“หน้าเด็ก” นี่คือคำพูดที่เราทั้งหลายอยากได้ยินและอยากจะมีผิวที่สดใส นุ่มเด้งเหมือนเด็กอีกครั้ง ดังนั้นผลิตภัณฑ์ทั้งหลายจึงมุ่งผลิตออกมาเพื่อตอบโจทย์กับทุกสภาพผิวในการดูแลผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ และหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายก็คือ “เซรั่ม” อาจจะด้วยเนื้อสัมผัสที่บางเบา ซึมเข้าผิวได้ง่ายๆ ให้ความรู้สึกที่สบายผิว ไม่หนักหน้า ยิ่งถ้าสามารถทำให้หน้าเต่งตึงแลดูเด็กลงได้ก็ยิ่งถูกใจยิ่งนัก วันนี้เราจะมาเรียนรู้จักเซรั่มไปพร้อมๆกัน พร้อมคำแนะนำในการใช้ รวมถึงการดูแลสภาพผิวโดยรวมให้ดูสุขภาพดีแบบปลอดภัยและยั่งยืน
เซรั่มคืออะไร
เซรั่ม (Serum) เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีโครงสร้างโมเลกุลขนาดเล็กมาก ทำให้มีลักษณะเนื้อบางเบากว่าครีมหรือโลชั่น โดยจะมีความเข้มข้นของสารบำรุงหรือที่เรียกว่าสารออกฤทธิ์สำคัญ (Active Ingredients) สูงกว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวประเภทอื่นๆ จึงสามารถช่วยในการฟื้นฟูและบำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง โดยใช้เพียงปริมาณเล็กน้อย แต่คงคุณภาพได้ดี ซึ่งเนื้อของเซรั่มจะมีตั้งแต่ที่เป็นของเหลวเป็นน้ำไปจนถึงกึ่งของเหลว ส่วนสีและความใสของเนื้อเซรั่มจะแตกต่างกันไปตามส่วนผสมที่บรรจุลงไป
การทำงานของเซรั่ม
เนื่องด้วยเซรั่มมีโครงสร้างโมเลกุลขนาดเล็ก ทำให้เนื้อเซรั่มสามารถซึมเข้าสู่เซลล์ผิวในระดับโครงสร้างผิวได้อย่างรวดเร็วและล้ำลึก สามารถส่งผ่านสารบำรุงเข้าสู่ชั้นผิวได้อย่างทรงประสิทธิภาพ เมื่อใช้ควบคู่กับผลิตภัณฑ์บำรุงตัวอื่นๆ อีกทั้งเซรั่มยังสามารถพาพวกครีมบำรุงต่างๆลงไปสู่ชั้นผิวได้ดี เนื่องจากเนื้อสัมผัสที่บางเบา ทำให้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการซึมเข้าสู่ชั้นผิว สามารถแก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด ตามส่วนผสมของสารสกัดที่ถูกบรรจุอยู่ในเซรั่ม
ความแตกต่างระหว่างเซรั่มและครีมบำรุงผิว
ทั้งเซรั่มและครีม ล้วนแต่เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้าที่มีสรรพคุณในการบำรุงผิว แต่มีความแตกต่างกัน ดังต่อไปนี้
เซรั่ม (Serum)
เซรั่มมีลักษณะที่โดดเด่นหลายประการ เช่น
- เน้นการบำรุงและการฟื้นฟูปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด เนื่องจากเนื้อเซรั่มถูกออกแบบมาให้สามารถซึมลงสู่ผิวได้ดีจึงสามารถจัดการกับปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด ตามส่วนผสมที่ใส่ลงไปในเซรั่มแต่ละชนิด
- เนื่องจากเซรั่มมีความเข้มข้นมาก ทำให้เห็นผลได้ชัดเจนแม้ใช้ในปริมาณน้อย
- ด้วยเนื้อเซรั่มที่บางเบา สามารถซึมลึกลงสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ลดปัญหาฝุ่นละอองจับที่ใบหน้าและอุดตันรูขุมขน ช่วยลดโอกาสในการเกิดสิว
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงเมื่อใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชนิดอื่นๆ เนื่องจากเนื้อเซรั่มมีความบางเบาจึงไม่กีดกันผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชนิดอื่นๆ ทั้งยังช่วยนำพาให้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นซึมลงสู่ผิวได้ดีมากยิ่งขึ้น
เนื่องจากความเข้มข้นของเซรั่ม อาจจะก่อให้เกิดการระคายเคืองในบางราย ดังนั้นก่อนใช้แนะนำให้ทดสอบด้วยการลองทาเนื้อเซรั่มลงในบริเวณที่บอบบางอย่างใต้ท้องแขน เพื่อสังเกตอาการ หากมีอาการคันหรือเป็นผื่นแดง แสดงว่าแพ้เซรั่มตัวดังกล่าว กรณีเช่นนี้ให้งดใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
