ผิวแห้งคัน เป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อย ไม่ว่าจะเกิดจากสภาพอากาศที่แห้ง ความชื้นต่ำ หรือการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม หากปล่อยไว้อาจทำให้ผิวลอก แดง ระคายเคือง หรือเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ การทำความเข้าใจถึง สาเหตุของผิวแห้งคัน และวิธีดูแลที่ถูกต้องจะช่วยให้ผิวกลับมาชุ่มชื้น เนียนนุ่ม และสุขภาพดี ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับ ปัจจัยที่ทำให้ผิวแห้งคัน ไม่ว่าจะเป็นจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต หรือสภาวะแวดล้อม พร้อมแนะนำ วิธีป้องกันและฟื้นฟูผิว ด้วยเคล็ดลับง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ทุกวัน เพื่อให้คุณมีผิวที่แข็งแรง อิ่มน้ำ และดูสุขภาพดีอยู่เสมอ
อาการของ ผิวแห้งคัน ที่ควรสังเกต
การสังเกตอาการของผิวแห้งคันตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้สามารถดูแลและแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีลักษณะอาการ ดังต่อไปนี้
- ผิวแห้งตึง และขาดความชุ่มชื้นหากคุณรู้สึกว่าผิวตึงหลังอาบน้ำหรือทำความสะอาดหน้า นั่นอาจเป็นสัญญาณแรกของผิวแห้ง เพราะผิวที่ขาดความชุ่มชื้นจะสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้รู้สึกไม่สบายผิวและเกิดริ้วรอยได้ง่าย
- มีอาการคันเกิดขึ้นบ่อย ๆหนึ่งในอาการที่ชัดเจนที่สุดของผิวแห้งคืออาการคัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ หรือรู้สึกคันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณที่สัมผัสกับอากาศแห้งมาก เช่น ขา แขน และลำตัว เป็นต้น
- ผิวลอกเป็นขุย หรือเกิดสะเก็ดเมื่อผิวแห้งมากขึ้น จะเริ่มเห็นว่าผิวลอกเป็นขุยหรือเกิดสะเก็ดขนาดเล็ก โดยเฉพาะบริเวณที่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศเย็นและแห้ง เช่น ใบหน้า ข้อศอก และหัวเข่า
- ผิวแตกและมีรอยแดงหากปล่อยให้ผิวแห้งเป็นเวลานาน อาจทำให้ผิวแตกและเกิดรอยแดงได้ ซึ่งเป็นอาการที่บ่งบอกว่า ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นอย่างรุนแรง และมีโอกาสเกิดการอักเสบตามมา
- ผิวหยาบกร้านผิวที่ขาดน้ำ จะสูญเสียความเรียบเนียน เมื่อสัมผัสจะรู้สึกหยาบกร้านกว่าปกติ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าผิวต้องการการบำรุงอย่างเร่งด่วน
- ผิวหมองคล้ำ ไม่สดใสเปล่งปลั่งเมื่อผิวแห้ง ขาดน้ำ จะทำให้หน้าหมองคล้ำและไม่สดใส เนื่องจากเซลล์ผิวที่ตายแล้วสะสมบนผิวหนังมากขึ้น
- มีริ้วรอยก่อนวัยผิวที่ขาดความชุ่มชื้น มักจะสูญเสียความยืดหยุ่น ส่งผลให้ริ้วรอยเล็ก ๆ ปรากฏเร็วขึ้น โดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตาและมุมปาก
สาเหตุของ ผิวแห้งคัน ที่คุณอาจไม่เคยรู้
ผิวแห้งคัน เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังต่อไปนี้
- อากาศแห้งและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ ผิวแห้งคัน คือ อากาศที่แห้งเกินไป เช่น ในช่วงฤดูหนาว , การอยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานาน หรือการสัมผัสกับลมแรง เป็นต้น
- การอาบน้ำผิดวิธีการอาบน้ำอุ่นจัด หรือใช้สบู่ที่มีสารชะล้างแรงเกินไป อาจทำให้ผิวสูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติ ส่งผลให้ผิวแห้งและคันได้ง่าย
- การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะสมการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารเคมีแรงๆ อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง และสูญเสียความชุ่มชื้น จนกลายเป็นผิวแห้งคันได้
