ต้านรอยตีนกา..จบปัญหาริ้วรอยรอบดวงตาคู่สวย

“รอยตีนกา” (Crow’s feet) หรือริ้วรอยที่บริเวณหางตา เป็นปัญหาที่ไม่เพียงพบในผู้สูงวัยเท่านั้นแต่สามารถพบได้ในทุกเพศ ทุกวัย ที่พอยิ้มทีไร ก็มักจะมีเส้นที่เป็นรอยย่นขึ้นมา มิหนำซ้ำยังทำให้หน้าดูมีอายุ หน้าโทรม สูญเสียความมั่นใจ ทั้งยังทำให้หลายคนไม่กล้าที่จะแสดงออกทางอารมณ์หรือสีหน้าเพราะกลัวว่าจะมองเห็นรอยตีนกาได้ชัดมากขึ้น และหากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี จากรอยตีนกาตื้นๆก็อาจจะกลายเป็นร่องลึกยากต่อการรักษา ซึ่งในปัจจุบัน ได้มีนวัตกรรมใหม่ที่ถูกคิดค้นขึ้นมา เพื่อช่วยชะลอริ้วรอยแห่งวัยรอบดวงตา รวมถึงวิธีป้องกันและรักษาให้ดวงตากลับมาสดใสไร้ริ้วรอยกวนใจ แต่ก่อนอื่นเราจะมาทำความรู้จักกับรอยตีนกากันให้กระจ่างชัด เพื่อที่จะสามารถรับมือก่อนที่ริ้วรอยตัวฉกาจจะมาเยือน

รอยตีนกาคืออะไร

รอยตีนกา(Crow’s feet) คือริ้วรอยที่มีลักษณะเป็นเส้นขีดเล็กๆที่ปรากฏอยู่บริเวณหางตา เป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่มักเกิดจากการเสื่อมสภาพของผิวหนังตามวัยเมื่อมีอายุที่เพิ่มมากขึ้น จะมองเห็นตีนกาได้ชัดเจนมากขึ้น เมื่อยิ้มหรือหัวเราะ โดยสามารถแบ่งลักษณะของรอยตีนกาออกเป็น 2 ประเภทคือ

  • รอยตีนกาชนิดตื้น โดยมากเกิดขึ้นในบริเวณชั้นหนังกำพร้าที่บางกว่าจุดอื่น โดยเฉพาะในบริเวณที่โดนแดดมากๆ
  • รอยตีนกาชนิดลึก มีสาเหตุมาจากความหย่อนคล้อยของโครงสร้างผิวในชั้นหนังแท้ โดยเริ่มต้นจากการมีรอยตีนกาตื้นๆแล้วไม่ได้ดูแลจนกลายเป็นริ้วรอยที่ลึกขึ้น

ที่มาของรอยตีนกา

“รอยตีนกา” ได้ชื่อว่าเป็นสัญญาณแห่งวัย ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุและหลายปัจจัยกระตุ้น ดังต่อไปนี้