ประเภทของเซรั่ม
โดยปกติเซรั่มจะแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ตามส่วนผสมที่ใส่ลงไป เพื่อการดูแลและแก้ไขปัญหาผิวเฉพาะจุด ดังต่อไปนี้
- เซรั่มที่ช่วยกระชับรูขุมขน (Pore Tightening Serum)
- เซรั่มที่ช่วยป้องกันสิวและลดรอยดำจากสิว (Anti-Acne Serum)
- เซรั่มลดเลือนริ้วรอย (Anti-Aging Serum)
- เซรั่มที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลบเลือนจุดด่างดำ (Skin-Brightening Serum)
- เซรั่มที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นรักษาผิวแห้งจากภายใน (Hydrating Serum)
- เซรั่มที่ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวแบบองค์รวม (Renewing Serum)
- เซรั่มที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว (Exfoliating Serum)
ครีม (Cream)
“ครีม” เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนประกอบของน้ำและน้ำมัน โดยผ่านกระบวนการที่ผสมผสานรวมกันจนเกิดเป็นเนื้อครีมข้น เนื้อสัมผัสแน่น สีส่วนใหญ่ค่อนข้างขุ่น แต่จะแตกต่างกันไปตามส่วนผสมและสารสกัดที่ใส่ในเนื้อครีม เพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้ที่หลากหลาย โดยเป้าหมายหลักของครีมทุกประเภทคือ เน้นการบำรุง ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว เมื่อทาลงไปบนผิว ครีมจะยังไม่ซึมทันที อาจจะต้องใช้เวลาเกลี่ยเนื้อครีมสักพัก ก่อนถูกดูดซึมเข้าไปในผิวหนัง ซึ่งคุณสมบัติของครีมโดยทั่วไป มีดังต่อไปนี้
- ให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีเนื้อสัมผัสที่ข้น
- ทำหน้าที่เป็นตัวเคลือบผิว ไม่ให้ผิวสูญเสียน้ำ
- ส่วนใหญ่มีราคาที่ถูกกว่าเซรั่ม เนื่องจากมีความเข้มข้นของสารสกัดที่น้อยกว่า
เพื่อตอบโจทย์ในการบำรุง ควรเลือกครีมบำรุงให้เหมาะกับสภาพผิวหน้า สำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง ครีมจะสามารถให้ความชุ่มชื้นได้มากกว่า ส่วนผู้ที่มีผิวมัน ให้เลือกเนื้อครีมบำรุงที่มีความเบาบาง เพื่อไม่ให้เกิดการอุดตันและนำไปสู่ปัญหาสิวตามมา และถ้าจะกล่าวโดยสรุป จะพบความแตกต่างระหว่างเซรั่มและครีมบำรุงผิว คือ
- เซรั่ม เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาผิวเฉพาะจุด
- ครีม เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
การเลือกเซรั่มให้เหมาะกับสภาพผิว
หลักการสำคัญสูงสุดในการเลือกเซรั่ม เพื่อการแก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด และให้คุณประโยชน์สูงสุดเพื่อการบำรุงผิว คือจะต้องเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวที่แตกต่างกัน ดังนี้
- ผิวมัน
ผิวมัน เกิดจากการมีน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้าค่อนข้างมาก ดังนั้นควรเลือกเซรั่มที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน เพราะนอกจากจะทำให้หน้ามันมากขึ้นแล้ว ยังเพิ่มโอกาสเกิดการอุดตันและทำให้เกิดสิวตามมาได้ - ผิวแห้ง
ปัญหาส่วนใหญ่ของผู้ที่มีผิวหน้าแห้งคือมีอาการหน้าลอก เป็นขุย ดังนั้นควรเลือกเซรั่มที่มีส่วนผสมของวิตามินบำรุงผิว เช่นวิตามินอี หรือสารสกัดที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว และควรเพิ่มขั้นตอนในการทามอยซ์เจอไรเซอร์ ให้ผิวมีความอิ่มน้ำเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน - ผิวธรรมดา
ถึงแม้ว่าผิวธรรมดาจะดูคล้ายกับว่าเป็นผิวที่มีความสมดุล แต่อาจมีปัญหาอื่นๆตามมาได้ เช่น ปัญหาริ้วรอย และร่องลึกบนผิว ดังนั้นจึงควรเลือกใช้เซรั่มที่เน้นการแก้ปัญหาเฉพาะจุด เช่น หากมีปัญหาเรื่องริ้วรอย ให้เลือกเซรั่มที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ และคอลลาเจน เพื่อยกกระชับผิวให้เต่งตึง และสามารถเติมเต็มร่องลึกบนผิวได้
