัมผัส
    ถ้าหากสัมผัสแล้ว ผิวเรียบแต่มีสี เป็นรอยดำหรือรอยแดง แต่ในกรณีที่ผิวไม่เรียบ แสดงว่าเป็นหลุมสิว
  • ดูระยะเวลา
    รอยแดงจะค่อย ๆ จางในไม่กี่เดือน ส่วนรอยดำ จะใช้เวลานานกว่า

รอยสิว เกิดจากอะไร? รวมสาเหตุหลักที่ควรรู้

สาเหตุหลักของการเกิดรอยสิว มีดังต่อไปนี้

  • การอักเสบของสิว
    โดยเฉพาะสิวอักเสบหรือสิวหัวช้าง สามารถทำลายเซลล์ผิวหนังได้ลึก ส่งผลให้เกิดการสร้างเม็ดสีผิดปกติ หรือทำให้การฟื้นตัวของผิวไม่สมบูรณ์
  • การบีบสิวหรือแกะเกาสิว
    เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด เพราะทำให้ผิวถูกกระตุ้นมากเกินไป จนอาจเกิดแผลหรือหลุมสิวในที่สุด
  • แสงแดด
    รังสียูวีจากแสงแดด สามารถกระตุ้นให้เม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้น ทำให้รอยสิวเข้มขึ้นและจางช้าลง หากไม่ใช้ครีมกันแดด
  • พันธุกรรม
    คนบางคนมีแนวโน้มที่จะเกิดรอยดำจากสิวได้ง่ายกว่า เนื่องจากมีคนในครอบครัวมีอาการดังกล่าว
  • การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม
    การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว อาจทำให้สิวลุกลามและทิ้งรอยไว้นานขึ้น เช่น ครีมที่มีแอลกอฮอล์หรือสารฟอกผิวแรง เป็นต้น

สาเหตุหลักของการเกิดรอยสิว มีดังต่อไปนี้

  • การอักเสบของสิว
    โดยเฉพาะสิวอักเสบหรือสิวหัวช้าง สามารถทำลายเซลล์ผิวหนังได้ลึก ส่งผลให้เกิดการสร้างเม็ดสีผิดปกติ หรือทำให้การฟื้นตัวของผิวไม่สมบูรณ์
  • การบีบสิวหรือแกะเกาสิว
    เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด เพราะทำให้ผิวถูกกระตุ้นมากเกินไป จนอาจเกิดแผลหรือหลุมสิวในที่สุด
  • แสงแดด
    รังสียูวีจากแสงแดด สามารถกระตุ้นให้เม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้น ทำให้รอยสิวเข้มขึ้นและจางช้าลง หากไม่ใช้ครีมกันแดด
  • พันธุกรรม
    คนบางคนมีแนวโน้มที่จะเกิดรอยดำจากสิวได้ง่ายกว่า เนื่องจากมีคนในครอบครัวมีอาการดังกล่าว
  • การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม
    การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว อาจทำให้สิวลุกลามและทิ้งรอยไว้นานขึ้น เช่น ครีมที่มีแอลกอฮอล์หรือสารฟอกผิวแรง เป็นต้น
รอยสิว

รักษารอยสิวอย่างไร ไม่ให้เกิดรอยแผลเป็น

การรักษารอยสิว ขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของรอยนั้น ๆ ซึ่งในปัจจุบัน มีวิธีในการรักษามากมาย ได้แก่

  • ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของคอร์ติโซน (Cortisone)
    ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ คอร์ติโซน (Cortisone) หรือ สเตียรอยด์ชนิดอ่อน
    มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบหลังสิวหาย ช่วยลดการอักเสบของเม็ดสีเมลานิน ช่วยลดความเข้มของรอยได้ดี ทั้งยังช่วยลดอาการคัน แดง ระคายเคืองจากผลิตภัณฑ์รักษาสิวอื่น ทำให้ผิวสามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ทำให้รอยแดงและรอยดำจางลงเร็วขึ้น
  • ผลิตภัณฑ์ที่มีสารบำรุงผิว
    สารบำรุงผิวที่สามารถช่วยลดรอยสิวที่เกิดขึ้น ได้แก่
    • วิตามินซี หรือกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid)
      เป็นสารอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ช่วยต้านการอักเสบ ช่วยลดรอยดำจากสิว และมีส่วนในการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว
    • อาร์บูติน (Arbutin)
      มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase)  ซึ่งใบทบาทสำคัญในการผลิตเม็ดสีเมลานิน ช่วยลดรอยดำที่มักเกิดหลังสิวหายได้โดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และยังช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้นด้วย
    • กรดโคจิก (Kojic Acid)
      มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase ในการผลิตเมลานิน (เม็ดสีผิว) ซึ่งเป็นต้นเหตุของรอยดำ ทำให้เกิดการสร้างเม็ดสีใหม่ ทำให้รอยดำจากสิวค่อย ๆจางลง  ทำให้ผิวดูสม่ำเสมอและกระจ่างใสขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น กรดโคจิกยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ  ช่วยลดการอักเสบจากสิวที่เป็นต้นเหตุของการเกิดรอยดำซ้ำ และช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้นอีกด้วย
    • เซราไมด์(Ceramide)
      เป็นกรดไขมันชนิดหนึ่งที่ร่างกายผลิตได้ตามธรรมชาติ โดยผิวหนังชั้นนอกสุดมีส่วนประกอบของเซราไมด์ประมาณ 50% เลยทีเดียว เป็นเกราะปกป้องผิว ช่วยทำให้ผิวแข็งแรง  ลดการเกิดสิว ทำให้โอกาสในการเกิดรอยสิวน้อยลงตามไปด้วย ช่วยให้ผิวสุขภาพดีขึ้น
    • ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) หรือวิตามินบี 3
      มีสรรพคุณช่วยต้านการอักเสบ ลดรอยแดง และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ซึ่งในการใช้ไนอะซินาไมด์รักษารอยสิว ควรใช้ในระดับความเข้มข้น 4% ซึ่งเป็นระดับที่มีการศึกษาว่ามีประสิทธิภาพและเหมาะสม
  • การฉีดฟิลเลอร์
    แพทย์อาจฉีดฟิลเลอร์ เข้าไปเติมเต็มในกรณีที่รอยสิวมีลักษณะเป็นรอยบุ๋ม เพื่อให้ร่องนั้นตื้นขึ้น แต่จำเป็นต้องฉีดซ้ำทุก 4-6 เดือน
  • การฉีดสเตียรอยด์
    ในการณีที่มีรอยแผลเป็นชนิดนูนจากสิว แพทย์จะฉีดสารคอร์ติโคสเตียรอยด์ เช่น ไตรแอมซิโนโลน อีซีโตไนด์ (Triamcinolone Acetonide) เพื่อทำการรักษา
  • การทำเลเซอร์
    การยิงลำแสงเลเซอร์ เป็นการกระตุ้นเซลล์ผิวใหม่ในบริเวณที่เป็นรอยสิว ทำให้ผิวบริเวณนั้นเรียบเนียน และมีสีผิวที่สม่ำเสมอกัน
  • การกรอผิว
    เป็นการกรอเอาผิวส่วนที่เป็นรอยสิวนั้นออกไป เพื่อกระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอกัน
  • การลงเข็ม
    แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กจิ้มลงไปบนผิวหนังที่มีรอยสิว เพื่อให้เกิดรูเล็ก ๆ บนผิวหนังจำนวนมาก เป็นการช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ทำให้รอยสิวจางลงและผิวเรียบเนียนเสมอกัน
  • การบำบัดด้วยความเย็น (Cryotherapy)
    เป็นการใช้เครื่องพ่นไนโตรเจนเหลว หรือคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีอุณหภูมิต่ำ ลงไปยังรอยสิวที่ต้องการรักษา ทำให้เซลล์ผิวบริเวณนั้นตาย แล้วเป็นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่
  • การศัลยกรรมรักษาหลุมสิว 
    เป็นการตัดเลาะเนื้อเยื่อที่เสียหายในบริเวณที่เกิดรอยสิวออกไป แล้วนำเนื้อเยื่อใหม่ที่ดีกว่าจากผิวหนังส่วนอื่นมาแทนที่

เผยเคล็ดลับป้องกันไม่ให้เกิดรอยสิวซ้ำอีกในอนาคต

เพื่อป้องกันการเกิดรอยสิวที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากที่เป็นสิว มีวิธีป้องกัน ดังต่อไปนี้

  • หลีกเลี่ยงการบีบหรือแกะสิว
    เพราะการบีบสิวเป็นสาเหตุหลักของการอักเสบ และทำให้เกิดรอยสิว ดังนั้น ควรปล่อยให้สิวหายเอง หรือพบแพทย์ผิวหนัง เพื่อทำการรักษาที่ถูกต้องต่อไป
  • ใช้ครีมกันแดดทุกวัน
    เนื่องจากแสงแดดเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้รอยสิวเข้มขึ้นและจางลงได้ยาก นอกจากนั้น ควรเลือกใช้ครีมกันแดด ที่มีค่าการปกป้อง SPF50+ PA+++ ที่มีความอ่อนโยนและเหมาะกับผิวที่เป็นสิว
  • เลือกใช้สกินแคร์ที่ลดการอักเสบและฟื้นฟูผิว
    เช่น วิตามินซี, Niacinamide, BHA, AHA หรือผลิตภัณฑ์เฉพาะทาง อย่าง  melan tran3x โดย mesoestetic ที่ช่วยลดรอยสิวและปรับผิวให้กระจ่างใส
  • รักษาสิวตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม
    เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้สิวลุกลามจนเกิดรอย และให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หากเป็นสิวบ่อยและมีอาการที่รุนแรงมากขึ้น
  • ดูแลสุขภาพจากภายใน
    ไม่ว่าจะเป็นพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้เพียงพอ พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารมัน หวานจัด และนมวัวที่อาจกระตุ้นให้เกิดสิว