  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น
    ทำให้ผิวรอบดวงตาขาดความยืดหยุ่น ความแข็งแรงของผิวค่อยๆลดลง เนื่องจากคอลลาเจนและอีลาสตินที่เป็นเส้นใยผิวได้เสื่อมสภาพลง ผิวจึงอ่อนแอ ขาดความชุ่มชื้น และเกิดเป็นรอยพับ และริ้วรอยเล็กๆที่หางตาตามมา
  • ผิวรอบดวงตาแห้ง เนื่องจากคอลลาเจนใต้ผิวมีปริมาณลดลง ผิวจึงขาดความชุ่มชื้น ทำให้เกิดรอยตีนกาได้โดยง่าย
  • เกิดจากโครงสร้างของกระดูกและชั้นไขมันรอบดวงตายุบตัวลงเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผิวบริเวณรอบดวงตามีความหย่อนคล้อย
  • การแสดงสีหน้าและอารมณ์บนใบหน้า
    จะทำให้ผิวมีรอยพับในจุดเดิมๆซ้ำๆกัน จนกลายเป็นริ้วรอยร่องลึกเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็น การยิ้ม หัวเราะ การหยีตา การขมวดคิ้ว การเพ่งมอง หรือแม้แต่การเลิกคิ้ว ซึ่งอาการเหล่านี้จะทำให้กล้ามเนื้อมัดเล็กบริเวณหางตาหดตัวลงจนเกิดเป็นรอยลึก
  • ความร้อนจากแสงแดด
    เนื่องจากในแสงแดดมีรังสี UV ที่สามารถทำลายเซลล์ผิวจนแห้งกร้านและคล้ำเสีย ซึ่งจากการศึกษาพบว่ารังสี UV จากแสงแดด เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวเกิดการเสื่อมสภาพได้มากถึง 80% โดยเฉพาะรังสียูวีเอ ที่สามารถลงลึกไปในชั้นผิว ทำให้ผิวเกิดการสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน รวมถึงมลพิษ มลภาวะต่างๆจากสิ่งแวดล้อมภายนอก ก็สามารถทำให้ผิวหย่อนคล้อย เหี่ยวย่นได้โดยง่าย
  • เกิดจากความเครียด
    เมื่อมีความเครียดเกิดขึ้น ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่เรียกว่าคอร์ติซอล(cortisol)ออกมามากกว่าปกติ ส่งผลทำให้หลอดเลือดมีความเปราะบาง กระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ช้าลง และทำให้เซลล์ผิวเก่าผลัดออกช้ากว่าปกติอีกด้วย นั่นจึงเป็นที่มาของการเกิดริ้วรอยตามจุดต่างๆของใบหน้า รวมถึงที่บริเวณหางตา
  • เกิดจากพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม
    โดยมากเป็นอาหารที่ไม่มีประโยชน์ อาหารมัน เค็มจัด หวานจัดต่างๆ ที่มีส่วนทำให้สุขภาพโดยรวมเสื่อมลงได้ง่าย ทั้งยังทำให้สุขภาพผิวย่ำแย่อีกด้วย
  • พฤติกรรมส่วนตัวในชีวิตประจำวัน
    ได้แก่การขยี้ตาแรงๆ การเช็ดเครื่องสำอางบริเวณรอบดวงตาแรงจนเกินไป นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่ปกป้องผิวบริเวณรอบดวงตาเมื่อต้องเผชิญกับแสงแดด และการสูบบุหรี่ ล้วนแต่สามารถกระตุ้นให้เกิดรอยตีนกาขึ้นมาได้

การรักษารอยตีนกา

ทุกวันนี้มีวิธีที่ช่วยชะลอริ้วรอยแห่งวัย รักษารอยตีนกามากมายหลายวิธี ส่วนใหญ่เป็นหัตถการทางการแพทย์ ซึ่งจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลควบคุมของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด ดังต่อไปนี้

