“ได้เวลาโบกมือลา ฝ้า หนาเตอะ และปัญหาจุดด่างดำแบบถาวร ด้วยการรักษาอย่างเข้าใจ”
เคยสงสัยกันบ้างหรือเปล่าคะ ว่าทำไมครีมรักษา ฝ้า ที่อยู่ในท้องตลาด หรือแม้ตัวที่คุณกำลังใช้อยู่ ไม่ได้ทำให้ฝ้าและจุดด่างดำหายหรือดูจางลงเลย อาจจะเป็นไปได้ว่าครีมดังกล่าว ไม่ได้มีส่วนผสมของสารสำคัญที่มีสรรพคุณที่เฉพาะเจาะจงในการรักษาฝ้าโดยเฉพาะ ไม่ได้ออกฤทธิ์จากระดับลึกถึงต้นตอของปัญหาอย่างแท้จริง และที่ร้ายแรงยิ่งกว่าครีมรักษาฝ้าหลายยี่ห้อที่มีทั่วไปในปัจจุบัน ยังมีส่วนผสมของสารอันตรายที่ทำให้ผิวหน้าเกิดการระคายเคืองและทำให้หน้าพังในระยะยาวและยากแก่การรักษาอีกด้วย
“ฝ้า”
คำสั้นๆ ที่พูดขึ้นมากี่ครั้งก็เจ็บจี๊ดไปถึงทรวง ปัญหาที่ได้ขโมยเอาความมั่นใจของใครหลายๆคนให้หายไปพร้อมกับพวกปื้นสีน้ำตาลที่ปรากฏอยู่ที่บริเวณโหนกแก้มทั้งสองข้าง หน้าผาก ขมับ เหนือริมฝีปากหรือจมูก จนแทบมองไม่เห็นความหวังที่จะฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมาสดใสได้เหมือนเดิมอีก และยิ่งปล่อยทิ้งเอาไว้นาน ไม่ทำการรักษาหรือรักษาไม่ถูกวิธี ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสเสี่ยงทำให้หน้าพังยับเยินจนยากแก่การรักษาอีกด้วย แท้จริงแล้วพวกรอยดำจากฝ้าเหล่านี้มาจากไหนกันนะ?
โดยปกติในร่างกายของคนเราจะมีเซลล์เม็ดสีหรือที่เรียกว่าเมลานิน (Melanin Pigment) โดยมีหน้าที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสีอัลตราไวโอเล็ต (UV) ที่มาพร้อมกับแสงแดด แต่ถ้าหากเซลล์เม็ดสีทำงานผิดปกติ บวกกับการถูกกระตุ้นจากมลพิษ มลภาวะ ฝุ่นละออง ความร้อน ความเครียด หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็จะทำให้เซลล์เม็ดสีที่อยู่ในชั้นใต้ผิวทำงานผิดปกติ และนั่นคือที่มาของการเกิดฝ้า (Melasma, Chloasma) หรือจุดด่างดำทั้งหลายขึ้นบนใบหน้า จากสถิติของสถาบันโรคผิวหนัง พบว่ามีผู้ที่เป็นฝ้าร้อยละ 2.5 ของผู้ป่วยนอก พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายในสัดส่วน 12:1 พบมากในสตรีวัยกลางคน ที่มีอายุประมาณ 30-40 ปี เรียกได้ว่าฝ้าเป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคน ทุกเชื้อชาติ ทุกภาษา และพบได้บ่อยในผู้ที่มีผิวคล้ำ อย่างเช่น คนเอเชีย, Hispanics รวมถึงกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีแสงแดดจัด และคุณล่ะ? กำลังถูกฝ้าคุกคามอยู่หรือเปล่า?
ฝ้า แบบไหน..หายยากที่สุด?