วิธีทาเซรั่มให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
เพื่อการบำรุงลึกถึงชั้นผิว มีวิธีการทาเซรั่มอย่างถูกวิธี เพื่อให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า ดังต่อไปนี้
- ทำความสะอาดผิวให้สะอาดหมดจด
ขั้นตอนแรกที่ละเลยไม่ได้ คือการทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด เพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่ค้างอยู่บนผิวหน้า ไม่ว่าจะเป็นคราบเครื่องสำอาง เหงื่อไคล ครีมกันแดด หรือมลภาวะต่างๆ เพื่อป้องกันการอุดตันภายในรูขุมขน นอกจากนั้นการทำความสะอาดผิวหน้ายังช่วยทำให้รูขุมขนเปิดรับโมเลกุลเซรั่มขนาดเล็ก ทำให้ซึมซาบลงสู่ชั้นผิวได้ดีมากขึ้นด้วย ซึ่งในการล้างหน้า ควรทำอย่างเบามือ เลี่ยงการถูหน้าแรงจนเกินไป เพราะอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ - หลังล้างหน้า แนะนำให้ใช้โทนเนอร์เช็ดผิวตามอีกครั้ง เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป
- ลงพรีเซรั่ม (Pre Serum) คือสกินแคร์ที่ใช้ก่อนลงเซรั่ม โดยปกติมีหน้าที่เป็นตัวนำพาสารบำรุงต่างๆ เข้าสู่ผิว
- ทาเซรั่มในขณะที่ผิวกำลังชุ่มชื้น
จากผลการศึกษาพบว่า การทาเซรั่มในขณะที่ผิวกำลังชุ่มชื้น ทำให้ผิวสามารถดูดซึมเซรั่มได้ดีกว่าผิวแห้งได้มากถึง 10 เท่า ดังนั้นควรทาเซรั่มหลังอาบน้ำหรือหลังจากที่เช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์ทันที - ใช้เซรั่มประมาณ 2-3 หยด
เนื่องจากเซรั่มมีโมเลกุลขนาดเล็กและมีสารบำรุงที่เข้มข้นสูงมาก ดังนั้นจึงสามารถใช้เซรั่มเพียง 2-3 หยดเท่าเมล็ดถั่วก็นับว่าพอเพียงต่อการบำรุงทั่วใบหน้าแล้ว โดยให้ใช้นิ้วเกลี่ยเนื้อเซรั่มให้กระจายออกไปทั่วใบหน้า และสามารถลงเซรั่มในตำแหน่งต่างๆที่สำคัญบนใบหน้าได้ เช่น หน้าผาก แก้มทั้งสองข้าง เป็นต้น แต่ไม่แนะนำให้นำดรอปเปอร์หยดลงบนผิวหน้าโดยตรง เพราะอาจจะมีน้ำมันหรือสิ่งสกปรกติดและสะสมอยู่บนปลายดรอปเปอร์และกระจายลงไปในเนื้อเซรั่มที่อยู่ในขวด ดังนั้น เพื่อลดโอกาสที่สิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรคเข้าไปในขวดเซรั่ม แนะนำให้หยดเซรั่มลงบนฝ่ามือก่อน แล้วจึงนำไปทาที่ใบหน้า - ใช้ผลิตภัณฑ์อื่นๆหลังลงเซรั่มต่อได้ทันที
หากต้องการบำรุงผิวด้วยสกินแคร์หลายประเภท แนะนำให้ลงเซรั่มก่อนเป็นอันดับแรก เนื่องจากเนื้อเซรั่มมีความบางเบามากกว่าสกินแคร์ประเภทอื่น และหลังจากใช้เซรั่มแล้วผิวของคนเราจะยังคงความชุ่มชื้นอยู่ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมผลิตภัณฑ์อื่นๆได้ดีขึ้นด้วย แต่การลงผลิตภัณฑ์อื่นๆที่เนื้อหนักกว่าก่อนเซรั่ม จะทำให้ผิวถูกอุดเคลือบไว้ ส่งผลให้เซรั่มไม่สามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดีเท่าที่ควร
เซรั่มหน้าเด็ก by mesoestetic
การดูแลรักษาผิวหน้าให้คงสภาพความอ่อนเยาว์ เป็นสิ่งที่จำต้องทำเมื่ออายุเริ่มมากขึ้น เพราะนั่นหมายถึงความร่วงโรยแห่งวัยกำลังมาเยือน mesoestetic เข้าใจดี จึงได้มีการคิดค้นและพัฒนาสูตรของผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยชะลอความเสื่อมถอยของผิว ทำให้ผิวดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติเมื่อใช้ควบคู่กันและใช้อย่างต่อเนื่อง
antiaging flash ampoules
ด้วยเนื้อเซรั่มเข้มข้น ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยป้องกันและลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย ภายใต้แนวคิด “Youth protector with anti-fatigue effect” ช่วยปรับสภาพผิวที่เหนื่อยล้า ให้กลับมามีชีวิตชีวา สดใส กระชับขึ้นได้อีกครั้ง พร้อมทั้งช่วยลดริ้วรอย รอยย่น รอยยับของผิวที่เกิดจากการนอนหรือการแสดงสีหน้า และยังช่วยคงความอ่อนเยาว์ให้ผิวดูสดใส เปล่งปลั่งสุขภาพดีอีกด้วย ด้วยคุณค่าของคอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในชั้นผิวหนังแท้ มีคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มความเต่งตึงและความยืดหยุ่นให้กับผิว รวมถึง silk tree extract สารสกัดจากเปลือกต้น silk tree ที่มีฤทธิ์ช่วยซ่อมแซม ฟื้นฟู และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทั้งยังช่วยลดเลือนริ้วรอยที่มองเห็นได้ชัดให้ดูตื้นขึ้นได้อีกด้วย ที่สำคัญมี phyto peptides ซึ่งเป็นเปปไทด์จากพืชธรรมชาติ ช่วยฟื้นฟูผิวที่เหนื่อยล้า ให้มีชีวิตชีวา ยกกระชับขึ้นทันที พร้อมลดเลือนริ้วรอยให้ดูจางลงได้อย่างเห็นผลชัดเจนอีกด้วย เหมาะมากสำหรับผู้ที่ต้องการกู้ผิวหน้าที่หย่อนคล้อยจากความร่วงโรยแห่งวัย สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวมีอายุ ให้หน้ากลับมาสดใสเป็นเด็กได้อีกครั้ง
Collagen 360° – essence by mesoestetic
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์จาก mesoestetic ที่ช่วยในการยกกระชับผิวหน้าให้ดูเด็กลงคือ Collagen 360° – essence ที่มาในรูปแบบของเซรั่ม ที่ช่วยปรับสภาพผิว ทำให้ริ้วรอยแลดูจางลง ผิวมีความยืดหยุ่น แลดูสุขภาพดี มีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยเนื้อสัมผัสที่บางเบา ซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้อย่างรวดเร็ว รู้สึกเนียนนุ่มทันทีหลังใช้ โดยมีส่วนผสมที่สำคัญเกรดพรีเมี่ยมที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นสำหรับผิว อย่าง Enriched marine collagen โดยประกอบด้วยกรดอะมิโนที่จําเป็นสําหรับผิว ซึ่งมีส่วนช่วยส่งเสริมในกระบวนการคงสภาพให้ยาวนานขึ้นของคอลลาเจนที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม มีความยืดหยุ่น และตึงกระชับ นอกจากนั้นยังมี Chronosmart peptide ที่ช่วยส่งเสริมกระบวนการปกป้องผิวตามธรรมชาติ พร้อมกระบวนการฟื้นบํารุงผิวที่เสื่อมสภาพให้กลับมามีสุขภาพดีได้อีกครั้ง ทั้งยังช่วยลดเรือนริ้วรอย ทำให้ผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอด้วยPeptide complex อุดมไปด้วยMethylsilanol Hydroxyproline Aspartate ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ช่วยส่งเสริมกระบวนการคงสภาพของคอลลาเจน และอีลาสตินตามธรรมชาติในผิว ส่งผลให้ริ้วรอยดูจางลง ผิวแลดูยกกระชับ และยืดหยุ่น นอกจากนั้นยังมี Niacinamide วิตามินบี 3 ที่เป็นสารแอนติออกซิแดนท์ประสิทธิภาพสูง ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอย ทำให้หน้าดูเด็กกว่าวัย
“เซรั่ม” หนึ่งในทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการหันมาเอาใจใส่ดูแลผิวพรรณให้ดูเด็ก ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่สามารถซึมซาบลงสู่ชั้นผิวได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังเป็นตัวกลางที่ทำให้ครีมบำรุงผิวอื่นๆสามารถเข้าสู่ผิวหนังได้ง่ายขึ้นอีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในการเลือกใช้เซรั่ม ควรเลือกใช้ตามสภาพผิวและเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาผิวพรรณ เพื่อจะได้ตอบโจทย์ในการใช้งานและเพื่อผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจตามมาด้วยเช่นกัน