“สิว” ปัญหาจากจุดเล็กๆ แต่สามารถลุกลามเป็นเรื่องใหญ่กวนใจใครหลายๆคนได้ทุกเพศทุกวัย เกิดขึ้นเนื่องด้วยหลากหลายปัจจัยตั้งแต่ระบบฮอร์โมนไปจนถึงพฤติกรรมบางอย่างที่สามารถกระตุ้นให้เกิดสิวขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นสิวอักเสบ สิวอุดตัน สิวผด สิวหัวปิด สิวหัวเปิด สิวหนอง หรือแม้แต่สิวหัวช้าง แต่ไม่ว่าจะเป็นสิวประเภทไหน ถ้าปล่อยปะละเลยเอาไว้โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง สิวที่มีอยู่บนใบหน้าทั้งหลายอาจจะกลายร่างเป็นสิวเรื้อรัง ที่เกิดขึ้นที่เดิมซ้ำๆ เป็นๆหายๆ หากต้องการให้สิวหายแบบไม่กวนใจ จำเป็นต้องรู้สาเหตุหรือที่มา พร้อมวิธีรักษาให้ตรงจุดและปลอดภัย ไม่ทิ้งผลข้างเคียงหรือรอยด่างดำเอาไว้ในระยะยาว
สิวคืออะไร
สิวคืออะไร? เป็นสิ่งแรกที่เราจะต้องทำความเข้าใจว่าสิว(Acne vulgaris) เป็นการอักเสบเรื้อรังของผิวหนังที่แสดงออกมาได้ในหลายลักษณะ ซึ่งกลไกที่ทำให้เกิดสิวนั้นแบ่งเป็นปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ดังนี้
ปัจจัยภายใน
ส่วนใหญ่การเกิดสิวจากปัจจัยภายใน มีสาเหตุมาจากระดับฮอร์โมนในร่างกาย หรือกรรมพันธุ์ ซึ่งมักนำไปสู่ภาวะต่างๆเกิดขึ้นตามมา เช่น
- การแบ่งและผลัดผิวหนังผิดปกติ (Hyperkeratosis)
เกิดจากการที่เซลล์ของผิวหนังถูกสร้างมากจนเกินไป ทำให้เกิดการเกาะตัวกันแน่น ยากที่จะหลุดออก จนทำให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน ทำให้เกิดสิวขึ้นได้ - ต่อมไขมันมีการผลิตน้ำมันมากจนเกินไป (Seborrhea)
เมื่อต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากกินไปทำให้น้ำมันถูกขับออกมาไม่หมด มีภาวะหนืดและเหนียวติดอยู่ในท่อของรูขุมขน เกิดการอุดตันและเกิดสิวตามมา
ปัจจัยภายนอก
ในส่วนของปัจจัยภายนอกที่สามารถทำให้เกิดสิวขึ้นได้ ก็ได้แก่ ยา แสงแดด อาหาร เครื่องสำอาง หรือพฤติกรรมต่างๆ ที่กระตุ้นให้เกิดสิว เป็นต้น
ประเภทของสิว
มีการแบ่งสิวออกเป็น 2 ประเภท ตามลักษณะของการอักเสบ คือสิวอุดตันและสิวอักเสบ ดังนี้
สิวอุดตัน
สิวอุดตัน แบ่งเป็น
- เป็นสิวหัวขาว (สิวหัวปิด) โดยมีลักษณะเป็นตุ่มนูนสีขาวหรือสีเนื้อขนาดเล็กที่อยู่ใต้ผิวหนัง สามารถกลายเป็นสิวอักเสบในอนาคตได้
- สิวหัวดำ(สิวหัวเปิด) มีลักษณะคือที่ตุ่มนูนตรงกลางจะมีจุดสีดำแข็งๆ ซึ่งเป็นการสะสมตัวของเซลล์คอร์นีโอไซต์ (Corneocyte) และซีบัม (Sebum)ในรูขุมขน ซึ่งทำให้รูขุมขนเกิดการขยายตัวอย่างเห็นได้ชัด ทำให้มองเห็นจุดสีเข้มที่มีการอุดตันในรูขุมขน
สิวอักเสบ
สิวอักเสบมีหลายลักษณะ ดังต่อไปนี้
- สิวหัวแดง เป็นตุ่มสีแดง มีอาการเจ็บเมื่อถูกสัมผัส ในบางรายอาจมีหนองร่วมด้วย ซึ่งเกิดมาจากการอุดตันและการติดเชื้อของรูขุมขน
- สิวตุ่มแดงเล็ก (papule) สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งจากการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมกับการอุดตันของรูขุมขน
- สิวตุ่มหนอง (pustule) โดยบริเวณฐานจะเป็นตุ่มสีแดง และมีจุดสีขาวเหลืองซึ่งก็คือหนองอยู่ที่หัวสิว
- สิวหัวช้าง (nodules) เป็นการอักเสบอย่างรุนแรงที่ชั้นหนังแท้(Dermis) มีลักษณะเป็นก้อนไตใหญ่และแข็ง มีการอักเสบจนแดง ไม่มีหัว
- ซีสต์ (cysts) มีลักษณะเป็นก้อนนูนๆ ใหญ่ มีความนิ่ม เป็นถุงที่มีหนองเลือดอยู่ใต้ผิว
สิวเรื้อรังคืออะไร
สิวเรื้อรัง (Severe Acne, Chronic Acne) เป็นหนึ่งในปัญหาผิวหนังที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูน หรือเป็นก้อนไขมันที่มีขนาดเล็กบ้าง ใหญ่บ้างอยู่ใต้ผิวหนัง โดยมีสาเหตุมาจากการอุดตันของต่อมไขมัน น้ำมัน รวมกับสิ่งสกปรกอยู่ภายในรูขุมขน พร้อมทั้งได้รับการกระตุ้นจากปัจจัยอื่นๆภายนอก ทั้งมลภาวะ อาหาร การติดเชื้อของผิวหนังหรือพฤติกรรมต่างๆที่เอื้อต่อการเกิดสิว เมื่อได้รับการกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดเป็นสิวเรื้อรังขึ้นมาได้ โดยสิวเรื้อรังนั้น สามารถพบได้ทั้งในลักษณะของสิวอุดตันและสิวอักเสบ ที่เรียกว่า Acne Vulgaris นอกจากนั้นยังมีสิวเรื้อรังในกลุ่มอื่นๆด้วยเช่น สิวผด(Acne Estivaris) และภาวะสิวหน้าแดง (Acne Rocasea) พบได้ทั่วไปตามจุดต่างๆของร่างกาย ทั้งลำตัว คอ บริเวณหน้าและกรอบหน้า เป็นต้น ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลานานในการรักษาและควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนังควบคู่กันไปด้วย
