ไขข้อสงสัย คลีนซิ่ง กับ คลีนเซอร์ คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร ?

หลายคนคงสับสนระหว่าง คลีนซิ่ง กับ คลีนเซอร์ ว่าแต่ละตัวคืออะไร เหมือนกันไหม และใช้อย่างไรบ้าง ต้องบอกเลยว่าในขั้นตอนของการบำรุงผิว หากก่อนหน้านั้นล้างหน้าไม่สะอาด หรือยังมีคราบสกปรก คราบเครื่องสำอางเกาะติดผิวหน้าอยู่ ต่อให้เราใช้ครีมบำรุงที่แพงแสนแพง ก็ไม่สามารถทำให้ผิวหน้าดีขึ้นได้ การใช้ cleansing และ cleanser ทำความสะอาดผิวหน้า จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม

คลีนซิ่ง VS คลีนเซอร์

หากพูดถึงเรื่องการทำความสะอาดผิวหน้า หลายคนคงคิดว่าเพียงแค่ใช้โฟมล้างหน้าถูๆวนๆก็เสร็จแล้ว แต่นี่เป็นวิธีที่ผิด เพื่อไม่ให้ใบหน้าเกิดสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ สิวเสี้ยน สิวหัวช้าง รวมไปถึงปัญหาผิวหน้าต่างๆ เช่น ผิวแห้ง หน้าเหี่ยวก่อนวัยอันควร สาวๆจะต้องรู้จักวิธีการล้างหน้าเพื่อล้างคราบเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกออกให้หมดอย่างถูกวิธี ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในปัจจุบันก็มีหลากหลายรูปแบบ แต่ที่จะได้ยินคุ้นหูมากที่สุดก็คือ cleansing และ cleanser หากสับสนว่า 2 ตัวนี้ใช้ต่างกันยังไง วิธีจำง่ายๆก็คือ cleansing จะใช้ตอนที่ผิวหน้าแห้ง ส่วน cleanser จะใช้ในตอนที่หน้าเปียก

คลีนซิ่ง คืออะไร ?

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าโดยเฉพาะ หรือที่เรียกว่า makeup remover สามารถทำความสะอาดคราบเครื่องสำอาง ฝุ่น มลภาวะ คราบเหงื่อและครีมกันแดดที่มีส่วนผสมกันน้ำ ที่ไม่สามารถล้างออกได้ด้วยน้ำเปล่าหรือโฟมล้างหน้าได้ เพราะการล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าธรรมดาจะทำความสะอาดได้เพียงคราบเหงื่อไคลและฝุ่นเท่านั้น หากใครที่แต่งหน้าหรือทาครีมกันแดดเป็นประจำก็ควรใช้คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสำอางออกให้หมดก่อน เพื่อป้องกันการอุดตันของสิ่งสกปรกและคราบต่างๆ ที่เป็นสาเหตุให้เกิดสิวต่อไปได้

คลีนซิ่ง

คลีนซิ่ง มีแบบไหนบ้าง ?

คลีนซิ่งมีหลากหลายแบบมาก สามารถเลือกใช้ได้ตามลักษณะผิวหน้าของเราได้เลย หรือจะเลือกตามสูตรที่ต้องการ เช่น สูตรลดสิว สูตรผลัดเซลล์ผิว เลือกตามสภาพผิว เช่น

  • cleansing สูตรน้ำนม เหมาะสำหรับผิวมัน เนื้อบางเบา ไม่มีความมันจากน้ำมัน ทำให้หน้าไม่มันตามไปด้วย
  • cleansing สูตร oil เหมาะกับสาวๆผิวแห้ง เพราะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและอ่อนโยนต่อผิวหน้า แต่ไม่เหมาะกับสาวผิวมันและคนที่กำลังเป็นสิว เพราะจะทำให้เป็นสิวหนักกว่าเดิม ผิวหน้ามันมากขึ้น
  • cleansing สูตรเจล เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย ไม่ระคายเคืองผิว ผิวไม่แห้งตึง แต่เนื้อเจลมีความบางเบามาก อาจจะต้องใช้เวลาในการทำความสะอาดนานกว่าสูตรอื่นๆ
  • cleansing สูตรน้ำ เหมาะกับทุกสภาพผิว เป็นคลีนซิ่งที่เนื้อบางเบามากๆ ไม่ก่อให้เกิดความระคายเคือง สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิวเลย
  • cleansing สูตร balm เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดการเสียดสีของผิวหน้ากับสำลี เพราะเป็นเนื้อบาล์ม สามารถนวดลงไปบนผิวหน้าได้โดยตรง ทำให้ใบหน้าไม่ต้องได้รับการเสียดสีกับสำลี มีแนวโน้มที่จะเกิดริ้วรอยได้ยากขึ้น
  • cleansing แบบแผ่น เป็นคลีนซิ่งที่บรรจุอยู่ในเนื้อสำลีมาแล้ว สะดวกต่อการพกพาออกนอกสถานที่ แต่มีราคาสูง และต้องใช้หลายแผ่นในการเช็ดทำความสะอาดผิวหน้า เหมาะกับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นสาวผิวมัน ผิวแห้งก็สามารถใช้ได้

