เปลี่ยนผิวขาดความยืดหยุ่นให้กลับมาเต่งตึง กระชับ มีสุขภาพดี

“ผิวเฟิร์ม ยืดหยุ่น ไม่หย่อนคล้อย” นี่คงเป็นสุดยอดสภาพผิวกายที่ใครหลายคนใฝ่ฝันเลยก็ว่าได้ แต่เนื่องด้วยหลายปัจจัยที่ส่งผลให้สภาพผิวของคนเราเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เสื่อมสภาพตามวัยหรืออายุที่เพิ่มมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ยังเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมต่างๆในชีวิตประจำวัน ที่ทำให้ผิวขาดความยืนหยุ่นกระชับด้วย แล้วจะมีทางออกหรือวิธีแก้ไข รวมถึงการป้องกันอย่างไรบ้าง เพื่อทวงคืนผิวที่มีสุขภาพดี มีความกระชับกลับคืนมาได้อีกครั้ง เราจะมาเรียนรู้ด้วยกันผ่านบทความนี้

ผิวขาดความยืดหยุ่นคืออะไร

ผิวขาดความยืดหยุ่น เป็นสภาวะของผิวที่ขาดคอลลาเจนหรือคอลลาเจนในร่างกายเสื่อมและลดปริมาณลง เนื่องจากว่า คอลลาเจนพบได้มากในชั้นผิวหนัง ในช่วงวัยเด็กหรือวัยรุ่นผิวหนังของคนเราจะมีคอลลาเจนอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นสูง แต่ต่อมาเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น เส้นใยของคอลลาเจนก็จะมีการเสื่อมสภาพลง ทำให้ความยืดหยุ่นของผิวลดน้อยลงไปด้วยเช่นกัน นั่นจึงเป็นที่มาของผิวหย่อนคล้อย ไม่เต่งตึง

ความสำคัญของคอลลาเจนในชั้นผิว

คอลลาเจนเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่พบได้มากที่สุดในร่างกายของคนเรา โดยลักษณะของเส้นใยคอลลาเจนจะคล้ายสายเกลียว ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของกรดอะมิโน (Amino acid) หลายชนิดต่อกันเป็นสายยาวหรือที่เรียกว่าโพรลีนและไกลซีน โดยมีหน้าที่เชื่อมเซลล์ต่างๆในร่างกายไม่ว่าจะเป็นเซลล์ผิวหนัง เอ็น ข้อต่อ พังผืด กล้ามเนื้อ และผนังหลอดเลือด ให้ยึดติดกันเอาไว้ แต่เมื่อปริมาณของคอลลาเจนลดน้อยหรือเสื่อมสภาพลง จึงทำให้ผิวเกิดความหย่อนคล้อย ไม่กระชับ ขาดความยืดหยุ่น ผิวแห้งกร้าน หยาบกระด้าง ไม่เต่งตึง ผิวมีริ้วรอย ดูแก่กว่าวัย นอกจากนั้นยังทำให้แผลสมานตัวช้าลง ผมขาดหลุดร่วงง่าย มีอาการปวดตามข้อต่อ ทั้งยังทำให้ประสิทธิภาพในการเผาผลาญไขมันน้อยลง เกิดการสะสมของไขมันส่วนเกินในร่างกายได้ง่ายขึ้น ซึ่งเราสามารถพบสภาพผิวที่ขาดความยืดหยุ่นได้ในบริเวณ เหนียง ลำคอ ต้นแขน ข้อศอก ข้อนิ้วมือ หลังมือ หน้าอก หน้าท้อง สะโพก และต้นขา เป็นต้น

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น

ถึงแม้ว่าคอลลาเจนที่มีปริมาณน้อยลงจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภาวะผิวขาดความยืดหยุ่น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกมากมายที่เอื้อต่อการเกิดปัญหาผิวดังกล่าว ดังต่อไปนี้