ระดับความรุนแรงของสิวเรื้อรัง
สิวเรื้อรัง มีระดับความรุนแรงหลายระดับ ดังต่อไปนี้
- ระดับน้อย สิวมักจะขึ้นในจุดเดิม โดยส่วนใหญ่จะเป็นสิวผด สิวเม็ดเล็กๆหรือสิวอุดตัน
- ระดับปานกลาง สิวมักจะขึ้นในจุดเดิม ส่วนใหญ่เป็นสิวผด สิวเม็ดเล็ก และสิวอักเสบซึ่งมักขึ้นไม่เกิน 5 จุด รวมถึงสิวหัวช้างที่ขึ้นไม่เกิน 3 จุดบนใบหน้า
- ระดับรุนแรง สิวมักขึ้นที่จุดเดิม ส่วนใหญ่เป็นสิวเม็ดเล็ก มีสิวอักเสบขึ้นมากกว่า 5 จุด และสิวหัวช้างมากกว่า 3 จุดบนใบหน้า
สิวเรื้อรังเกิดจากอะไร
สาเหตุของการเกิดสิวเรื้อรัง เกิดจาก 2 ปัจจัยร่วม คือปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกที่เป็นการกระตุ้นให้เกิดสิวเพิ่มมากขึ้น ดังนี้
ปัจจัยภายใน
ปัจจัยภายในที่ทำให้เกิดเป็นสิวเรื้อรัง ไม่หายขาด มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับกลไกการเกิดสิวโดยตรง กล่าวคือ
- เริ่มต้นจากการที่ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องไปกระตุ้นต่อมไขมัน ทำให้เกิดการผลิตน้ำมันออกมา
- เกิดการแบ่งตัวของผิวหนังชั้นนอกมากจนเกินไป ทำให้เกาะกันแน่น และเกิดการอุดตันที่รูขุมขนในที่สุด
- มีแบคทีเรียที่เจริญเติบโตที่ผิวมากจนเกินไป
- จนเกิดเป็นปฏิกิริยาของผิวหนังที่มีการอักเสบ
ดังนั้นจึงพอจะสรุปได้ว่าปัจจัยภายในที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวคือความไม่สมดุลของระดับฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งฮอร์โมนที่ทำให้เกิดสิว มีดังต่อไปนี้
- ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชาย ที่กระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามาก จนทำให้เกิดการอุดตันที่รูขุมขนและทำให้เกิดสิว
- ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิง มีผลทำให้เซลล์ผิวหนังมีอาการรบวมขึ้นจนปิดรูขุมขน ทำให้ไขมันไม่สามารถระบายออกมาได้ จนเกิดการอุดตัน และทำให้เกิดสิว
- ฮอร์โมนคอร์ติซอล แท้จริงเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความกระปรี้กระเปร่าของร่างกาย แต่ถ้าหากมีมากจนเกินไป จะไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น ทำให้เกิดการอุดตันที่รูขุมขน เกิดเป็นสิวอุดตัน และเป็นสิวเรื้อรังได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง
- ฮอร์โมนอินซูลิน เป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับน้ำตาลในเลือด ซึ่งจะมีผลทางอ้อม ในการไปกระตุ้นการอุดตันของไขมันและกระตุ้นการอักเสบ จนกลายเป็นสิวอักเสบและสิวอุดตัน และอาจส่งผลทำให้เกิดสิวเรื้อรังขึ้นได้
สิ่งที่กระตุ้นให้ระดับฮอร์โมนต่างๆเกิดการแปรปรวน จนทำให้เกิดสิวขึ้นได้ มีดังนี้
- วิถีชีวิตที่มีแต่ความเร่งรีบ นอนดึก ตื่นเช้า รวมถึงภาวะความเครียด ล้วนแต่ส่งผลทั้งสิ้นต่อระบบฮอร์โมนในร่างกาย
- ช่วงก่อนและหลังการมีประจำเดือน
ในช่วง 7 วันก่อนมีประจำเดือน ระดับของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะสูง จึงทำให้ช่วงนี้มักมีสิวเกิดขึ้น แต่เมื่อประจำเดือนมา ระดับของฮอร์โมนเพศหญิงจะลดลง แต่ระดับฮอร์โมนเพศชายอย่างเทสโทสเทอโรนจะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น โอกาสที่จะทำให้เกิดสิวอักเสบก็จะตามมา และถ้าปล่อยเอาไว้ก็สามารถกลายเป็นสิวเรื้อรังต่อไปได้ - ผู้ที่ฉีดยาคุมกำเนิด
ยาคุมกำนิดชนิดที่ใช้ฉีดส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของฮอร์โมนโปรเจสเทอโรน ทำให้เกิดสิวเห่อขึ้นมาได้ - โรคบางชนิด อาจจะส่งผลให้ระดับของฮอร์โมนไม่สมดุล จนทำให้เกิดสิว และส่วนใหญ่มักมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่นประจำเดือนมาไม่ปกติ ขนดกขึ้น หรือศีรษะล้าน ซึ่งในกรณีเช่นนี้ต้องไปขอรับคำแนะนำจากแพทย์
ไม่เพียงแค่เรื่องของฮอร์โมนเท่านั้น แต่เรื่องของกรรมพันธุ์ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการเกิดสิวเรื้อรัง โดยในบางครอบครัวมีการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นด้วยเช่นกัน เช่นบางคนมีความผิดปกติในเรื่องการผลิตซีบั่ม(sebum)หรือมีการผลิตน้ำมันบนผิวในปริมาณที่มาก ทำให้เกิดการอุดตันในรูขุมขนได้ง่าย เป็นต้น
ปัจจัยภายนอก
สิ่งที่เป็นปัจจัยภายนอกที่กระตุ้นให้เกิดสิวนั้น เป็นสิ่งที่มาสัมผัสผิวหน้าของเรา ทำให้ผิวหน้าสกปรก เกิดการหมักหมมจนอุดตัน ทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคือง มีดังต่อไปนี้
- ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เครื่องสำอาง แชมพู
- ครีมหรือผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้า เป็นไปได้ว่าในครีมนั้นอาจจะมีส่วนผสมบางอย่างที่ทำให้ผิวหน้าเกิดการระคายเคืองจนเป็นสิวขึ้นได้ และเพื่อเป็นการป้องกันการอุดตัน ให้เลือกครีมที่เป็นแบบ Oil Free, ปราศจากน้ำหอม ,ปราศจากแอลกอฮอล์,ไม่มีพาราเบน และไม่มีซิลิโคน เป็นต้น ที่สำคัญเลือกครีมให้เหมาะกับสภาพผิวของเราจะดีที่สุด หลีกเลี่ยงครีมที่มีส่วนผสมของสารอันตราย เช่น สเตียรอยด์ ปรอท ฯลฯ ซึ่งเป็นการรบกวนกลไกการทำงานของผิว ทำให้เกิดสิวเรื้อรังในระยะยาวได้
- เครื่องสำอาง พวกรองพื้นหรือแป้งที่ผสมรองพื้นโดยส่วนใหญ่สามารถทำให้เกิดสิวเรื้อรังได้มากที่สุด ดังนั้นให้เลือกสูตรที่ไม่กระตุ้นให้เกิดสิว โดยเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของซิลิโคน (silicone) ซึ่งหาดสังเกตจะมีส่วนผสมของ -cone , -siloxane โดยข้อดีของซิลิโคนคือจะช่วยทำให้เนื้อรองพื้นเกลี่ยง่าย ช่วยปกปิดรูขุมขนได้อย่างเรียบเนียน ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่ทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตัน แต่เมื่อจำเป็นต้องใช้ ควรมีการทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจด และที่สำคัญควรมีการทำความสะอาดอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นพัฟและแปรงแต่งหน้า
- แชมพู เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สามารถทำให้เกิดสิวที่บริเวณหน้าผาก ไรผม หรือกรอบหน้าได้ ดังนั้นเพื่อป้องกันการเกิดสิวเรื้อรัง แนะนำให้ใช้สูตรที่ปราศจากสารซิลิโคน ปราศจากน้ำหอม ปราศจากแอลกอฮอล์ และปราศจากสารพาราเบน หรืออาจจะใช้แชมพูเด็กที่มีเนื้อใส
- มลภาวะ ฝุ่น ควัน สภาพอากาศ
มีการวิจัยออกมาว่ามลพิษทางอากาศมีผลต่อการเกิดสิว เนื่องจากว่าทำให้สารต้านอนุมูลอิสระของผิวและภูมิต้านทานของผิวลดลง ดังนั้นจึงทำให้ผิวมีความอ่อนแอ แพ้ง่ายมากกว่าปกติ และนอกจากนั้น แสงแดดและความร้อน ยังทำให้ผิวหนังมีการผลิตเหงื่อและน้ำมันออกมามากขึ้น เมื่อมีมลพิษ ฝุ่นควันและสิ่งสกปรกหมักหมม เข้าไปอุดตันในรูขุมขน ทำให้เกิดสิว และเป็นจุดเริ่มต้นของสิวเรื้อรังได้อีกทาง ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงสถานที่ที่เต็มไปด้วยมลภาวะ ฝุ่นควัน หรืออย่าให้ผิวสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานาน พร้อมทั้งพยายามทำความสะอาดผิวให้ดีที่สุด
- อาหารกระตุ้นสิว
ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอาหารบางชนิดที่กระตุ้นให้เกิดสิว โดยส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่มีน้ำตาลหรือไขมันมาก ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ฮอร์โมนอินซูลินหลั่งออกมามากขึ้น ซึ่งจะไปกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันทำให้มีการผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น หรืออาหารบางชนิดก็ยังสามารถไปกระตุ้นปฏิกิริยาอักเสบในร่างกายให้เกิดขึ้นได้โดยง่าย ทำให้เกิดสิวขึ้นได้ด้วยเช่นกัน - ความเครียด
ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นอีกหนึ่งตัวการสำคัญที่ทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนผิดปกติ ส่งผลให้ต่อมเหงื่อ และต่อมไขมันทำงานมากเกินไป มีการหลั่งเหงื่อและไขมันออกมาในปริมาณที่มาก ทำให้เกิดการสะสมของแบคทีเรียและมีการอุดตันในรูขุมขนได้ง่ายด้วย - โรคผิวหนังบางชนิด
โรคผิวหนังบางชนิด สามารถทำให้เกิดสิวเรื้อรังขึ้นได้ เช่น โรคเซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) รวมถึงโรคภาวะผิวหนังอักเสบจากต่อมไขมันในชั้นผิว เป็นต้น - พฤติกรรมต่างๆที่ทำให้เกิดสิว
มีพฤติกรรมในชีวิตประจำวันมากมายที่ก่อให้เกิดสิวตามมา เช่น - ใช้มือสัมผัสกับใบหน้าอยู่บ่อยๆ เนื่องจากมือคนเรา ถือเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคเป็นอย่างดี เมื่อได้สัมผัสกับผิวหน้า ก็อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคือง เกิดสิวอักเสบ สิวอุดตัน เป็นๆหายๆกลายเป็นสิวเรื้อรังขึ้นมาได้
- การบีบ แกะสิว ทำให้เชื้อแบคทีเรียกระจายออกไปทั่วใบหน้า ทำให้เกิดสิวใหม่ขึ้นในขณะที่สิวเก่าก็ยังไม่หายไป ไม่เพียงเท่านั้น ยังอาจทำให้เกิดรอยสิวตามมาอีกด้วย
- การใช้ผ้าเช็ดหน้าแรงๆ เป็นการกระตุ้นให้ผิวหน้าเกิดการระคายเคืองและอักเสบขึ้นได้
เมื่อเป็นสิวเรื้อรัง ระบบร่างกายกำลังบอกอะไร
สิวเรื้อรัง สามารถเกิดขึ้นได้ในหลายๆส่วนของร่างกาย นอกจากการระคายเคืองของผิวหนังและปัจจัยทั้งภายนอกและภายในที่ทำให้เกิดสิวเรื้อรังขึ้นมาแล้ว ก็เป็นการบ่งบอกถึงความผิดปกติบางอย่างของระบบอวัยวะในร่างกายด้วย ดังนี้
- สิวเรื้อรังที่หน้าผาก
การเป็นสิวเรื้อรังที่หน้าผาก บ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร ควรรับประทานอาหารจำพวกธัญพืชและดื่มน้ำเปล่ามากๆ - สิวเรื้อรังที่ขมับ
เกิดจากปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของตับและการพักผ่อนไม่เพียงพอ ดังนั้นควรเลี่ยงอาหารประเภทของมันและนอนหลับให้เพียงพอ - สิวเรื้อรังที่คิ้ว
ส่วนใหญ่เกิดจากการที่รับประทานอาหารที่มีรสเค็มจัดมากจนเกินไป รวมถึงการแพ้พวกครีมหรือแชมพูสระผม - สิวอุดตันเรื้อรังที่จมูก
โดยมากเกี่ยวข้องกับระบบฮอร์โมนของร่างกาย ควรรับประทานอาหารประเภทผัก ผลไม้ให้มากๆ - สิวเรื้อรังที่คาง
โดยปกติเกี่ยวข้องกับปัญหาการทำงานของลำไส้เล็ก โดยเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีรสจัดมากจนเกินไป ควรดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ พร้อมทั้งรับประทานอาหารจำพวกผักและผลไม้อย่างสม่ำเสมอ - สิวเรื้อรังที่แก้ม
ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ หรือโรคภูมิแพ้ ควรมีการรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีและวิตามินเอ จำพวกส้ม มะเขือเทศ สตรอเบอรี่ และดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน
อาหารที่กระตุ้นให้เกิดสิวเรื้อรัง
อย่างที่เราทราบกันว่า อาหารก็เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวเรื้อรังขึ้นได้ ซึ่งอาหารประเภทดังกล่าว มีดังต่อไปนี้
- อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง (Glycemic Index) เช่นเครื่องดื่มที่มีความหวานมาก ขนมหวาน และแป้งแปรรูปต่างๆ เช่น แป้งขัดขาว แป้งที่ใช้ทำเบเกอรี่ รวมถึงขนมปังขัดขาว เป็นต้น ซึ่งอาหารดังกล่าวนี้จะกระตุ้นให้ฮอร์โมนอินซูลินมีการหลั่งออกมามากขึ้น ไปกระตุ้นต่อมไขมัน ทำให้มีการผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น ทำให้เซลล์ผิวมีการแบ่งตัวเร็วขึ้น ส่งผลให้เกิดการอุดตันและปฏิกิริยาอักเสบตามมา
- อาหารประเภทนมวัว และผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากนมวัว เช่น ชีส เนื่องจากในการช่วงที่ร่างกายมีการย่อยโปรตีนจากนมวัว จะมีการปล่อยฮอร์โมนที่มีชื่อว่า IGF-1 โดยจะไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น และเพิ่มโอกาสในการเกิดสิวมากขึ้นด้วย
- ไขมันทรานส์ เป็นไขมันไม่อิ่มตัวจากพืชที่ถูกดัดแปลง ในกระบวนการอุตสาหกรรม เพื่อให้น้ำมันกลายเป็นของกึ่งแข็ง ช่วยให้รสชาติอร่อยขึ้น เก็บไว้ได้นาน ส่วนใหญ่มักจะพบในอาหารหรือผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆเช่น มาการีน, เนย, ครีมเทียม หรือในผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ เช่น คุกกี้, โดนัท, เค้ก หรืออาหารประเภทเฟรนช์ฟราย, แฮมเบอร์เกอร์ และขนมกรุบกรอบ ซึ่งจะไปกระตุ้นให้เกิดกระบวนการอักเสบในร่างกาย และทำให้เกิดสิวขึ้นมาได้
บริเวณที่มักเกิดสิวเรื้อรัง
สิวเรื้อรังเป็นปัญหาที่สารถพบได้ตามจุดทั่วไปของร่างกาย ก่อนที่จะลุกลามเป็นปัญหาใหญ่โตต่อไป มีจุดไหนที่มักเป็นบ่อยๆ เพื่อจะได้ทราบถึงสาเหตุและเรียนรู้จักวิธีป้องกันที่ถูกต้องต่อไป
สิวเรื้อรังที่คาง
สิวเรื้อรังที่คาง อาจเกิดจากความผิดปกติในการทำงานของลำไส้เล็ก เช่นมีอาการท้องผูก ภาวะการดูดซึมสารอาหารที่ผิดปกติทำให้ผนังลำไส้รั่ว หรือรับประทานอาหารที่มีรสจัดมากจนเกินไป โดยมากมักเป็นสิวอักเสบ ที่มักจะทิ้งรอยดำ รอยแดงเอาไว้หลังจากที่สิวหาย แต่ไม่นานก็สามารถเกิดสิวใหม่ขึ้นมาได้อีกเป็นวงจรเรื่อยไป ซึ่งสิวที่คางมีสาเหตุมาจาก
- ช่วงใกล้เป็นประจำเดือน (PMS) เป็นช่วงที่ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเริ่มสูงขึ้นหลังจากตกไข่ ทำให้ผิวหนังบวมขึ้น ส่งผลให้ไขมันระบายออกมาจากรูขุมขนได้ยาก เกิดการอุดตัน และในช่วงก่อนมีประจำเดือน เป็นช่วงที่ฮอร์โมนเพศหญิงลดลง ฮอร์โมนเพศชายจะเพิ่มมากขึ้น ทำให้ต่อมไขมันก็ยิ่งทำงานมากขึ้นด้วย ทำให้เกิดสิวอักเสบขึ้นได้ง่าย