  • การฉีดโบท็อกซ์ (Botox)
    เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย โดยเป็นการฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin Type A) เข้าไปในกล้ามเนื้อ เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ ทำให้กล้ามเนื้อในบริเวณนั้นๆคลายตัว ส่งผลให้รอยย่นบนผิวหนังค่อยๆจางลงและหายไปได้ โดยตัวยาจะออกฤทธิ์และเห็นผลได้ชัดเจนขึ้นหลังจากที่ฉีดไปแล้วประมาณ 7 วัน และจะคงผลลัพธ์อยู่ประมาณ 6-8 เดือน จากนั้นจะต้องกลับมาฉีดซ้ำอีก
  • เลเซอร์รักษารอยตีนกา
    เป็นการใช้พลังงานความร้อนจากแสงเลเซอร์ไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน โดยความร้อนจากเลเซอร์จะถูกส่งลงบนผิวหนังจนกระทั่งไปถึงชั้นผิวหนังที่เรียกว่า Dermis ทำให้รอยย่นค่อยๆจางลง แต่จะต้องทำหลายครั้งติดต่อกันจึงจะเห็นผลที่ชัดเจน
  • การฉีดฟิลเลอร์ลดรอยตีนกา
    การฉีดสารเติมเต็มอย่างกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) หรือฟิลเลอร์เข้าไปในตำแหน่งที่มีริ้วรอย จะทำให้รอยดูตื้นขึ้น มักจะใช้ควบคู่กับการฉีดโบท็อกซ์ในกรณีของผู้ที่มีร่องริ้วรอยรอบดวงตาลึกมากซึ่งเกิดจากการยุบตัวของเนื้อเยื่อ ชั้นไขมันหรือกระดูก โดยฟิลเลอร์จะเข้าไปเสริมในผิวชั้นลึก เพื่อช่วยยกพยุงกล้ามเนื้อให้กลับมาเต่งตึง มีความชุ่มชื้นของผิว ทั้งยังสามารถชะลอการเกิดริ้วรอยในระยะยาวได้ด้วย
  • การผ่าตัดรอยตีนกา
    ในกรณีของการผ่าตัดเพื่อลบรอยตีนกา มักใช้ในกรณีของผู้ที่มีรอยตีนกาลึกมากๆ โดยแพทย์จะทำการตัดกล้ามเนื้อบริเวณหางตาพร้อมทั้งดึงผิวหนังบริเวณนั้นๆให้ตึงขึ้น ทำให้ผิวดูเต่งตึง ไม่มีริ้วรอย และอยู่ได้นานหลายปี
  • การผ่าตัดยกคิ้ว
    อีกหนึ่งวิธีที่ใช้ลบรอยตีนกา สำหรับผู้ที่หนังตาตกและมีลักษณะของผิวรอบดวงตาหย่อยคล้อยร่วมด้วยคือการผ่าตัดยกคิ้ว โดยจะดึงชั้นผิวหนังที่อยู่เหนือคิ้วขึ้น เพื่อรั้งให้ผิวบริเวณนั้นๆถูกยกขึ้นไปด้วย ส่งผลให้ผิวดูตึงขึ้นและริ้วรอยลดลง
  • ใช้ Hifu Ultraformer IIIยกกระชับ
    Hifu Ultraformer เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาวน์ที่มีความเข้มข้นสูง เป็นจุดขนาด 5-1 mm ยิงลึกลงไปใต้ชั้นผิวเพื่อให้เนื้อเยื่อหดตัวลง ทำให้ผิวชั้นบนยกกระชับขึ้น สามารถยิงพลังงานลงบนผิวรอบดวงตาได้โดยไม่เป็นอันตราย ทั้งยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวมีความนุ่มชุ่มชื้น เต่งตึง ช่วยลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตาได้อย่างเห็นผล
  • ใช้ Ulthera เพื่อยกระชับผิวรอบดวงตา
    Ulthera เป็นเครื่องมือที่ช่วยยกกระชับโดยใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาวน์เช่นเดียวกัน แต่จะมีจุดโฟกัสของพลังงานที่ใหญ่กว่า Hifu ช่วยแก้ปัญหาหนังตาตก ช่วยยกคิ้ว ลดรอยตีนกา และช่วยกระชับกรอบหน้าได้เป็นอย่างดี
  • ทำทรีตเม้นท์สครับผิวรอบดวงตา
    การทำสครับผิว เป็นการช่วยฟื้นฟู ผ่อนคลายผิวและกล้ามเนื้อที่อยู่บริเวณรอบดวงตา ริ้วรอยลดลงเล็กน้อย เหมาะกับผู้ที่มีปัญหารอยตีนกาไม่มาก โดยสามารถใช้ออยล์ ใบบัวบก แตงกวา ไข่ขาว อะโวคาโดและอัลมอนด์มาพอกทั่วใบหน้าหรือบริเวณที่ต้องการแล้วล้างออก
  • การทาครีมบำรุงผิวรอบดวงตา
    การใช้ครีมบำรุงผิวรอบดวงตา จะต้องใช้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ โดยไม่ปล่อยให้ผิวรอบดวงตาแห้ง เพราะยิ่งผิวมีความชุ่มชื้นมากเพียงใด ก็จะเป็นการช่วยป้องกันและชะลอริ้วรอยหรือรอยตีนกาให้เกิดได้ช้าลงหรือไม่ให้รอยย่นเพิ่มขึ้น โดยการทาครีมรอบดวงตานั้น จะต้องทำอย่างเบามือ ค่อยๆทาจากหัวตาปาดออกไปจนถึงหางตา เนื่องจากผิวหนังในบริเวณนี้บอบบางมาก การออกแรงถูมากเกินไป นอกจากจะไม่ถูกวิธีแล้ว ยังเพิ่มโอกาสให้ริ้วรอยมีมากขึ้นด้วยนอกจากนั้นการใช้ครีมรอบดวงตาที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนอย่าง Collagen 360° – eye contour by mesoestetic ก็จะช่วยให้ผิวบริเวณดังกล่าวมีความเรียบเนียนขึ้นเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นครีมที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อการดูแลผิวรอบดวงตา ซึ่งอุดมไปด้วยคอลลาเจนทะเล ที่นอกจากช่วยลดเลือนริ้วรอยแล้ว ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ทั้งยังช่วยลดรอยหมองคล้ำใต้ตาและลดความเหนื่อยล้าบริเวณรอบดวงตาให้กลับมาสดใส สุขภาพดี มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ด้วยส่วนผสมของกรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับผิวที่ช่วยส่งเสริมกระบวนการคงสภาพของคอลลาเจนตามธรรมชาติให้ยาวนานขึ้น รวมถึงสารสกัดจากข้าวโอ๊ต ช่วยให้ผิวยืดหยุ่นและตึงกระชับ และ Peptide Complex ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวดูกระชับมากยิ่งขึ้น

การป้องกันการเกิดรอยตีนกา

การดูแลเอาใจใส่สภาพผิวรอบดวงตา เป็นวิธีป้องกันและชะลอการเสื่อมของสภาพผิว ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดตีนกาได้ดีที่สุด รวมถึงการเลี่ยงต่อปัจจัยเสี่ยงที่เร่งทำให้เกิดรอยตีนกา ก็จะช่วยลดโอกาสที่จะเกิดรอยพับที่เป็นร่องลึกต่างๆได้ ดังต่อไปนี้

  • หมั่นเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน เพราะน้ำช่วยเพิ่มความอิ่มเอิบให้แก่ผิวหนังชั้นนอก และช่วยป้องกันริ้วรอยได้ เพราะถ้าหากผิวแห้งกร้าน อาจจะทำให้เห็นรอยเหี่ยวย่นและรอยตีนกาได้ชัดมากขึ้น ที่สำคัญควรจำกัดการดื่มชา/กาแฟ เพราะมีผลต่อความชุ่มชื้นของผิว
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
    การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เป็นการบำรุงผิวจากภายใน โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้รับประทานอาหารประเภทผักผลไม้หลากสี ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างเช่นกล้วย มะเขือเทศ ส้ม ฯลฯ รวมถึงอาหารที่มีเบต้าแคโรทีนสูงอย่างตำลึง ผักบุ้ง ฝรั่ง เป็นต้น พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลหรือไขมันในปริมาณสูง เพื่อช่วยยืดอายุของเซลล์ผิวให้แข็งแรงมากขึ้น ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
    การออกกำลังกายเป็นประจำ ช่วยให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้ดีขึ้น ทำให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่งตามมา
  • รักษาสมดุลในการขับถ่าย
    การขับถ่ายเป็นประจำทุกวัน เป็นการขับของเสียออกจากร่างกาย เพราะถ้าหากมีของเสียหมักหมมในร่างกายมากจนเกินไป ก็จะส่งผลต่อสภาพผิวให้ดูแย่ลงไปด้วยเช่นกัน ที่สำคัญควรทานอาหารที่เต็มไปด้วยกากใยและไฟเบอร์สูง เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการขับถ่ายให้ดีมากขึ้น
  • ทาครีมกันแดดทุกครั้งเพื่อปกป้องผิวจากแสงยูวี โดยให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง อย่าง mesoprotech melan 130 pigment control by mesoestetic ผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดที่มีค่า SPF50+ โดยสามารถปกป้องได้ทั้งรังสี UVA และ UVB มีประสิทธิภาพในการช่วยลดเลือนและป้องกันการเกิดจุดด่างดำและความหมองคล้ำของผิว ด้วยเนื้อสัมผัสที่บางเบา เนื้อกันแดดสีเบจ ช่วยปิดจุดด่างดำได้อย่างเป็นธรรมชาติ ประกอบไปด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระในรังสีอินฟาเรดและแสงสีฟ้าที่มากระทบผิว พร้อมด้วย Azeloglicina ( Azelaic acid) ที่ช่วยป้องกันรอยหมองคลํ้าหรือจุดด่างดํา ที่มีสาเหตุมาจากแสงแดด และSunflower seed oil (NMF) ที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นผิวตามธรรมชาติ    
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะเมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ช่วงเวลาที่นอนหลับผิวจะได้รับการฟื้นฟูและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอให้มีความแข็งแรงมากขึ้นด้วย
  • ไม่ใช้เวลากับจอมือถือหรือคอมพิวเตอร์นานจนเกินไป เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อตาทำงานหนักมากเกินไป เกิดการหดเกร็ง จนทำให้เกิดริ้วรอยขึ้นได้ และทุกครั้งที่ใช้อุปกรณ์เหล่านี้ให้ปรับแสงให้มีความสว่างน้อยลงและเหมาะสมกับการใช้งาน
  • หลีกเลี่ยงมลภาวะ เช่น ฝุ่นละออง ควันรถ สารเคมีต่างๆ เพราะสิ่งเล่านี้อาจทำให้ผิวหนังรอบดวงตาเกิดการระคายเคือง นำไปสู่ความหย่อนคล้อยตามมานั่นเอง
  • เลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
    เนื่องจากในบุหรี่มีสารพิษที่ทำให้ผิวคล้ำเหลือง แห้งกร้าน ทั้งยังไปรบกวนกระบวนการซ่อมแซมตัวเองของเซลล์ผิวหนัง นำไปสู่ปัญหาเรื่องริ้วรอยและรอยตีนกาได้
  • ทำใจให้สงบ ให้อารมณ์สดชื่น แจ่มใส ไม่เครียดจนเกินไป
  • ไม่ควรสัมผัสรุนแรงในบริเวณผิวรอบดวงตา ไม่ว่าจะเป็นการขยี้ตาหรือถูตาบ่อยๆ การเช็ดเครื่องสำอางรอบดวงตาแรงๆ เพราะจะทำให้เกิดริ้วรอยได้โดยง่าย

แน่นอนว่าเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น “รอยตีนกา” เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ไม่ง่ายนัก แต่สามารถดูแล รักษาและป้องกันผิวพรรณรอบดวงตาตั้งแต่เนิ่นๆได้ ไม่ว่าจะเป็นการทาครีม การพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อใช้วิธีหัตถการทางการแพทย์เข้ามาช่วย รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตระหว่างวันที่สามารถกระตุ้นให้เกิดรอยตีนกาหรือร่องลึกรอบดวงตา ก็จะช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิวในบริเวณดังกล่าวได้  จบปัญหาริ้วรอยพร้อมคืนดวงตาคู่สวยสดใสให้กลับมาอีกครั้ง