  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น
    ยิ่งคนเรามีอายุเพิ่มมากขึ้นเท่าไร ประสิทธิภาพในการสร้างคอลลาเจนของร่างกายก็ยิ่งลดน้อยลงเท่านั้น นี่คงเป็นสัจธรรมของผิวที่เกิดขึ้น กล่าวคือ ให้สังเกตผิวของเด็กหรือผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี จะพบว่ามีความยืดหยุ่นสูง มีความเต่งตึง เปล่งปลั่ง หรือที่เรียกว่าผิวเด้งนั่นเอง และนอกจากนั้น เมื่อเกิดบาดแผล พบว่าแผลจะสมานตัวเร็ว ที่เป็นเช่นนี้เพราะผิวหนังมีคอลลาเจนอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่ออายุ25 ปีขึ้นไป จากงานวิจัยพบว่าร่างกายจะมีการผลิตคอลลาเจนลดลงปีละประมาณ 1% ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่พิสูจน์และยืนยันว่ายิ่งคนเราอายุเพิ่มมากขึ้น ก็จะยิ่งมีปัญหาผิวตามมามากมาย ทั้งผิวขาดความยืดหยุ่น ขาดความชุ่มชื้น ไม่เต่งตึงกระชับ ทั้งยังมีริ้วรอยและความเหี่ยวย่นตามมาอีกด้วย และเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไปยังพบว่าคอลลาเจนในร่างกายจะลดลงเหลือเพียง 30% เท่านั้น ดังนั้นเรื่องอายุจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาผิวอย่างเลี่ยงไม่ได้
  • การพักผ่อนและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
    ในช่วงที่ร่างกายพักผ่อนนอนหลับ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่มีชื่อว่าเมลาโทนิน (Melatonin) ออกมา ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะเป็นตัวนำฮอร์โมนชนิดอื่นๆเข้ามา เช่น โกรทฮอร์โมน (Growth hormone) ที่ช่วยในเรื่องการเจริญเติบโตและควบคุมการทำงานของระบบในร่างกาย เป็นต้น ซึ่งฮอร์โมนเมลาโทนนินจะหลั่งออกมาในช่วงประมาณ 4-5 ทุ่ม หากไม่ได้พักผ่อนในเวลาดังกล่าว ทำให้ร่างกายไม่สามารถหลั่งฮอร์โมนชนิดนี้ออกมาได้อย่างเพียงพอ จึงทำให้ร่างกายไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้อย่างเต็มที่ ไม่เพียงส่งผลให้ระบบต่างๆในร่างกายรวนเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดปัญหาผิวพรรณไม่สดใส ขาดความยืดหยุ่นตามมาได้ง่าย
  • UVA และ UVB จากแสงแดด
    โดยปกติในแสงแดดจะมีทั้งรังสี UVA และ UVB ซึ่งสามารถกระตุ้นให้เกิดการสร้างสารอนุมูลอิสระ และสารอนุมูลอิสระก็จะเข้าไปทำลายโปรตีนและคอลลาเจนใต้ผิวของคนเรา และเมื่อโดนแสงแดดเป็นประจำต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน จะทำให้ผิวแห้งเหี่ยว ไม่สดใส และหยาบกร้านมากขึ้น
  • มลภาวะทางอากาศ
    ปัจจุบันเรียกได้ว่าเราแทบจะหลีกเลี่ยงฝุ่นได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นมลพิษทางรถยนต์ หรือฝุ่นที่มีอนุภาคขนาดเล็กอย่าง PM 2.5 ที่สามารถทำลายภูมิต้านทานและอวัยวะภายในของผู้คนได้ในเวลาอันรวดเร็ว รวมถึงฝุ่นที่มาพร้อมกับสารเจือปนมากมาย เช่นพวกโลหะหนัก ปรอท แคดเมียม อนุมูลเล็ก ๆ และสารอื่น ๆที่กระจายเข้าสู่เซลล์แล้วเกิดการสะสมในร่างกาย ทำให้เกิดความเสียหายต่อสุขภาพและสภาพผิวของคนเราได้มากเช่นกัน
  • การดื่มแอลกอฮอล์
    เมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกาย จะทำให้เกิดการปลดปล่อยของเหลวในร่างกายออกมาในรูปแบบของปัสสาวะ และยังขับสารอาหารสำคัญอื่นๆออกมาด้วย นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น แห้งเหี่ยว ผิวโทรม แลดูแก่กว่าวัย
  • การสูบบุหรี่
    การสูบบุหรี่ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon monoxide) ซึ่งจะเข้าไปแทนที่ก๊าชออกซิเจน (Oxygen) ที่อยู่ในผิวหนัง นอกจากนั้นสารนิโคติน (Nicotine) ที่อยู่ในบุหรี่ยังสามารถเข้าไปขัดขวางระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้เลือดไหลเวียนได้ช้าลง นั่นจึงเป็นที่มาของเส้นเลือดตีบ ไม่เพียงเท่านั้นสารตัวดังกล่าวนี้ ยังเป็นตัวการทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนังของคนเราได้ด้วย นั่นจึงทำให้ผิวแห้ง ขาดความกระชับเต่งตึง แถมยังเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดและมะเร็งผิวหนังได้ด้วย
  • การลดน้ำหนักผิดวิธี
    การที่น้ำหนักขึ้นหรือลงเร็วจนเกินไปในระยะเวลาสั้นๆ เนื่องจากการออกกำลังกายอย่างหนักหรือลดน้ำหนักแบบผิดวิธี ส่งผลให้เนื้อเยื่อใต้ผิวกระชับตัวไม่ทัน เกิดเป็นช่องว่างใต้ผิวหนัง และเมื่อน้ำหนักลงแล้ว ถึงแม้ไขมันจะสลายไป แต่ร่างกายขาดน้ำ และโปรตีนในร่างกายหายไป โดยที่กล้ามเนื้อไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาแทนที่ไขมัน ทำให้เกิดปัญหาผิวย้วย ขาดความยืดหยุ่น
  • ไม่ได้ใส่ชุดยกระชับอย่างถูกวิธีหลังจากดูดไขมัน
    หนึ่งในวิธียอดฮิตในการลดสัดส่วน คือการดูดไขมัน(Liposuction) แต่ยิ่งมีการดูดไขมันออกไปมากเท่าไร ก็ยิ่งมีช่องว่างในผิวหนังเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผิวมีความหย่อนคล้อย ดังนั้นเพื่อเป็นการกระชับผิวให้เข้าที่ ได้รูปทรงที่สวยงาม จะต้องใส่ชุดกระชับหลังดูดไขมันตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อจำกัดพื้นที่ให้กับผิว ให้เซลล์เนื้อเยื่อมีการเชื่อมต่อและยึดติดกันมากที่สุด โดยแพทย์จะให้ใส่ชุดดังกล่าวนี้ประมาณ 3 เดือน ในหนึ่งเดือนแรกหลังดูดไขมันให้สวมชุดกระชับ 18-20 ชั่วโมงต่อวัน และนับตั้งแต่เดือนที่ 2 เป็นต้นไปให้ใส่ชุดกระชับประมาณ 12 ชั่วโมงต่อวัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ แต่หากละเลย ก็อาจจะส่งผลให้เกิดอาการผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับตามมาได้เช่นกัน
  • ดื่มน้ำน้อย
    การดื่มน้ำ ทำให้ระบบต่างๆในร่างกายทำงานได้เป็นปกติมากขึ้น ทั้งยังช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นมากขึ้นด้วย โดยแนะนำให้ดื่มน้ำให้ได้ 1-1.5 เท่าของปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับในแต่ละวัน ไม่ควรดื่มน้ำน้อยหรือมากจนเกินไป ควรดื่มน้ำในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะจะสามารถช่วยให้กระบวนการผลิตคอลลาเจนใต้ผิวหนังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงส่งผลให้ผิวหนังมีความกระชับ ยืดหยุ่นแลดูอ่อนเยาว์
  • รับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่และรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์
    เนื่องจากคอลลาเจนและอีลาสตินเป็นโปรตีนประเภทหนึ่ง ที่ถูกสร้างจากกรดอะมิโนชนิดต่างๆ ซึ่งการที่จะสร้างกรดอะมิโนชนิดพิเศษนั้น จะต้องมีวิตามินซีเข้ามาช่วยในกระบวนการเปลี่ยนกรดอะมิโนธรรมดาให้กลายเป็นกรดอะมิโนชนิดพิเศษ เพื่อนำไปใช้ในการสร้างคอลลาเจนต่อไป แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะต้องรับประทานโปรตีนหรืออาหารที่มีวิตามินซีเพียงอย่างเดียว แต่ควรจะรับประทานให้ครบทั้ง 5 หมู่ตามสัดส่วนที่พอเหมาะ เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ และเพื่อผิวพรรณที่สดใส นอกจากนั้นการรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของไขมัน แป้ง น้ำตาล อาหารประเภทจั๊งก์ฟู้ด และอาหารแปรรูปมากจนเกินไป ไม่เพียงทำให้เกิดการสะสมของไขมันและทำให้อ้วนง่ายเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระ ตัวการสำคัญในการทำลายคอลลาเจนในร่างกายได้อีกด้วย
  • ความเครียด
    เมื่อมีความเครียดเกิดขึ้น ร่างกายจะผลิตสารที่มีชื่อว่าคอร์ติซอลออกมา เป็นเหมือนสารพิษที่สามารถเข้าไปทำลายคอลลาเจนใต้ผิวหนังของเราได้

วิธีการแก้ไขผิวขาดความยืดหยุ่น

ปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีทางการแพทย์เข้ามาใช้ในการแก้ไขปัญหาผิวขาดความยืดหยุ่นร่วมกับวิธีการทางธรรมชาติหลากหลายวิธี ดังต่อไปนี้

  • การผ่าตัดยกกระชับหรือการผ่าตัดหนังหน้าท้อง(Tummy Tuck) ในกรณีเช่นนี้มักใช้กับผู้ที่มีปัญหาผิวขาดคอลลาเจนระดับรุนแรง ใช้วิธีอื่นๆแล้วไม่ได้ผล ส่วนใหญ่จะเป็นคุณแม่หลังคลอด หรือผู้ที่เคยมีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวแล้วลดน้ำหนักลงอย่างรวดเร็ว เป็นต้น
  • การยกกระชับผิวจากภายใน ใช้ในกรณีที่มีผิวหย่อนคล้อยในระดับปานกลาง โดยจะส่งพลังงานความร้อนไปยังเนื้อเยื่อที่อยู่ใต้ผิวแบบตรงจุด ทำให้ผิวหดกระชับขึ้นมาได้ทันที สามารถทำควบคู่กับการดูดไขมันหน้าท้องได้
  • การนวดกระชับผิว ใช้ในกรณีที่ผิวขาดความยืดหยุ่น ไม่กระชับในระดับน้อย มีไขมันสะสมไม่มาก

เคล็ดลับในการดูแลผิวให้กระชับ มีความยืดหยุ่น

เพื่อเป็นการปกป้องและดูแลผิวให้กระชับเต่งตึง มีความยืดหยุ่น ดูอ่อนวัย มีเคล็ดลับสำคัญดังต่อไปนี้

  • ใช้ครีมหรือโลชั่นกระชับผิว
    ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการทำให้ผิวกระชับ ลดความหย่อนคล้อย กำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถนวดกระชับเองได้ที่บ้าน สะดวกและประหยัดได้อีกด้วย อย่างครีมกระชับสัดส่วน
    Bodyshock firm’ up by mesoestetic เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีความหย่อนคล้อย สูญเสียความยืดหยุ่นของผิว โดยสามารถทำให้ผิวเฟิร์ม กระชับและเต่งตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มาพร้อมกับลูกกลิ้งสำหรับนวด ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการกระจายตัว การดูดซึม และการยกกระชับผิวได้ดีมากยิ่งขึ้น สามารถใช้ได้ทุกส่วนที่ต้องการยกกระชับ ไม่ว่าจะเป็นหน้าอก ก้น ต้นขา ต้นแขนหรือหน้าท้องส่วนล่าง โดยให้ทาครีมและนวดด้วยลูกกลิ้งในทิศทางขึ้นด้านบนเบาๆจนครีมซึมเข้าสู่ผิว โดยมีส่วนประกอบสำคัญดังต่อไปนี้
  • Firmactive complex : ประกอบไปด้วยคาเฟอีนและแอลคาร์นิทีน ถูกห่อหุ้มด้วยไลโปโซมช่วยให้สารซึมผ่านผิวชั้นนอกได้ดี โดยจะทำงานร่วมกันเพื่อออกฤทธิ์เสริมกัน นอกจากนั้นยังได้รับการพิสูจน์ว่ามีประสิทธิภาพช่วยให้ผิวหน้า ท้องแขนและคอกระชับขึ้นด้วย
  • Kigelia Africana : เป็นสารสกัดจากผลไม้แอฟริกา ที่มีสารซาโปนิน ( Steroidal Saponins) และสารฟลาโวนอยด์  ลูทิโอลินและควอซิทิน (Luteolin and Quercetin) ช่วยเสริมสร้างให้เส้นใยคอลลาเจนใต้ผิวมีความแข็งแรง ส่งผลให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับมากยิ่งขึ้น
  • Centella Asiatica : ช่วยฟื้นบำรุงและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ทำให้ผิวกระชับ ไม่หย่อนคล้อย
  • กรดอะมิโนและโปรตีนจากพืช (serine, arginine, proline, hydrolyzed soy protein & wheat protein) ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว  ทั้งยังช่วยส่งเสริมการสังเคราะห์องค์ประกอบสำคัญในการสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน คอลลาเจนและอิลาสติน เพื่อปรับปรุงโครงค้ำจุนผิว ช่วยให้ผิวแข็งแรง ยืดหยุ่นและกระชับมากยิ่งขึ้น

จากการศึกษาหลังการใช้ Bodyshock firm’ up by mesoestetic ในระยะ 14 วัน พบว่าผิวกระชับขึ้น 8% และใน 30 วัน ผิวมีความกระชับมากขึ้นถึง 13% และเมื่อใช้อย่างต่อเนื่องจะยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น

  • ทาครีมกันแดดเมื่อต้องออกแดดหรือสัมผัสความร้อน
    เมื่อต้องเผชิญกับแสงแดดเป็นเวลานานต่อเนื่องกัน มีความจำเป็นที่จะต้องทาครีมกันแดดที่มีค่าการปกป้องสูง และควรหลีกเลี่ยงความร้อนจากอุปกรณ์หรือเครื่องมือต่างๆในที่ทำงานหรือที่บ้าน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องทำอาหารหน้าเตาไฟ เป็นต้น
  • พอกผิวด้วยสาหร่าย
    ศาสตร์ทางตะวันตกมีความเชื่อว่าการพอกสาหร่ายจะช่วยเรื่องการทำงานของผิว ทำให้ผิวมีความกระชับขึ้น มักทำร่วมกับการแร็ปร้อนหรือเย็น (wrap)
  • นวดผิวเป็นประจำ
    การนวดผิวเป็นเหมือนกับการออกกำลังกายให้ผิว เพราะในระหว่างที่นวดจะได้รับแรงสั่นสะเทือน เป็นการกระตุ้นให้ผิวเกิดการซ่อมแซมตนเอง ทำให้ผิวกระชับขึ้นได้ทันที
  • การทำสปาผิว
    การทำสปาผิว ช่วยให้ผิวได้รับการผ่อนคลายและเป็นการยกกระชับผิวให้เต่งตึงขึ้นได้ โดยการใช้เกลือเม็ดเล็กๆขัดผิว ช่วยกระตุ้นให้เกิดการไหลเวียนของโลหิตได้เป็นอย่างดี ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น หรืออาจจะใช้เกลือทะเลน้ำลึก ข้าวโอ๊ต ผสมกับน้ำมันมะพร้าว แล้วหยดน้ำมันหอมระเหยลงไป 1-2 หยด แล้วนำมาขัดผิวเบาๆก็ช่วยได้เช่นกัน
  • ดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว มีการศึกษาโดยทดลองให้ผู้หญิงคนหนึ่งดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวันติดต่อกัน 4 สัปดาห์ แล้วพบว่าผิวดูเต่งตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เทียบเท่ากับการฉีดสารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์เลยทีเดียว หรืออาจจะเปลี่ยนไปดื่มน้ำผสมน้ำมะนาวประมาณ 5 แก้วต่อวัน ก็จะเป็นการช่วยปกป้องผิวไม่ให้สูญเสียความชุ่มชื้น นอกจากนั้นวิตามินซีที่อยู่ในน้ำมะนาวยังมีส่วนช่วยให้ผิวพรรณสดใสและมีความยืดหยุ่นมากขึ้นด้วย
  • ใส่ใจในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประจำวัน
    สารที่ทำให้เกิดฟองในสบู่หรือแชมพูอย่างซัลเฟต เป็นอีกหนึ่งตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวแห้ง โดยพบว่าผิวมักสูญเสียความชุ่มชื้นและเสียความยืดหยุ่นหลังอาบน้ำด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีฟองมากๆ
  • ใช้น้ำมันธรรมชาตินวดผิวบ้าง
    น้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันละหุ่ง น้ำมันลาเวนเดอร์ และน้ำมันเมล็ดอัลมอนด์ อุดมไปด้วยวิตามินอีสูง ที่ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิวเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยปกป้องผิวจากการหย่อนคล้อยในระยะยาวได้ด้วย
  • ควบคุมอาหาร
    เนื่องจากอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล ไขมัน รวมถึงอาหารที่ผ่านกระบวนการต่างๆสามารถส่งผลทำให้ผิวมีความหย่อนคล้อยได้โดยง่าย ดังนั้นควรเลือกรับประทานแต่พอดี ถ้าเป็นได้ให้งดอาหารประเภทแป้งขัดสี ของทอด ของหวาน เค็ม มัน เพราะนอกจากจะทำให้น้ำหนักขึ้นได้แล้ว ยังทำให้เกิดการสะสมของไขมันได้ง่ายอีกด้วย แต่ให้หันมารับประทานอาหารประเภทไม่ขัดสี เพิ่มอาหารจำพวกโปรตีน ผัก ผลไม้มากขึ้น หรือเลือกอาหารที่มีไขมันดีจากปลา ถั่ว ไข่หรืออะโวคาโด้ ก็จะทำให้ผิวสวย กระชับเต่งตึงสุขภาพดี ทั้งยังช่วยบรรเทาอาการอักเสบและลดการบาดเจ็บให้น้อยลงได้ด้วย
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
    การออกกำลังกายเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการกระชับผิวได้เป็นอย่างดี โดยให้เน้นท่ากระชับผิวหรือออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง สลับกับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเป็นประจำทุกวัน ไม่เพียงแต่ช่วยทำให้ระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆในร่างกายดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ทำให้ผิวแข็งแรงและสุขภาพดีขึ้นได้ด้วย
  • ลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี
    การลดน้ำหนักที่ถูกต้องคือการควบคุมอาหารควบคู่กับการออกกำลังกายเป็นประจำแบบค่อยเป็นค่อยไป ควรเลี่ยงการลดน้ำหนักแบบอดอาหารหรือใช้ยา เพราะจะทำให้น้ำหนักลดลงเร็วจนเกินไป ทั้งยังสามารถทำให้เกิดอาการโยโย่เอฟเฟ็คขึ้นได้ด้วย ไม่เพียงเท่านั้น ยังส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลีย เกิดปัญหาผิวย้อย หย่อนยาน ขาดความยืดหยุ่นตามมาด้วย

การดูแลผิวไม่ให้หย่อนยาน มีความกระชับ ยืดหยุ่นได้ดี จะต้องมีวินัยและทำอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆเพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุด ผลลัพธ์ที่ได้ไม่เพียงผิวพรรณที่สดใส แต่หมายถึงสุขภาพดีจากข้างใน ทั้งยังห่างไกลจากสารพัดโรคด้วย