melan tran3x ผสาน 2 พลังช่วยลดรอยสิวให้จางลง พร้อมปรับผิวกระจ่างใสแบบมืออาชีพ

melan tran3x คือกลุ่มผลิตภัณฑ์ลดรอยสิว ฝ้า กระ และจุดด่างดำในระดับเริ่มต้น จากแบรนด์เวชสำอางชื่อดังระดับโลกจากสเปน อย่าง mesoestetic ซึ่งประกอบด้วย 2 ผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่

melan tran3x concentrate

melan tran3x intensive concentrate

เซรั่มสูตรเข้มข้น ที่ช่วยลดรอยสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ และผิวหมองคล้ำสะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมช่วยป้องกันไม่ให้เกิดรอยซ้ำอีกในอนาคต โดยมีส่วนผสมสำคัญ ได้แก่

  • Tranexamic Acid ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ต้นเหตุของฝ้า กระ และรอยสิว
  • Enzymacid Complex ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพ เผยผิวใหม่ที่กระจ่างใส
  • Tyr Control Complex ลดการสร้างเม็ดสี และช่วยป้องกันการเกิดรอยสิวซ้ำ
  • Niacinamide (วิตามิน B3) ช่วยลดเลือนรอยสิวอย่างอ่อนโยน พร้อมเสริมความชุ่มชื้นให้ผิว

melan tran3x gel cream

melan tran3x gel cream

เจลครีมเนื้อบางเบา ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการลดรอยสิว จุดด่างดำ และฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียนกระจ่างใส พร้อมฟื้นคืนความมั่นใจให้กับผิวหน้าของคุณ โดยมีส่วนผสมที่โดดเด่นเพิ่มเติมคือ Hydroxyacid Complex ที่ผสานคุณค่าจาก Salicylic Acid และ Lactic Acid ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก ลดการอุดตัน และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ

รอยสิว อาจเป็นปัญหาผิวที่สร้างความกังวลใจให้หลายคน แต่ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องและการดูแลอย่างเหมาะสม รอยสิวสามารถลดเลือนลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเฉพาะทาง การบำรุงด้วยสารสกัดที่ช่วยฟื้นฟูผิว หรือการเลือกใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ปลอดภัยและเห็นผลไว และอย่าลืมว่า การดูแลผิวให้ห่างไกลจากรอยสิว ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่การรักษาเมื่อปัญหาเกิดแล้วเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการป้องกันตั้งแต่ต้น เช่น หลีกเลี่ยงพฤติกรรมการแกะสิว ใช้ครีมกันแดดทุกวัน และใส่ใจในขั้นตอนการดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอร่วมด้วย

คำถามที่พบบ่อย

Q : รอยสิวหายเองได้ไหม ?
A : รอยสิวบางประเภทสามารถจางลงได้เองในระยะเวลา 3-6 เดือน โดยเฉพาะรอยแดงหรือรอยดำ แต่ถ้าไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี อาจใช้เวลานานกว่านั้นหรือไม่หายเลย

Q : แสงแดดมีผลต่อรอยสิวหรือไม่ ?
A : แสงแดดสามารถทำให้รอยสิวเข้มขึ้น เพราะรังสียูวีช่วยกระตุ้นการผลิตเมลานินในผิวหนัง ดังนั้น จึงควรทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน

Q : การบีบสิวมีผลทำให้เกิดรอยสิวหรือไม่ ?

A : การบีบหรือแกะสิวอย่างไม่ถูกวิธี ทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น และเสี่ยงต่อการทิ้งรอยดำ รอยแดง หรือรอยแผลเป็นในระยะยาวขึ้นได้

Q : รอยสิวแบบไหนควรพบแพทย์ ?
A : หากเป็นรอยสิวแบบหลุมสิวลึก หรือรอยดำที่ไม่จางหลังจากดูแลมานาน ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม

Q : รอยสิวกับฝ้าแตกต่างกันอย่างไร?
A : รอยสิวมักเกิดจากการอักเสบของสิวและมีลักษณะเป็นจุดสีแดงหรือสีน้ำตาล ส่วนฝ้า มักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนหรือแสงแดด และมีลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาลกระจายบนใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก หรือเหนือริมฝีปาก