คลีนซิ่ง ใช้ตอนไหน ?

สำหรับผิวหน้าที่ยังมีเมคอัพแบบจัดเต็มและยังแห้งๆอยู่ การเช็ดเครื่องสำอางออกด้วยคลีนซิ่งก็จะทำให้เช็ดได้ง่ายขึ้น ใช้คลีนซิ่งในขั้นตอนก่อนการล้างหน้าจริง

ถึงแม้ว่าคลีนซิ่งจะเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอาง แต่ก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้ในตอนเย็น หรือก่อนเข้านอนเพียงเท่านั้น ตอนเช้าก็สามารถใช้ทำความสะอาดผิวหน้าได้ เพราะเวลากลางคืน หรือแม้ว่าเราจะไม่ได้แต่งหน้า อากาศในห้องที่เราอยู่ก็มีฝุ่นละอองเช่นเดียวกัน หากทำความสะอาดผิวหน้าด้วยคลีนซิ่งก็จะทำให้ฝุ่นที่เกาะอยู่บนผิวหน้าระหว่างนอนหลับหลุดออกไปได้

เคล็ดลับใช้ คลีนซิ่ง ยังไงให้ผิวหน้าสะอาดหมดจด เผยผิวสุขภาพดี

1. เลือกผลิตภัณฑ์คลีนซิ่งที่อ่อนโยน และเหมาะกับสภาพผิว

การเลือกใช้ cleansing ควรเลือกที่แบบใช้ได้กับทุกสภาพผิว แต่ปัจจุบันสภาพผิวและการเผชิญมลภาวะของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนแต่งหน้าจัด บางคนต้องเจอกับมลภาวะตลอดทั้งวัน การเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าจึงควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวและการใช้งานมากที่สุด เช่น สำหรับผู้ที่มีผิวมัน ควรเลือกใช้สูตรสำหรับผิวมันเพื่อลดความมันส่วนเกิน กระชับรูขุมขน สำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง ควรเลือกแบบที่มีมอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว หรือใครที่กำลังเป็นสิว ก็ควรเลือกสูตรที่ช่วยลดการเกิดสิว ลดรอยดำรอยแดง สูตรสำหรับผิวแพ้ง่าย ซึ่งเป็นสูตรที่อ่อนโยนและเหมาะกับทุกสภาพผิว

2. ใช้สำลีน้อยๆ

แน่นอนว่าการล้างเครื่องสำอางด้วยคลีนซิ่ง จะต้องใช้สำลีช่วยในการทำความสะอาด แต่การใช้สำลีเช็ดหน้าซ้ำๆก็จะทำให้เกิดการเสียดสี และเกิดการระคายเคืองบนผิวหน้า ยิ่งถ้าเป็นสำลีที่มีเนื้อไม่ละเอียดก็จะทำให้ผิวหน้าเกิดการระคายเคือง ทางที่ดีควรเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอางที่จะช่วยลดการใช้สำลี เพื่อลดสาเหตุของการระคายเคือง หรือเลือกใช้สำลีสำหรับเช็ดผิวหน้าโดยเฉพาะ ที่มีเนื้อนุ่ม เนียนละเอียดมากที่สุด

3. ล้างหน้าขั้นตอนเดียวไม่พอ

สำหรับใครที่แต่งหน้าจัดๆ ไม่ควรล้างหน้าด้วยขั้นตอนเดียว การใช้ผลิตภัณฑ์คลีนซิ่งทำความสะอาดเพื่อล้างคราบเครื่องสำอาง เป็นวิธีทำความสะอาดผิวหน้าแบบหมดจดมากที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการอุดตันสิ่งสกปรกบนใบหน้า จนเกิดเป็นสิวปะทุขึ้นมา

4. เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่มีส่วนผสมช่วยบำรุงและเพิ่มความชุ่มชื้น

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมช่วยบำรุง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นตั้งแต่ในขั้นตอนล้างหน้า ก็จะยิ่งทำให้ผิวหน้าของเราดีขึ้น คลีนซิ่งส่วนใหญ่มักจะมีส่วนผสมที่ทำให้ผิวแห้ง ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง ลอกออกเป็นขุย เกิดการอักเสบและเป็นสิว สาเหตุมาจากผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางได้ล้างไขมันที่อยู่ระหว่างเซลล์ผิว ในส่วนที่ร่างกายสร้างไว้เพื่อปกป้องผิวออกไปด้วย เพราะฉะนั้นจึงต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมในการช่วยบำรุงผิวและเติมความชุ่มชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้งจนเกิดการระคายเคือง

คลีนเซอร์ คืออะไร ?

ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่จัดอยู่ในหมวดของการทำความสะอาดผิวหน้า หรือที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อของโฟมล้างหน้า ครีมล้างหน้า เจลล้างหน้านั่นเอง สามารถทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึกไปจนถึงรูขุมขน ช่วยขจัดสิ่งสกปรก คราบความมัน และสิ่งตกค้างที่อยู่บนผิวหน้าให้หลุดออกไป รวมถึงทำความสะอาดคราบคลีนซิ่งที่เราเช็ดเครื่องสำอางออกไปก่อนหน้านี้ด้วย เมื่อใช้ cleanser เสร็จก็ต้องล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพื่อเตรียมผิวหน้าเข้าสู่ในการบำรุงในขั้นต่อไป

คลีนเซอร์ มีแบบไหนบ้าง ?

cleanser มีหลากหลายรูปแบบให้เลือก เป็นสูตรต่างๆที่เหมาะสมกับสภาพผิวหน้า ส่วนใหญ่ที่เราเห็นกันอยู่เป็นประจำก็คือสูตรหน้ามัน หน้าแห้งและสูตรสำหรับผู้ที่เป็นสิว ผิวบอบบางแพ้ง่าย บางตัวเป็นมากกว่าการทำความสะอาดผิวหน้า นั่นก็คือมีส่วนผสมที่ช่วยทำให้ใบหน้าดูสว่างกระจ่างใสขึ้น

 • cleanser สูตรผิวมัน ช่วยในเรื่องของการควบคุมความมันบนใบหน้า กระชับรูขุมขน

 • cleanser สูตรผิวแห้ง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว

 • cleanser สำหรับผิวแพ้ง่ายและผู้ที่เป็นสิว ช่วยลดการเกิดสิวอักเสบและสิวอื่นๆ ทำให้ใบหน้าสะอาด กระจ่างใส

 • cleanser สูตรน้ำนมครีมและเจล เป็นสูตรที่ไม่ทำให้ผิวแห้ง แต่อาจจะใช้เวลานานกว่าจะล้างออก ต้องนวดวนเบาๆแล้วล้างจนสะอาดหมดจด

 • cleanser แบบครีมและน้ำนม เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง เมื่อใช้แล้วจะรู้สึกว่าผิวหน้าสะอาดหมดจด

คลีนเซอร์ ใช้ตอนไหน ?

cleanser จะเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทำความสะอาดผิวหน้า ภายหลังจากที่เราเช็ดเครื่องสำอางด้วย cleansing เสร็จแล้ว โดยจะต้องทำให้ผิวหน้าเปียกก่อน แล้วใช้ cleanser ล้างทำความสะอาดผิวหน้าเพื่อขจัดสิ่งสกปรกต่างๆออกจากผิวหน้าให้หมด แล้วใช้น้ำสะอาดล้างออก

เลือก คลีนเซอร์อย่างไรดี ?

1. สำหรับผิวปกติ

ผู้ที่มีผิวหน้าปกติ ผิวหน้าที่มีความสมดุลของน้ำมันและน้ำในผิวที่อยู่ในระดับค่อนข้างดี ผิวไม่แห้งและไม่มันเกินไป สามารถใช้คลีนเซอร์สูตรใดก็ได้ตามความต้องการ แนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ไม่ระคายเคืองผิว และไม่ก่อให้เกิดปัญหาผิวอื่นๆ หรือจะเน้นไปที่การบำรุงให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น เพื่อให้ผิวเปล่งปลั่งดูสุขภาพดี

2. สำหรับผิวผสม

เป็นผู้ที่มีผิวอยู่ในลักษณะระหว่างผิวมันและผิวแห้ง เกิดผิวมันเฉพาะบริเวณทีโซน (หน้าผาก จมูก คาง) มีความมันจากน้ำมันส่วนเกินมากกว่าจุดอื่นๆ เพราะเป็นบริเวณที่ผิวมีต่อมไขมัน แต่บริเวณอื่นๆโดยเฉพาะแก้มทั้งสองข้างมีลักษณะแห้ง ผู้ที่มีผิวผสมควรเลือกใช้ cleanser ประเภทเจลล้างหน้าหรือครีมล้างหน้า เพื่อทำความสะอาดผิวหน้าและความมันออกไปได้อย่างหมดจด แต่ยังคงความชุ่มชื้นไว้ด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ หรือเลือกใช้ cleanser ที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ กรดแลคติก จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดออก และกระตุ้นการเกิดเซลล์ผิวใหม่ได้อย่างอ่อนโยน

3. สำหรับผิวมันและเป็นสิวง่าย

เป็นผิวที่ทำให้เกิดปัญหารูขุมขนกว้างได้มากที่สุด เกิดไขมันส่วนเกินบนผิวหน้าจากการผลิตน้ำมันของต่อมไขมันใต้ผิวหนังจำนวนมาก จึงทำให้เกิดปัญหาสิวต่างๆได้ง่าย จึงควรเลือกใช้ cleanser ที่ช่วยกำจัดน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้า อย่าง cleanser ชนิดโฟม เพราะจะมีสารที่ทำให้ผิวหน้าแห้งลง ไม่ก่อให้เกิดความมัน

4. สำหรับผิวแห้ง

ผู้ที่มีปัญหาต่อมไขมันใต้ผิวหนังน้อย รูขุมขนเล็ก ทำให้น้ำมันและความชุ่มชื้นบนผิวหน้ามีน้อย ผิวมีโอกาสลอกเป็นขุยได้ ไม่ควรใช้ cleanser ที่ทำให้สูญเสียน้ำในผิว เพราะจะทำให้ผิวยิ่งแห้งเข้าไปใหญ่ ควรเลือกที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอน เป็นสารที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิวได้ดี อยู่ในคลีนเซอร์ประเภทไมเซลล่า สูตรน้ำและสูตรเนื้อครีม ที่มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์

คลีนซิ่ง

ผลิตภัณฑ์ในหมวด Cleansing solutions เพื่อการทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก

hydracream fusion

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า สูตรสำหรับผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย อ่อนโยนต่อผิว ช่วยทำความสะอาดผิวได้อย่างสะอาดหมดจดโดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึง

เนื้อสัมผัส : เนื้อครีม เมื่อลูบไล้บนผิวเนื้อครีมจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นเนื้อออยล์ มอบความชุ่มชื้น เนียนนุ่มให้ผิวหลังการล้างหน้า

คุณสมบัติ : ด้วยส่วนผสมของ BIO-BALANCING ACTION ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์บนผิวด้วย post biotic ซึ่งเกิดจากการหมักบ่มจุลินทรีย์ Lactobacillus ที่ช่วยส่งเสริมเกราะปกป้องผิวให้ดูแข็งแรง ช่วยป้องกันการระคายเคืองของผิว ปรับสมดุล pH balance ของผิว ช่วยให้ผิวแลดูสุขภาพดีและแข็งแรง

ด้วยส่วนผสมของ Anti-pollution ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ ฝุ่น ควัน และอนุมูลอิสระจากภายนอก สาเหตุที่ก่อให้เกิดผิวแก่ก่อนวัย ผิวที่เผชิญกับสิ่งแวดล้อมภายนอกจะก่อให้เกิดการสะสมของฝุ่นละออง สิ่งสกปรก และอนุมูลอิสระบนผิว โดยผลิตภัณฑ์สามารถช่วยทำความสะอาดผิว ขจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างบนใบหน้าและรูขุมขนได้อย่างสะอาดหมดจด

ด้วยส่วนผสมของ Nourishing ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและเนียนนุ่มอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า Squalaneเป็นมอยซ์เจอไรเซอร์ที่ดีต่อผิว เพราะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวได้อย่างยาวนาน เป็นส่วนผสมที่ได้จากธรรมชาติ นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมเกราะปกป้องผิวให้แข็งแรง ผิวแลดูยืดหยุ่นและสุขภาพดี

brightening foam

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า สูตรเพิ่มความกระจ่างใสให้แก่ผิว ช่วยลดเลือนจุดด่างดำต่างๆบนผิว เหมาะสำหรับผิวธรรมดาและผิวผสม ช่วยทำความสะอาดผิวได้สะอาดหมดจด โดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึง

เนื้อสัมผัส : ครีม-เจล เมื่อลูบไล้บนผิวที่เปียกจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นโฟม ฟองละเอียดนุ่ม

คุณสมบัติ : นอกจากคุณสมบัติของ BIO-BALANCING ACTION และ Anti-pollution แล้ว ยังมี Renewer & Brightening ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพหรือเซลล์ที่ตายแล้ว ประกอบด้วย AHA 2 ชนิด GLYCOLIC ACID ช่วยผลัดเซลล์ผิวเพื่อลดเลือนจุดด่างดำปรับสภาพผิวให้ดูสว่างกระจ่างใส LACTIC ACID ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน และมีส่วนช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวตามธรรมชาติ

purifying mousse

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าเนื้อมูส สูตรสำหรับผิวมันและผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ช่วยขจัดความมันส่วนเกินและมลภาวะต่างๆที่ตกค้างบนผิว สาเหตุของการเกิดสิว ไม่ทำให้ผิวหน้าแห้งตึง ให้ความรู้สึกนุ่ม และสบายผิว

เนื้อสัมผัส : มูสเนื้อนุ่มละเอียด

คุณสมบัติ : นอกจากคุณสมบัติของ BIO-BALANCING ACTION และ Anti-pollution แล้ว ยังมี Keratolytic ประกอบด้วย Chlorhexidine ที่มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว และ Purifying ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ประกอบด้วย Salicylic acid และ Lactic acid ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ และขจัดความมันที่อุดตันรูขุมขน สาเหตุของการเกิดสิว LACTIC ACID ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนและมีส่วนช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวตามธรรมชาติ

micellar biphasic

ผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางที่ล้างออกยากหรือกันนํ้า อ่อนโยนต่อผิวบริเวณที่บอบบาง เหมาะสำหรับบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปาก เนื้อผลิตภัณฑ์แยกเป็นส่วนของนํ้าและนํ้ามันสองชั้น ช่วยทำความสะอาดผิวได้อย่างหมดจด

คุณสมบัติ : นอกจากคุณสมบัติของ BIO-BALANCING ACTION และ Anti-pollution แล้ว ยังมี Make-Up Remover คุณสมบัติที่ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ ฝุ่น ควัน และอนุมูลอิสระจากภายนอก สาเหตุที่ก่อให้เกิดผิวแก่ก่อนวัย ผิวที่เผชิญกับสิ่งแวดล้อมภายนอก จะก่อให้เกิดการสะสมของฝุ่นละออง สิ่งสกปรก และอนุมูลอิสระบนผิว โดยผลิตภัณฑ์สามารถช่วยทำความสะอาดผิว ขจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างบนใบหน้าและรูขุมขนได้อย่างสะอาดหมดจด

หากไม่แต่งหน้าจำเป็นต้องใช้คลีนซิ่งไหม ขอตอบเลยว่าจำเป็นมากๆค่ะ เพราะโฟมล้างหน้าอย่างเดียวไม่สามารถทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างหมดจด โดยเฉพาะคราบเมคอัพ ครีมกันแดดต่างๆ รวมไปถึงฝุ่นมลภาวะในอากาศ หรือหากใช้คลีนซิ่งแล้วก็ยังจำเป็นต้องใช้โฟมล้างหน้า เพื่อขจัดคราบคลีนซิ่งที่ตกค้างอยู่ดี และเพื่อเป็นการบำรุงผิวหน้า เติมเต็มความชุ่มชื้น เตรียมผิวหน้าเพื่อเข้าสู่ในขั้นตอนของการบำรุงด้วยครีมบำรุงต่อไปนั่นเองค่ะ