- ดื่มน้ำไม่เพียงพอภาวะขาดน้ำ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น ผิวจึงแห้ง คัน และเกิดริ้วรอยได้ง่าย
- ปัญหาผิวหนังและโรคบางชนิดผิวแห้งคันอาจเกิดจากภาวะผิดปกติของผิวหนัง เช่น โรคผิวหนังอักเสบ (Eczema), โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis), ภาวะขาดไขมันโอเมก้า 3 , โรคภูมิแพ้ผิวหนัง (eczema) , การแพ้สารเคมีบางชนิด ,โรคเบาหวาน เพราะน้ำตาลในเลือดสูงสามารถทำให้ผิวแห้งได้ ,โรคไต โดยเฉพาะช่วงที่อยู่ระหว่างการฟอกไต เพราะจะมีการขจัดน้ำออกจากร่างกาย ซึ่งจะส่งผลทำให้ผิวแห้งได้ รวมถึงโรคต่อมไทรอยด์ เนื่องจากภาวะผิวแห้ง เป็นอาการทั่วไปของภาวะไทรอยด์ทำงานน้อย (hypothyroidism)
- อายุ หลังจากอายุ 40 ปี ผิวของคุณจะผลิตน้ำมันน้อยลงและทำให้ผิวแห้งขึ้น
- การรับประทานยาบางชนิดการที่ผิวแห้งคัน อาจเป็นผลข้างเคียงจากยาบางประเภท เช่น ยาลดไขมัน (statins) และยาขับปัสสาวะ (diuretics) เป็นต้น
- วัยหมดประจำเดือนการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือน ทำให้ผิวของผู้หญิงแห้งขึ้น
- การขาดวิตามินหรือแร่ธาตุ การขาดวิตามิน D, วิตามิน A, ไนอะซิน, สังกะสี หรือธาตุเหล็กสามารถทำให้ผิวแห้งได้
วิธีป้องกัน ไม่ให้ผิวแห้งคัน
การป้องกันผิวแห้งคันอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผิวของคุณคงความชุ่มชื้นและเนียนนุ่มอยู่เสมอ ดังต่อไปนี้
- ดื่มน้ำให้เพียงพอการดื่มน้ำ เป็นหนึ่งในวิธีง่าย ๆ ที่สามารถช่วยป้องกันผิวแห้งคันได้ การดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยให้ร่างกายและผิวหนังไม่ขาดน้ำ แต่จะทำให้ผิวชุ่มชื้นและสุขภาพดี โดยให้ดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว และให้รับประทานอาหารที่มีน้ำสูง เช่น แตงโม มะเขือเทศ หรือแตงกวา เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนจัดการอาบน้ำร้อนจัด สามารถทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น และน้ำมันตามธรรมชาติที่ช่วยปกป้องผิว ดังนั้น วิธีป้องกันคือ ให้อาบน้ำด้วยน้ำอุ่น หรืออุณหภูมิห้อง และไม่ควรอาบน้ำร้อนเกินไป โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ่อนโยน และให้ความชุ่มชื้นสูง จะช่วยป้องกันปัญหาผิวแห้งคัน โดยให้เลือกใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของเซราไมด์ (Ceramide), ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ กลีเซอรีน (Glycerin) และให้หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารกันเสียที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง
- ทาครีมบำรุงผิวหลังอาบน้ำทันทีหลังการอาบน้ำ ผิวจะสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย ควรทาครีมบำรุงทันที เพื่อล็อคความชุ่มชื้น เช่น มอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer) และให้เลือกใช้ครีมที่มีวิตามิน E หรือ เชียบัตเตอร์ (Shea Butter) ที่ช่วยให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้น
- ใช้เครื่องปรับอากาศเพื่อเพิ่มความชื้นในอากาศในช่วงฤดูหนาว หรือในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ มักจะทำให้ความชื้นในอากาศลดลง ทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้ง่าย ดังนั้น ให้ใช้เครื่องเพิ่มความชื้นในห้อง (Humidifier) เพื่อรักษาความชื้นในอากาศ และให้รักษาอุณหภูมิภายในบ้านให้เหมาะสม
