มีใครเคยสงสัยไหมว่า ทำไมหลังล้างหน้าจะต้องใช้โทนเนอร์ทำความสะอาดอีกครั้งด้วย แค่โฟมล้างหน้าอย่างเดียวไม่พอหรอ หรือบางคนยังสับสนระหว่างโทนเนอร์กับคลีนซิ่ง ว่าเป็นตัวเดียวกันหรือไม่ วันนี้เรามาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ
การดูแลผิวหน้าคือเรื่องที่สำคัญมากๆ ทั้งผู้ชายและผู้หญิง นอกจากการใช้ครีมบำรุงผิวแล้ว การทำความสะอาดก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน เพราะหากผิวหน้าไม่มัน ปราศจากสิ่งสกปรก ก็จะช่วยยับยั้งการเกิดสิวได้ และช่วยให้รูขุมขนกระชับด้วย
โทนเนอร์คืออะไร
ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่องของการทำความสะอาดผิวหน้า ชำระล้างสิ่งสกปรกหลังจากการทำความสะอาดด้วยคลีนซิ่งหรือโฟมล้างหน้า เพื่อให้แน่ใจว่าผิวหน้าของเรานั้นสะอาดและปราศจากสิ่งสกปรกตกค้าง ช่วยให้รูขุมขนสะอาดหมดจด แถมยังช่วยปรับสภาพผิวก่อนทาครีมบำรุงผิวในขั้นตอนต่อไปด้วย เพื่อให้ครีมบำรุงต่างๆซึมเข้าสู่ผิวหน้าได้ดียิ่งขึ้น
โทนเนอร์ที่ดีควรมีวิตามินที่บำรุงผิว และไม่ทำให้หน้ามันหรือแห้งตึงจนเกินไป เนื่องจากคุณสมบัติที่ช่วยบำรุงผิว ฟื้นฟู ยกกระชับผิว รวมถึงปรับสภาพผิวให้พร้อมรับความชุ่มชื้น ไม่ทำให้ผิวระคายเคือง ซึ่งเราก็ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผิวของเราด้วย
โทนเนอร์มีประโยชน์อย่างไร
- ช่วยทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดมากขึ้น ทั้งคราบเครื่องสำอาง ความมัน และสิ่งสกปรกต่างๆที่อาจจะหลงเหลืออยู่ในรูขุมขน สิ่งสกปรกเล็กๆที่โฟมล้างหน้าไม่สามารถขจัดออกได้หมด
- ลดการเกิดสิวจากการอุดตันของสิ่งสกปรก ไขมัน สารเคมี และเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในรูขุมขน ทำให้ลดปัญหาสิวอักเสบ สิวอุดตัน สิวเสี้ยน และสิวหัวหนองลงไปได้
- ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดออก เผยผิวให้ดูกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ ลดการอักเสบของผิว
- ปรับสภาพผิวหน้าเพื่อเปิดรับสารบำรุงผิว ออกซิเจน และความชุ่มชื้นจากครีมบำรุงต่างๆ ให้ผิวเต่งตึง แลดูมีสุขภาพดี
- ช่วยกระชับรูขุมขนทำให้ดูเล็กลง ผิวเรียบเนียนมากขึ้น
- ช่วยให้ผิวหน้ามีความยืดหยุ่น และช่วยจัดการริ้วรอย จุดด่างดำ ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นมากขึ้น
- กระตุ้นผิวหน้าให้สร้างคอลลาเจนมากขึ้น จากวิตามินที่ผสมอยู่ในโทนเนอร์ บำรุงโครงสร้างผิวให้มีความแข็งแรง ฟื้นฟูผิวและยกกระชับผิว
จำเป็นต้องใช้โทนเนอร์ไหม
ปัจจุบันมลภาวะทางอากาศเกิดขึ้นเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น ควันรถ ควันจากโรงงาน สิ่งสกปรกที่มาพร้อมกับฝน น้ำที่ไม่สะอาด รวมถึงลมที่พัดฝุ่นมาสัมผัสหน้าของเรา การทำความสะอาดผิวหน้าด้วยโทนเนอร์หลังจากที่ล้างด้วยโฟมล้างหน้าแล้ว ก็จะช่วยให้ผิวสะอาดหมดจด กำจัดสิ่งสกปรกให้หลุดออกไปได้มากขึ้น แถมยังมีส่วนช่วยในการฟื้นบำรุงผิวจากวิตามินต่างๆด้วย โทนเนอร์จึงจำเป็นต่อผิวมาก สำหรับคนที่อยากให้ผิวหน้าดูมีสุขภาพดีตลอดเวลา
แต่ถ้าหากจะถามว่าโทนเนอร์จำเป็นหรือไม่ ให้ดูที่ส่วนผสมเป็นหลัก ถ้าจะให้ดีไม่ควรมีแอลกอฮอล์ผสม หรือถ้ามีควรมีในเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมากๆ โดยคุณสมบัติหลักจะต้องเน้นเติมน้ำให้ผิว ปรับ pH ของผิวให้เป็นสภาวะกรดอ่อน ซึ่งเป็นสภาวะปกติของผิวตามธรรมชาติจะอยู่ที่ pH 5-7 (เฉลี่ย 5.5) และมีส่วนผสมที่บรรเทาอาการระคายเคืองด้วย
ทำไมต้องเติมน้ำให้ผิวหลังล้างหน้า
ในขณะที่เราล้างหน้า น้ำมันที่เคลือบอยู่บนผิวก็จะถูกชะล้างออกไป จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เราใช้ ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ชะล้างรุนแรงก็จะทำให้น้ำมันออกไปเยอะ หรือบางตัวมีความอ่อนโยนจนล้างคราบน้ำมันจากผิวออกไปไม่หมด ก็จะทำให้รู้สึกว่าหน้าไม่สะอาด แต่ความจริงแล้วการที่เราล้างหน้าแล้วรู้สึกว่าผิวตึง สะอาดหมดจด นั่นเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากล้างหน้าก็คือ น้ำใต้ผิวหนังจะระเหยออกอย่างรวดเร็ว หากยิ่งปล่อยไว้นานไม่รีบเติมความชุ่มชื้นผิวก็จะยิ่งแห้ง จนเริ่มขับน้ำมันออกมาเคลือบผิวที่สูญเสียน้ำออกไป และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้บางคนเกิดปัญหาว่า ทำไมเพิ่งล้างหน้าเสร็จผิวก็มันแล้ว
เพราะฉะนั้นหลังจากล้างหน้าทุกครั้งควรมีการปรับสภาพผิวโดยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติปรับค่ากรดด่าง และเติมน้ำเข้าสู่ผิว จะช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำ มีความชุ่มชื้น แล้วผิวจะดูดซึมเซรั่มและครีมบำรุงต่างๆที่เราจะลงในขั้นตอนต่อไปได้เป็นอย่างดี
สาเหตุที่ทาครีมบำรุงแล้วไม่เห็นผล
เคยสังเกตไหมว่า บางครั้งเราทาครีมไปแล้วแต่ไม่ค่อยซึมลงผิว ครีมจะเคลือบอยู่ชั้นบนของผิวหน้า เมื่อตื่นมารู้สึกว่าหน้ามันเยิ้มบางทีเป็นสิวอุดตันอีกด้วย นั่นเป็นเพราะว่าหลังจากล้างหน้าผิวของเราแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น เมื่อทาครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของน้ำมัน ทำให้การดูดซึมของน้ำมันเป็นไปได้ยาก จนบางครั้งเกิดการตกค้างตามรูขุมขนกลายเป็นสิวอุดตัน
สรุปได้ว่า ผิวที่มีความชุ่มชื้นจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้ดี แต่ในทางกลับกัน ผิวที่แห้งหรือมันเกินไป การดูดซึมก็จะแย่ลง จึงจำเป็นจะต้องเติมน้ำให้กับผิวหลังล้างหน้าเสมอ
โทนเนอร์มีกี่ประเภท
โทนเนอร์แบ่งเป็น 3 ประเภท ซึ่งทั้ง 3 ประเภทก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน
- โทนเนอร์สำหรับทำความสะอาด ช่วยกำจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่บนผิวหน้า ไม่ว่าจะเป็นความมันส่วนเกิน คราบเครื่องสำอางที่ยังตกค้างอยู่บนรูขุมขน ฝุ่นละออง และสิ่งสกปรกต่างๆ ต่อให้ใช้ makeup remover ก็อาจจะล้างออกไม่หมด โทนเนอร์จึงเป็นตัวช่วยที่สำคัญสำหรับการทำความสะอาดผิว ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