ก่อนรักษาฝ้า ต้องมาดูกันก่อนว่าฝ้าเจ้าปัญหาที่คุณเป็นอยู่มีลักษณะแบบไหน อาการเป็นยังไง เข้าข่ายโคม่าไหม? โดยปกติ ฝ้าจะมีหลายประเภท หลายระดับความรุนแรง
ถ้าแบ่งฝ้าตามลักษณะอาการที่ปรากฏ ก็จะแบ่งได้เป็น 4 ประเภท
- ฝ้าตื้น (Epidermal Type) เป็นฝ้าที่เกิดขึ้นบริเวณผิวชั้นนอก มีขอบเขตชัดเจน มองเห็นได้ง่าย เป็นผื่นสีน้ำตาลเข้ม หากได้รับการรักษาอย่างถูกต้องแต่เนิ่นๆก็จะไม่เสี่ยงต่อการเกิดฝ้าหนาๆในระยะยาว
- ฝ้าลึก (Dermal Type) เป็นฝ้าที่มักเกิดขึ้นในบริเวณชั้นหนังแท้ ขอบไม่ชัดเจน มีลักษณะเป็นผื่นสีน้ำตาลผสมสีเทาเข้มหรือสีม่วงอมน้ำเงิน รักษายาก
- ฝ้าผสม (Indeterminate Type) เป็นลักษณะของฝ้าที่พบได้มากที่สุด โดยมีทั้งฝ้าระดับตื้นและระดับลึกผสมกัน
- ฝ้าที่ระบุชนิดไม่ได้ ส่วนใหญ่มักจะพบฝ้าประเภทนี้ในกลุ่มคนที่มีสีผิวเข้มมาก เช่น ชาวแอฟริกา เป็นต้น
ถ้าหากแบ่งประเภทของฝ้าตามที่มาหรือสาเหตุ ก็จะแบ่งออกเป็น..
- ฝ้าแดด เป็นฝ้าที่มีสาเหตุหลักมาจากการที่ผิวหน้าสัมผัสกับความร้อนจากรังสีอัลตร้าไวโอเลต แสงไฟ แสงจากจอคอมพิวเตอร์และมือถือมากจนเกินไปเป็นระยะเวลาที่ต่อเนื่องยาวนาน โดยขาดการปกป้องดูแลผิว ซึ่งจะทำให้เซลล์เม็ดสีทำงานหนักขึ้น จนทำให้เกิดรอยหรือปื้นสีน้ำตาลคล้ำ ดำ แดง หรือเทาอมม่วง
- ฝ้าเลือด เป็นฝ้าที่เกิดจากความผิดปกติของระบบฮอร์โมน จึงทำให้ผิวไวต่อแสงและถ้ายิ่งถูกกระตุ้นด้วยความร้อนหรือแสงแดดเป็นเวลานานก็จะยิ่งทำให้เกิดอาการแดงมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากการที่เส้นเลือดที่บริเวณใบหน้ามีปัญหาหรือเกิดการเสื่อมสภาพ ทำให้ไม่สามารถกักเก็บเลือดเอาไว้ได้ ส่งผลให้เลือดซึมออกมาในบริเวณชั้นผิวหนังได้อีกด้วย
“รักษาฝ้ามานาน..ทำไมไม่หายสักที”
แค่มีจุดดำๆ เป็นปื้นๆบนใบหน้าก็เชื่อว่าหลายคนก็คงเครียดมากพอแล้ว แต่ที่สร้างความกังวลใจมากยิ่งกว่านั้นคือการพยายามรักษามาทุกวิถีทาง แต่ยิ่งรักษายิ่งแย่ ยิ่งรักษาหน้าก็ยิ่งพัง เสียเงินค่ารักษามาหลักหมื่นหลักแสน แต่สุดท้ายฝากเอาไว้แต่รอยดำ รอยไหม้ให้ดูต่างหน้า รักษาฝ้ามาตั้งนาน ทำไมไม่หายสักที?
- ไม่เข้าใจสาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้า ก่อนรักษาฝ้า เราจำเป็นที่จะต้องรู้ว่าปื้นสีดำบนหน้าของเรานั้น เกิดขึ้นมาจากสาเหตุอะไร แน่นอนว่าสาเหตุใหญ่ๆมาจากความร้อนจากรังสีอัลตร้าไวโอเล็ตที่แสงแดด รวมถึงแสงจากจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือ บางคนเกิดจากระบบฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ที่สามารถไปกระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสี ทำให้เกิดการสร้างเม็ดสีเพิ่มมากขึ้นได้ รวมถึงการใช้ยาปรับฮอร์โมนหรือยาคุมกำเนิด เช่นยากันชัก ประเภท Diphenylhydantoin หรือ Mesantoin ซึ่งเป็นตัวยาที่ไวต่อแสง (Photo Toxic) ส่งผลทำให้ฝ้าเข้มขึ้นมากกว่าเดิมได้ และอีกหลายกรณี เช่น การใช้ครีมหรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารอันตราย จากพันธุกรรม ที่มีคนในครอบครัวเป็นฝ้า นอกจากนั้นยังรวมถึงการมีความเครียดสะสม พักผ่อนน้อย ดื่มน้ำน้อย และเกี่ยวข้องกับช่วงอายุที่เพิ่มมากขึ้น การเข้าใจถึงสาเหตุและที่มาของการเกิดฝ้า จะทำให้เราสามารถเลี่ยงปัจจัยเหล่านั้นได้ พร้อมทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาให้ดีมากขึ้น
- ใจร้อน อยากรีบหาย เมื่อเป็นฝ้า เชื่อว่าหลายคนคงจะรีบสรรหาสารพัดวิธีให้ฝ้าจางลงหรือหายไปเลยก็ยิ่งดี การหายาครีมทาฝ้ามาใช้เองแบบไม่มีที่มา หลงเชื่อคำโฆษณาว่าหายไว หายจริง ภายใน 3 วัน 7 วัน อยากรีบหายจนลืมคำนึงถึงความปลอดภัย มารู้ตัวอีกทีหน้าพังจนเกินเยียวยา หรือบางคนมีเงินหน่อยก็เทคคอร์สทำเลเซอร์ แต่ถ้าหากใช้ประเภทของเลเซอร์ไม่เหมาะสม เลือกทำที่คลิกนิกที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ได้ทำกับแพทย์เฉพาะทาง ไม่มีการประเมินสภาพผิวหน้าก่อนทำ สุดท้ายนอกจากฝ้าจะไม่หายแล้ว ยังจะยิ่งเพิ่มระดับความเข้มของฝ้ามากขึ้น และได้ของแถมเป็นหน้าบาง ผิวไวต่อแสงและเพิ่มการระคายเคืองให้กับผิวหน้าตามมาได้
- ขาดการบำรุงผิวอย่างต่อเนื่อง หลังจากการรักษาไม่ว่าจะเป็นการใช้ครีมที่แรงหรือการเลเซอร์แล้ว ยังต้องมีการบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้นและเสริมเกราะปกป้องผิวให้แข็งแรงขึ้นด้วย เพราะฝ้าที่เป็นรอยดำ มักมาพร้อมกับผิวหนังที่เป็นผื่นแผ่นหนา ถ้าหากไม่มีการบำรุงผิวอย่างต่อเนื่อง หรือทำให้ผิวบริเวณนั้นอ่อนนุ่มลง โอกาสที่รอยดำจะหายก็ดูเลือนรางมาก หรือแม้แต่การทำเลเซอร์ ก็จะต้องมีการบำรุงผิวให้แข็งแรงและชุ่มชื้นทั้งก่อนและหลังทำ เพราะเป็นการช่วยเสริมให้การรักษาดีขึ้น ลดโอกาสที่ผิวจะแดง ไหม้หรือไวต่อแสงมากเกินไป
- ไม่ทาครีมกันแดด หากรักษามาทุกวิถีทางทั้งหมดแล้ว แต่ไม่ทาครีมกันแดดก็เปล่าประโยชน์ หลายคนเลือกที่จะทาครีมกันแดดเฉพาะในวันที่ต้องออกบ้านหรือช่วงเวลาที่จะต้องเผชิญหน้ากับแดดจัดๆ แต่ความจริงคือ รังสียูวีอยู่กับเราได้ทุกที่ รวมถึงแสงสีฟ้าทั้งหลาย ทั้งจากคอมพิวเตอร์หรือมือถือ ดังนั้น สำหรับใครที่ไม่ชอบทาครีมกันแดดต้องเปลี่ยนใจกันแล้ว เพราะนอกจากผิวจะไม่ได้รับการปกป้องแล้ว ยังทำให้ฝ้ายิ่งชัดขึ้นและฝังลึกได้มากขึ้นด้วย
- ไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้รักษาฝ้ามานานแต่ไม่หายสักที คือการไม่ยอมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเดิมๆของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นความเครียดหรือการพักผ่อนไม่เพียงพอก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ทำให้การทำงานของระบบเหงื่อในร่างกายเสื่อมลง เมื่อของเสียไม่ได้ถูกขับออกมา จึงส่งผลให้ไตทำงานหนัก เกิดปัญหาผิวตามมาได้ง่ายๆ นอกจากนั้น ยังรวมไปถึงการที่ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอและการดื่มน้ำในปริมาณน้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เป็นต้น
“ครีมรักษาฝ้า..สะดวก ประหยัด รักษาฝ้าได้ด้วยตัวเอง”
ทำไมครีมรักษาฝ้าจึงได้รับความนิยมในปัจจุบัน? ก็เนื่องด้วยเหตุผลสำคัญคือมีราคาที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับการรักษาในแบบอื่นๆ ทั้งยังสะดวก ง่ายต่อการใช้ และที่สำคัญครีมรักษาฝ้าก็ตอบโจทย์มากๆในระยะยาว และได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งความหวังของการรักษาฝ้าสำหรับใครหลายคน คำถามต่อมาก็คือว่า แล้วครีมรักษาฝ้าแบบไหนที่ใช้แล้วหายจริง?
- ช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสีและการลำเลียงเม็ดสีได้จริงหรือเปล่า? อย่างแรกเลยที่คนรักษาฝ้าจะต้องเข้าใจคือ ในร่างกายของคนเรามีโรงงานผลิตเม็ดสีที่เรียกว่า “เมลาโนไซด์” อยู่กันทุกคน ซึ่งหน้าที่หลักของเซลล์ตัวนี้ก็คือการสร้างถุงเม็ดสีหรือที่เรียกกันง่ายๆว่า”เมลานิน” ซึ่งเจ้าตัวเมนลานินจะถูกกระตุ้นให้ผลิตเม็ดสีเพิ่มมากขึ้นจากตัวกระตุ้นต่างๆทั้งแสงแดด ความร้อนหรือแม้แต่ฮอร์โมนในร่างกาย และจะมีการสะสมตัวของเม็ดสีเพิ่มมากขึ้นที่ชั้นผิว ทำให้เกิดเป็นฝ้ากระ จุดด่างดำ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมใช้ครีมรักษาฝ้ามาตั้งนานแล้วไม่เห็นผลสักที นั่นก็เป็นเพราะว่า ครีมเหล่านั้น รักษาปัญหาฝ้าแค่ที่ปลายเหตุ ออกฤทธิ์แค่ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกด้านบนเท่านั้น แต่ไม่ได้เข้าไปหยุดยั้งกระบวนการทำงานของโรงงานผลิตเม็ดสีในร่างกาย จึงไม่ได้ช่วยให้ฝ้าจางหายหรือเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
- ความสามารถในการผลัดเซลล์ผิวในครีมรักษาฝ้าจำเป็นแค่ไหน? อายุที่เพิ่มมากขึ้น แสงแดด มลภาวะต่างๆ ทำให้เซลล์ผิวชั้นนอกมีการสะสมตัวมากขึ้น ทำให้ผิวหมองคล้ำ หยาบกร้าน เกิดฝ้าและจุดด่างดำ และเกิดปัญหาผิวอื่นๆตามมาได้ ที่สำคัญครีมซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้ยากอีกด้วย นั่นคือความจำเป็นที่จะต้องมีการผลัดเซลล์ผิวเกิดขึ้น ซึ่งสามารถทำได้โดยการขัดผิว แต่ผลเสียคือเกิดการระคายเคืองได้ง่าย หรืออีกหนึ่งทางเลือกคือการทาครีมที่มีส่วนผสมของสารผลัดเซลล์ผิว โดยมีส่วนผสมของสารที่เป็นกรดที่มีความเข้มข้นสูงแต่ปลอดภัยอย่าง AHA (Alpha hydroxy acid), BHA (Beta hydroxy acid) และ PHA (Poly hydroxy acid) ที่ไม่เพียงช่วยผลัดเซลล์ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ไม่ทำให้เกิดการอุดตันและการระคายเคืองอีกด้วย
- มีสารอันตรายเป็นส่วนผสมในครีมทาฝ้าหรือไม่? ทุกวันนี้ กระแสครีมตลาดมาแรง มีแบรนด์มากมายเกิดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด อีกทั้งครีมเถื่อนที่ถูกผลิตออกมาแบบที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา เป็นครีมที่ใส่สารที่ทำให้หน้าขาวอย่างสารไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) สารปรอท (Mercury) สารสเตียรอยด์ (Steroids) สารตะกั่ว (Lead) รวมถึงพาราเบน (Paraben) ที่สามารถทำให้ผิวขาวใสขึ้นได้ใน 5 วัน 7 วัน แต่หลังจากนั้นก็จะมีอาการที่เรียกว่าหน้าติดสาร คือสิวจะเริ่มผุดขึ้นมาแทบทุกอณูของรูขุมขน ผิวแพ้ง่าย หน้าดำคล้ำ หรือผื่นผุดขึ้นมาแบบรัวๆ เข้าใจง่ายๆคือผิวเริ่มมีปัญหาเกิดขึ้น เป็นอาการที่เรียกร้องหาสารเคมีตัวที่อยู่ในครีมในปริมาณที่มากขึ้น ถ้าหยุดใช้คือเตรียมรับมือกับความพังพินาศของผิวกันได้เลย
- ส่วนผสมที่อยู่ในครีมทาฝ้ามีสรรพคุณที่ช่วยรักษาได้จริงหรือไม่? นอกจากจะมั่นใจได้ว่า ครีมรักษาฝ้าที่ใช้แล้วหายจริงจะไม่มีสารอันตรายเป็นส่วนผสมแล้ว ยังต้องพิจารณากันด้วยว่าครีมรักษาฝ้าที่ใช้แล้วหายจริง จะต้องมีส่วนผสมที่มีคุณสมบัติในการรักษาฝ้าโดยตรง มีคุณภาพในปริมาณที่ได้มาตรฐาน ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและไม่เป็นอันตรายต่อผิว ไม่ว่าจะเป็น กรดโคจิก(Kojic Acid) ที่สามารถช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิวตั้งแต่ระดับเซลล์เมลาโนไซต์ในชั้นล่างสุดของผิวหนังชั้นบน แถมยังช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย, อัลฟ่า อาร์บูติน (Alpha Arbutin) เป็นสารสำคัญจากพืชที่มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิวในร่างกายของคนเราได้โดยตรง, Vitamin B3 (วิตามิน บี 3) ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการลดเลือนจุดด่างดำจากฝ้า พร้อมช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ, Ectoin (Extremolytes) กรดอะมิโนที่ช่วยสร้างความแข็งแรงให้แก่ผิว พร้อมปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายจากรังสียูวี ไม่เพียงเท่านั้นยังช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้ยาวนานมากขึ้นด้วย, Squalane (สควาเลน) ช่วยปกป้องผิว แสริมเกราะป้องกันผิว ช่วยเคลือบผิว ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ, Bisabolol มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งและลดการระคายเคืองของผิวหนัง ปลอบประโลมผิวให้ผ่อนคลาย เพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว ทำให้ผิวกระจ่างสว่างใสมากขึ้น
- มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับหรือไม่? แม้ในปัจจุบันจะมีแบรนด์ต่างๆเกิดขึ้นมามากมาย แต่สิ่งที่น่าสังเกตคือหลายแบรนด์มาแล้วก็หายไประยะเวลาสั้นๆ ในขณะที่อีกหลายแบรนด์ดังก็ยังอยู่ต่อมาได้เรื่อยๆ แล้วแบรนด์เหล่านั้นเขามีอะไรดีล่ะ? ผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่น จนทำให้เกิดความเชื่อมั่น ได้รับการยอมรับ และทำให้เกิดความจงรักภักดีต่อผลิตภัณฑ์หรือตัวแบรนด์เอง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องคุณภาพหรือประสิทธิภาพในการรักษา รวมถึงผลลัพธ์ที่คุ้มค่า ตอบโจทย์กับการแก้ปัญหาฝ้า จุดด่างดำอย่างได้ผล จึงทำให้เกิดการใช้และบอกต่อ และยิ่งเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกด้วยแล้วล่ะก็ ก็ยิ่งเป็นสิ่งที่การันตีและตอกย้ำความมีคุณภาพของแบรนด์นั้นๆ
- เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีงานวิจัยรับรองได้หรือไม่? โดยส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์ประเภทครีมหรือเครื่องสำอางที่ได้มาตรฐาน มักจะมีการวิจัยหรือการทดลองต่างๆมารองรับ ทั้งยังได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังทั้งจากในและต่างประเทศ ก็จะเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันถึงประสิทธิภาพในการรักษาได้ดีมากยิ่งขึ้น
- พิจารณาการรีวิวจากลูกค้าที่ใช้จริง ทุกวันนี้มีการใช้อินฟลูเอนเซอร์(Influencer) ดารา นักแสดงหรือผู้ที่มีชื่อเสียงมาใช้โปรโมทสินค้าหรือบริการกันอย่างมากมาย เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้คนให้มาเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น แต่แท้จริงแล้ว รีวิวที่น่าเชื่อถือรีวิวจากลูกค้าธรรมดาทั่วไปที่ใช้เอง ใช้จริง การรีวิวรายวันที่เห็นแต่ละช่วงเวลาของการรักษา พร้อมบอกเล่าสิ่งที่จะเกิดขึ้น กระบวนการที่จะเกิดขึ้นเมื่อใช้ครีมตัวนั้นๆด้วยอย่างจริงใจ ว่าจะมีอาการอย่างไร ลูกค้าท่านอื่นๆก็จะสัมผัสได้ว่านี่คือรีวิวที่แท้จริง
สิ่งหนึ่งที่ผู้รักษาฝ้าจะต้องเข้าใจคือ การกระบวนการรักษา จะต้องอาศัยเวลา เนื่องจากสภาพผิวหน้าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อาการฝ้าของแต่ละคนก็มีระดับความรุนแรงที่แตกต่างกัน แต่สิ่งสำคัญคือการใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผิวหรือปัญหาผิวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น
กำลังมองหาครีมรักษา ฝ้า ที่เห็นผลอยู่รึเปล่า?
ทุกวันนี้มีครีมรักษาฝ้ามากมายที่ต่างเคลมถึงคุณสมบัติที่มีผลต่อทั้งในการเยียวยารักษาและฟื้นฟูสภาพผิวหน้าให้กลับมาสดใสไร้ฝ้า จุดด่างดำได้อีกครั้ง วันนี้เราขอนำเสนอผลิตภัณฑ์รักษาฝ้า cosmelan ที่ได้มาตราฐาน มีงานวิจัยรองรับ และได้รับการรีวิวต่างๆมากมาย
ครีมรักษา ฝ้า cosmelan ยี่ห้อ mesoestetic
cosmelan จากแบรนด์ mesoestetic เป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากประเทศสเปน เป็นครีมรักษาฝ้าในระดับ Medical Grade ที่มีการศึกษาวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องยาวนานมากว่า 38 ปี เพื่อการรักษาฝ้า จุดด่างดำโดยเฉพาะ จำหน่ายไปแล้วมากกว่า 1 ล้านชุด มากกว่า 90 ประเทศทั่วโลก ซึ่งได้มีการการศึกษาในหลอดทดลอง (Vitro Study): % ของการสังเคราะห์เมลานิน (เม็ดสีผิว) ทดลองด้วยการเพาะเลี้ยงเชื้อด้วยสารออกฤทธิ์ cosmelan นาน 48 ชั่วโมง วิเคราะห์ผลลัพธ์ด้วยเทคนิค Spectrophotometric Determination โดย mesoestetic Pharma Group 2014 พบว่าครีมรักษาฝ้าที่ใช้แล้วหายจริงอย่าง cosmelan สามารถกำจัดจุดด่างดำจากฝ้าที่ฝังลึกมานานหลายปีได้มากถึง 81% อีกทั้งลดการเกิดใหม่ของเม็ดสีเมลานิน ใน 48 ชั่วโมงได้อีกด้วย เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับถึงประสิทธิภาพในการรักษาฝ้ามาอย่างยาวนาน รวมถึงช่วยขจัดเม็ดสีบนผิวออกไปหรือที่เรียกว่าการผลัดเซลล์ผิว เป็นครีมรักษาฝ้าที่ใช้แล้วหายจริงโดยไม่ต้องทำเลเซอร์แต่ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าโดยได้ผสมผสานเทคโนโลยีที่ทันสมัยของ cosmelan ที่ช่วยให้คุณสามารถรักษาฝ้าได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยอย่างมืออาชีพ ซึ่งภายในเซ็ทมีผลิตภัณฑ์รักษาฝ้าแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น..
- cosmelan 1 facial mask เป็นมาส์กที่ประกอบด้วยสารสกัดหลักเกรดพรีเมี่ยมที่มีความเข้มข้นสูง ไม่ว่าจะเป็น กรดโคจิก(Kojic Acid), Azelaic Acid, Phytic Acid, Ascorbic Acid, อัลฟ่า อาร์บูติน (Alpha Arbutin) และวิตามินบี 3 ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าในบริเวณผิวชั้นนอกออกอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยยับยั้งการสร้างเมลานินในเซลล์เมลาโนไซต์ในชั้นล่างสุดของชั้นหนังกำพร้า ช่วยลดฝ้า จุดด่างดำได้ตั้งแต่จุดเริ่มต้นกันเลยทีเดียว
- cosmelan 2 maintenance cream มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิว พร้อมยับยั้งการสร้างเม็ดสี ช่วยในการลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำได้อย่างต่อเนื่อง ป้องกันรอยดำที่จะเกิดขึ้นมาใหม่และป้องกันรอยดำซ้ำ ช่วยคงไว้ซึ่งผลลัพธ์ที่ดีมากกว่าในระยะยาว ด้วยสารสกัดตัวท็อปของการรักษาฝ้า อย่างกรดโคจิก (Kojic Acid), อัลฟ่า อาร์บูติน (Alpha Arbutin), Ascorbic Acid และวิตามินบี 3 ปราศจากสารอันตรายที่ทำร้ายผิว ซึ่งผลจากการศึกษาล่าสุดพบว่า ส่วนผสมของ cosmelan นั้นมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับไฮโดรควิโนน แต่มีความปลอดภัยต่อผิวหนังมากกว่า
- melan recovery เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งพระเอกของ cosmelan เป็นบาล์มบำรุงผิวสูตรเข้มข้น ที่ช่วยปลอบประโลมผิว ช่วยฟื้นบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึกหลังจากทำทรีทเม้นท์ ช่วยลดการระคายเคือง พร้อมเป็นเกราะปกป้องผิวให้แข็งแรง ทั้งยังให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้อีกด้วย ใช้ควบคู่กับ cosmelan2 มีส่วนประกอบสำคัญคือ เอคโตอินซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ช่วยฟื้นคืนความแข็งแรงให้เกราะปกป้องผิว ,สารสกัดจากสาหร่ายสีแดง ช่วยปลอบประโลมผิวและบรรเทาอาการแดงของผิว,สควาเลน ช่วยมอบความชุ่มชื้นให้แก่ผิว เสริมเกราะปกป้องผิวให้แข็งแรงมากขึ้น, สารสกัดจากดอกคาโมมายล์ ช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองของผิว ปลอบประโลมผิวให้ผ่อนคลาย ปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ ไม่เพียงเท่านั้น ยังอุดมไปด้วย Vitamin B3 ที่มีสรรพคุณช่วยลดเลือนจุดด่างดำและช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใสมากขึ้น รวมถึง Shea butter ที่ช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม เสริมเกราะปกป้องผิวให้แข็งแรง และพรีไบโอติกที่มีส่วนช่วยปรับค่าของจุลินทรีย์บนผิวให้เกิดความสมดุล ซึ่งจะช่วยให้เกราะปกป้องผิวแข็งแรงขึ้น