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเคมีที่อาจทำให้ระคายเคืองการสัมผัสกับสารเคมีในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด หรือเครื่องสำอาง ที่มีส่วนผสมที่รุนแรง เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือพาราเบน อาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมอ่อนโยน และเหมาะกับสภาพผิวของคุณ โดยให้สวมถุงมือในการทำความสะอาด หรือใช้สารเคมีเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวโดยตรง
ha densimatrix , fast skin repair 2 ตัวช่วยฟื้นบำรุงผิวแบบเร่งด่วน เผยผิวกระจ่างใส ดูอ่อนกว่าวัย
เพื่อการฟื้นบำรุงผิวอย่างมีประสิทธิภาพอย่างเร่งด่วนและช่วยแก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน ผิวแห้งคัน ha densimatrix และ fast skin repair จาก mesoestetic คือ 2 ตัวช่วยสำหคัญในการบูสท์ผิวให้แข็งแรง ด้วยคุณค่าของสารสกัดธรรมชาติ ผสมผสานกับเทคโนโลยีทางด้านความงามได้อย่างลงตัว
ha densimatrix
เรียกได้ว่าเป็นการผสานพลังของกรดไฮยาลูโรนิกถึง 4 ชนิดของเซรั่ม ไม่ว่าจะเป็น
- Cross linked HA มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวทันทีที่ทา พร้อมทั้งช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นได้อย่างยาวนาน
- Mean molecular weight ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวตั้งแต่ระดับลึก
- High molecular weight ช่วยปกป้องไม่ให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น
- Low molecular weight ช่วยกระตุ้นการสร้างกรดไฮยาลูโรนิกตามธรรมชาติ ในผิวชั้นที่อยู่ลึกลงไปได้
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ ha densimatrix มีประสิทธิภาพสูงในการเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ช่วยลดอาการผิวแห้งคัน พร้อมลดเลือนริ้วรอยให้ดูจางลง ทำให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น นอกจากมีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิกแล้ว ha densimatrix ยังมีสารต้านแอนติออกซิแดนท์ จากสารสกัดของหินมาลาไคต์ (Malachite extract) ช่วยปกป้องการคงอยู่ของคอลลาเจน และอีลาสตินตามธรรมชาติของผิว ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น รวมถึง Mashmallow root extract สารสกัดจากรากของต้นมาร์ชแมลโลว์ ช่วยรักษาการคงอยู่ของกรดไฮยาลูโรนิกได้ยาวนานมากขึ้น
fast skin repair
เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ที่ช่วยปลอบประโลมและเสริมปราการปกป้องผิวจากสิ่งแวดล้อมภายนอก ที่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง อ่อนแอ ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะ , การระคายเคืองที่เกิดจากการทำหัตถการทางการแพทย์ หรือการแพ้เครื่องสำอาง พร้อมช่วยฟื้นบำรุงเกราะปกป้องผิวให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น โดยมีส่วนผสมที่สำคัญคือ
- มี Bio-Balancing มีคุณสมบัติช่วยปรับสมดุลผิว และเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ผิว ประกอบได้ด้วย prebiotic(heptapeptide-4) ซึ่งเป็นอาหารสำหรับแบคทีเรียชนิดดี ช่วยปรับความสมดุลของจุลินทรีย์บนผิว พร้อมช่วยให้เกราะปกป้องผิวแข็งแรงมากขึ้น
- มี Antioxidant Action มีคุณสมบัติช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ และจากสาเหตุที่ทำให้ผิวอ่อนแอ ประกอบด้วย Tetrapeptide – 2 เป็นเปปไทด์ที่ช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระจากแสงแดด และมลภาวะต่าง ๆ
- มี Moisturising ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวมีส่วนผสมของ Squalane ซึ่งเป็นน้ำมันที่ได้จากธรรมชาติ มีโครงสร้งใกล้เคียงกับไขมันในผิวหนัง ช่วยให้เกราะปกป้องผิวแข็งแรง พร้อมด้วย Hyaluronic acid ที่ช่วยปลอบประโลมผิว ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น อิ่มน้ำ สุขภาพดี และ Urea ที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวตามธรรมชาติ
- มี Regenerative ช่วยฟื้นบำรุงผิวที่อ่อนแอด้วยส่วนผสมของ Panthenol & Allantoin ที่ช่วยปลอบประโลมผิวจากรอยแดง บรรเทาอาการระคายเคืองของผิว และช่วยฟื้นผิวที่อ่อนแอ พร้อมด้วย Centella asiatica สารสกัดจากใบบัวบก ช่วยฟื้นบำรุงผิวที่อ่อนแอ และช่วยสมานผิว
- มี Shooting & Anti-Inflammatory ช่วยปลอบประโลมและบรรเทาอาการอักเสบของผิว ประกอบไปด้วย Glycyrrhiza glabra rootextract ซึ่งเป็นสารสกัดจาดชะเอมเทศ ช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ และช่วยบรรเทาอาการอักเสบของผิว ที่มีสาเหตุมาจากปัจจัยภายนอก รวมถึง Root of Daucus carota sativa เป็นสารสกัดจากรากแครอท ที่อุดมไปด้วยสารโพลีฟีนอล มีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ พร้อมสร้างเกราะปกป้องผิวจากภายนอก
ปัญหาผิวแห้งคันเกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ พฤติกรรมการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม หรือแม้แต่ปัจจัยภายในร่างกาย เช่น อายุที่เพิ่มขึ้นและภาวะขาดน้ำ หากปล่อยไว้โดยไม่ดูแลอย่างถูกต้อง อาจทำให้ผิวลอก แตกหรือเกิดอาการระคายเคืองรุนแรงได้ การป้องกันและฟื้นฟูผิวแห้งคัน ทำได้โดยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่ให้ความชุ่มชื้นอย่างเหมาะสม หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนนาน ๆ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และปรับพฤติกรรมการดูแลผิวให้เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง และไม่ลืมที่จะเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเติมน้ำ และเสริมเกราะป้องกันผิว พร้อมดูแลจากภายในสู่ภายนอก เท่านี้ก็สามารถบอกลาปัญหาผิวแห้งคัน และเผยผิวสวยได้อย่างมั่นใจ
คำถามที่พบบ่อย
Q : ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์อะไรบ้างเมื่อผิวแห้งคัน ?
A : ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ , น้ำหอม หรือสารเคมีที่รุนแรง เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองและแห้งยิ่งขึ้น ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและปราศจากสารเคมี
Q : การใช้ครีมบำรุงผิวหลังอาบน้ำ ช่วยบรรเทาผิวแห้งคันได้หรือไม่ ?
A : การทาครีมบำรุงผิวหลังอาบน้ำทันที สามารถช่วยรักษาความชุ่มชื้นในผิวได้ดี เพราะหลังจากอาบน้ำ ผิวจะมีความชื้นที่เหมาะสม ครีมบำรุงจะช่วยล็อกความชุ่มชื้นไว้ในผิว ทำให้ผิวเนียนนุ่มและลดอาการคันได้
Q : ผิวแห้งคันสามารถหายได้โดยไม่ต้องพบแพทย์หรือไม่ ?
A : หากผิวแห้งคันเกิดจากการสูญเสียความชุ่มชื้นจากปัจจัยภายนอก เช่น อากาศแห้งหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม การบำรุงผิวด้วยครีมบำรุง และการปรับพฤติกรรมก็สามารถช่วยให้ผิวกลับมาชุ่มชื้นได้ แต่หากผิวแห้งคันเกิดจากปัญหาผิวหนังเรื้อรัง เช่น ผิวหนังอักเสบ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการรักษาที่ถูกต้องต่อไป
Q : การใช้ครีมกันแดด ช่วยลดอาการผิวแห้งคันได้หรือไม่?
A : การใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF เหมาะสม สามารถช่วยป้องกันการถูกทำลายของผิว และช่วยลดอาการแห้งคันได้
Q : ผิวแห้งคันเกิดจากโรคอะไรได้บ้าง ?
A : ผิวแห้งคัน อาจเกิดจากโรคหลายชนิด เช่น โรคผิวหนังอักเสบ (Eczema), สะเก็ดเงิน (Psoriasis), หรือ โรคภูมิแพ้ผิวหนัง (Contact Dermatitis) ซึ่งสามารถทำให้ผิวแห้ง คัน และระคายเคืองได้ หากสงสัยว่ามีโรคผิวหนังร่วมด้วย ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม