ใบหน้าที่สวยงาม มีส่วนประกอบหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นดวงตา จมูก ปาก รวมไปถึงคาง ซึ่งคางเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ใบหน้าดูสมดุลและสวยงาม คางที่สั้นหรือคางเบี้ยวอาจทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วน ส่งผลให้บุคลิกภาพเปลี่ยนไปได้ ในปัจจุบันมีวิธีการเสริมคางหลายวิธีด้วยกัน ที่นิยมกัน 2 วิธีหลัก ๆ คือ การฉีดฟิลเลอร์คาง และการเสริมคางด้วยซิลิโคน ซึ่งทั้งสองวิธีต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล ในบทความนี้ เราจะสำรวจและเปรียบเทียบวิธีการทั้งสองเพื่อช่วยคุณตัดสินใจว่าวิธีใดเหมาะกับความต้องการของคุณมากที่สุด
ทำไมคางคือจุดที่ต้องการปรับแต่ง
คางเป็นส่วนประกอบสำคัญหนึ่งของใบหน้า มีส่วนช่วยในการกำหนดรูปทรงของใบหน้า คางที่ยาวและเรียวจะช่วยให้ใบหน้าดูสมส่วนและสวยงามยิ่งขึ้น ในทางกลับกัน คางที่สั้นหรือเบี้ยวอาจทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วนและส่งผลให้บุคลิกภาพเปลี่ยนไปได้ นอกจากนี้ คางยังมีความสำคัญต่อการแสดงออกทางอารมณ์อีกด้วย คางที่เรียวและแหลมจะช่วยเสริมให้ใบหน้าดูมั่นใจและน่าเชื่อถือ ในขณะที่คางที่สั้นและอวบอิ่มจะช่วยเสริมให้ใบหน้าดูอ่อนโยนและน่ารักคางเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ทำให้ลักษณะใบหน้าดูสวยและมีส่วนสำคัญในการกำหนดรูปร่างทั่วไปของใบหน้าของบุคคล มีหลายเหตุผลที่คางถูกพิจารณาเป็นจุดที่ต้องการปรับแต่ง ซึ่งรวมถึง
1.ความสมดุล : คางที่มีขนาดเหมาะสมและสมดุลกับรูปร่างของใบหน้าสามารถทำให้ใบหน้าดูสวยงามและสมส่วน
2.ความคมชัด : คางที่มีมิติเพียงพอสามารถสร้างความคมชัดให้กับใบหน้า ทำให้ลักษณะสวยงามและมีมิติ
3.ความโดดเด่น : คางที่มีรูปร่างดีสามารถทำให้ลักษณะบุคคลดูโดดเด่นขึ้น
4.การแก้ไขความไม่สมดุล : บางครั้งคนบางคนอาจมีคางที่ไม่สมดุลหรือมีขนาดที่ไม่เป็นปกติ ทำให้มีความต้องการที่จะปรับแต่ง
5.การเปลี่ยนแปลงเสริมความน่าสนใจ : คางที่มีลักษณน่าสนใจสามารถทำให้ใบหน้าดูน่าสนใจมากขึ้น
6.ความเจริญเติบโต : คางที่มีรูปร่างสมส่วนมักเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญเติบโตและสุขภาพดี
การปรับแต่งคาง ไม่ว่าจะเป็นผ่าตัดหรือการใช้ฟิลเลอร์ สามารถช่วยปรับปรุงลักษณะเหล่านี้ในทางที่ต้องการ การตัดสินใจที่จะปรับแต่งคางมักขึ้นอยู่กับความต้องการส่วนบุคคลและความรู้สึกที่สบายใจของแต่ละบุคคลต่อลักษณะของตัวเอง ด้วยเหตุนี้ จึงมีผู้คนจำนวนมากที่ต้องการปรับแต่งคางให้สวยงามยิ่งขึ้น ในปัจจุบันมีวิธีการเสริมคางหลายวิธีด้วยกัน ที่นิยมกัน 2 วิธีหลัก ๆ คือ การฉีดฟิลเลอร์คาง และการเสริมคางด้วยซิลิโคน
การเลือกวิธีเสริมคางที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ดังนี้
* ความต้องการของแต่ละบุคคล
* งบประมาณ
* ระยะเวลาพักฟื้น
* ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
การฉีดฟิลเลอร์คางเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด มีระยะเวลาพักฟื้นสั้น ใช้เวลาในการทำประมาณ 30 นาที ผลลัพธ์ที่ได้จะปรากฏให้เห็นทันทีหลังทำการเสริมคางด้วยซิลิโคนเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมานานกว่าการฉีดฟิลเลอร์คาง เนื่องจากเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ที่คงทนถาวร หากต้องการผลลัพธ์ที่คงทนถาวร สามารถเลือกเสริมคางด้วยซิลิโคนได้ แต่ต้องผ่าตัด มีระยะเวลาพักฟื้น และอาจเกิดความเสี่ยงได้ ก่อนตัดสินใจเสริมคาง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินสภาพใบหน้าและความต้องการที่เหมาะสมของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามความต้องการและความปลอดภัยสูงสุด
การฉีดฟิลเลอร์คาง
การฉีดฟิลเลอร์คางเป็นวิธีการเสริมคางที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด มีระยะเวลาพักฟื้นสั้น ใช้เวลาในการทำประมาณ 30 นาที ผลลัพธ์ที่ได้จะปรากฏให้เห็นทันทีหลังทำ การฉีดฟิลเลอร์คางจะใช้สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic acid) ฉีดเข้าไปในชั้นผิวหนังชั้นลึกใต้ชั้นไขมัน (subdermal layer) เพื่อให้คางยาวขึ้น เติมเต็มร่องลึกใต้คาง หรือปรับรูปทรงของคางให้ดูสวยงาม ปรับรูปหน้าให้ดูสมมาตร หรือหน้าเรียววีเชฟมากขึ้น หลังฉีดฟิลเลอร์คางเห็นผลทันที ไม่มีอาการบวมช้ำเหมือนการผ่าตัด และเนื้อฟิลเลอร์จะสลายไปเองตามธรรมชาติ
ฟิลเลอร์คางที่แนะนำ mesofiller intense 25 mg/ml เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์คาง เนื้อเจลไฮยาลูโรนิกที่มีความเข้มข้นสูง ช่วยปรับรูปทรงของใบหน้า เนื้อเจลมีความหนืดและความคงตัวสูง ทำให้สามารถคงรูปได้ดีในการเสริมคาง สามารถปรับแต่งให้ได้ตามรูปทรงที่ต้องการ ปลอดภัยกับผู้ใช้ BDDE ต่ำ ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เทคโนโลยี ha ให้อยู่ในรูป cross link 100% คงรูปทรงได้ยาวนาน 9-12 เดือน อัตราการบวมต่ำ สามารถกำหนดปริมาณการฉีดและสามารถจัดรูปทรงได้ง่าย เข้ากับเนื้อเยื่อเติมเต็มได้ทันที
ไม่ก่อให้เกิดก้อนนูนหลังการฉีด มีความปลอดภัยสูงกว่าแบรดน์อื่นๆ เป็นทางเลือกที่ดีในการปรับรูปหน้า mesofiller ของ mesoestetic ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดและส่วนผสมคุณภาพในผลิตภัณฑ์เพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัยมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ยาวนานของแท้และปลอดภัยได้มาตรฐาน ผ่าน อย.ไทย
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์คาง
1.แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินสภาพใบหน้าและความต้องการที่เหมาะสมของแต่ละบุคคล
2.ทำความสะอาดบริเวณคางให้สะอาด
3.ฉีดยาชาบริเวณคาง
4.ฉีดฟิลเลอร์คางเข้าไปตามตำแหน่งที่ต้องการ
5.ประคบเย็นบริเวณคาง เพื่อลดอาการบวมช้ำ
หลังการฉีดฟิลเลอร์คาง
1.การประคบเย็น : ใช้ถุงหรือผ้าเย็นประคบบริเวณที่ทำฉีดเพื่อลดบวมและการอักเสบ
2.การพักผ่อน : ให้ร่างกายได้พักผ่อนมากพอ หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานมาก
3.การหลีกเลี่ยงการแตะถูกหรือกด : หลีกเลี่ยงการแตะถูกหรือกดบริเวณที่ทำฉีดเพื่อป้องกันการย้ายวัสดุฟิลเลอร์
4.การหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่เป็นไปได้ที่สามารถทำให้บวม : เช่น อาหารที่มีเกลือมาก, แอลกอฮอล์, และกาแฟ
5.การป้องกันแดด : หลีกเลี่ยงการโดนแดดตรงบริเวณที่ทำฉีดหรือใช้สารกันแดดเพื่อป้องกันความเสียหายจากรังสี UV
6.การทำความสะอาด : รักษาความสะอาดบริเวณที่ทำฉีดโดยใช้น้ำอุ่นและสบู่อ่อน
ผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดฟิลเลอร์คาง
ผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดฟิลเลอร์คางจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยรวมถึงประสบการณ์ของแพทย์ ประสิทธิภาพของฟิลเลอร์ที่ใช้ และลักษณะของคางของผู้ที่รับบริการ นอกจากนี้ ผลลัพธ์ยังมีความถูกต้องและความถาวรขึ้นอยู่กับวิธีการดูแลรักษาหลังการทำฟิลเลอร์ ดังนั้นควรพิจารณาคำแนะนำของแพทย์และปฏิบัติตามขั้นตอนที่แนะนำเพื่อรักษาผลลัพธ์ให้ดีที่สุด
ผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดฟิลเลอร์คาง สามารถเห็นผลได้ทันทีหลังทำ โดยคางจะยาวขึ้น รูปทรงคางจะดูสวยสมส่วนยิ่งขึ้น ใบหน้าจะดูเรียวยาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดฟิลเลอร์คางอาจรวมถึง:
-
ปรับปรุงรูปร่าง : ฟิลเลอร์คางสามารถทำให้คางดูมีมิติมากขึ้น ปรับปรุงความสมดุล และเน้นความสวยงามของใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูมีมิติที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น
-
ผลลัพธ์ทันที : ผลลัพธ์จะเป็นทันทีหลังจากการทำกระบวนการ ทำให้ผู้รับบริการเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันที
-
ไม่ต้องผ่าตัด : การฉีดฟิลเลอร์คางไม่ต้องการผ่าตัด ทำให้กระบวนการมีความปลอดภัยมากขึ้น
-
ความถาวร : ผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดฟิลเลอร์คางไม่ถาวร ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี ต้องฉีดซ้ำทุกปี
-
ไม่มีรอยแผลนาน : ไม่มีรอยแผลนานหลังจากกระบวนการ ทำให้ไม่ต้องพักรอยฟื้นฟูนาน
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์คาง
-
ใช้เวลาในการทำไม่นาน
-
ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องผ่าตัด
-
เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ
-
ปรับเปลี่ยนทรงคางได้ตามต้องการ
-
ปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์คาง
-
ไม่ถาวร ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี ต้องฉีดซ้ำทุกปี
-
อาจเกิดอาการแพ้สารเติมเต็มได้
-
อาจเกิดก้อนหรือเป็นรอยนูนบริเวณที่ฉีดได้
-
ราคาสูง ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้นตามจำนวนการทำ
การทำฟิลเลอร์คาง ค่าใช้จ่ายแพงไหม ?
ค่าใช้จ่ายในการทำฟิลเลอร์คาง ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ยี่ห้อของสารเติมเต็ม ปริมาณสารเติมเต็มที่ใช้ ประสบการณ์ของแพทย์ และความน่าเชื่อถือของคลินิกหรือโรงพยาบาล โดยปกติแล้ว ค่าใช้จ่ายในการทำฟิลเลอร์คางจะเริ่มต้นประมาณ 10,000 บาท ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับปริมาณสารเติมเต็มที่ใช้ นอกจากนี้ อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าปรึกษาแพทย์ ค่ายาชา
ค่าบริการอื่นๆ หลายปัจจัยรวมถึงพื้นที่ที่คลินิกหรือคลินิกทำฟิลเลอร์คางตั้งอยู่ ประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์, ประสิทธิภาพของฟิลเลอร์ที่ใช้, ความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์, และความมีความสามารถของศูนย์ที่ทำการเสริมคาง เป็นต้น
ค่าใช้จ่ายมักจะรวมถึง:
1.ค่าบริการของแพทย์ : ค่าใช้จ่ายสำหรับบริการของแพทย์ที่ทำการฉีดฟิลเลอร์คาง
2.ค่าวัสดุ (ฟิลเลอร์) : ค่าใช้จ่ายสำหรับวัสดุฟิลเลอร์ที่ใช้ในกระบวนการ
3.ค่าคลีนิคหรือสถานที่ทำการ : ค่าใช้จ่ายสำหรับการให้บริการที่คลีนิคหรือสถานที่ทำฟิลเลอร์คาง
4.ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ : ค่าตรวจรักษา, การปรึกษา, และการตรวจสอบรักษาหลังการทำฟิลเลอร์
5.ค่าใช้จ่ายทางการทำหัตถการ (ถ้ามี) : ถ้ามีความจำเป็นต้องมีการทำหัตถการเสริมคางทางศัลยกรรม, ค่าใช้จ่ายนี้อาจมีการรวมอยู่ในราคา
6.ค่าใช้จ่ายสำหรับการดูแลรักษาหลังกระบวนการ : ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการดูแลรักษาหลังจากการทำฟิลเลอร์คางเช่น ยารักษา, การติดต่อแพทย์, และการตรวจสอบผลลัพธ์
ค่าใช้จ่ายสามารถแปรผันไปตามท้องตลาดและสถานที่ทำการ ดังนั้นควรสอบถามราคาและรายละเอียดทั้งหมดจากคลีนิคหรือแพทย์ที่คุณสนใจเพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น
การเสริมคางด้วยซิลิโคน
การเสริมคางด้วยซิลิโคน คือการฝังวัสดุซิลิโคนเข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณคาง เพื่อเสริมคาง และปรับรูปหน้าให้ดูสมมาตร หรือหน้าเรียววีเชฟมากขึ้น หลังเสริมคางด้วยซิลิโคนเห็นผลทันที แต่อาจมีอาการบวมช้ำหลังผ่าตัด และผลลัพธ์ที่ได้จะคงอยู่ได้นาน 10-20 ปี หรือตลอดชีวิต การเสริมคางด้วยซิลิโคนเป็นวิธีการเสริมคางที่ได้รับความนิยมมานานกว่าการฉีดฟิลเลอร์คาง เนื่องจากเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ที่คงทนถาวรกว่า การเสริมคางด้วยซิลิโคนจะใช้ซิลิโคนทางการแพทย์ชนิดพิเศษ เพื่อให้คางยาวขึ้นปรับรูปทรงของคางให้ดูสวยงาม
กระบวนการที่ใช้การผ่าตัดเพื่อปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงรูปร่างของคาง กระบวนการนี้มักใช้เทคนิคการผ่าตัดเข้าถึงผ่านรอยตัดที่ซ่อนไว้ ทำให้มีรอยแผลน้อย
ขั้นตอนการเสริมคางด้วยซิลิโคน
1.แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินสภาพใบหน้าและความต้องการที่เหมาะสมของแต่ละบุคคล
2.ตรวจสุขภาพทั่วไป เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายแข็งแรงพอที่จะรับการผ่าตัด
3.งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด
4.งดรับประทานยาบางชนิดที่อาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแอสไพริน ยาไอบูโพรเฟน
5.ทำความสะอาดบริเวณคางให้สะอาด
6.ฉีดยาชาบริเวณคาง
7.ทำแผลผ่าตัดบริเวณคาง
8.ใส่ซิลิโคนเข้าไปบริเวณคาง
9.เย็บแผลผ่าตัด
10.ประคบเย็นบริเวณคาง เพื่อลดอาการบวมช้ำ
หลังการเสริมคางด้วยซิลิโคน
1.การประคบเย็น : ใช้ถุงหรือผ้าเย็นประคบบริเวณที่ทำการเสริมเพื่อลดบวมและการอักเสบ
2.การพักผ่อน : ให้ร่างกายได้พักผ่อนมากพอ หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานมาก
3.การหลีกเลี่ยงการแตะถูกหรือกด : หลีกเลี่ยงการแตะถูกหรือกดบริเวณที่ทำการเสริมเพื่อป้องกันการย้ายวัสดุซิลิโคน
4.การป้องกันแดด : หลีกเลี่ยงการโดนแดดตรงบริเวณที่ทำการเสริมหรือใช้สารกันแดดเพื่อป้องกันความเสียหายจากรังสี UV
