พาไปรู้จักกับสารสกัดจากสาหร่ายสีแดง (Rhodosorus marinus extract) น้องใหม่มาแรงในวงการความงาม

              ในแวดวงสกินแคร์และความสวยความงามต่างก็มีการศึกษาวิจัยกันอย่างต่อเนื่องเพื่อค้นพบสารสกัดใหม่ ๆ มาเป็นตัวช่วยฟื้นบำรุงผิวและชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ให้ผิวสุขภาพดีแข็งแรง ซึ่งหนึ่งในสารสกัดสำคัญกำลังมาแรงและถูกพูดถึงกันมากก็คือสารสกัดจากสาหร่ายสีแดง หรือ Rhodosorus marinus extract มีงานวิจัยตีพิมพ์รับรองผลการศึกษามากมายถึงสรรพคุณและกลไกการออกฤทธิ์ที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวได้จริง บทความนี้จะพาคุณไปไขความลับและทำความรู้จักกับสาหร่ายสีแดงให้มากขึ้นกัน ว่าสารสกัดตัวนี้นั้นเป็นอย่างไร แล้วช่วยฟื้นฟูดดูแลเซลล์ผิวได้อย่างไรบ้าง

ทำความรู้จักกับสาหร่ายสีแดง

               สาหร่ายสีแดงเป็นสาหร่ายที่พบมากในน้ำทะเลมากกว่าน้ำจืด สามารถจำแนกชนิดย่อยออกได้อีกกว่า 5,000 – 5,500 ชนิด ซึ่งสาหร่ายสีแดงจัดว่าเป็นชนิดของสาหร่ายที่พบมากที่สุดในน้ำทะเลเลยทีเดียว ในสาหร่ายสีแดงมีรงควัตถุคลอโรฟิลล์ที่ช่วยสังเคราะห์แสง นอกจากนั้นยังมีรงควัตถุในกลุ่มของไฟโคบิลิน แต่ที่เด่นเลยก็คือรงควัตุถุในกลุ่มแซนโธฟิลล์ซึ่งเป็นสารที่มีสีแดงชมพูหลายชนิด เช่น ลูเทอีน ซีอาแซนทิน ไวโอลาแซนธิน และแอสตาแซนธิน แต่ตัวที่โดดเด่นก็คือแอสตาแซนธิน (Astaxanthin) ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในกลุ่มของแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) นอกจากจะพบในสาหร่ายสีแดงแล้วสารกลุ่มนี้ยังพบมากในกลุ่มพืชผักและเนื้อสัตว์ที่มีสีส้มแดง เช่น กุ้ง ปู ปลาแซลมอน ปลาเทราท์ แครอท บีตรูท มะเขือม่วง มะเขือเทศ เป็นต้น

               แอสตาแซนธินจัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ชนิดหนึ่ง มีความสามารถสูงในการยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันของอนุมูลอิสระหรือ Free Radicals สูงกว่าสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่น ๆ อย่างเช่นวิตามินซีถึง 6000 เท่า สูงกว่าโคเอ็นไซม์คิวเท็น 800 เท่า สูงกว่าเบต้าแคโรทีน 40 เท่า สูงกว่าสารสกัดจากชาเขียว 550 เท่า สูงกว่าอัลฟ่าไลโปอิกแอซิด 75 เท่า สูงกว่าสารสกัดจากเมล็ดองุ่น 17 เท่า ด้วยเหตุนี้แอสตาแซนธินจึงได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งสารต้านอนุมูลอิสระ ประสิทธิภาพช่วยปกป้องการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ชะลอวัย ให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์

อันตรายของอนุมูลอิสระ

               อนุมูลอิสระหรือ Free Radicals คือโมเลกุลของสารที่มีอิเล็กตรอนโดดเดี่ยวไม่ครบคู่อยู่ 1 ตัว ทำให้เกิดความไม่เสถียรในตัว มันจึงพยายามทำให้ตัวเองเสถียรโดยการทำให้อิเล็กตรอนที่โดดเดี่ยวของมันครบคู่ด้วยการไปดึงเอาอิเล็กตรอนจากโมเลกุลอื่น ๆ มา ซึ่งอนุมูลอิสระสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ กลุ่มที่มีออกซิเจนเป็นองค์ประกอบสําคัญ (reactive oxygen species, ROS) กลุ่มที่มีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบสําคัญ (reactive nitrogen species, RNS) และกลุ่มที่มีคลอรีนเป็นองค์ประกอบสําคัญ (reactive chlorine species, RCS) โดยประเภทที่พบมากและก่อให้เกิดปัญหากับร่างกายมนุษย์มากที่สุดก็คือ ROS ซึ่งอนุมูลอิสระของออกซิเจนจากการสันดาปพลังงานในร่างกาย