- โทนเนอร์บำรุงผิว มีส่วนผสมของวิตามิน เกลือแร่ และสารบำรุงผิวต่างๆที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิวหน้า ทำให้ผิวไม่แห้งเป็นขุย และดูแข็งแรงมากขึ้น ผิวหน้ากระจ่างใส ไม่แห้งกร้าน
- โทนเนอร์กำจัดสิว มีการเติมสาร Salicylic Acid หรือ BHA ช่วยรักษาสิวอุดตันและลดเลือนริ้วรอยแดง รอยดำต่างๆที่เกิดจากสิว แถมยังช่วยลดความมัน กระชับรูขุมขน ทำให้ใบหน้าที่หมองคล้ำกลับมาขาวกระจ่างใส และลดโอกาสในการเกิดสิวได้อีกด้วย
เลือกโทนเนอร์ให้เหมาะกับสภาพผิว
- ผิวแห้ง แนะนำให้ใช้โทนเนอร์ที่มีคุณสมบัติเติมความชุ่มชื้นให้กับใบหน้า เพราะผิวแห้งจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ง่าย และควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ จะช่วยให้ผิวไม่แห้งกร้าน
- ผิวมันหรือผิวผสม ใช้โทนเนอร์ที่มีคุณสมบัติเน้นในเรื่องของการขจัดสิ่งสกปรก ไม่ว่าจะเป็นคราบเครื่องสำอาง ฝุ่น เพราะคนที่มีผิวมันมักจะมีโอกาสเกิดสิวได้ง่ายกว่า เพราะฉะนั้นจะต้องดูแลผิวหน้าให้สะอาดกว่าปกติ
- ผิวธรรมดา ถือว่าโชคดีมากๆเพราะไม่มีปัญหาในเรื่องของความมันและความแห้ง สามารถใช้โทนเนอร์ได้ทุกสูตร ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาด หรือเน้นบำรุงผิว เติมความชุ่มชื้นให้ผิว
โทนเนอร์เหมาะกับใครบ้าง
- คนที่เป็นสิวบ่อย เหมาะกับการใช้เป็นอย่างยิ่ง เพราะสาเหตุของการเกิดสิวมักจะมาจากคราบสกปรกที่ตกค้างอยู่บนผิวหน้า ใครที่เป็นสิวง่าย มีสิวขึ้นเป็นประจำแนะนำเลย
- คนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย ต้องได้รับการทำความสะอาดผิวมากกว่าสภาพผิวอื่นเป็นพิเศษ เนื่องจากหากมีสิ่งสกปรกตกค้างอย่างคราบเครื่องสำอาง ฝุ่นละออง ก็จะยิ่งทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและอักเสบขึ้นได้
- คนที่มีผิวมัน มักจะมีคราบความมันหรือความมันส่วนเกินหลงเหลืออยู่บนใบหน้า ทำให้เกิดการอุดตัน เป็นต้นเหตุของการเกิดสิว การทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดก็เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก
- ทุกสภาพผิว ในช่วงที่ต้องเจอฝนและลมพายุบ่อยๆ ช่วงหน้าฝนผิวหน้าของเราอาจจะต้องทำงานหนักเป็นพิเศษ เพราะจะต้องเจอกับลมพายุและน้ำฝนเป็นประจำ อาจทำให้ผิวเสียและเกิดสิวจากมลพิษ และสิ่งสกปรกที่มาพร้อมกับน้ำฝน จนทำให้ผิวแห้งกร้าน สะสมแบคทีเรียไว้มาก การทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจดจึงเป็นทางเลือกที่ดี
- ทุกสภาพผิว ในช่วงหน้าร้อนที่ต้องเจอแดดจัดๆ ฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกขนาดเล็กมักจะลอยตัวและฟุ้งกระจายได้ดีในหน้าร้อน ทำให้ผิวหน้าของเราได้รับฝุ่นไปเต็มๆ แถมยังมีความมันส่วนเกินที่เกิดจากเหงื่อด้วย จึงต้องทำความสะอาดผิวให้ดีเพื่อลดผิวอุดตัน และการเกิดสิว โดยเฉพาะคนที่มีสภาพผิวมันและเป็นสิวง่าย
วิธีการใช้โทนเนอร์ที่ถูกต้อง
เนื่องจากหลังล้างหน้า ผิวเราจะเสียความชุ่มชื้นและน้ำที่หล่อเลี้ยงผิวไป เพราะฉะนั้นจะต้องมีวิธีการใช้โทนเนอร์ที่ถูกต้อง โดยการจับเวลาหลังจากล้างหน้า หากปล่อยไว้เกิน 3 นาที นั่นแปลว่าผิวของเราอาจเสียน้ำหล่อเลี้ยงผิวไปแล้ว การบำรุงผิวก็จะได้ประโยชน์น้อยลง ขอแนะนำขั้นตอนง่ายๆตั้งแต่การเริ่มทำความสะอาดผิวเลย โดยจะแบ่งเป็นช่วงเช้าและช่วงเย็น
- ตอนเช้า หลังจากที่อาบน้ำแปรงฟันเสร็จเรียบร้อย ค่อยเข้าสู่ขั้นตอนการทำความสะอาดผิวหน้า สำหรับคนที่ผิวหน้าแห้ง อาจจะล้างด้วยน้ำเปล่าหรือผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะกับผิว แล้วซับหน้าเบาๆให้แห้ง อย่าปล่อยให้น้ำเปียกแล้วระเหยไปเอง หลังจากนั้นก็เข้าสู่การทำความสะอาดหน้าด้วยโทนเนอร์ที่ช่วยเติมน้ำให้ผิว เสร็จแล้วตามด้วยการลงครีมบำรุง ครีมกันแดดที่เราใช้อยู่เป็นประจำ
- ตอนเย็น หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน เจอมลภาวะทำร้ายผิวมามาก จึงต้องเริ่มทำความสะอาดผิวด้วยการล้างเมคอัพด้วยผลิตภัณฑ์ในหมวดล้างเมคอัพ ตามด้วยการอาบน้ำ แปรงฟัน ปิดท้ายด้วยการทำความสะอาดผิวหน้าด้วยโฟมล้างหน้าและโทนเนอร์ทำความสะอาดผิว
สิ่งที่ไม่ควรทำก็คือ การล้างหน้าเป็นอันดับแรก แล้วค่อยอาบน้ำ แปรงฟัน เพราะในช่วงที่เราอาบน้ำ น้ำใต้ผิวหนังก็จะระเหยแห้งออกไปหมด ทำให้ครีมบำรุงหรือโทนเนอร์ไม่ซึมเข้าสู่ผิว
ขั้นตอนการใช้โทนเนอร์ทำความสะอาดผิว
- หลังทำความสะอาดหน้าด้วยโฟมล้างหน้าแล้ว ให้ซับหน้าด้วยกระดาษทิชชู หรือผ้าเช็ดหน้าที่มีความอ่อนนุ่ม ไม่ควรใช้ผ้าขนหนูหรือผ้าเช็ดตัวมาเช็ดหน้า เพราะจะทำให้หน้าเป็นรอยได้
- ใช้สำลีแผ่นสำหรับเครื่องสำอาง เพราะจะมีความบางและเนื้อแน่นมากกว่า เมื่อนำมาเช็ดหน้าก็ไม่เป็นขุยติดใบหน้า
- หยดโทนเนอร์ลงบนสำลีแผ่น โดยวางสำลีไว้ตรงกลาง แล้วใช้นิ้วนางกับนิ้วชี้หนีบสำลีเอาไว้ จะช่วยให้การเช็ดหน้าทำได้อย่างนุ่มนวลขึ้น ป้องกันไม่ให้หน้าเกิดริ้วรอยได้ง่าย
- เช็ดหน้าเบาๆทีละครึ่งหน้า เพื่อการทำความสะอาดที่ทั่วถึง โดยเช็ดจากด้านล่างขึ้นบนเพื่อเปิดรูขุมขน ทำให้โทนเนอร์ซึมเข้าสู่ผิวได้ทุกอณู ทำความสะอาดได้อย่างหมดจด
- หลังจากที่เช็ดทำความสะอาดใบหน้าทั้ง 2 ฝั่งแล้ว ให้เช็ดที่บริเวณลำคอและท้ายทอยด้วย เพราะการทาครีมก็จะต้องทาที่ลำคอไปด้วยนั่นเอง
สรุปได้ว่า ข้อดีหลักๆของโทนเนอร์ก็คือช่วยทำความสะอาดผิวได้อย่างหมดจด พร้อมกับช่วยให้การบำรุงผิวเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ช่วยให้ครีมบำรุงผิวซึมลึกได้มากขึ้น ลดปัญหาสิวบนใบหน้า สิวอุดตัน รูขุมขนกว้าง เติมความชุ่มชื้นให้กับผิว ให้ผิวแลดูมีสุขภาพดี หากรู้จักวิธีใช้ที่ถูกต้องรับรองได้เลยว่าใบหน้าของเราจะสวยกระจ่างใส ไร้สิวและริ้วรอยแน่นอน