กู้หน้าหมองคล้ำดำเสีย ให้กลับมากระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
“หน้าดำ” อีกหนึ่งปัญหาผิวที่มักเป็นปัญหากวนใจบรรดาหนุ่มๆสาวๆอยู่ไม่น้อย และสามารถเกิดขึ้นได้ทุกฤดูกาล ที่ไม่เพียงแสงแดดเท่านั้นที่ทำให้เกิดปัญหาหน้าดำหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ แต่รวมถึงสิ่งแวดล้อมและปัจจัยต่างๆที่ประกอบรวมกันทำให้เกิดปัญหาผิวขึ้นได้ หน้าดำ หมองคล้ำมีสาเหตุมาจากอะไร และเราจะสามารถปกป้องผิวไม่ให้หมองคล้ำได้อย่างไร เพื่อกู้ผิวหน้าให้กลับมากระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติได้อีกครั้ง
หน้าดำ หมองคล้ำคืออะไร
หน้าดำหมองคล้ำ เป็นลักษณะอาการของผิวหน้าที่ขาดความกระจ่างใส มีความหมองคล้ำของผิว นอกจากนั้นยังมีสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ผิวไม่สดใส แห้งกร้าน ไม่เรียบเนียน ถ้าหากไม่ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดีและถูกต้อง ก็สามารถนำไปสู่ปัญหาผิวอื่นๆตามมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ เหล่านี้เป็นต้น
สาเหตุของหน้าดำหมองคล้ำ
หน้าดำ หมองคล้ำสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งปัจจัยภายในที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของเม็ดสีผิว และปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพผิว ทำให้ผิวไม่สดใส ดังต่อไปนี้
- แสงแดด
การที่ผิวสัมผัสกับแสงแดดที่ร้อนจ้าเป็นเวลานานเกินไป ทำให้เกิดผลเสียและเป็นอันตรายต่อผิวได้ เพราะรังสีต่างๆที่อยู่ในแสงแดด ไม่ว่าจะเป็นรังสี UVA,UVB รวมถึงรังสีอินฟาเรด จะเข้าไปทำลายคอลลาเจนและเส้นใยใต้ผิวหรือที่เรียกว่าอีลาสติน(Elastin) ทำให้ผิวไม่แข็งแรง หย่อนคล้อย เหี่ยวย่น เกิดริ้วรอย ขาดความกระชับเต่งตึง ผิวหยาบกร้าน หน้าหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำและเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังได้ด้วยเช่นกัน - สภาพอากาศ
ไม่เพียงอากาศที่ร้อนเท่านั้น ที่เป็นตัวการที่ทำให้หน้าดำ หมองคล้ำ แต่รวมถึงอากาศเย็นที่สามารถทำให้ผิวแห้ง หน้าลอกแตกเป็นขุยได้ด้วย เนื่องจากความเย็นของอากาศจะดูดซับเอาความชุ่มชื้นให้ออกไปจากผิว ไม่เพียงแค่ในฤดูหนาวเท่านั้นที่ทำให้เกิดปัญหาเช่นนี้ แต่รวมถึงการอยู่ในห้องแอร์ที่มีความชื้นต่ำเป็นเวลานาน ก็สามารถทำให้ผิวแห้งกร้านและนำมาซึ่งปัญหาผิวอื่นๆตามมา ไม่ว่าจะเป็น ผิวแตกลาย ผิวลอก ผดผื่นคัน หรือผิวหนังอักเสบ เป็นต้น - การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มากจนเกินไป
การใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อการบำรุงผิวหน้ามากจนเกินไป เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้หน้าดำหรือหมองคล้ำลงได้ เพราะในครีมทาผิวอาจมีส่วนประกอบของสารต่างๆที่สามารถทำปฏิกิริยากับสารตัวอื่นๆที่อยู่ในครีม ทำให้ประสิทธิภาพของครีมชนิดนั้นๆลดลง เช่น การใช้ครีมที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกหรือกรดไกลโคลิก จะไปลดทอนประสิทธิภาพของครีมที่มีส่วนผสมของเรตินอล ไฮโดรควิโนน หรือวิตามินซี เป็นต้น นอกจากนั้นยังเกี่ยวข้องกับการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสารอันตรายต้องห้ามอย่างสารปรอท สเตียรอยด์ ไฮโดรควิโนน รวมถึงกรดเรติโนอิกในปริมาณที่มากเกินไป เป็นต้น - ความผิดปกติของเม็ดสีผิว
ความผิดปกติของเม็ดสีผิว เกิดขึ้นจากการที่เซลล์ผิวหนังที่ผลิตเม็ดสีเมลานินไม่สมบูรณ์ ไม่แข็งแรงหรือมีความเสียหาย ทำให้มีการผลิตเมลานินในปริมาณที่มากหรือน้อยเกินไป ซึ่งถ้าหากมีการผลิตเมลานินในปริมาณที่มากขึ้นก็จะทำให้สีผิวเข้มขึ้น กระตุ้นให้เกิดความหมองคล้ำของใบหน้าหรือเป็นกระ เป็นฝ้าตามมา - อายุที่เพิ่มมากขึ้น
เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น เซลล์ผิว ระดับคอลลาเจนและอีลาสตินก็มีการเสื่อมสภาพลงด้วย นั่นคือที่มาของปัญหาผิวมากมาย ทั้งริ้วรอย ความหย่อนคล้อยของผิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ รวมถึงหน้าดำ หมองคล้ำได้ง่าย - การผลัดเซลล์ผิวช้าลง
โดยธรรมชาติเซลล์ผิวหนังของคนเราจะมีการผลัดเซลล์ผิวใหม่ทุก 28 วัน แต่ถ้าในกรณีที่กระบวนการผลัดเซลล์ผิวเกิดขึ้นช้า ทำให้มีเซลล์ผิวเก่าตกค้างอยู่บนผิว เกิดการสะสมมากขึ้น ก็จะส่งผลให้หน้าหยาบกร้าน เป็นขุย สีผิวไม่สม่ำเสมอ รูขุมขนกว้าง ดูดซึมครีมบำรุงได้ไม่ดี และมีความหมองคล้ำขึ้นได้ - ความเครียด
เมื่อเกิดความเครียดขึ้น ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่เรียกว่าคอร์ติซอล(Cortisol) ออกมา ซึ่งจะไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น และเมื่อรวมกับเชื้อแบคทีเรียบนผิวก็สามารถทำให้เกิดการอุดตันขึ้นจนกลายเป็นสิวในที่สุด นอกจากนั้นความเครียดยังเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวหน้าแห้ง ดูหมองคล้ำได้ด้วย - การสูบบุหรี่
ควันของบุหรี่ สามารถทำลายออกซิเจนที่อยู่ในผิวได้ ทำให้การผลิตคอลลาเจนในผิว เนื้อเยื่อและการยืดหยุ่นของผิวลดลง ไม่เพียงเท่านั้นสารนิโคตินในบุหรี่ยังทำให้การไหลเวียนของเลือดผิดปกติและทำให้ประสิทธิภาพการดูดซับวิตามินเอของหลอดเลือดลดลง ทำให้เกิดอนุมูลอิสระเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผิวแห้ง หยาบกร้าน หมองคล้ำและดูแก่ก่อนวัย - ดื่มน้ำไม่เพียงพอ
การดื่มน้ำที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน ทำให้ผิวมีความชุ่มฉ่ำ แข็งแรงและมีสุขภาพดี เนื่องจากน้ำสามารถรักษาความสมดุลในร่างกายได้ แต่ในทางกลับกันถ้าร่างกายขาดน้ำจะทำให้ร่างกายเกิดความผิดปกติ เช่นมีอาการปวดศีรษะ ขาดสมาธิ และส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวด้วย เช่น ทำให้หน้าหมองคล้ำ หย่อนคล้อย ผิวไม่สดใส - ไม่รับประทานผักและผลไม้
การรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์รวมถึงการไม่รับประทานผักและผลไม้ที่เป็นอาหารผิว อย่างเช่น วิตามินซี หรืออาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผลไม้ตระกูลเบอรี่ ฝรั่ง มะละกอ หรือสับปะรด ทำให้เกิดปัญหาผิวมากมายตามมาในระยะยาว เช่น หน้าดำ หน้าโทรม ผิวไม่มีความชุ่มชื้น ผิวแห้งกร้าน ไม่กระชับ ไม่สดใส ไร้ชีวิตชีวา - นอนดึก ขาดการพักผ่อนที่ดี
ในช่วงของการนอนหลับพักผ่อนระว่างเวลา 00 – 02.00 น. ร่างกายของคนเราจะหลั่งฮอร์โมนที่มีชื่อว่า Melatonin ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย ดังนั้นหากนอนดึก นอนไม่พอหรือนอนไม่เป็นเวลา จะส่งผลให้ผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส ผิวโทรม ตาคล้ำและดูแก่ก่อนวัยด้วย - การเผชิญมลภาวะในชีวิตประจำวัน
ในแต่ละวัน เราต้องเผชิญกับมลพิษ มลภาวะต่างๆทางอากาศที่ส่งผลเสียต่อสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นควัน 5 ควันรถ สารพิษจากโรงงาน เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ทำลายเกราะปกป้องผิวของคนเรา ทำให้ความชุ่มชื้นของผิวลดลง นอกจากนั้น ฝุ่นละอองที่มีอนุภาคขนาดเล็กยังสามารถซึมผ่านเข้าสู่ผิวหนังและเกิดการสะสม ทำให้หน้าหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำบนใบหน้า ทำให้ผิวแพ้ง่ายและเกิดริ้วรอยขึ้นได้
วิธีกู้หน้าดำหมองคล้ำให้กลับมาสดใส
ปัจจุบันมีวิธีการมากมาย ที่ช่วยกู้หน้าดำ หมองคล้ำ ไม่สดใส ให้กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นได้ โดยสามารถแบ่งเป็นวิธีการเบื้องต้นทั่วไปและวิธีการที่เกี่ยวข้องกับหัตถการทางการแพทย์ ดังต่อไปนี้
วิธีการเบื้องต้นในการดูแลผิวพรรณ
- การทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด
การทำความสะอาดผิวหน้าด้วยวิธีการที่ถูกต้อง เป็นเสมือนกุญแจสำคัญขั้นพื้นฐานของการมีผิวสดใส สุขภาพดี เพราะในแต่ละวัน เราจะต้องเผชิญกับมลภาวะมากมาย รวมถึงการแต่งหน้า การใช้เครื่องสำอาง ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจด เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรคและป้องกันการอุดตันในรูขุมขน โดยให้เริ่มต้นจากการเช็ดล้างเครื่องสำอางออกก่อนทุกครั้ง จากนั้นให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่เหมาะกับสภาพผิวของตนเอง ล้างหน้าตามแนวรูขุมขน และหลังล้างหน้าให้ใช้โทนเนอร์ที่ปราศจากแอลกอฮอลล์เช็ดทำความสะอาดอีกครั้งเพื่อลดความแห้งตึงของผิว - ทาครีมหรือเซรั่มบำรุงที่เหมาะกับสภาพผิว
การบำรุงผิวเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวมีความแข็งแรงและสุขภาพดี ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเลือกครีมหรือเซรั่มที่เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคน และจำเป็นต้องใช้ครีม/เซรั่มที่ได้มาตรฐาน ผ่านการทดสอบ ไม่ผสมสารอันตราย ได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญหรือสถาบันผิวหนังว่ามีความปลอดภัยต่อผิว อย่าง mesoSHIELD by mesoestetic (pollution defense ampoule Daily defense with the power to correct) ซึ่งเป็นเซรั่มเข้มข้น ที่ช่วยสร้างเกราะปกป้องผิวจากมลภาวะ ฝุ่นควันต่างๆที่ต้องพบเจอในชีวิตประจำวัน ที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ หมองคล้ำ และเกิดริ้วรอยได้โดยง่าย ทั้งยังมีสารบำรุงที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวระหว่างวันอีกด้วย ที่พิเศษคือสามารถลดการทำลายคอลลาเจนได้ถึง 95% ช่วยลดการสะสมอนุมูลอิสระ 50% ทั้งยังช่วยทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นได้มากถึง 85% โดยมีส่วนประกอบสำคัญจาก dragon blood resin เป็นสารธรรมชาติจากยางของต้น Croton Lechleri ซึ่งอุดมไปด้วยสาร taspine ที่ช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ และมลภาวะต่างๆจากภายนอก พร้อมทั้งลดสาเหตุการอักเสบของผิว และลดการสะสมของอนุมูลอิสระในผิวได้ด้วย นอกจากนั้นยังอุดมไปด้วยวิตามินบี3 ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ผิว ช่วยลดความมันและลดการเกิดจุดด่างดำบนผิวหน้า ไม่เพียงเท่านั้นยังมี Idebenone อนุพันธ์โคเอ็นไซม์คิวเท็น ซึ่งเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่มีอนุภาคขนาดเล็กกว่าถึง 60% ที่สามารถแทรกซึมเข้าสู่ผิวได้ลึกและช่วยปกป้องผิวได้ดีกว่า และโคเอ็นไซม์คิวเท็น ยังช่วยส่งเสริมการทำงานของผิวให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย - มาส์กหน้า
การมาส์กหน้า เป็นหนึ่งวิธีในการดูแลผิวหน้าที่ช่วยกระตุ้นให้ผิวมีความชุ่มชื้น ทำให้โลหิตไหลเวียนได้ดีขึ้น ช่วยให้หน้าดูกระจ่างใส จะใช้สูตรการมาส์กหน้าแบบธรรมชาติ ประเภทโยเกิร์ต น้ำผึ้ง แตงกวา มะเขือเทศหรือจะเลือกซื้อแผ่นมาส์กหน้าที่ได้คุณภาพจากร้านชั้นนำก็ได้เช่นกัน - รับประทานวิตามินอาหารเสริม
การรับประทานวิตามินที่เป็นอาหารผิว มีส่วนช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น เช่นวิตามินซี ซึ่งมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ สร้างภูมิต้านทานในร่างกายให้แข็งแรง ทั้งยังช่วยให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง กระจ่างใสได้อีกด้วย รวมถึงวิตามินบำรุงผิวต่างๆ เช่น สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape seed extract) คอลลาเจน (collagen) โคเอนไซม์คิวเทน (coenzyme q 10) โดยให้เลือกที่มีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือและได้รับการรับรองอย่างชัดเจนที่สามารถตรวจสอบได้