               เมื่อมีอนุมูลอิสระเกิดขึ้นในร่างกายของเรามันจะพยายามไปดึงเอาอิเล็กตรอนจากเซลล์หรือโมเลกุลอื่น ๆ ของสารชีวโมเลกุลในร่างกายไปใช้ทำให้เกิดความเสียหาต่อเซลล์ละโมเลกุลที่สูญเสียอิเล็กตรอนไป เซลล์ก็จะสูญเสียฟังก์ชั่นตามปกติเกิดเป็นโรคและความผิดปกติต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด ผิวหนังแก่ก่อนวัย ต้อกระจก รวมไปถึงการเกิดโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ

กลไกความเสื่อมของเซลล์ผิวจากอนุมูลอิสระ

               ตามธรรมชาติในผิวชั้นหนังแท้จะมีเซลล์ไฟโบรบลาสท์ (Fiberblast) ทำหน้าที่สร้างคอลลาเจน อีลาสติน และกรดไฮยาลูโรนิคซึ่งเป็นโครงสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ทำหน้าที่ผยุงผิวให้ได้รูปยกกระชับ โดยในร่างกายของเราจะมีเอนไซม์ MMPs ทำหน้าที่ย่อยคอลลาเจนและเนื้อเยื้อเกี่ยวพันอยู่ ซึ่งในภาวะปกติจะหลั่งออกมาน้อยมาก แต่อนุมูลอิสระจะไปเร่งเอนไซม์ MMPs จะหลั่งออกมามากขึ้น โดยอนุมูลอิสะจะไปกระตุ้นตัวรับบนเซลล์ไฟโบรบลาสท์ให้นิวเคลียสสร้างแอคติเวทโปรตีนวัน หรือ AP-1ออกมา ซึ่งการเพิ่มขึ้นของ AP-1 จะกระตุ้นให้เอนไซม์ MMPs เพิ่มขึ้นตามด้วย ผลที่ตามมาก็คือชั้นคอลลาเจนและอีลาสตินถูกทำลายทำให้เกิดปัญหาผิวเหี่ยวย่นไม่กระชับ ไม่สามารถกักเก็บน้ำและขาดความชุ่มชื้น ทำให้ผิวแก่เกิดเป็นปัญหาริ้วรอยและความหย่อนคล้อยตามมา ไม่เพียงเท่านั้นอนุมูลอิสระยังเป็นสาเหตุให้เกิด DNA damage ทำให้ไปหยุดวงจรชีวิตของเซลล์และเซลล์ตาย เมื่อเซลล์ตายก็จะไม่มีการสร้างเซลล์ใหม่มาทดแทนได้ทัน ผิวก็จะเสื่อมสภาพ หยาบกร้าน กระบวนการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวใหม่ก็เกิดได้ช้าลง

               อนุมูลอิสระในร่างกายนั้นเกิดจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นเกิดจากความเครียด เกิดจากการได้รับสารเคมีจากมลภาวะ เช่น ฝุ่นควัน ยาฆ่าแมลง ฯลฯ รวมไปถึงสารที่ปนเปื้อนในอาหารที่เรารับประทานเข้าไป  ซึ่งสารเคมีเหล่านี้จะเข้าไปทำปฏิกิริยาสันดาปพลังงานในร่างกายเกิดเป็นอนุมูลอิสระขึ้น นอกจากนั้นแล้วแสงแดดก็เป็นต้นเหตุของการเกิดอนุมูลอิสระได้เช่นกัน โดยเราเรียกว่าปฏิกิริยา photoaging ที่รังสียูวีในแสงแดดจะไปกระตุ้น AP-1และเอนไซม์ MMPs หลั่งออกมามากขึ้น ทำให้คอลลาเจนใต้ชั้นผิวถูกทำลาย  ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ หย่อนคล้อย และแก่ก่อนวัย นอกจากนั้นแล้วรังสียูวียังไปกระตุ้นการทำงานของเม็ดสีเมลานินทำให้เกิดความหมองคล้ำ กระ ฝ้า และจุดด่างดำตามมาได้ ซึ่งผิวที่มีปริมาณอนุมูลอิสระสูงนั้นมักจะมีลักษณะผิวหยาบแห้ง การสร้างเม็ดสีผิดปกติ เกิดความหมองคล้ำ และจุดด่างดำ ผิวหนังขาดความยืดหยุ่น เพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงของคอลลาเจนและอิลาสติน ชั้นหนังกำพร้าหนาขึ้น ทำให้ผิวกร้าน

การยั้บยั้งอนุมูลอิสระ

                เมื่อเกิดอนุมูลอิสระขึ้นในร่างกายแล้วร่างกายจะมีกลไกกายขจัดอนุมูลอิสระด้วยกัน 2 วิธี อย่างแรกจะหลั่งเอนไซม์ superoxide dismutase (SOD) และ เอ็นไซม์ catalase glutathione peroxidaes ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระออกมาดักจับอนุมูลอิสระ แต่ก็ทำได้ไม่เต็มที่ อีกทั้งเมื่ออายุมากขึ้นก็จะผลิตเอนไซม์เหล่านี้ได้ลดน้อยลง ส่วนอีกวิธีหนึ่งในการจัดการกับอนุมูลอิสระการรับสารต้านอนุมูลอิสระผ่านการรับประทานหรือผลิตภัณฑ์ทาบำรุงจากภายนอก ซึ่งแอสตาแซนธินในสาหร่ายสีแดงก็เป็นสุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยยั้บยั้งไม่ให้อนุมูลอิสระเข้ามารบกวนและสร้างอันตรายให้กับร่างกาย

ประโยชน์ของสาหร่ายสีแดง

               อย่างที่กล่าวไปว่าสาหร่ายสีแดงนั้นอุดมไปด้วยแอสตาแซนธินซึ่งเป็นสุดยอดของสารต้านอนุมูลอิสระ กลไกการทำงานของสารสกัดสาหร่ายสีแดงในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระนั้นมันจะให้อิเล็กตรอนแก่สารอนุมูลอิสระ ทำให้อนุมูลอิสระมีอิเล็กตรอนครบคู่และเสถียรขึ้น ป้องกันไม่ให้อนุมูลอิสระเข้าทำปฏิกิริยากับอิเล็กตรอนจากเซลล์หรือโมเลกุลของสารชีวโมเลกุลในร่างกาย นอกจากแอสตาแซนธินแล้วสาหร่ายสีแดงยังมีโพลีแซกคาไรด์ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความแข็งแรงให้กับเซลล์ และยังมีโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ช่วยรักษาอาการอักเสบระคายเคือง

               นอกจากจะต่อต้านอนุมูลอิสระแล้วสาหร่ายสีแดงยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงสุขภาพสายตา ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับน้ำหล่อเลี้ยงตา ลดอาการตาแห้ง และช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อดวงตา บรรเทาอาการต้าล้าได้ ไม่เพียงเท่านั้นยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน เพราะจะยั้บยั้งไม่ให้อนุมูลอิสระเข้าไปทำลายเซลล์ตับอ่อนจนไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ อีกทั้งยังเพิ่มความไวต่อการทำงานของอินซูลินด้วย

               ไม่เพียงเท่านั้นประโยชน์ของสาหร่ายสีแดงยังช่วยลดการเกิดออกซิเดชันของไขมันชนิด LDL ซึ่งเป็นไขมันเลว และยังป้องกันอนุมูลอิสระที่จะมาทําลายผนังหลอดเลือด ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคความดันโลหิต โรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง นอกจากนั้นสารสกัดจากสาหร่ายสีแดงยังช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบประสาทและสมอง อีกทั้งยังมีช่วยเสริมสร้างการทำงานของกระดูกและกล้ามเนื้อ ช่วยลดอาการปวดและอักเสบของกล้ามเนื้อและกระดูก บรรเทาอาการปวดตามข้อต่อกระดูกต่าง ๆ

               ประโยชน์ของสาหร่ายสีแดงยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ลดการอักเสบติดเชื้อ ลดการเกิดผดผื่นคันจากการแพ้ระคายเคือง อีกทั้งยังช่วยย่อยสลายพังผืดที่ไม่ดีออกจากร่างกายทางปัสสาวะ พร้อมทั้งยังป้องกันอาการท้องผูกและโรคริดสีดวงทวารดีต่อระบบขับถ่าย

นวัตกรรมสารสกัดจากสาหร่ายสีแดงในผลิตภัณฑ์ mesoestetic

               Mesoestetic แบรนด์เวชสำอางที่มีการศึกษาวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เวชสำอางสำหรับดูแลผิวต่อเนื่อง เพราะเรามีห้องปฏิบัติการและทีมนักวิจัยและทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นของตัวเองด้วยมาตรฐานระดับโลกการันตีด้วยประสบการณ์มากว่า 30 ปี และมีตัวแทนจำหน่ายมากกว่า 90 ประเทศทั่วโลก ซึ่งทาง Mesoestetic ได้คิดค้นและพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Rhodosorus marinus extract หรือสาหร่ายสีแดงด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัย เป็น 2 ผลิตภัณฑ์ที่คุณไม่ควรพลาด

  1. melan recovery

               บาล์มบํารุงผิวสูตรเข้มข้น ช่วยลดการอักเสบระคายเคืองผิว เหมาะกับคนผิวบอบบางแพ้ง่าย สามารถใช้หลังจากการทําทรีตเม้นท์เพื่อลดผลข้างเคียงหลังทำ ไม่ทำให้ผิวแห้งลอก ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เพราะว่าสารสกัดจากสาหร่ายสีแดง ช่วยปลอบประโลมผิว ฟื้นบำรุงผิวที่เกิดจากการระคายเคือง มีวิตามินบี3 ช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิว นอกจากนั้นยังมีกรดอะมิโน Ectoin ที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงและยังช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระจากภายนอก ไม่เพียงเท่านั้นยังมีสารสกัดจากดอกคาโมมายล์ น้ำมันสควาเลน เชียบัตเตอร์ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิว ให้ผิวอิ่มน้ำไม่แห้งกร้าน ที่สำคัญยังมีพรีไบโอติกช่วยปรับสมดุลแบคทีเรียบนผิวให้ผิวแข็งแรงสุขภาพดี

  1. anti-stress mask

               มาส์กหน้าสูตรสำหรับผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย พร้อมทั้งยังปลอบประโลมผิวให้ผ่อนคลาย เพราะมีสารสกัดจากสาหร่ายสีแดง ช่วยปลอบประโลมผิว ฟื้นบำรุงผิวที่เกิดจากการระคายเคือง ที่เป็นสาเหตุเกิดจากปัจจัยภายนอกเช่น มลภาวะ สภาพอากาศ มีอเวร่าช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิว มีสารสกัดจากดอกดาวเรือง สารสกัดจากดอกคาเลนดูลา และสารสกัดจากหญ้าฝรั่นช่วยผ่อนคลายและฟื้นบำรุงผิว นอกจากนั้นยังมีวิตามินอีซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยบำรุงให้ผิวฉ่ำน้ำไม่แห้งกร้าน ใช้ง่ายมาเพียงทามาส์กบนผิวหน้า โดยพอกให้หนา ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

               สารสกัดของสาหร่ายสีแดงเป็นสารสกัดมาแรงในแวดวงสุขภาพและความงาม เพราะคุณประโยชน์ที่ช่วยฟื้นบำรุงและดูแลร่างกายได้แบบองค์ตั้งแต่ภายในสู่ภายนอก สารสกัดของสาหร่ายสีแดงจึงเป็นสารสกัดสำคัญที่น่าสนใจที่จะนำมาใช้ดูแลสุขภาพ แต่ทั้งนี้ก็ต้องใส่ใจเลือกหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ น่าเชื่อถือ มีมาตรฐานรองรับ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือผลิตภัณฑ์สกินแคร์ เพื่อให้เรามั่นใจว่าผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจในการใช้งาน