“เซรั่มวิตามินซี” ตัวช่วยเรื่อวผิวขาวกระจ่างใส เรียบเนียน ไร้ริ้วรอย เชื่อว่าเป็นสุดยอดปรารถนาของใครหลายคนอย่างแน่นอน ทำให้จุดด่างดำหรือรอยสิวจางลงและช่วยแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวหมองคล้ำให้กลับมาดูสดใสมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เรามาทำความรู้จักกับเซรั่มที่จะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวของคุณให้กลับมาเปล่งปลั่งชนิดนี้ด้วยกัน พร้อมไขข้อข้องใจและเผยเคล็ดลับการใช้เซรั่มวิตามินซีให้ได้ได้ผลดีและให้คุณประโยชน์กับผิวอย่างแท้จริง
เซรั่ม คืออะไร?
เซรั่ม (Serum) เป็นผลิตภัณฑ์ฟื้นบำรุงผิวที่ประกอบด้วยสารสกัดเข้มข้นมากมาย ทั้งสารสกัดจากวิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระหรืออาหารผิวต่างๆที่ช่วยในการดูแลและฟื้นฟูสภาพผิว โดยส่วนใหญ่แล้วเซรั่มจะมีเนื้อบางเบาที่สามารถซึมสู่ผิวหนังได้อย่างรวดเร็วและบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่มีคราบไขมันค้างบนผิว
วิตามินซี คืออะไร?
วิตามินซี (Vitamin C) เป็นวิตามินที่สามารถละลายในน้ำได้ ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองตามธรรมชาติได้ ต้องอาศัยแหล่งวิตามินซีจากภายนอก พบมากในอาหารประเภทผักหรือผลไม้ ในแง่ของการบำรุงผิว วิตามินซีนับเป็นหนึ่งในสุดยอดอาหารผิวที่ดีมากๆ เพราะมีคุณสมบัติที่ช่วยเสริมด้านความงาม พร้อมทั้งช่วยบำรุงผิวพรรณ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยชะลอริ้วรอย ทำให้ผิวขาวเปล่งปลั่งสุขภาพดี เป็นตัวที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ทำให้ผิวยืดหยุ่น กระชับ เต่งตึง ทั้งยังช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ได้อีกด้วย
เซรั่มวิตามินซี คืออะไร?
เซรั่มวิตามินซี (Serum Vitamin C) เป็นสารสกัดวิตามินซีเข้มข้นในรูปแบบของเซรั่ม นอกจากนั้นยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ โดยประเภทของวิตามินซีที่นิยมนำมาใช้เป็นส่วนผสมของสกินแคร์คือ วิตามินซีธรรมชาติ หรือที่เรียกกันว่า L-ascorbic acid (กรดแอสคอร์บิค) ที่ออกฤทธิ์โดยตรงต่อการฟื้นฟูและบำรุงผิวให้ขาวกระจ่างสดใส โดยสามารถซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเนื้อของเซรั่มวิตามินซีมีความเบาบางมากกว่าครีม เห็นผลไว สามารถใช้ต่อเนื่องได้ โดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เนื่องจากวิตามินซีสามารถละลายน้ำได้จึงถูกขับออกมาพร้อมเหงื่อหรือปัสสาวะตามกลไกธรรมชาติของร่างกาย
ประเภทของ เซรั่มวิตามินซี
เซรั่มวิตามินซีที่นำมาใช้ในการบำรุงผิวพรรณ สามารถแบ่งออกเป็น 3ประเภทใหญ่ๆ ดังต่อไปนี้
แบ่งประเภทของวิตามินซีจากประเภทของเซรั่ม
- เซรั่มวิตามินซี Soluble Collagen
Soluble Collagen หรือที่รู้จักกันในชื่อของ “คอลลาเจนที่สามารถละลายในน้ำได้” โดยเมื่อนำเซรั่มวิตามินประเภทนี้มาทาลงบนผิว จะมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างโปรตีนหลักของผิวหนังให้มีความแข็งแรงและผิวมีความชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น แต่ให้ประสิทธิภาพในการซึมซาบเข้าสู่ชั้นผิวค่อนข้างช้า - เซรั่มวิตามินซี Hydrolyzed Collagen
Hydrolyzed Collagen เป็นคอลลาเจนแบบเอนไซม์ ที่มีคุณสมบัติในการบำรุงผิวพรรณให้สดใส เพิ่มความแข็งแรง ช่วยลดเลือนริ้วรอย ทั้งยังช่วยยกกระชับผิวให้เต่งตึง เนื้อสัมผัสบางเบา สามารถซึมลึกลงสู่ชั้นผิวได้อย่างรวดเร็ว
แบ่งประเภทของวิตามินซีจากประเภทของผิวพรรณ
- ผิวแห้ง ควรเลือกเซรั่มวิตามินซีสูตรที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและเพิ่มความสดใสให้กับผิว
- ผิวมัน ควรเลือกเซรั่มวิตามินซีในสูตรที่มีส่วนผสมของน้ำ หรือกรดซาลิไซลิกที่ช่วยกำจัดน้ำมันที่ค้างอยู่บนผิว
- ผิวผสม ควรเลือกเซรั่มวิตามินซีสูตรน้ำ ที่สามารถช่วยปรับสภาพของผิวพรรณโดยรวมให้มีความสมดุลมากยิ่งขึ้น
แบ่งประเภทของวิตามินซีจากส่วนผสม
ส่วนผสมในเซรั่มวิตามินซี เป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ตามมาหลังการใช้ ดังต่อไปนี้
- เซรั่มวิตามินซีที่มีส่วนประกอบของสารต้านอนุมูลอิสระ
วิตามินซี เป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีคุณสมบัติช่วยลดความเสื่อมสภาพของผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดดหรือมลภาวะต่างๆ พร้อมทั้งช่วยปรับสภาพของสีผิวและลดเลือนริ้วรอยที่เกิดขึ้นตามช่วงอายุ - เซรั่มวิตามินซีที่มีส่วนประกอบของกรดอัลฟ่าและเบต้าไฮดรอกซี่
ทั้งกรดอัลฟ่าและเบต้าไฮดรอกซี่ มีคุณสมบัติที่สามารถช่วยลดความผิดปกติของเม็ดสีผิว ทำให้จุดด่างดำดูจางลง ช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยกระชับรูขุมขน ปรับสีผิวให้เรียบเนียนสม่ำเสมอ พร้อมทั้งช่วยลดน้ำมันและสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่บนผิว แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนประกอบทั้งสองนี้ไม่ค่อยเหมาะกับคนที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย เนื่องจากสารประกอบมีฤทธิ์เป็นกรดอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ - เซรั่มวิตามินซีที่มีส่วนประกอบของวิตามินเอ
อนุพันธุ์วิตามินเอหรือเรตินอล มีคุณสมบัติในการช่วยรักษาสภาพของเซลล์ที่เสียหายจากการสัมผัสกับแสงแดด ไม่เพียงเท่านั้น ยังช่วยฟื้นฟูเซลล์ที่ได้รับความเสียหายให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ พร้อมทั้งช่วยชะลอการสร้างเม็ดสีผิวเมื่อต้องเผชิญกับแสงแดดได้อีกด้วย - เซรั่มวิตามินซีที่มีส่วนประกอบของโอเมก้า -3
กรดโอเมก้า-3 มีคุณสมบัติในการรักษาสุขภาพของผนังเซลล์ให้มีความแข็งแรงมากขึ้น ทำให้น้ำสามารถซึมผ่านเข้าสู่เซลล์ได้ในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการและยังช่วยขจัดของเสียออกจากเซลล์ผิวได้ง่ายมากขึ้น ทำให้ผิวมีสุขภาพดี มีความชุ่มชื้น ไม่หยาบกร้าน ช่วยลดสิว ลดเลือนริ้วรอยและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวได้ด้วยเช่นกัน - เซรั่มวิตามินซีที่มีส่วนประกอบของไฮยาลูโรนิก
“ไฮยาลูโรนิก” หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อของ “ไฮยาลูรอน” เป็นสารที่ร่างกายสามารถผลิตขึ้นมาได้เองตามธรรมชาติ แต่เมื่ออายุมากขึ้น บวกกับปัจจัยกระตุ้นอื่นๆ ทำให้ไฮยาลูโรนิก ค่อยๆลดลง ดังนั้นการเลือกใช้เซรั่มวิตามินซีที่มีส่วนผสมของไฮยาลูโรนิก จะช่วยทำให้ผิวมีความนุ่มชุ่มชื้นขึ้น - เซรั่มวิตามินซีที่มีส่วนประกอบของเปปไทด์
“เปปไทด์” คือกรดอะมิโนที่เป็นส่วนหนึ่งของโปรตีนที่เรียกว่า Acetyl hexapeptide, palmitoyl pentapeptide และ palmitoyl oligopeptide เมื่อถูกดูดซับเข้าสู่ผิวหนัง ก็จะช่วยในการลดเลือนริ้วรอย ด้วยการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายโดยรังสียูวี
ประโยชน์ของ เซรั่มวิตามินซี
เซรั่มวิตามินซี ได้ถูกนำมาใช้ในการดูแลผิวพรรณมายาวนาน ด้วยส่วนผสมที่ผสานกันอย่างลงตัว พร้อมทั้งไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมลงสู่ชั้นผิวได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก พร้อมคุณประโยชน์มากมายดังต่อไปนี้
- ช่วยให้ผิวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
เนื่องด้วยวิตามินซีมีฤทธิ์เป็นกรด จึงสามารถช่วยให้ผิวกระจ่างใสได้โดยตรง โดยวิตามินซีจะช่วยในการยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานินในชั้นผิว ทำให้ผิวดูสว่างขึ้น ซึ่งการปรับสีผิวให้ขาวขึ้นนั้น เป็นไปตามกลไกธรรมชาติไม่อันตรายต่อผิวอย่างแน่นอน - เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
วิตามินซีสามารถให้ทั้งความชุ่มชื้นและกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวได้เป็นอย่างดี ดังนั้นการใช้เซรั่มวิตามินซีเป็นประจำจึงทำให้ผิวหน้าดูฉ่ำและมีสุขภาพดี ทั้งยังช่วยควบคุมความมันบนใบหน้าได้อีกด้วย เนื่องจากผิวมีความชุ่มชื้นอยู่แล้ว จึงทำให้ต่อมไขมันทำงานได้น้อยลง ไม่เกิดความมันส่วนเกินบนใบหน้าขึ้น - กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว
ในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป การสร้างคอลลาเจนที่ใต้ชั้นผิวจะเริ่มลดลง ซึ่งส่งผลให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย ร่องลึก ตีนกาและริ้วรอยต่างๆบนใบหน้า ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะใช้เซรั่มวิตามินซีเข้าไปช่วยกระตุ้นและสร้างคอลลาเจนที่ใต้ชั้นผิว เพื่อช่วยให้ผิวดูเต่งตึงและอ่อนกว่าวัย - ป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
ไม่เพียงช่วงอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้การสร้างคอลลาเจนน้อยลงเท่านั้น แต่ด้วยสภาพผิวที่แตกต่างกันออกไป ทำให้การสร้างคอลลาเจนก็มีความแตกต่างกันไปด้วย โดยเฉพาะผู้ที่มีสภาพผิวแห้ง กระบวนการสร้างคอลลาเจนก็จะน้อยลงกว่าผิวในลักษณะอื่นๆ การใช้เซรั่มวิตามินซีจึงตอบโจทย์ในการช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย - ช่วยให้ผิวกระชับ เรียบเนียน
เนื่องจากเซรั่มเป็นสารสกัดที่มีเนื้อบางเบา สามารถซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้ดี ทำให้การฟื้นฟูผิวเป็นไปอย่างรวดเร็ว เห็นผลที่ค่อนข้างชัดเจน ส่วนวิตามินซีมีสรรพคุณในการสร้างคอลลาเจนและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว เมื่อรวมทั้งสองสิ่งนี้เข้าด้วยกัน จึงสามารถทำให้ผิวมีความกระชับ เรียบเนียนและเต่งตึงขึ้นได้ ไม่เพียงเท่านั้น ยังช่วยให้รูขุมขนเล็กลงด้วย เนื่องจากรูขุมขนที่กว้างมักเกิดจากการสร้างน้ำมันของต่อมไขมันมีมาก เมื่อต่อมไขมันมีขนาดใหญ่ รูขุมขนก็มีขนาดใหญ่ตามไปด้วย เมื่อเซรั่มสามารถช่วยเก็บความชุ่มชื้น จึงช่วยลดการผลิตน้ำมันของต่อมไขมันลงได้ และเมื่อต่อมไขมันไม่ได้ใช้งานนานๆเข้าก็จะมีขนาดเล็กลง จึงส่งผลให้รูขุมขนเล็กลงด้วย นั่นจึงเป็นที่มาของผิวกระชับและเรียบเนียน - ช่วยลดผลกระทบจากแสงแดดที่มีต่อผิว
แสงแดด เป็นอึกหนึ่งตัวการสำคัญที่พร้อมทำลายสภาพผิวหน้าและก่อให้เกิดปัญหาผิวมากมายตามมา เซรั่มวิตามินซี มีคุณสมบัติที่ช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากการสัมผัสกับแสงแดดได้เป็นอย่างดี โดยมีการศึกษาในหัวข้อเรื่อง “Use of topical ascorbic acid and its effects on photodamaged skin topography” ที่ได้รับการเผยแพร่ใน Nation Library of Medicine พบว่า การศึกษาผู้ป่วย 19 คน ที่มีอายุระหว่าง 36-72 ปี ที่มีผิวประเภท Fitzpatrick แบบ 1-3 และผิวหน้าได้รับความเสียหายจากแสงแดดเล็กน้อยถึงปานกลาง หลังจากที่มีการใช้กรดแอสคอร์บิกติดต่อกันเป็นเวลา 3 เดือน และจากผลการศึกษาอีกเช่นเดียวกันพบว่าริ้วรอย ผิวสัมผัสและโทนสีผิวที่ถูกทำลายจากแสงแดดได้รับการฟื้นฟูให้ดีขึ้นตามลำดับ มากถึง 68-74% เลยทีเดียว - ช่วยลดการระคายเคืองที่เกิดขึ้นจากการสัมผัสสารคลอรีน
เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่น่าอัศจรรย์ของเซรั่มวิตามินซีที่สามารถช่วยกู้หน้าพังที่เกิดจากการระคายเคืองหลังจากลงสระว่ายน้ำที่ใส่สารคลอรีน - ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวในระดับเซลล์ผิว
ด้วยความสามารถในการซึมลงผิวอย่างรวดเร็วไปถึงผิวชั้นลึกของเซรั่มวิตามินซี ทำให้มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูสภาพผิวถึงระดับเซลล์ที่ลึกขึ้น เพิ่มความแข็งแรงและความสดใสให้ผิวมากขึ้นด้วย - ช่วยลดปัญหาสิว
น้ำมันที่อยู่บนชั้นผิว เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สิ่งสกปรก ฝุ่น ควันต่างๆไปเกาะติดอยู่บนผิวหน้า จนทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดเป็นสิวประเภทต่างๆตามมา เซรั่มวิตามินซี สามารถช่วยลดความมันบนใบหน้าได้ ทั้งยังช่วยขจัดน้ำมันที่อยู่บนชั้นผิวให้น้อยลง จึงทำให้สิวลดลงด้วยเช่นกัน
ข้อจำกัดในการใช้เซรั่มวิตามินซี
ถึงแม้ว่าเซรั่มวิตามินซีจะมีประโยชน์มากมายต่อการบำรุงผิว แต่มีข้อควรรู้ที่เป็นข้อจำกัดในการใช้เซรั่มวิตามินซี ว่าไม่ควรใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์หรือสารสกัดบางประเภท เพื่อไม่ให้ผิวเกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง ดังต่อไปนี้
- ไม่ควรใช้เซรั่มวิตามินซีร่วมกัน Benzoyl Peroxide
Benzoyl Peroxide จะออกฤทธิ์มนการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว ทั้งยังช่วยลดปริมาณกรดไขมันที่อยู่บริเวณรูขุมขนให้ลดน้อยลง ซึ่งจะช่วยลดการอุดตันในรูขุมขนและช่วยลดการเกิดสิวได้ด้วย แต่ไม่แนะนำให้ใช้ร่วมกับเซรั่มวิตามินซี เพราะอาจจะทำให้เกิดปฏิกิริยาอ็อกซิเดชั่น (oxidation) ซึ่งจะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซีมีการเปลี่ยนสี และมีแนวโน้มที่จะทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคืองได้ - ไม่ควรใช้เซรั่มวิตามินซีร่วมกัน AHA/BHA
ทั้ง AHA และ BHA มีความเป็นกรดอ่อนๆ ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว (Exfoliate Factor) ซึ่งทั้งสองตัวนี้ทำหน้าที่เหมือนกับวิตามินซี สามารถช่วยลดลเลือนจุดด่างดำ ดังนั้นหลายคนจึงเกิดความเข้าใจผิด อยากจะเร่งให้ผิวขาวใสแบบเร่งด่วน อยากให้รอยดำและรอยสิวลดลงอย่างรวดเร็ว จึงพยายามใช้ AHA และ BHA ร่วมกับวิตามินซี การทำเช่นนี้เป็นการทำร้ายผิวมากกว่าการช่วยผลัดเซลล์ผิวหนัง ดังนั้นควรใช้สลับกัน และควรทาควบคู่กับครีมกันแดด เนื่องจากเป็นสารที่ไวต่อแสงมาก - ไม่ควรใช้เซรั่มวิตามินซีร่วมกัน คอลลาเจน (Collagen)
การใช้เซรั่มวิตามินซีร่วมกับคอลลาเจน ทำให้เนื้อของผลิตภัณฑ์จับตัวเป็นก้อนอยู่บนผิว และไม่สามารถทำให้ครีมหรือเซรั่มต่างๆที่เราใช้ซึมลงไปในชั้นผิวได้อย่างเต็มที่ แท้จริงแล้ว ในหนึ่งวัน สามารถใช้เซรั่มวิตามินซีและคอลลาเจนคนละเวลาได้ แต่ไม่แนะนำให้ทาในเวลาเดียวกัน - ไม่ควรใช้เซรั่มวิตามินซีร่วมกัน Niacinamide
Niacinamide คือวิตามินบี 3 ที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ช่วยเพิ่มระดับของคาราไมด์(Ceramide) ที่มีคุณสมบัติในการช่วยปกป้องและรักษาผิวให้ฟื้นคืนสู่สภาพจากการขาดน้ำ และถ้าหาก Niacinamide เข้มข้นเจอกับวิตามินซี จะทำให้วิตามินซีเปลี่ยนสีและประสิทธิภาพลดลง และสามารถทำให้ผิวระคายเคืองได้อีกด้วย
ใช้ เซรั่มวิตามินซี เวลาไหนดี?
