ครีมกันแดด เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่สำคัญ ที่หลายคนใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV ที่เป็นอันตราย อย่างไรก็ตาม ครีมกันแดดไม่ได้มีแค่ประเภทเดียว แต่แบ่งออกเป็นหลายประเภทที่มีคุณสมบัติและวิธีการปกป้องผิวที่แตกต่างกัน และครีมกันแดดที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน คือครีมกันแดดแบบ Hybrid sunscreen และ Physical ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับครีมกันแดดทั้งสองแบบนี้ว่ามีข้อดีอย่างไร และวิธีการทาเพื่อให้ปกป้องผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ครีมกันแดด สำคัญอย่างไรต่อการปกป้องผิว?
ครีมกันแดด มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ในการปกป้องผิวจากแสงแดดและรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่เป็นอันตราย ซึ่งรังสียูวี แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ UVA และ UVB โดยที่ UVA สามารถทำให้ผิวเสื่อมสภาพ เกิดริ้วรอย และเป็นสาเหตุของการเกิดฝ้ากระ ส่วน UVB ทำให้ผิวไหม้และเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนัง
การทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF (Sun Protection Factor) และค่า PA เพื่อป้องกันรังสีเหล่านี้จึงเป็นวิธีการสำคัญในการรักษาสุขภาพผิวให้ดีอยู่เสมอ เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันผิวจากการไหม้แดดและรังสี UV แล้ว ครีมกันแดด ยังช่วยลดโอกาสการเกิดปัญหาผิวอื่น ๆ เช่น การเกิดจุดด่างดำ ความหมองคล้ำ และปัญหาผิวก่อนวัยอันควรได้ด้วย
ครีมกันแดด มีกี่ประเภท อะไรบ้าง ?
ครีมกันแดดโดยทั่วไป แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ Chemical , Physical , และ Hybrid ซึ่งแต่ละประเภทมีลักษณะและวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน ดังนี้ค่ะ
ครีมกันแดดแบบ Chemical
เป็นครีมกันแดด ที่มีส่วนผสมของสารเคมี เช่น Avobenzone , Octinoxate, Oxybenzone ซึ่งทำหน้าที่ดูดซับรังสี UV ครีมกันแดดประเภทนี้ จะต้องทาก่อนออกแดด 15-20 นาที เป็นครีมกันแดดที่ไม่เป็นที่นิยมมากนัก เพราะดูดซับรังสีได้ไม่ทั่วถึง , อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ และมีโอกาสอุดตัน ทำให้เกิดสิวได้ง่าย
ครีมกันแดดแบบ Physical
เป็นประเภทของครีมกันแดดที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน มีส่วนผสมของแร่ธาตุ เช่น Zinc Oxide และ Titanium Dioxide ทำหน้าที่เป็นเกราะสะท้อนรังสี UV ออกไปจากผิวหนังทันทีเมื่อทา เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือผิวบอบบาง สามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB และปกป้องผิวได้ทันทีหลังทา
ครีมกันแดดแบบ Hybrid
เป็นครีมกันแดดที่ผสมผสานแบบ Chemical เข้ากับแบบ Physical เข้าด้วยกัน สามารถป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB มีประโยชน์ในการดูดซับและสะท้อนรังสี UV มีประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดได้ดีและยาวนาน ทั้งยังลดโอกาสการเกิดอาการแพ้ได้ด้วย
ครีมกันแดดแบบ Physical +Biological Filters
เป็นครีมกันแดดที่ออกแบบมาสำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ ที่สามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้ถึงระดับ DNA โดยไม่ทำให้เซลล์ผิวถูกทำลาย โดย Physical Filters ทำหน้าที่สร้างเกราะป้องกันบนผิวเพื่อสะท้อนรังสี UV ในขณะที่ Biological Filters ช่วยเสริมการปกป้องและฟื้นฟูผิวจากความเสียหาย มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิวที่เกิดจากแสงแดด
เลือกครีมกันแดดอย่างไรให้เหมาะกับสภาพผิวของคุณ?
การเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิวเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ผิวได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ และไม่ทำให้เกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมา mesoestetic มีข้อแนะนำ ดังนี้ค่ะ
- ผิวแห้ง
ให้เลือกครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ เช่น ไฮยาลูรอนิคแอซิด (Hyaluronic Acid) หรือกลีเซอรีน (Glycerin) เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว เนื้อครีมกันแดด ควรเป็นแบบครีมหรือโลชั่น เพื่อให้ซึมเข้าสู่ผิวได้ดี และไม่ทำให้ผิวแห้งตึงหลังการใช้ - ผิวมันหรือผิวผสม
ให้เลือกครีมกันแดดสูตรที่ไม่มีน้ำมัน (Oil-Free) และไม่อุดตันรูขุมขน (Non-Comedogenic) เพื่อป้องกันการเกิดสิว ครีมกันแดดควรเป็นเนื้อเจลหรือเนื้อเบาบาง เช่น ครีมกันแดดแบบน้ำหรือเจล ที่ซึมซาบเร็วและไม่ทำให้ผิวมันเยิ้มระหว่างวัน - ผิวบอบบางและผิวแพ้ง่าย
ให้เลือกครีมกันแดด ที่ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีที่ระคายเคือง เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์ หรือสารกันเสียพวกพาราเบน ควรเลือกใช้ครีมกันแดดแบบ Physical (Mineral Sunscreen) ที่มีส่วนผสมของซิงค์ออกไซด์ (Zinc Oxide) หรือไทเทเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) ซึ่งมักเหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย - ผิวธรรมดา
สามารถเลือกใช้ครีมกันแดดได้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นสูตรน้ำ เนื้อเจล หรือโลชั่น โดยเน้นที่มีค่า SPF และ PA ที่เพียงพอต่อการปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB และให้เลือกเนื้อครีมกันแดดที่ซึมซาบเร็ว และให้ความชุ่มชื้นในระดับที่พอดี เพื่อให้ผิวยังคงสภาพความสมดุล
วิธีการใช้ ครีมกันแดด ที่ถูกต้องเพื่อการปกป้องที่มีประสิทธิภาพ
การใช้ครีมกันแดดอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องผิวจากรังสี UV และลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาผิว ซึ่ง mesoestetic มีข้อแนะนำดังต่อไปนี้
- เลือกครีมกันแดดที่เหมาะสม
ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 ขึ้นไป และสามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB หากผิวคุณแพ้ง่าย ควรเลือกครีมกันแดดที่ปราศจากน้ำหอมและสารเคมีรุนแรง - ให้ทาครีมกันแดดก่อนออกแดด
ให้ทาครีมกันแดดก่อนออกแดด ประมาณ 15 -30 นาที เพื่อให้เนื้อครีมซึมเข้าสู่ผิว และออกฤทธิ์ในการปกป้องผิวได้อย่างเต็มที่ - ทาครีมกันแดดในปริมาณที่เหมาะสม
ให้บีบครีมกันแดดประมาณ 2 ข้อนิ้วมือ หากเป็นกันแดดชนิดน้ำ ควรทาประมาณ 1-2 เหรียญสิบ ให้ทาทั่วใบหน้าและลำคอ และควรทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง - ให้ทาครีมกันแดดแม้อยู่ในที่ร่ม
เพราะรังสี UV สามารถทะลุผ่านเมฆและกระจกได้ ดังนั้นควรทาครีมกันแดดทุกวัน แม้จะอยู่ในร่มหรือในวันที่มีเมฆมาก เพื่อป้องกันการถูกทำร้ายจากรังสี UV ที่มองไม่เห็น
รู้จัก mesoprotech ครีมกันแดด จาก mesoestetic ตอบโจทย์ทุกสภาพผิว เพื่อการปกป้องผิวสวยได้ยาวนาน
mesoestetic ได้พัฒนาสูตรของครีมกันแดด mesoprotech ขึ้นมาให้เหมาะกับสภาพผิวแต่ละประเภท ด้วยเทคโนโลยี PHOTON UV-activated technology เอกสิทธิ์เฉพาะของ mesoestetic ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องและฟื้นฟูผิว ซึ่งประกอบด้วย
Proton Bioskein สามารถปกป้องผิวได้อย่างตรงจุด ,ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการปกป้องผิวจากแสงแดด , เพิ่มความกระชับยืดหยุ่นให้แก่ผิว และช่วยปกป้องคอลลาเจน โดยการลด metalloproteinase-3
Proton DNA repair complex ช่วยบล็อคทุกรังสี ป้องกันความเสียหายถึงระดับ DNA ,ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวที่ได้รับความเสียหายจากแสงแดด พร้อมทั้งช่วยดูดซับรังสี UV และปกป้องคอลลาเจนที่อยู่ใต้ผิว
วันนี้เรามีครีมกันแดด 3 แบบ จาก mesoestetic ที่อยากแนะนำสำหรับคนรักผิวค่ะ
mesoprotech water veil SPF50
ครีมกันแดดแบบ hybrid sunscreen สูตรนี้ เหมาะสำหรับผิวมันและผิวผสม กันน้ำได้ มอบความชุ่มชื้นให้แก่ผิวยาวนานถึง 24 ชั่วโมง โดยไม่ทำให้ผิวอุดตัน มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid ช่วยให้ผิวอิ่มฟู ชุ่มชื้นขึ้นทันที , Silica ควบคุมความมันของผิว ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว และ Collagen Protection ปกป้องการเสื่อมของคอลลาเจนด้วย collagen pro-47 ครีมกันแดดสูตรนี้ของ mesoestetic มีลักษณะเป็นเนื้อน้ำ เกลี่ยง่าย ซึมซาบเร็ว , ไม่เป็นคราบขาว ,ไม่เหนียวเหนอะหนะ และไม่ทำให้ผิวมันเพิ่มขึ้น