- เป็นคนที่มีระดับฮอร์โมนเพศชายมาก วิธีสังเกตคือผิวมักจะมันและรูขุมขนกว้าง ส่วนใหญ่เกิดมาจากกรรมพันธุ์ คนกลุ่มนี้มักเกิดสิวเรื้อรังที่คางได้
- พฤติกรรมที่มักสัมผัสผิวหน้าบริเวณคาง เช่นเอามือเท้าคาง ใส่หน้ากากอนามัยนานๆทำให้เกิดการอับชื้น หรือการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆที่ทำให้ระคายเคือง
สิ่งที่ควรระวังในการเกิดสิวเรื้อรังที่คางเป็นประจำ ไม่หายเสียที และมีอาการของฮอร์โมนเพศชายที่สูง เช่นผิวมัน ขนกด ประจำเดือนมาไม่ปกติ ภาวะโรคอ้วน ต้องระวังโรคถุงน้ำในรังไข่ ที่ทำให้เกิดความไม่สมดุลของระบบฮอร์โมนตามมาได้
สิวเรื้อรังที่แก้ม
โดยส่วนใหญ่สิวเรื้อรังที่แก้ม มักเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ หรือโรคภูมิแพ้ เกิดขึ้นได้ทั้งสิวอุดตันและสิวอักเสบ ซึ่งไม่ควรปล่อยทิ้งเอาไว้ ให้ทำการรักษา เพราะเสี่ยงต่อการเกิดหลุมสิวซึ่งยากแก่การรักษามากกว่าเดิม สิวเรื้อรังที่แก้มมีสาเหตุมาจากปัจจัยต่างๆต่อไปนี้
- หน้ากากอนามัย
เป็นออพชั่นเสริมที่ต้องใส่เพิ่มเข้ามาในช่วงโควิด แต่เมื่อใส่นานๆอาจทำให้เกิดความอับชื้น จนทำให้เกิดเป็นสิวเรื้อรังที่แก้มได้ - ความสกปรกของที่นอน หมอน ผ้าห่ม
หากไม่ค่อยได้ทำความสะอาดชุดเครื่องนอน อาจจะกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคที่เกิดจากคราบเหงื่อหรือฝุ่น สามารถกระตุ้นให้เกิดการอุดตันของสิวที่แก้มจนเกิดเป็นสิวเรื้อรังตามมาได้ - โทรศัพท์มือถือ
โทรศัพท์มือถือเป็นเหมือนศูนย์รวมของฝุ่นและสิ่งสกปรกมากมาย และทำให้เกิดสิวที่แก้มได้ เนื่องจากเวลาคุยโทรศัพท์ก็จะต้องเอาโทรศัพท์ไปแนบที่แก้มนั่นเอง - พฤติกรรมที่มักใช้มือแคะ แกะ เกาสิว
มือของคนเรามักมีเชื้อโรคมากมายเกาะอยู่ เมื่อไปสัมผัสกับผิวหน้า ทำให้สิวเห่อและลุกลามออกไปเป็นวงกว้างมากขึ้น - การใช้ครีมหรือเครื่องสำอางที่กระตุ้นให้เกิดสิวมากขึ้น
สารที่อยู่ในเครื่องสำอาง เช่น แอลกอฮอล์ พาราเบน น้ำหอม ซิลิโคน (โดยเฉพาะในแป้งและรองพื้น) ทำให้เกิดสิวเรื้อรังได้อย่างแน่นอน
นอกจากนั้นการที่มีสิวเรื้อรังเกิดขึ้นที่แก้ม อาจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าร่างกายกำลังมีปัญหาในส่วนของระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคเกี่ยวกับปอดหรือไซนัส พบมากในคนที่สูบบุหรี่เป็นประจำ เป็นภูมิแพ้หรือเป็นหวัดเรื้อรัง
สิวเรื้อรังที่หน้าผาก
สิวเรื้อรังที่หน้าผาก นอกจากจะเกิดจากความผิดปกติของระบบย่อยอาหารแล้ว ยังมีสาเหตุอื่นๆที่เกี่ยวข้องด้วย ดังต่อไปนี้
- เกิดจากความไม่สมดุลของระบบฮอร์โมน ซึ่งมีปัจจัยเรื่องความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอมาเป็นตัวกระตุ้น
- แชมพู ครีมนวด ที่อาจสัมผัสผิวบริเวณนี้จนทำให้เกิดการระคายเคือง
- การใช้มือสัมผัสหน้าผากอยู่บ่อยๆ รวมถึงการแคะ แกะ เกาสิวด้วย
- สำหรับคนที่มีสิวเรื้อรังแบบผด ถ้าอากาศร้อน มีการผลิตเหงื่อเพิ่มมากขึ้น ก็จะไปกระตุ้นสิวเรื้อรังให้เห่อขึ้นมาได้ด้วย
สิวเรื้อรังที่หลัง
ไม่เพียงบริเวณใบหน้าเท่านั้น ที่สามารถเกิดสิวเรื้อรัง แต่ที่ลำตัวก็สามารถพบปัญหานี้ได้เช่นกัน โดยเฉพาะที่บริเวณหลัง ที่มักเกิดการอับชื้นได้ง่ายจากเหงื่อและเชื้อแบคทีเรีย ดังนั้นให้สวมเสื้อผ้าที่โปร่งสบาย เพื่อให้มีการระบาย และลดการเสียดสีของผิวหนังกับเนื้อผ้า
อาการของสิวเรื้อรังที่ควรพบแพทย์
โดยทั่วไป อาการของสิวเรื้อรังจะดีขึ้นเมื่อมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่เสี่ยงต่อการเกิดและการลุกลามของสิว ควบคู่กับการพักผ่อนให้เพียงพอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ แต่หาอาการไม่ดีขึ้นและสิวได้ลุกลามมากขึ้น แนะนำให้ไปพบแพทย์ผิวหนัง เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาตามสาเหตุและอาการอย่างถูกต้องต่อไป
วิธีการรักษาสิวเรื้อรัง
การรักษาสิวเรื้อรัง แบ่งออกเป็น 2 วิธีหลักๆคือ การรักษาแบบใช้ยาและการรักษาแบบไม่ใช้ยาหรือหัตถการทางการแพทย์ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
การรักษาสิวเรื้อรังแบบใช้ยา (pharmacologic therapy)
ในการรักษาสิวเรื้อรังโดยใช้ยา มักขึ้นกับระดับความรุนแรงของสิวที่เกิดขึ้น ดังนี้