หัตถการทางการแพทย์
นอกจากวิธีการดูแลผิวไม่ให้ดำหรือมองคล้ำในขั้นพื้นฐานแล้ว ยังมีวิธีที่เรียกว่าเป็นหัตถการทางการแพทย์ที่อาศัยเทคโนโลยีเข้ามาช่วยแก้ปัญหาในเรื่องผิวพรรณได้มากขึ้น ดังต่อไปนี้
- ลอกหน้าด้วยเลเซอร์
แพทย์จะใช้ลำแสงจากเลเซอร์ลอกผิวหน้า เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทนผิวที่หลุดลอกไป โดยพลังงานความร้อนที่ปล่อยออกมา จะทำให้เกิดการลอกที่ผิวหนังชั้นกำพร้าและส่วนบนของชั้นหนังแท้ให้หลุดลอกออกไป ส่งผลให้ collagen fiber มีการหดตัว ทำให้ผิวดูเต่งตึงขึ้น ริ้วรอยต่างๆดูจางลง จุดด่างดำ ผิวที่เคยหมองคล้ำจะกลับมาสดใสแลดูมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ทั้งยังสามารถกำจัดเม็ดสีเมลานินที่อยู่ใต้ผิว ช่วยลดเม็ดสีส่วนเกินที่ทำให้เกิดปัญหาผิวหมองคล้ำ ให้ดูกระจ่างใสขึ้น - เมโสหน้าใส
“เมโสหน้าใส” หรือ “เมโสเทอราปี” (Mesotherapy) เป็นการฉีดวิตามินต่างๆเข้าสู่ผิวหน้า โดยเริ่มจากการใช้เข็มสะกิดไปทั่วใบหน้า หรือโดยการฉีดเข้าไปทางใบหน้า เป็นหนึ่งในวิธีการที่จะช่วยให้สารบำรุงต่างๆเข้าสู่ผิวได้เร็วขึ้น และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ช่วยแก้ปัญหาหน้าโทรม หมองคล้ำ ผิวแห้งกร้าน ผิวแพ้ง่ายอย่างได้ผล จุดด่างดำและรอยสิวดูจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ - การสครับผิว
การสครับเป็นการขัดผิวเพื่อลอกเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วให้หลุดลอกออก โดยการใช้สารหรือวัตถุดิบต่างๆมาสครับหน้าเพื่อให้ผิวดูกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น - การลอกผิวด้วยสารเคมี
การลอกผิวด้วยสารเคมี เป็นหนึ่งในวิธีการกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกมา เพื่อกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่ โดยใช้สารเคมีประเภทกรดซาลิไซลิก กรดแลคติก หรือกรดคาร์บอลิก เป็นการช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้ดูกระจ่างใสและอ่อนกว่าวัยมากขึ้น - การกรอผิว
การกรอผิว เป็นการใช้เครื่องมือกรอผิวเพื่อกำจัดผิวในชั้นหนังกำพร้าให้หลุดออกไป เป็นการลอกเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวหน้ากระจ่างใส ยกกระชับและช่วยลดริ้วรอยต่างๆได้เป็นอย่างดี
การปกป้องหน้าไม่ให้ดำหรือหมองคล้ำ
เพื่อสุขภาพผิวหน้าที่ดี กระจ่างใส ไม่หมองคล้ำ จำเป็นที่จะต้องมีการปกป้องผิวหน้าแต่เนิ่นๆเพื่อเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ดังต่อไปนี้
- ทำความสะอาดผิวเป็นประจำทุกวัน เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและคราบเครื่องสำอางที่อุดตันรูขุมขนออกไป โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิว ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง โดยให้ล้างหน้าด้วยน้ำในอุณหภูมิปกติ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง
- สครับผิวอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้งเพื่อขจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความหมองคล้ำของผิว
- ทาครีมที่มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์หลังอาบน้ำเป็นประจำ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว หรือใช้เซรั่มบำรุงผิวอย่าง meso night by mesoestetic เพื่อช่วยฟื้นฟูผิวชั่วข้ามคืน ช่วยดีท็อกซ์ผิว ลดการสะสมของสารอนุมูลอิสระและสารพิษต่างๆ ช่วยให้ผิวได้ผ่อนคลายและมีความกระจ่างใส โดยเป็นเซรั่มเข้มข้นสูตรฟื้นบำรุงผิวสำหรับกลางคืน ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ยับยั้งการเกิดริ้วรอย ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่ง สดใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน เพื่อช่วยปกป้องผิวจากรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตในแสงแดด ซึ่งเป็นที่มาของหน้าหมองคล้ำ หน้าดำ ผิวแห้งและหยาบกร้าน โดยให้เลือกครีมกันแดดที่สามารถปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ ยูวีบี รวมถึงรังสีอินฟาเรดและแสงสีฟ้าจากจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือได้ เลือกครีมกันแดดที่มีค่าการปกป้องสูง ตั้งแต่ SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไปและควรทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง
- งดการสูบบุหรี่ เนื่องจากในบุหรี่มีก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ที่ทำให้ผิวขาดออกซิเจน ทั้งยังมีสารนิโคตินที่ขัดขวางการไหลเวียนของเลือดจนทำให้ผิวแห้ง ทำให้ผิวแห้งกร้าน ลดประสิทธิภาพการดูดซึมสารอาหารต่างๆ รวมถึงวิตามินดีที่สามารถช่วยป้องกันและฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลาย ทำให้หน้าหมองคล้ำ ดำ ไม่สดใส
- รับประทานอาหารที่มีวิตามินที่มีส่วนช่วยในการบำรุงผิวให้กระจ่างใส เช่น วิตามินซี วิตามินอี วิตามินบี 3 ที่นอกจากจะเสริมภูมิต้านทานให้ร่างกายแข็งแรงมากขึ้นแล้ว ยังช่วยให้ผิวพรรณดูสดใสขึ้นเพราะมีคุณสมบัติที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ทำให้ผิวหมองคล้ำขึ้น
- ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
การดื่มน้ำสะอาด เป็นการดูแลสุขภาพผิวจากภายใน โดยแนะนำให้ดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน เพราะเป็นการช่วยปรับสมดุลในร่างกาย ทำให้ผิวพรรณดูชุ่มชื้น ไม่หมองคล้ำ แลดูสุขภาพดีได้อีกด้วย - พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับอย่างเพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน ช่วยให้ร่างกายสามารถซ่อมแซมเซลล์ผิวที่สึกหรอในขณะพักผ่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวดูสดใส เปล่งปลั่ง - ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกาย ทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้ดีขึ้นและช่วยให้เลือดสามารถลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงผิวได้มากขึ้น นอกจากนั้นการออกกำลังกายยังช่วยขับของเสียออกจากร่างกายในรูปแบบเหงื่อ ทั้งยังช่วยล้างรูขุมขนที่อุดตัน ไม่เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรงเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผิวสวย ไม่หมองคล้ำ สุขภาพดีจากภายในได้ด้วย - ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ในบางกรณี อาการหน้าดำ หมองคล้ำ ผิวแห้งสาก อาจเป็นสัญญาณบอกเหตุของปัญหาสุขภาพก็เป็นได้ เช่นอาจเป็นโรคไตหรือโรคเบาหวาน ดังนั้นจึงควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยอย่างชัดเจนเพื่อนำไปสู่การรักษาอย่างถูกต้องต่อไป
เชื่อว่าทุกท่านอยากมีผิวสวย หน้าใส สุขภาพดีกันทุกคน แต่เนื่องด้วยปัจจัยมากมายที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อเซลล์ผิว ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด เครื่องสำอาง มลภาวะ รวมถึงปัจจัยจากสภาพผิวภายใน ทำให้เกิดอาการหน้าหมองคล้ำ หน้าดำได้ง่ายๆ ซึ่งในทุกวันนี้ได้มีนวัตกรรมทางการแพทย์มากมายที่ช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้หลายวิธี แต่ถ้าจะให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีควรมีปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การพักผ่อนที่เพียงพอ รวมถึงการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม และไม่ลืมที่จะดูแลผิวในขั้นพื้นฐาน เพียงเท่านี้ก็จะช่วยกู้หน้าดำหมองคล้ำให้กลับมามีสุขภาพดีและกระจ่างใสขึ้นได้