mesoprotech melan 130 pigment control SPF50+
ครีมกันแดดแบบ hybrid sunscreen สำหรับผิวที่มีปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ ด้วยส่วนผสมสำคัญอย่าง Iron Oxide ช่วยปกป้องผิวจากแสงสีฟ้า , Azeloglyine ช่วยควบคุมการเกิดใหม่ของจุดด่างดำ ยับยั้งการผลิตเมลานิน , Collagen Protection ปกป้องการเสื่อมของคอลลาเจนด้วย collagen pro-47 ด้วยเนื้อครีมบางเบาสีเบจ กลมกลืนกับสีผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมปกปิดจุดด่างดำ โดยไม่ทิ้งคราบขาว
mesoprotech mineral fluid SPF 50
ครีมกันแดดสีเบจอ่อนๆ เนื้อบางเบา แบบ Physical + biological filters สูตรพัฒนาพิเศษสำหรับผิวแบอบบางและแพ้ง่าย ช่วยบล็อคทุกรังสี อ่อนโยนขั้นสุด ช่วยปลอบประโลมผิว พร้อมให้การปกป้องอย่างล้ำลึก มี Zinc Oxide and titanium Dioxide ที่ให้การปกป้องและสะท้อนทั้งรังสี UVA และ UVB ที่เป็นอันตรายออกจากผิว , Probiotic ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในผิวที่มักถูกทำลาย รวมทั้ง Collagen Protection ปกป้องการเสื่อมของคอลลาเจนด้วย collagen pro-47 เนื้อครีมสีเบจอ่อน ๆ แบบบางเบา ที่ช่วยปรับสีผิวให้สว่างขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมง่าย เบาสบายผิว
โดยครีมกันแดดสูตร Physical + biological filters ของ mesoestetic เป็นการเสริมประสิทธิภาพของกันแดดขั้นสุด ช่วยปกป้องผิวไปจนถึงระดับ DNA ไม่ทำให้เซลล์ผิวถูกทำลาย อุดมไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ ช่วยต้านอนุมูลอิสระให้แก่ผิว ลดโอกาสในการแพ้ ทั้งยังช่วยลดคราบขาว ความมันเยิ้ม และเพิ่มความบางเบาของเนื้อกันแดด
ที่สำคัญ ครีมกันแดดทั้ง 3 สูตรของ mesoestetic ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ยังเป็นครีมกันแดดรักษ์ทะเล( Reef Friendly) โดยได้ผ่านการทดสอบความเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมกับสิ่งมีชีวิตในทะเลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วน Package ก็สามารถนำไปรีไซเคิลได้ง่าย ขวดและฝาผลิตภัณฑ์ก็ทำมาจากวัสดุรีไซเคิลถึง 95%
ครีมกันแดดมีบทบาทสำคัญในการปกป้องผิวจากรังสี UV ที่เป็นอันตราย ซึ่งมีหลายสูตรให้เลือกใช้งานตามความต้องการและสภาพผิวของแต่ละบุคคล โดยเฉพาะครีมกันแดดแบบ Hybrid sunscreen และแบบ Physical + Biological Filters ที่รวมเอาข้อดีของสารกันแดดต่าง ๆ เข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องและบำรุงผิวไปในตัว ไม่เพียงแค่ปกป้องผิวจากแสงแดดเท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันริ้วรอยและความเสียหายของเซลล์ผิวในระยะยาวได้อีกด้วย
คำถามที่พบบ่อย
Q : ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF เท่าไรจึงจะเพียงพอ ?
A : ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 เพื่อการปกป้องที่มีประสิทธิภาพ ถ้าหากต้องการการป้องกันที่สูงกว่านี้ สามารถเลือกค่า SPF ที่สูงขึ้นได้
Q : ถ้าใช้เครื่องสำอาง ควรทาครีมกันแดดเมื่อไหร่ ในขั้นตอนการแต่งหน้า ?
A : ครีมกันแดดควรเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการบำรุงผิวและก่อนการแต่งหน้าเสมอ โดยควรรอให้ครีมกันแดดซึมเข้าสู่ผิวก่อนจึงค่อยเริ่มขั้นตอนการแต่งหน้าเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
Q : ต้องทาครีมกันแดดซ้ำบ่อยแค่ไหนระหว่างวัน ?
A : ควรทาครีมกันแดดซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องเผชิญแสงแดดจ้า หรือทำกิจกรรมที่ต้องเหงื่อออก หรือมีการสัมผัสน้ำเพื่อรักษาประสิทธิภาพในการปกป้องผิว
Q : สามารถใช้ครีมกันแดดสำหรับร่างกาย กับใบหน้าได้หรือไม่ ?
A : แม้ว่าจะใช้ได้ แต่ครีมกันแดดสำหรับร่างกาย อาจมีเนื้อสัมผัสที่หนักหรือมีส่วนผสมที่ไม่เหมาะกับผิวหน้า ควรเลือกครีมกันแดดที่ออกแบบมาสำหรับใบหน้าโดยเฉพาะ เพื่อลดโอกาสในการอุดตันรูขุมขนและเกิดสิว
Q : ครีมกันแดดมีอายุการใช้งานนานเท่าไหร่ หลังจากเปิดใช้งาน ?
A : ครีมกันแดดมักมีอายุการใช้งานประมาณ 1-3 ปี หลังจากเปิดใช้ ควรเก็บไว้ในที่แห้งและเย็นเพื่อลดโอกาสที่ครีมจะเสื่อมสภาพ