- melan 130 pigment control ในทุกกระบวนการรักษาฝ้า จะต้องมาพร้อมกับการดูแลและปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะภายนอก ด้วยเหตุนี้การทาครีมกันแดดเป็นประจำจึงเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็น Melan 130 pigment control เป็นครีมกันแดดประสิทธิภาพสูงที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV (UVA & UVB)ได้อย่างอ่อนโยน มีค่า SPF สูงถึง 130 มีส่วนผสมสำคัญอย่างกรดอะเซลาอิก ที่ช่วยป้องกันรอยหมองคลํ้าหรือจุดด่างดํา ที่มีสาเหตุมาจากแสงแดด และ Sunflower seed oil (NMF) ที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นผิวตามธรรมชาติ
- degreasing solution ผลิตภัณฑ์เพื่อการทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก ที่มีคุณสมบัติช่วยขจัดน้ำมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่บนผิวหน้าได้อย่างสะอาดหมดจด หน้าสะอาดแล้ว ก็สามารถดูดซับครีมที่มีสารอาหารสำคัญเพื่อนำไปสู่ขั้นตอนการบำรุงผิวต่อไปได้
จุดเด่นของครีมรักษาฝ้า cosmelan ยี่ห้อ mesoestetic
osmelan ได้ชื่อผลิตภัณฑ์ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อรักษาปัญหาฝ้าโดยเฉพาะ มีชื่อเสียงดี ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก โดยมีรีวิวต่างๆมากมายที่ยืนยันได้ว่าเป็นครีมรักษาฝ้าที่ใช้แล้วหายจริง ทำให้ฝ้าและจุดด่างดำแลดูจางลง พร้อมปรับผิวให้สว่างใส และนี่คือเหตุผลว่าทำไม cosmelan จึงมีกระแสตอบรับที่ดี ที่ทำให้ใครหลายคนเริ่มมีความหวังอีกครั้งในการรักษาฝ้า
- เป็นครีมรักษาฝ้า ที่เน้นการรักษาตั้งแต่ต้นตอการเกิดฝ้า จนถึงกระบวนการการผลัดเซลล์ผิว ช่วยฟื้นฟู ผิวหน้าจาก ฝ้า กระ จุดด่างดำได้อย่างเห็นผลชัดเจน ที่สำคัญปลอดภัย ไม่มีสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหน้า ทำให้หน้ากระจ่างใส
- ชื่อเสียงดีทั้งในระดับประเทศและทั่วโลกให้การยอมรับ มีความน่าเชื่อถือ ทั้งจากผลการวิจัยและจากรีวิวของผู้ใช้จริงทั่วทุกมุมโลก
- ส่วนเรื่องในราคาก็พอตัว แต่ก็เรียกได้ว่าคุ้มค่า คุ้มราคา สำหรับใครที่ลองมาเยอะและเจ็บมาก็เยอะ แต่ก็ไม่หายขาดซะที จะลองอีกสักทีก็ไม่เสียหาย เปิดใจลองใช้ cosmelan บอกเลยว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า จ่ายครั้งเดียวแต่จบปัญหาฝ้าได้แบบยาวๆ
- มีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาและดูแลการใช้อย่างใกล้ชิด รวมถึงการให้รายละเอียดของอาการที่จะเกิดขึ้นหลังจากใช้ พร้อมแนะวิธีในการดูแลสภาพผิวในช่วงวลาที่รักษา เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าว่า cosmela เป็นครีมรักษาฝ้าที่ใช้แล้วหายจริง เห็นผลจริง
- นอกจากนั้นทุกการซื้อผลิตภัณฑ์ cosmelan ยังมาพร้อมกับสิทธิ์ในการติดตามผลจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังแบบเฉพาะเจาะจง เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด