เตือนภัย! สารอันตรายที่ทำให้เกิดฝ้า!!

หน้าขาวใสไร้จุดด่างดำ คือสุดยอดปรารถนาของใครหลายๆคน และเพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภค ทำให้ผู้ผลิตเครื่องสำอางจำนวนไม่น้อย ได้ผลิตครีมหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวขาว (Whitening Products) ขึ้นมามากมายในท้องตลาด และเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่เร็วขึ้น ได้มีการใส่สารอันตรายเข้าไปยังครีมดังกล่าวด้วย ไม่ว่าจะเป็นสารปรอท สารสเตียรอยด์  สารไฮโดรควิโนน กรดเรติโนอิก เป็นต้น ซึ่งสารเหล่านี้ มีผลทำให้ผิวขาวเนียนใสในระยะเวลาสั้นๆ แต่เมื่อใช้ไปนานๆก็เป็นเหมือนฝันร้ายของใครหลายคน เพราะพิษร้ายของสารอันตรายเหล่านี้ได้เริ่มปรากฏ ไม่ว่าจะเป็นสิว รอยแดง ผื่นแพ้ หน้าบาง รอยไหม้ดำที่ค่อยๆแผ่วง กว้าง ที่สำคัญสารอันตรายเหล่านี้ยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้าที่ยากต่อการรักษาและกลายเป็นฝ้าถาวรตามมาได้อีกด้วย เราจะมาทำความรู้จักกับสารต้องห้ามอันตราย ที่นิยมใส่ลงไปในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเถื่อนต่างๆที่ไม่มีคุณภาพมาตรฐานในการผลิต เพื่อที่จะสามารถรับมือและป้องกันไม่ซื้อมาใช้ให้ทุกข์ใจในระยะยาว

สารอันตรายที่ทำให้เกิดฝ้า

  • สารปรอท (Mercury)

สารปรอท (Mercury) มักถูกนำมาใส่ในครีมประเภทเร่งผิวขาว ทำให้ผิวระจ่างใสขึ้นได้จริงในระยะเวลาเพียงแค่ 1 สัปดาห์ ทำให้ผิวเนียนใสขึ้นจนน่าสัมผัส ถูกกำหนดให้เป็นสารต้องห้าม ไม่อนุญาตให้นำมาเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ลำดับที่ 221 ตามที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา เล่ม125 ตอน พิเศษ 80 ง ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2551 โดยกำหนดชื่อสารห้ามใช้ คือ “ปรอท” และ “สารประกอบของปรอท” แต่ในปัจจุบันได้มีการละเมิดกฎเหล็กนี้อย่างแพร่หลาย จากการสุ่มตัวอย่างเพื่อตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ประเภทหน้าขาวใสพบว่า ร้อยละ 20 ของผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมีสารปรอทปนเปื้อนในปริมาณที่สูง ซึ่งส่งผลเสียหายต่อสภาพผิวของผู้บริโภคในลำดับต่อมา

กลไกการทำงานของสารปรอท

สารปรอทที่ถูกนำมาใช้ผสมในเครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐานส่วนใหญ่อยู่ในรูปของไดวาเลนซ์แคทไอออน [mercuric (II) ion, Hg2+] ซึ่งจะเข้าไปยับยั้งการทำงานของการทำงานของเม็ดสีใต้ผิวหนังเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ทำให้มีการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ลดลง จึงเป็นเหตุทำให้ผิวขาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ชนิดที่เรียกว่า staphylococcus จึงทำให้สิวลดลง และกระบวนการทำงานของสารปรอทที่ผสมอยู่ในเนื้อครีมนั้นจะเข้าไปกระตุ้นให้เซลล์แบ่งตัวเร็วขึ้น เมื่อใช้ติดต่อกัน จะทำให้ผิวแดงขึ้น จนหลายคนเชื่อว่าเป็นลักษณะของ “ผิวอมชมพู”

ผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้สารปรอท

ผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้สารปรอท ไม่เพียงส่งผลเสียหายต่อสภาพผิวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อระบบการทำงานของอวัยวะอื่นๆภายในร่างกายอีกด้วย ดังนี้

  • เกิดสิวอักเสบ สิวหัวหนอง และสิวอุดตันขึ้นทั่วใบหน้า
  • ผิวแดงขึ้นจนผิดปกติ เกิดผดผื่นขึ้นทั่วใบหน้า
  • หน้าบางลง จนเห็นเส้นเลือดฝอยชัดเจน นอกจากนั้นยังมีอาการของฝ้าเลือดร่วมด้วย
  • ผิวไวต่อแสงมาก เมื่อได้สัมผัสกับแสงแดด แสงจากคอมพิวเตอร์หรือมือถือ ซึ่งจะมีอาการแสบร้อน
  • ผิวหนังไหม้ หมองคล้ำ มีรอยดำเป็นปื้น กลายเป็นฝ้าถาวร รักษาได้ยากและไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
  • เมื่อใช้สารปรอทต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานๆ ทำให้เกิดการสะสมของพิษจากสารปรอทเป็นจำนวนมากในผิวหนัง หลังจากนั้นจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ส่งผลต่อทางเดินปัสสาวะอักเสบ ตับและไตอักเสบ และเกิดโรคโลหิตจาง
  • ในสตรีมีครรภ์ เมื่อสารปรอทถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและไปสู่ทารก สามารถส่งผลให้เด็กเกิดภาวะสมองพิการและปัญญาอ่อนได้

สารไฮโดรควิโนน (Hydroquinone)

สารไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) จัดเป็นยาทาภายนอกโดยใช้เพื่อการรักษา และไม่อนุญาตให้ใส่ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทั่วไปในปริมาณที่มากจนเกินไป จะก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงขึ้นได้ แต่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กำหนดให้ผสมสารไฮโดรควิโนนในการรักษาฝ้าได้ไม่เกิน 2% หากเกินกว่านั้นจะส่งผลให้เกิดปัญหาในระยะยาวอย่างรุนแรงขึ้นได้

กลไกการทำงานของสารไฮโดรควิโนน

สารไฮโดรควิโนนมีฤทธิ์ในการยับยั้งกระบวนการทางเคมีของเซลล์สร้างเม็ดสี (melanocyte) โดยจะเข้าไปยับยั้งเอนไซม์ที่เรียกว่า “ไทโรซิเนส”(Tyrosinase) ซึ่งทำหน้าที่นการสร้างเม็ดสีเมลานิน (melanin) เมื่อเม็ดสีลดลง ผิวจึงดูขาวขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สารไฮโดรควิโนนถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์รักษาฝ้า กระ และจุดด่างดำ

ผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้สารไฮโดรควิโนน

ถึงแม้สารไฮโดรควิโนน จะถูกนำมาใช้ในการรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ แต่ถ้าหากใช้ในปริมาณที่มากจนเกินไป ก็สามารถสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อผิวได้ ดังต่อไปนี้

  • เกิดอาการแสบร้อน เป็นตุ่มแดง และผิวจะคล้ำมากขึ้น
  • เมื่อใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการเป็นฝ้าถาวร ทั้งยังเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังได้
  • นอกจากนั้น หากได้รับสารไฮโดรควิโนนเกินขนาด ตัวยาจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ร่างกายเกิดอาการสั่น เกิดภาวะลมชัก และสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ยาอย่างรุนแรงได้

สารสเตียรอยด์ (Steroid)

สารสเตียรอยด์ (Steroid) เป็นอีกหนึ่งสารอันตรายที่ถูกนำมาใช้ผสมในครีมหรือผลิตภัณฑ์เพื่อเร่งให้ผิวขาวเร็วมากยิ่งขึ้น โดยมีกลไกการทำงานและผลข้างเคียงมากมาย ทำให้เข้าสู่ภาวะวงจร “หน้าติดสารสเตียรอยด์” ได้โดยง่าย

กลไกการทำงานของสารสเตียรอยด์

สารสเตียรอยด์มีฤทธิ์ในการยับยั้งสารเคมีสื่อกลาง (mediators) อย่างเช่น โพรสตาแกรนดิน (prostaglandin) และลิวโคไตรอีน (leukotriene) ที่ใช้ในการสร้างเซลล์เม็ดสีเมลานิน (Melanin) ทำให้ผิวขาวขึ้นไวในระยะเวลาสั้นๆ ไม่เพียงเท่านั้น สารสเตียรอยด์ยังใช้เป็นสูตรในส่วนผสมของสารตัวอื่น ไม่ว่าจะเป็น ไฮโดรควิโนนหรือเรตินอยด์ เพื่อใช้ในการรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ เนื่องจากสารสเตียรอยด์ช่วยเสริมการออกฤทธิ์และช่วยลดอาการข้างเคียงของสารไฮโดรควิโนนหรือเรตินอยด์ได้ดี ในช่วงแรกที่ใช้ สารสเตียรอยด์จะช่วยกดภูมิคุ้มกันผิวเอาไว้ ทำให้ผิวดูขาวใส ราวกับไม่มีปัญหาผิวใดๆ แต่ถ้าหากหยุดใช้ ภูมิคุ้มกันที่เคยถูกกดเอาไว้ก็จะกลับมาทำงานมากกว่าเดิม

ผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้สารสเตียรอยด์

หากใช้สารสเตียรอยด์ที่มีความเข้มข้นสูงติดต่อกันเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดอาการหน้าติดสารสเตียรอยด์ เป็นอาการที่ผิวหน้าร้องเรียกหาครีมที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ในปริมาณที่มากขึ้น และส่งผลเสียต่อสภาพผิวดังต่อไปนี้

  • เกิดตุ่มแดง ที่มีลักษณะคล้ายสิวขึ้นบริเวณใบหน้าเป็นจำนวนมาก
  • ผิวหนังแดงมากกว่าปกติ เกิดอาการอักเสบได้โดยง่าย
  • ผิวบาง มองเห็นเส้นเลือดแดงตามใบหน้าชัดขึ้น ผิวไวต่อแสงแดด รู้สึกแสบผิวหน้าเมื่อสัมผัสกับแสงUV แสงจากคอมพิวเตอร์หรือมือถือ นอกจากนั้นยังทำให้มลภาวะหรือสารพิษจากภายนอกซึมเข้าสู่ผิวหนังชั้นแท้ได้ง่ายขึ้น
  • มีอาการแพ้ครีมหรือเครื่องสำอางได้ง่ายขึ้น และเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อของผิวสูงขึ้น
  • สีผิวซีดลง เกิดเป็นด่างขาวบนผิว
  • เกิดเป็นฝ้าหนา รักษาไม่หาย

กรดเรติโนอิก (Retinoic acid) หรือเรตินอยด์ (Retinoids)

กรดเรติโนอิก (Retinoic acid) หรือเรตินอยด์ (Retinoids) ได้ถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางจำนวนมากในปัจจุบัน เพื่อผิวหน้ากระจ่างใสได้เร็วขึ้น

กลไกการทำงานของสารเรตินอยด์

เรตินอยด์(Retinoids) เป็นสารที่เข้าไปรบกวนกระบวนการสร้างเม็ดสี โดยออกฤทธิ์ในการกระตุ้นการแบ่งเซลล์และเร่งการผลัดเซลล์ของผิวในชั้นอิพิทีเรียลหรือชั้นเยื่อบุผิว (Epitherial) โดยลดการเคลื่อนย้ายเม็ดสีมาที่เซลล์ผิวหนังและยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนสที่ใช้ในการสร้างเม็ดสี ทั้งยังออกฤทธิ์กดการสร้างและป้องกันการสร้างสิวอุดตัน (Comedone) ทำให้สิวถูกดเอาไว้

ผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้สารเรตินอยด์

การใช้ครีมหรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารเรตินอยด์ ทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาดังนี้

  • ทำให้ผิวหนังเกิดอาการระคายเคือง ผิวลอก ผิวอักเสบ
  • ทำให้ผิวไหม้ ผิวด่างขาว ผิวดำคล้ำได้โดยง่าย
  • ทำให้ผิวบาง แพ้แสงแดดง่ายขึ้น
  • ในกรณีของสตรีตั้งครรภ์ เมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง จะเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์

วิธีกู้ผิวหน้าจากสารอันตราย

เป็นไปได้ว่า เราอาจจะได้รับผลข้างเคียงจากการใช้สารอันตรายจากผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอางได้โดยง่ายในปัจจุบัน ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว แต่เมื่ออาการต่างๆปรากฏขึ้นมา มีวิธีกู้ผิวหน้าจากสารอันตรายต่างๆได้ดังต่อไปนี้

  • หยุดใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสารอันตรายทันที ในกรณีที่ใช้หลายอย่าง แนะนำให้หยุดทุกชนิด เพื่อเป็นการพักผิวหน้า
  • ใช้ไข่ขาวพอกผิวเป็นเวลา 3-7 วัน โดยไข่ขาวจะช่วยดูดซับสารพิษใต้ผิว พร้อมปรับสภาพและปลอบประโลมผิวที่ระคายเคือง
  • ทำความสะอาดผิวให้สะอาด โดยใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรอ่อนโยน ปราศจากน้ำหอม และสารเจือปนอื่นๆ เพื่อไม่ให้ผิวเกิดการระคายเคืองเพิ่มขึ้น หลังจากนั้นให้ใช้ Degreasing solution by mesoestetic  เพื่อช่วยขจัดน้ำมันส่วนเกินและสิ่งตกค้างบนผิวหน้า ช่วยให้ผิวสามารถดูดซึมสารอาหารบำรุงผิวได้ดียิ่งขึ้นด้วย
  • งดการขัดถูผิวแรงๆ หลังจากทำความสะอาดผิวหน้า ให้ใช้สำลี ผ้า หรือทิชชูสะอาดซับหน้าเบาๆ
  • ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่เน้นความชุ่มชื้นบำรุงผิว และปลอบประโลมผิวที่อ่อนแอให้ค่อยๆแข็งแรงขึ้น อย่าง melan recovery by mesoestetic บาล์มบำรุงผิวสูตรเข้มข้น ที่ช่วยปลอบประโลมผิว และช่วยฟื้นบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก ด้วยส่วนผสมสำคัญอย่าง Ectoin ซึ่งเป็นกรดอะมิโน (post-biotic) ช่วยฟื้นความแข็งแรงให้เกราะปกป้องผิว (barrier function) ช่วยลดการสะสมของสารอนุมูลอิสระบนผิว ,สารสกัดจากสาหร่ายสีแดง (Rhodosorus marinus extract) ที่ช่วยปลอบประโลมผิวและบรรเทาอาการแดงของผิว ,สควาเลน (Squalane) ซึ่งเป็นน้ำมันชนิดเดียวกันกับผิว ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น ,สารสกัดจากดอกคาโมมายล์ (Bisabolol) ช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองของผิว ปลอบประโลมทำให้ผิวผ่อนคลาย ทั้งยังช่วยปกป้องผิวจากสารอนุมูลอิสระได้ด้วย , วิตามินบี3 (Vitamin B3) ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใส,เชียร์ บัทเตอร์(Shea butter) ที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 6 ทำให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น บรรเทาอาการแห้งตึงของผิว ทั้งยังช่วยเสริมเกราะป้องกันให้ผิวแข็งแรงมากขึ้นด้วย นอกจากนั้นยังมี พรีไบโอติก(Prebiotic defense) ที่ช่วยปรับจุลินทรีย์บนผิวให้มีความสมดุล ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
  • กรณีที่เป็นฝ้าจากสารอันตรายที่เจือปนมาในครีมหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่นๆ ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการรักษาฝ้าโดยตรง ที่ผ่านการรับรองและปราศจากสารอันตรายที่เป็นพิษต่อผิวหน้าอย่างCOSMELAN 1 facial mask ด้วยส่วนผสมของสารสกัดต่างๆที่อุดมด้วยคุณค่าและออกฤทธิ์ในการรักษาฝ้าได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็น Azelaic Acid, Kojic Acid, Phytic Acid, Ascorbic Acid, Arbutin, Retinyl Palmitate Salicylic Acid, Aloe barbadensisLeaf Juice และวิตามิน B3 ในการช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าบริเวณผิวชั้นนอก ช่วยลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำบนผิว โดยให้ใช้ควบคู่กับ COSMELAN 2 cream (maintenance cream) ครีมทาผิวที่ช่วยลดปัญหาฝ้าได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดรอยดำขึ้นใหม่ คงไว้ซึ่งผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว
  • เลี่ยงการสัมผัสหน้าบ่อยๆ ห้ามบีบ แคะ แกะ เกา เพราะอาจจะเพิ่มความเสี่ยงทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
  • ใช้ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพสูงในการปกป้องผิวจากรังสีUV เนื่องจากแสงแดดเป็นตัวกระตุ้นให้เม็ดสีเมลานินทำงานมากขึ้น ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดดโดยตรง และให้ทาครีมกันแดดmesoprotech melan 130 pigment control by mesoestetic  ที่มีค่า SPF50+ ที่ช่วยลดเลือนและป้องกันการเกิดจุดด่างดำ ลดความหมองคล้ำของผิว ด้วยส่วนผสมสำคัญของ mesoprotech complex ที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB  นอกจากนี้ยังมีสารแอนติออกซิแดนท์ที่ช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ ในรังสีอินฟราเรด และแสงสีฟ้าที่มากระทบผิว  รวมถึง Azeloglicina ( Azelaic acid) ช่วยป้องกันรอยหมองคลํ้าหรือจุดด่างดํา ที่มีสาเหตุมาจากแสงแดด และ Sunflower seed oil (NMF) ช่วยรักษาความชุ่มชื้นผิวตามธรรมชาติได้ดีอีกด้วย
  • รับประทานสารอาหารที่ช่วยป้องกันรังสี UV ได้แก่สารสกัดจากมะเขือเทศ และสาหร่ายดีซาลีน่า ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและช่วยลดความรุนแรงที่เกิดจากอาการผิวไหม้ได้
  • ปรึกษาแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการประเมินผิวและรักษาอย่างต่อเนื่อง

วิธีเลือกเครื่องสำอางให้ปลอดภัยจากสารอันตราย

เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับผิวหน้าจากการใช้สารเจือปนต้องห้ามในเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ มีวิธีเลือกใช้เครื่องสำอางอย่างถูกต้องและปลอดภัยดังต่อไปนี้

  • สังเกตที่ตัวผลิตภัณฑ์
    หากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการรับรองหรือไม่มีคุณภาพ ที่ฉลากจะไม่มีการระบุผู้ผลิต ครั้งที่ผลิต วัน เดือน ปีที่ผลิตและที่หมดอายุ นอกจากนั้นให้ติดตามข่าวสารจากสำนักงานอาหารและยา (อย.) ถึงผลิตภัณฑ์อันตรายที่ประกาศห้าม หรือติดต่อโดยตรงที่ กลุ่มควบคุมเครื่องสำอาง สำนักควบคุมเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย อย. โทรศัพท์ 0 2590 7277 – 8 โทรสาร 0 2591 8468 ในเวลาราชการ หรือที่เว็บไซต์ fda.moph.go.thคลิกที่เครื่องสำอาง
  • หากสงสัยว่าเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่หรือที่ต้องการซื้อจะมีสารอันตรายปนเปื้อนหรือไม่ สามารถใช้ชุดทดสอบด้านเครื่องสำอาง(Test Kit-Cosmetic) จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ มาตรวจสอบได้โดยตรง เพื่อประกอบการตัดสินใจและเพื่อความปลอดภัยที่จะตามมา
  • เลือกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากสถานที่จำหน่ายที่มีหลักแหล่ง มีความน่าเชื่อถือ โดยให้สังเกตฉลากต้องมีข้อความภาษาไทย ระบุข้อความที่ผู้บริโภคจำเป็นต้องรู้อย่างครบถ้วน ได้แก่ ชื่อและชนิดของเครื่องสำอาง เลขที่ใบรับแจ้ง(เป็นเลข 10 หลัก) สารที่ใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ วิธีการใช้ ชื่อที่ตั้งผู้ผลิต/ผู้นำเข้า ปริมาณสุทธิ เลขที่แสดงครั้งที่ผลิต เดือนปีที่ผลิต และคำเตือนในการใช้

ทั้งหมดนี้คือสารอันตรายที่ทำให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ สิวสารพัดชนิด รวมถึงปัญหาผิวอื่นๆตามมามากมาย และปัญหาเหล่านี้จะไม่สิ้นสุดแต่จะยิ่งบานปลาย หากมีการใช้อย่างต่อเนื่องโดยไม่คำนึงถึงผลเสียหายที่จะตามมา สิ่งที่จะช่วยป้องกันได้ดีที่สุดคือให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย ไม่หวังเพียงให้เห็นผลในระยะเวลาสั้นๆ เพราะนั่นหมายถึงฝันร้ายที่จะตามมา กว่าจะเริ่มต้นรักษาอาจทำให้เสียเวลา และเสียค่าใช้จ่ายมากมาย แต่ถ้าหากท่านกำลังเข้าสู่กระบวนการรักษา ความมีวินัย ความอดทน การดูแลผิวขั้นพื้นฐานควบคู่กับการพักผ่อนที่ดี รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และไม่กลับไปใช้ครีมที่มีสารอันตรายอีก โอกาสที่ผิวหน้าจะได้รับการฟื้นฟูรักษาก็จะมีมากขึ้น

   

 

ใส่ความเห็น