- สิวเรื้อรังที่มีระดับความรุนแรงน้อย มักมีสิวขึ้นในจุดเดิมๆซ้ำๆ ส่วนใหญ่เป็นสิวเม็ดเล็กๆสามารถเลือกรับประทานยาคุมกำเนิด (Oral contraceptives) เพื่อช่วยปรับความสมดุลระดับของฮอร์โมนในร่างกาย
- สิวเรื้อรังที่มีระดับความรุนแรงปานกลาง มีทั้งสิวเม็ดเล็กและสิวอักเสบร่วมด้วย ในลักษณะนี้สามารถใช้ยา Spironolactone ซึ่งเป็นยาขับปัสสาวะชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของต่อมไขมัน ช่วยลดการเกิดสิวได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาทุกครั้ง
- สิวเรื้อรังที่มีระดับความรุนแรงมาก เรียกได้ว่ามีทั้งสิวเม็ดเล็ก สิวอักเสบ และสิวหัวช้างเกิดขึ้นทั่วผิวหนัง ในกรณีเช่นนี้อาจจะใช้ตัวยา Isotretinoin ซึ่งเป็นยาในกลุ่มอนุพันธุ์ของวิตามิน A ที่มีข้อบ่งใช้ในการรักษาสิวที่มีอาการรุนแรง ไม่สามารถควบคุมอาการได้จากการวิธีรักษาอื่นๆ โดยมีฤทธิ์ในการยับยั้งการทำงานของต่อมไขมัน และช่วยลดปริมาณเชื้อแบคทีเรีย (Acnes)
ยาที่นิยมนำมาใช้ในการรักษาสิวได้แก่
- ยาในกลุ่มปฏิชีวนะ (Antibiotic) ได้แก่ minocycline, doxycycline ,tetracycline ,erythromycin,azithromycin และ sulfamethoxazole-trimethoprim (Bactrim) ซึ่งจากผลการศึกษาของAmerican Academy of Dermatology ได้รายงานว่า ยาปฏิชีวนะมีฤทธิ์ในการช่วยลดเชื้อแบคทีเรียบนผิว และยังมีส่วนในการช่วยยับยั้งการอักเสบของผิวได้อีกด้วย โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะในกลุ่มเตตร้าไซคลิน อย่าง tertacycline และ doxycycline เป็นยาที่ออกฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย acnes ที่ก่อสิวโดยเฉพาะ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีในการรักษาแนะนำให้รับประทานต่อเนื่อง 3-6 สัปดาห์ แต่อาจจะมีอาการข้างเคียงบ้างเช่น คลื่นไส้ อาเจียน ส่วนในรายที่เป็นสิวเรื้อรังชนิดรุนแรง เป็นๆหายๆ มีปัญหาเรื่องการดื้อยา หรือติดเชื้อแบคทีเรียชนิดอื่นร่วมด้วย อาจจะต้องมีการปรับตัวยาในกลุ่มเพนนิซินลิน เช่น amoxycillin
- ยาฆ่าเชื้อ เป็นยาที่ใช้ทาเฉพาะที่ ได้แก่ ยา clindamycin,erthomycin,tetracycline โดยทำให้ปริมาณเชื้อแบคทีเรียอย่าง acnes ในรูขุมขนลดน้อยลง ลดการเกิดคอมิโดนและการอักเสบของสิวได้
- Benzoyl peroxide เป็นยาที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน มีฤทธิ์ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย จะได้ผลดีในรายที่เป็นสิวแบบตุ่มสิวอักเสบหรือตุ่มหนองแบบเล็กน้อยถึงปานกลาง ตัวยามีระดับความเข้มข้นตั้งแต่ 5%-5% สามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ โดยทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคือง เป็นต้น
- Retinoic acid มีผลทำให้เซลล์ผิวชั้นขี้ไคลที่อุดตามรูขุมขนนั้นหลวม ทำให้หัวสิวหลุดออกมาได้ง่ายขึ้น จึงเหมาะกับคนที่มีสิวอุดตันมากๆ ตัวยามีความเข้มข้นตั้งแต่ 025%-0.05% อาจมีผลข้างเคียง คือทำให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนัง ผิวไวต่อแสง แนะนำให้ทายานี้ก่อนนอนตอนกลางคืนและให้ทากันแดดอย่างสม่ำเสมอ
- ยากลุ่มอนุพันธ์ของกรดวิตามินเอแบบรับประทาน ในชื่อของ isotretinoin ที่ช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน เมื่อใช้ยาติดต่อกันเกิน 3-6 เดือน จะทำให้ต่อมไขมันฝ่อลง เหมาะกับคนที่มีสิวเรื้อรังแบบรุนแรง มีอาการข้างเคียงคือ ปากคอแห้ง มีผลต่อการตั้งครรภ์แบบรุนแรง อาจมีผลต่อตับ ดังนั้นในการรับประทานควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
การรักษาสิวเรื้อรังแบบไม่ใช้ยา (nonpharmacologic therapy)
การรักษาสิวเรื้อรังแบบไม่ใช้ยา ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับหัตถการทางการแพทย์ต่างๆ ได้แก่
- การกดสิว
สามารถทำควบคู่กับการรับประทานยา ช่วยลดโอกาสที่สิวอุดตันจะกลายเป็นสิวอักเสบ เป็นหนึ่งในทางลัดที่จะช่วยให้การรักษาสิวเห็นผลเร็วขึ้น ซึ่งในระหว่างที่กดสิวอาจจะรู้สึกเจ็บและมีรอยช้ำจากการกดสิวบ้าง แต่อาการต่างๆจะดีขึ้นไม่เกิน2 สัปดาห์ แต่ต้องมั่นใจว่า ได้กดสิวกับผู้เชี่ยวชาญและกดอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันการเกิดสิวซ้ำและเกิดแผลเป็น - การทำทรีทเม้นท์
การทำทรีทเม้นท์หน้าจะช่วยให้สิวอุดตันและสิวอักเสบแห้งลง ช่วยลดโอกาสการเกิดสิวเรื้อรัง ซึ่งแต่ละคลินิกหรือสถานเสริมความงามแต่ละที่ก็จะมีสูตรของการมาส์กหน้าที่แตกต่างกันไป ซึ่งโดยทั่วไปการทำทรีทเม้นท์มีขั้นตอนดังต่อไปนี้ - ทำความสะอาดผิวหน้า โดยการใช้คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสำอางออกให้หมด แล้วใช้โฟมล้างหน้าทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดล้ำลึก
- ผลัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ โดยการใช้สครับที่มีเม็ดบีทหรือ AHA ธรรมชาติจากกรดผลไม้
- มาส์กหน้า โดยให้เริ่มต้นด้วยการเปิดรูขุมขนก่อน โดยใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นวางไว้บนหน้าประมาณ 5 นาที และเมื่อมาส์กหน้าเสร็จ ให้ปิดรูขุมขนด้วยน้ำเย็น
- ลงมอยเจอร์ไรเซอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยลดความมันของผิวและลดการเกิดสิวได้ดีอีกด้วย
- การทำเลเซอร์
การทำเลเซอร์เป็นหนึ่งในวิธีที่กำลังได้รับความนิยม เนื่องจากแก้ปัญหาได้ตรงจุดและเห็นผลรวดเร็วทันใจ โดยช่วยลดปริมาณของเชื้อแบคทีเรีย ลดการทำงานของต่อมไขมัน ลดรอยแดง ลดรอยดำ ลดการอักเสบ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ชนิดของเลเซอร์ให้เหมาะกับปัญหาผิวด้วย และต้องทำกับแพทย์ผู้มีความชำนาญเท่านั้น - การฉายแสงรักษาสิว (LED Light Therapy)
เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ถูกนำมาใช้ในการรักษาสิว โดยมีงานวิจัยระบุว่าสามารถช่วยลดปริมาณแบคทีเรียที่รูขุมขน ลดการอักเสบ พร้อมทั้งกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้สิวดีขึ้นได้ ลดความเสี่ยงในการเกิดสิวเรื้อรังได้ในระยะยาว
การดูแลผิวที่เป็นสิวเรื้อรัง
ในกระบวนการรักษาสิวเรื้อรังนั้นจะต้องใช้เวลาและต้องทำควบคู่กันไปกับการดูแลผิวหน้าอย่างเหมาะสม ได้แก่
- ล้างเครื่องสำอางให้สะอาด
การทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจด เป็นการช่วยไม่ให้มีสารตกค้างบนผิว และก่อให้เกิดการอุดตัน กลายเป็นสิวต่อมา ควรใช้คลีนซิ่งซึ่งมีคุณสมบัติในการล้างเครื่องสำอางที่ติดแน่นออกก่อน จากนั้นจึงตามด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะสมกับสภาพผิวอีกครั้ง - เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะกับสภาพผิวและไม่มีสารอันตราย
ผิวที่เป็นสิว เป็นผิวที่อยู่ในสภาพอ่อนแอ ดังนั้นควรเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงสำหรับผิวที่เป็นสิว อ่อนโยนและไม่มีสารอันตรายที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง การอุดตัน หรือทำอันตรายต่อสภาพผิว - เลี่ยงแสงแดดและความร้อนที่ทำลายผิว
แสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำผิวระคายเคือง และกระตุ้นให้เกิดสิวขึ้นมาได้ ดังนั้นควรหมั่นทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันแม้จะต้องออกกลางแจ้งหรืออยู่ภายในอาคาร ทาก่อนออกจากบ้าน 30 นาที และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง โดยเลือกครีมกันแดดที่อ่อนโยน ไม่อุดตัน ไม่ทำร้ายผิว พร้อมทั้งป้องกันแสงแดดด้วยการใส่หมวก กางร่ม หรือสวมเสื้อผ้ามิดชิดเป็นต้น - ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ
เนื่องจากมือของคนเรามักมีเชื้อโรคติดเกาะอยู่ เนื่องจากต้องสัมผัสกับสิ่งของหรืออุปกรณ์ต่างๆมากมาย เมื่อต้องสัมผัสกับใบหน้า ก็สามารถนำเชื้อโรคมาสู่ผิวได้ด้วยเช่นกัน - คลายเครียดด้วยกิจกรรมสร้างสรรค์
เนื่องจากความเครียดเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ปริมาณสิวเพิ่มขึ้นได้ เพราะทำให้ระบบต่างๆในร่างกายแปรปรวน ทำให้การหลั่งฮอร์โมนและระบบต่อมไขมันทำงานผิดปกติไป ดังนั้นควรหาวิธีการคลายเครียดที่เหมาะสมและตามความถนัดของแต่ละคน
อาหารที่ช่วยลดสิวเรื้อรัง
อาหารเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยป้องกันและบรรเทาอาการสิวให้ลดลงได้ โดยให้เลือกรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ หรือวิตามินบางชนิดที่ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นเท่านั้น ยังช่วยลดความรุนแรงของสิวได้ด้วย โดยมีชนิดของอาหารต้านสิวดังต่อไปนี้
- อาหารประเภทโพรไบโอติกส์
โพรไบโอติกส์ เป็นอาหารที่มีจุลินทรีย์ดีอยู่ในลำไส้ ช่วยในการปรับสมดุลให้ระบบลำไส้ เสริมภูมิต้านทานให้ร่างกาย พร้อมทั้งป้องกันสิวเรื้อรังได้ พบมาในอาหารประเภท นมเปรี้ยว โยเกิร์ต - ส่วนพรีไบโอติกส์ คือ อาหารที่จุลินทรีย์ในลำไส้กินเป็นอาหาร ได้แก่ ผัก เช่นกระเทียม ,หอมใหญ่ ,หน่อไม้ฝรั่ง ผลไม้ เช่น แอปเปิ้ล ,กล้วย เป็นต้น
- อาหารที่มีวิตามินเอ และสังกะสี ที่จะช่วยลดการอักเสบของผิว ลดการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้สิวลดและหายเร็วขึ้น
- กรดไขมันโอเมก้า3 ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย สามารถช่วยบรรเทาอาการของสิวอักเสบได้ รวมถึงลดอาการบวมแดง ลดการระคายเคืองของผิว ทั้งยังช่วยให้ผิวไม่แห้งกร้าน พบมากในเนื้อปลา ,น้ำมันปลา ,น้ำมันรำข้าว และอื่นๆ
จบทุกปัญหาสิวเรื้อรังด้วย acnelan by mesoestetic
Mesoestetic ขอแนะนำผลิตภัณฑ์เพื่อการรักษาสิวและฟื้นบำรุงผิวหน้าที่ได้มีการผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับส่วนผสมเกรดพรีเมี่ยมเพื่อการรักษาสิวตั้งแต่ต้นตอ ตั้งแต่การควบคุมการผลิตน้ำมันของต่อมไขมัน การป้องกันการหนาตัวของผิวชั้นนอก(regulate hyperkeratosis) ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ลดการอักเสบของผิว ลดการสะสมของเชื้อแบทีเรียที่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิว ไม่เพียงเท่านั้นยังช่วยป้องกันและลดเลือนรอยแผลเป็นหลังเกิดสิว และยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ไทโรซิเนส ที่ทำให้รอยดำลดลงอย่างเป็นธรรมชาติ โดยตัวผลิตภัณฑ์ประกอบด้วย
- acnelan multifactor mask เจลมาส์กสูตรเข้มข้น ช่วยฟื้นบำรุงผิวที่มีปัญหาจากสิว พร้อมทั้งช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าเผยผิวใหม่ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึก ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันที่รูขุมขน
- post-peel neutralizing spray ช่วยปรับสภาพผิวให้อยู่ในภาวะสมดุล ไม่ทำให้ผิวระคายเคือง
- pore sealing shield สารบำรุงผิวเข้มข้นในช่วงของการทำทรีทเม้นท์ ทำให้รูขุมขนกระชับ ปกป้องผิว พร้อมทั้งส่งเสริมการคงไว้ซึ่งผลลัพธ์ที่ยาวนานขึ้น
- purifying mousse ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวเนื้อมูส สำหรับผิวมันหรือผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ช่วยขจัดความมันส่วนเกินบนใบหน้า ไม่ทำให้หน้าแห้งตึง สบายผิว
- acne one ช่วยขจัดความมันส่วนเกินบนผิว ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ อีกทั้งยังลดการอุดตันที่รูขุมขนได้ดีอีกด้วย
- imperfection control ช่วยฟื้นบำรุงผิวเฉพาะจุด ช่วยปกปิดรอยสิว รอยดำ รอยแดงหรือรอยดำ
- pure renewing mask มาส์กสูตรพิเศษสำหรับคนเป็นสิว ที่ช่วยลดความมันส่วนเกินบนใบหน้า ลดการอุดตันและการสะสมของสิ่งสกปรกบริเวณรูขุมขนที่ทำให้เกิดสิว
- hydra-vital light เจลครีมเนื้อบางเบา ที่ให้ความชุ่มชื้น พร้อมฟื้นบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นทันที ทั้งยังช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะภายนอก
- hydra-vital factor k ครีมบำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะภายนอก คงความชุ่มชื้นให้กับผิวยาวนานขึ้น ทำให้ผิวเนียนนุ่ม ดูสุขภาพดี
- melan recovery บาล์มบำรุงผิวสูตรเข้มข้น ช่วยปลอบประโลมผิวและฟื้นบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึกหลังทำทรีทเม้นท์ พร้อมเสริมเกราะปกป้องผิวให้แข็งแรง
- Fast skin repair ช่วยบำรุงผิวและปลอบประโลมผิวอย่างอ่อนโยน ปกป้องผิวจากปัจจัยต่างๆที่ทำให้เกิดการระคายเคือง
ทั้งหมดนี้คือผลิตภัณฑ์ acnelan by mesoesteticที่ใส่ใจตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดล้ำลึก จนถึงขั้นตอนของการบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้น เรียบเนียน กระจ่างใส โดยไม่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขนซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิว
“สิวเรื้อรัง” เป็นๆหายๆ ไม่จบไม่สิ้น ก่อนรักษา จำเป็นต้องทำความเข้าใจถึงสาเหตุหรือที่มาของการเกิดสิว เพื่อนำไปสู่วิธีการรักษาที่ถูกต้องต่อไป ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของสิวด้วยเช่นกัน และแน่นอนว่าแต่ละกรณีอาจจะต้องใช้เวลาในการรักษาที่แตกต่างกันออกไป และจะต้องมีการปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องเพื่อเอื้อต่อการรักษาที่จะได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจและไม่กลับมาเป็นซ้ำ พร้อมเผยผิวใสได้ใหม่อีกครั้ง