แท้จริงแล้วการใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของวิตามินซี เพื่อการบำรุงและปกป้องผิว สามารถใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยมีหลักในการใช้ดังต่อไปนี้
- ตอนกลางวัน (ตอนเช้า) หลังจากการใช้เซรั่มวิตามินซี ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF50 ขึ้นไปเป็นประจำทุกวัน เพื่อเป็นการเสริมเกราะป้องกันผิวจากแสงแดด ช่วยทำให้ผิวแข็งแรง และช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้อย่างเห็นผลชัดเจน
- ตอนกลางคืน เริ่มจากการล้างหน้าให้สะอาด แล้วเช็ดผิวด้วยโทนเนอร์อีกครั้ง บำรุงด้วยสกินแคร์ที่เหมาะกับสภาพผิวเนื้อบางเบา หลังจากนั้นจึงทาเซรั่มวิตามินซีลงไป เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้เนื้อครีมที่ทาสามารถลงลึกเข้าสู่ชั้นผิวได้ง่ายขึ้น
วิธีใช้เซรั่มวิตามินซีที่ถูกต้อง
การใช้เซรั่มวิตามินซีอย่างถูกต้อง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงได้อย่างล้ำลึกมากขึ้น โดยมี 3ขั้นตอนง่ายๆ ดังต่อไปนี้
- หยดเซรั่มวิตามินซีลงบนฝ่ามือในปริมาณที่เหมาะสม
- วอร์มเซรั่มวิตามินซีเล็กน้อยอย่างเบามือสักครู่
- เริ่มทาเซรั่มวิตามินซี ด้วยการใช้ปลายนิ้วมือนวดกดเบาๆทั่วทั้งหน้า ยกเว้นรอบดวงตา เพื่อให้เซรั่มซึมซาบเข้าสู่ชั้นผิวได้อย่างทั่วถึง
วิธีเก็บรักษา เซรั่มวิตามินซี
การเก็บรักษาเซรั่มวิตามินซีอย่างถูกต้อง นอกจากเป็นการรักษาอายุการใช้งานแล้ว ยังทำให้เนื้อครีมยังคงคุณสมบัติในการฟื้นฟูบำรุงได้ด้วย โดยมีวิธีเก็บรักษาดังต่อไปนี้
- ขณะที่ใช้ไม่ควรเปิดฝาทิ้งไว้ เมื่อใช้เสร็จควรปิดฝาให้แน่นทุกครั้ง
- เก็บเซรั่มวิตามินซีให้พ้นจากแสงแดดและไม่เก็บเอาไว้ในที่ร้อนจนเกินไป เก็บได้ในอุณหภูมิปกติ หรือถ้าเอาใส่ตู้เย็น ให้รีบนำออกมาใช้แล้วเก็บคืน เพื่อไม่ให้อุณภูมิของผลิตภัณฑ์เหวี่ยงไปมาอยู่บ่อยๆ อาจจะทำให้เสื่อมสภาพได้
ข้อควรระวังในการใช้เซรั่มวิตามินซี
มีข้อควรระวังในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามินซีเป็นส่วนผสม เนื่องจากหลายท่านอาจจะเกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองที่ผิวหนัง ซึ่งอาการดังกล่าวอาจจะเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย ดังต่อไปนี้
- ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมีปริมาณวิตามินซีที่สูงเกินไป
โดยปกติในสกินแคร์ต่างๆจะมีปริมาณความเข้มข้นของวิตามินซีอยู่ระหว่าง 10-15% เป็นปริมาณที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองได้น้อย แต่ถ้าหากมีอาการแพ้หรือระคายเคือง เป็นไปได้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีส่วนผสมของวิตามินซีที่สูงเกินไป แต่สำหรับท่านที่สภาพผิวมีความแข็งแรงและต้องการการฟื้นบำรุงเป็นพิเศษ ก็สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผสมวิตามินซีที่มีความเข้มข้นสูงกว่า 15% ขึ้นไปได้ - แพ้น้ำหอมหรือแอลกอฮอล์
น้ำหอมหรือปริมาณแอลกอฮอล์ในปริมาณที่สูงที่ผสมอยู่ในสกินแคร์ อาจก่อให้เกิดการแพ้หรือการระคายเคืองได้โดยง่าย ดังนั้นวิธีที่ปลอดภัยคือให้อ่านฉลากของผลิตภัณฑ์และดูว่ามีส่วนผสมอะไรบ้างและในปริมาณมากน้อยแค่ไหน โดยลำดับของส่วนผสมจะบ่งบอกถึงปริมาณของส่วนผสมที่ใส่จากมากไปน้อยนั่นเอง - การผลัดเซลล์ผิวระหว่างที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามินซีหรือมีการใช้สารบางประเภทควบคู่
การผลัดเซลล์ผิวหรือการสครับผิว รวมถึงการใช้สกินแคร์ที่มีกรดผสมอยู่อย่าง AHAหรือ BHA ควบคู่ไปกับการใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซี อาจทำให้วิตามินซีสูญเสียค่าpH Balance หรือค่าสมดุลความเป็นกรด-ด่างของผิว ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ เช่นสิวไวต่อแสง แสบผิวหรือผิวลอก เป็นต้น รวมถึงสกินแคร์ที่มีเรตินอล(Retinol) ที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ก็จะทำให้ผิวลอกได้ง่าย เป็นต้น
AOX Ferulic เซรั่มวิตามินซีจาก mesoestetic ดีอย่างไร?
สำหรับท่านที่กำลังมองหาเซรั่มวิตามินซีสูตรเข้มข้นที่สามารถช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระที่มีสาเหตุมาจากรังสียูวี รังสีอินฟาเรดและแสงสีฟ้า ป้องกันการเกิดริ้วรอยแห่งวัย พร้อมทั้งช่วยปรับสภาพผิวให้ดูกระจ่างใสขึ้น AOX Ferulic เซรั่มวิตามินซีจาก mesoestetic น่าจะตอบโจทย์สำหรับปัญหาผิวของท่าน ด้วยส่วนประกอบสำคัญเพื่อการปกป้องและฟื้นฟูผิวอย่างแท้จริงอย่าง
- Ferulic acid 0.5% ซึ่งเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ ที่ช่วยทำให้ผิวยืดหยุ่นและดูอ่อนเยาว์
- Vitamin C ที่มีความเข้มข้นถึง 15% ช่วยป้องกันผิวคลํ้าเสียจากรังสี UV และช่วยปรับสภาพผิวให้แลดูกระจ่างใส พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ลดเลือนจุดด่างดำ ช่วยปรับสภาพผิว กระชับรูขุมขน เผยผิวที่ดูอ่อนเยาว์และสดใส
- Protech cell complex 1.5% ประกอบด้วยวิตามินอี และสารแอนติออกซิแดนท์ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยพร้อมทั้งปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระจากสิ่งแวดล้อมภายนอก
“เซรั่มวิตามินซี” คืออีกหนึ่งทางเลือกเพื่อผิวกระจ่างสวยเนียนใสและดูอ่อนเยาว์ ซึ่งในการเลือกใช้จะต้องมีการศึกษาอย่างละเอียดถึงส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ และมีการสร้างเกราะป้องกันผิวอีกชั้นด้วยการทางครีมกันแดด นอกจากนั้น จำเป็นที่จะต้องมีการรับประทานอาหารจำพวกผักและผลไม้มากขึ้น ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย รวมถึงการพักผ่อนที่เพียงพอ ทำจิตใจให้สบาย เพียงเท่านี้ผิวสวย ผิวใสก็ไม่ไปไหนไกลอย่างแน่นอน