5.การทำความสะอาด : รักษาความสะอาดบริเวณที่ทำการเสริมโดยใช้น้ำอุ่นและสบู่อ่อน
6.การรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ : ปฏิบัติตามคำแนะนำที่ให้มาจากแพทย์เพื่อรักษาผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ผลลัพธ์ที่ได้จากการเสริมคางด้วยซิลิโคน
การเสริมคางด้วยซิลิโคนเป็นหนึ่งในวิธีการที่ใช้เพื่อปรับปรุงลักษณะของคาง ซิลิโคนเป็นวัสดุที่นิยมในกระบวนการเสริมคางเนื่องจากมีความยืดหยุ่นและสามารถผสมเข้ากับเนื้อเยื่อในพื้นที่ที่ถูกฉีดได้ดี. ผลลัพธ์ที่ได้จากการเสริมคางด้วยซิลิโคนอาจมีลักษณะดังนี้:
-
ปรับปรุงรูปร่าง : การเสริมคางด้วยซิลิโคนสามารถช่วยปรับปรุงรูปร่างของคางให้สมดุลกับใบหน้า เพิ่มความคมชัดให้ใบหน้า
-
ผลลัพธ์ : มีระยะเวลาพักฟื้นประมาณ 1-2 สัปดาห์
-
ต้องผ่าตัด: การเสริมคางด้วยซิลิโคนต้องการผ่าตัด อาจเกิดการบวมช้ำ
-
ใช้เวลาฟื้นฟูนาน: เพราะต้องทำการผ่าตัด
-
ความถาวร: ผลลัพธ์ที่ได้อาจมีความถาวร แต่อาจต้องทำซ้ำในบางกรณีที่ต้องการปรับเพิ่มเติม
-
การดูแลรักษาหลังกระบวนการ : ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการดูแลรักษาหลังการเสริมคาง
-
ปรับปรุงความรู้สึกเกี่ยวกับตนเอง: การเสริมคางอาจช่วยเสริมความเชื่อมั่นให้ตนเอง
ข้อดีของการเสริมคางด้วยซิลิโคน
-
ผลลัพธ์ถาวร การเสริมคางมีผลลัพธ์ที่ถาวรและไม่ต้องทำซ้ำบ่อย
-
ปรับเปลี่ยนทรงคางได้ตามต้องการ ปรับปรุงทั้งลักษณะและขนาด รูปร่างของคาง
-
ปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย
ข้อเสียของการเสริมคางด้วยซิลิโคน
-
ต้องผ่าตัด มีระยะเวลาพักฟื้นประมาณ 1-2 สัปดาห์
-
อาจเกิดอาการบวมช้ำ เขียวช้ำหลังผ่าตัด
-
อาจเกิดการติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัดได้
-
อาจเกิดซิลิโคนเคลื่อน หรือทะลุออกมาได้
การเสริมคางด้วยซิลิโคน ค่าใช้จ่ายแพงไหม ?
ค่าใช้จ่ายในการเสริมคางด้วยซิลิโคน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ยี่ห้อของซิลิโคน เทคนิคการผ่าตัด ประสบการณ์ของแพทย์ และความน่าเชื่อถือของคลินิกหรือโรงพยาบาลโดยปกติแล้ว ค่าใช้จ่ายในการเสริมคางด้วยซิลิโคนจะเริ่มต้นประมาณ 20,000 บาท ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับเทคนิคการผ่าตัด นอกจากนี้ อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าปรึกษาแพทย์ ค่ายาชา ค่าบริการอื่นๆ หลายปัจจัยรวมถึงที่ตั้งของคลีนิก, ประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์,
ประสิทธิภาพของซิลิโคนที่ใช้, ความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์, และความมีความสามารถของศูนย์ที่ทำการเสริมคาง เป็นต้น
ค่าใช้จ่ายมักจะรวมถึง:
1.ค่าบริการของแพทย์ : ค่าใช้จ่ายสำหรับบริการของแพทย์ที่ทำการเสริมคางด้วยซิลิโคน
2.ค่าวัสดุ (ซิลิโคน) : ค่าใช้จ่ายสำหรับวัสดุซิลิโคนที่ใช้ในกระบวนการ
3.ค่าคลีนิคหรือสถานที่ทำการ : ค่าใช้จ่ายสำหรับการให้บริการที่คลีนิคหรือสถานที่ทำการเสริมคาง
4.ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ : ค่าตรวจรักษา, การปรึกษา, และการตรวจสอบรักษาหลังการทำการเสริมคาง.
5.ค่าใช้จ่ายทางการทำหัตถการ (ถ้ามี) : ถ้ามีความจำเป็นต้องมีการทำหัตถการเสริมคางทางศัลยกรรม, ค่าใช้จ่ายนี้อาจมีการรวมอยู่ในราคา.
6.ค่าใช้จ่ายสำหรับการดูแลรักษาหลังกระบวนการ : ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการดูแลรักษาหลังจากการเสริมคางเช่น ยารักษา, การติดต่อแพทย์, และการตรวจสอบผลลัพธ์.
ค่าใช้จ่ายที่แนะนำทั่วไปอาจแตกต่างไปตามท้องตลาดและสถานที่ทำการ ดังนั้นควรสอบถามราคาและรายละเอียดทั้งหมดจากคลีนิคหรือแพทย์ที่คุณสนใจเพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น ก่อนตัดสินใจเสริมคางด้วยซิลิโคน ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับซิลิโคนแต่ละชนิดอย่างละเอียด และเลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือและได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข
การเลือกวิธีเสริมคาง
การเลือกวิธีเสริมคางที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ดังนี้
-
ความต้องการของแต่ละบุคคล
-
งบประมาณ
-
ระยะเวลาพักฟื้น
-
ความสะดวกสบายของแต่ละบุคคล
-
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
การเสริมคางที่ปลอดภัย ข้อควรระวัง
การทำเสริมคางเป็นกระบวนการที่ต้องการความระมัดระวังและคิดถึงความปลอดภัย นอกจากการเลือกผู้ทำหัตถการที่มีความเชี่ยวชาญและได้รับการฝึกอบรมที่เหมาะสม ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ควรพิจารณาเพื่อให้กระบวนการเสริมคางเป็นไปอย่างปลอดภัยเพิ่มเติม :
1.เลือกแพทย์หรือคลินิกที่เชื่อถือได้ : ตรวจสอบประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์ที่คุณจะเลือกในการทำเสริมคาง หากเป็นไปได้ ควรเลือกแพทย์ที่ได้รับการรับรองจากองค์กรทางการแพทย์
2.การปรึกษากับแพทย์ : ก่อนทำเสริมคาง ควรมีการปรึกษากับแพทย์เพื่อให้เข้าใจเป้าหมายประสิทธิภาพของกระบวนการ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
3.ประเมินสุขภาพ : แพทย์ควรทำการประเมินสุขภาพเบื้องต้นเพื่อตรวจสอบว่าผู้รับบริการมีสุขภาพที่เหมาะสมกับกระบวนการหรือไม่
4.ความเหมาะสมของผู้รับบริการ : ควรตรวจสอบว่าผู้ที่ต้องการทำเสริมคางมีความเข้าใจที่เหมาะสมเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นเมื่อทำคาง
5.ความเสี่ยงและผลข้างเคียง : ควรถามเกี่ยวกับความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากกระบวนการ รวมถึงเวลาฟื้นฟูและประสิทธิภาพของเสริมคาง
6.ค่าใช้จ่าย : ควรทราบค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการ รวมถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่อาจเพิ่มขึ้นตามกรณี
7.การติดตามการฟื้นฟู : การฟื้นฟูหลังการทำเสริมคางเป็นขั้นตอนสำคัญ ควรทราบขั้นตอนการดูแลหลังกระบวนการและการติดตามกับแพทย์
8.ความรับผิดชอบของผู้รับบริการ : ผู้รับบริการควรเข้าใจความรับผิดชอบของตนเองในการดูแลและปฏิบัติตามคำแนะนำหลังกระบวนการ
การทำเสริมคางเป็นกระบวนการที่เป็นบทตกลงระหว่างแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและผู้รับบริการ ดังนั้นควรให้ความสำคัญกับปัจจัยทั้งหมดเพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีผลลัพธ์ที่ปรารถนา ความต้องการที่เหมาะสมของแต่ละบุคคล
หากต้องการผลลัพธ์ทันที รวดเร็ว ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องผ่าตัด สามารถเลือกฉีดฟิลเลอร์คางได้ หากต้องการผลลัพธ์ที่คงทนถาวร สามารถเลือกเสริมคางด้วยซิลิโคนได้ แต่ต้องผ่าตัด มีระยะเวลาพักฟื้น และอาจเกิดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความสะดวกขอ’แต่ละบุคคล