สารสกัด Ruscus extract ตอบโจทย์ ผิวแพ้ง่าย ได้อย่างลงตัว

“ผิวแพ้ง่าย” เป็นหนึ่งในอาการปัญหาผิวที่มีความไวต่อสิ่งเร้าหรือปัจจัยกระตุ้นต่างๆที่อยู่รอบข้างได้ง่ายกว่าปกติ จนเกิดเป็นอาการระคายเคือง ที่แสดงออกมาเป็นตุ่มคัน เป็นสิว ผิวแห้งตึง แสบร้อน มีรอยแดง แห้งลอก หรือที่หนักกว่านั้นคือมีรอยไหม้ของผิวเกิดขึ้น โดยอาการแพ้ดังกล่าวอาจเกิดจากสารบางชนิดที่อยู่ในเครื่องสำอาง สกินแคร์บางชนิด เสื้อผ้าที่สวมใส่ น้ำ รวมถึงสภาพอากาศ ก็เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้  ซึ่งปัญหาผิวแพ้ง่ายนี้ สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในชายและหญิงและพบได้ทุกวัย

สัญญาณของ ผิวแพ้ง่าย

จะทราบได้อย่างไร ว่าผิวของเรามีความไวต่อสิ่งกระตุ้น จนทำให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย นี่คือสัญญาณที่เราสามารถสังเกตและพิจารณาได้

  • เมื่อใช้สกินแคร์ พวกครีม โลชั่นบำรุงผิว แล้วรู้สึกแสบ ผิวมีการระคายเคือง ผดผื่นเกิดขึ้นง่ายกว่าปกติ
  • ผิวมีอาการแห้ง หยาบกร้าน ลอก เป็นขุย ถึงแม้จะทาครีมบำรุงผิวหรือดื่มน้ำในปริมาณที่มาก แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น เกิดจากการที่ผิวขาดความชุ่มชื้น ซึ่งเป็นไปได้ว่ามีสาเหตุมาจากการใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของสารเร่งการผลัดเซลล์ผิว เช่น กรดไกลโคลิก เรตินอยด์ AHA หรือ BHA ในปริมาณที่มากเป็นเวลานานๆแล้วทำให้เกิดอาการแพ้
  • เมื่อสัมผัสกับแสงแดด ผิวหน้าจะมีอาการแสบร้อน คันยุบยิบ เป็นผื่น มีรอยแดง หน้าหมองคล้ำได้ง่าย หรือบางรายอาจมีอาการผิวไหม้ หรือมีผื่นที่เกิดจากการโดนแดด (polymorphic light eruption) โดยถูกกระตุ้นจากรังสียูวี
  • มีอาการแสบที่ผิว ผิวพุพองได้ง่าย เนื่องจากว่าผู้ที่มีผิวที่แพ้ง่ายนั้น มักมีปัญหาเรื่องเกราะปกป้องผิวอ่อนแอกว่าปกติ ทำให้ผิวมีความไวต่อสารประกอบที่อยู่ในสกินแคร์ เครื่องสำอาง หรือสารทำความสะอาดต่างๆได้ ทำให้เกิดการระคายเคืองตามมา
  • เมื่อได้รับความร้อน มีเหงื่อออก จะเกิดอาการคัน และเกิดผดผื่นขึ้นที่ผิวหน้าและทั่วร่างกาย
  • เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ ผิวจะแห้ง ลอก เป็นขุย คัน และมีสิวผดเกิดขึ้น
  • เมื่อได้สัมผัสกับเครื่องสำอาง สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของสารเคมีต่างๆ จำพวก แอลกอฮอล์ พาราเบน สารกันเสีย น้ำหอม และสี ผิวจะตึง แสบ และคัน
  • ผิวแดงง่าย ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นทันทีเมื่อมีการสัมผัสจากสิ่งกระตุ้น ไม่ว่าจะเป็นโฟมล้างหน้าหรือการที่หน้าของคนเราไปปะทะกับลมแรง หากมีอาการแดง ก็เป็นไปได้ว่ามีอาการแพ้ จากผื่นผิวหนังอักเสบชนิดโรซาเซีย (Rosacea) ซึ่งเป็นภาวะที่หลอดเลือดฝอยแตกบริเวณใบหน้า  ร่วมกับการมีตุ่มเล็ก ๆ ขึ้นตามคาง แก้ม และจมูก
  • มีอาการคันเนื่องจากผิวแห้ง เนื่องจากผิวบอบบางแพ้ง่าย ไม่เพียงผิวจะง่ายต่อการระคายเคืองเท่านั้น แต่ยังทำให้ผิวไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้ผิวแห้งกร้านและเกิดอาการคันตามมา

ลักษณะของสิวที่เกิดจาก ผิวแพ้ง่าย

หนึ่งในหลายอาการของผิวแพ้ง่าย คงหนีไม่พ้นเรื่องสิวๆที่สร้างปัญหาหนักใจให้ใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็นสิวอักเสบและสิวไม่อักเสบ โดยทั่วไปผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายส่วนใหญ่ มักมีสิวที่เกิดจากการอุดตันของต่อมไขมันในรูขุมขน ดังนั้นจึงพอจะพูดได้ว่าปัญหาสิวของคนที่มีผิวแพ้ง่ายจะมีลักษณะของสิวอุดตันเสียเป็นส่วนใหญ่ โดยสิวอุดตันที่พบได้บ่อยนั้นมีอยู่ 2 ประเภทคือ

  • สิวหัวดำ (Blackheads)
    สิวหัวดำ มีลักษณะเป็นสีดำ เนื่องจากออกซิเจนในอากาศได้ทำปฏิกิริยากับสิ่งอุดตันที่อยู่ในรูขุมขน ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง  แบคทีเรีย และน้ำมัน เป็นสิวอุดตันแบบหัวเปิด เป็นตุ่มเล็กๆที่ขึ้นอยู่บริเวณใบหน้า
  • สิวหัวขาว(Whiteheads)
    สิวหัวขาว เป็นสิวอุดตันหัวปิด มีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆสีขาวปรากฏบนผิวหนัง เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่อุดตันอยู่ในรูขุมขน แต่เนื่องจากรูขุมขนนั้นไม่ได้สัมผัสกับอากาศข้างนอก จึงไม่เกิดปฏิกิริยากับออกซิเจน จึงไม่กลายเป็นสีดำ แต่ถ้าหากไม่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีและถูกต้อง จากสิวอุดตันก็อาจจะกลายพันธุ์เป็นสิวอักเสบขึ้นมาได้ และแน่นอนว่าเมื่อเป็นสิวอักเสบ ก็จะกลายเป็นตุ่มหนองและพัฒนาเป็นสิวหัวช้างได้ในที่สุด

ผิวแพ้ง่าย อันตรายหรือไม่?

ปัญหาผิวแพ้ง่าย มีหลายระดับ ซึ่งแน่นอนว่าเราจะต้องหมั่นคอยสังเกตอาการของตนเอง ถ้าหากเป็นระดับที่เล็กน้อยไม่รุนแรง หายเองได้เมื่อหยุดสัมผัสกับสิ่งเร้า ก็ถือว่าไม่อันตราย แต่อาจจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต ทำให้เกิดความเครียดและเกิดความไม่มั่นใจในตัวเอง แต่ถ้าหากอาการแพ้ที่เป็นอยู่ เริ่มรุนแรงขึ้น เรื้อรังยาวนาน ควรเข้ารับคำแนะนำและรับการรักษาจากแพทย์ เพื่อความปลอดภัยและสามารถลดระดับความรุนแรงของภาวะผิวแพ้ง่ายให้ลดลงได้ด้วย

ผิวแพ้ง่าย เกิดจากอะไร?

ผิวแพ้ง่าย เกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งในส่วนที่เป็นปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ดังต่อไปนี้

ปัจจัยภายในที่ทำให้ผิวแพ้ง่าย

  • ระบบการปกป้องผิวตามธรรมชาติอ่อนแอ
    โดยปกติตามกลไกธรรมชาติ ผิวหนังชั้นบนของคนเราจะมีฟิล์มบางๆที่ประกอบด้วยน้ำ กรดไขมัน และไขมันที่มีค่า pH สมดุลอยู่ที่ประมาณ 4.25-5.75 มีค่าความเป็นกรดเล็กน้อย เรียกว่าเป็นเอนไซม์ปกป้องผิวตามธรรมชาติ  ซึ่งจะช่วยปกป้องผิวจากแบคทีเรียได้เป็นอย่างดี ทำหน้าที่เหมือนโล่กำบังที่คอยปกป้องผิวไม่ให้ปัจจัยอื่นๆภายนอกเข้ามาทำร้ายผิว ช่วยสร้างสมดุลในผิวพร้อมทั้งช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไม่ให้ผิวขาดน้ำ เป็นต้น แต่เมื่อกระบวนการทำงานของเอนไซม์ผิดปกติหรือเสียสมดุลไป ก็จะส่งผลให้ผิวอ่อนแอ เกราะปกป้องผิวไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่เหมือนเคย เมื่อมีสิ่งเร้าจากภายนอกเข้ามากระทบ จึงทำให้ผิวแพ้ง่ายและเกิดการระคายเคืองได้ง่ายขึ้น
  • ระบบฮอร์โมนในร่างกาย(Hormone)
    ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของระบบฮอร์โมนในร่างกาย เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผิวแพ้ง่ายและแสดงออกมาด้วยการเกิดสิว โดยเฉพาะฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) ซึ่งจะมีในระดับสูงช่วงวัยรุ่น โดยฮอร์โมนตัวนี้จะไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันมีขนาดใหญ่ขึ้น และเกิดการสร้างไขมันออกมามากขึ้น ทำให้เกิดการอุดตันที่รูขุมขนตามมา เช่นเดียวกันกับการแปรปรวนทางฮอร์โมนในผู้หญิงก่อนมีประจำเดือน ผิวจะระคายเคืองได้ง่ายขึ้น จะมีสิวเห่อขึ้นมาก เนื่องด้วยระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) เพิ่มสูงขึ้นนั่นเอง นอกจากนั้นการเปลี่ยนแปลงทางระบบฮฮร์โมนยังทำให้อาการปื้นแดงและความแดงของผิวแย่ลงอีกด้วย
  • ความเครียดหรืออารมณ์รุนแรง
    พบว่าการมีความเครียดหรืออารมณ์รุนแรงในหลายบุคคล สามารถเป็นหนึ่งในปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้ นั่นเป็นเพราะว่า เมื่อเราเริ่มมีอาการลุกลี้ลุกลน  ปลายประสาทใต้ผิวจะเริ่มแสดงสัญญาณของความเจ็บปวดออกมา ส่งผลให้หลอดเลือดบนใบหน้าและลำคอขยาย ทำให้หน้าแดงได้ชัด พร้อมรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าและลำคอ
  • กรรมพันธุ์
    ผิวแพ้ง่าย อาจมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ที่อาจส่งต่อมาจากภาวะของผิวหนังที่ผิดปกติ
  • อายุที่เพิ่มขึ้น
    ปัจจัยทางด้านอายุที่เพิ่มมากขึ้น ก็มีส่วนทำให้ความแข็งแรงของผิวลดลง ผิวบางลงและเกิดอาการแพ้ง่ายได้
  • โรคผิวหนังอื่นๆ เช่น
    • โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้(Atopic Dermatitis)
      เป็นโรคที่เกิดจากผิวหนังไวต่อสภาพแวดล้อมรอบตัว มีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ทั้งร้อน เย็น แห้ง ชื้น โดยไม่ได้เกิดจากการแพ้อาหารหรือสารเคมีแต่อย่างใด
    • โรคผื่นระคายสัมผัส(Irritant Contact Dermatitis)
      เป็นอาการของโรคที่มีผื่นแดงขึ้นบนผิวหนัง ผิวหนังแตก หรือคันตามผิวหนัง เมื่อมีการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้หรือสารอะไรบางอย่างในปริมาณที่มาก สะสมกันเป็นเวลานานแล้วก่อให้เกิดการระคายเคือง ทำให้เกิดอาการคันและรู้สึกไม่สบายตัว เช่นสารเคมี รังสีอัลตราไวโอเลต ความร้อน ความเย็น เป็นต้น
    • ผื่นแดงที่หน้า(Red face Syndrome)
      มีลักษณะเป็นผื่นแดงเล็กๆคล้ายผดเกิดขึ้นที่บริเวณใบหน้า อาจจะมีอาการคันหรือไม่คันร่วมด้วย ในบางรายอาจมีอาการแสบ ระคายเคือง ไวต่อเหงื่อและแสงแดด
    • โรคผิวหนังอักเสบโรซาเซีย (Rosacea)
      เป็นลักษณะอาการของโรคผิวหนังอักเสบโรซาเซีย (Rosacea) เป็นการอักเสบที่เรื้อรัง มีลักษณะเป็นผื่นแดง มีตุ่มหนอง ตุ่มนูนแดง  และมีร่างแหของหลอดเลือดฝอย มีอาการแสบคัน หน้าบวม ผิวหนังนูนหนา มักเกิดบริเวณจมูก แก้ม คาง และหน้าผาก
    • ผื่นแพ้สัมผัส
      เป็นการอักเสบของผิวที่เกิดจากสิ่งกระตุ้นภายนอก ไม่ว่าจะเป็นจากสารเคมีบางชนิดที่เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางแล้วทำให้เกิดผื่นแพ้ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ใน 2-3 วัน หลังจากสัมผัสสิ่งกระตุ้น
    • ลมพิษจากการสัมผัส
      ลมพิษลักษณะนี้จะมีลักษณะเป็นรอยบวมและแดงที่ผิวหนัง มักจะเกิดขึ้นทันทีหลังจากมีการสัมผัสกับสิ่งกระตุ้นหรือสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้
    • Aquagenic Pruritus 
      เป็นลักษณะอาการของโรคผิวหนังที่มีอาการคันหลังอาบน้ำ เกิดขึ้นได้ทั้งการอาบน้ำเย็น น้ำอุ่นหรือน้ำในอุณหภูมิปกติ
    • Cutaneous Mastocytoses 
      เป็นภาวะผิดปกติที่ชั้นผิวหนังมีแมสท์เซลล์ (Mast Cells) ในปริมาณมาก ซึ่งเซลล์ชนิดนี้จะปล่อยสารฮิสทามีน (Histamine) ที่สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้เมื่อมีสารก่อภูมิแพ้เข้ามาในร่างกาย ทำให้มีผื่นแดงหรือผิวหนังบวม
    • คาร์ซินอยด์ซินโดรม (Carcinoid Syndrome)
      เป็นกลุ่มอาการของโรคมะเร็งคาร์ซินอยด์ ที่ผู้ป่วยมักมีผิวหนังแดง ที่เกิดจากเส้นเลือดฝอยขยายตัว มักมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น ท้องเสีย ปวดท้อง หายใจมีเสียงหวีด ความดันโลหิตต่ำ เป็นต้น
    • ผิวแห้ง
      ผิวหนังแห้ง อาจเป็นไปได้ว่ามีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ การรับประทานยาบางขนาน สภาพอากาศที่แห้ง ผลข้างเคียงจากโรคบางชนิด หรือมีการล้างชำระผิวบ่อยเกินไป สามารถทำให้ผิวแห้ง เกิดอาการระคายเคือง แพ้ง่าย ในบางรายอาจมีอาการคันร่วมด้วย

ปัจจัยภายนอกที่ทำให้ผิวแพ้ง่าย

ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลทำให้ผิวแพ้ง่าย ได้แก่

  • สภาพอากาศ
    โดยทั่วไปอากาศเย็นจัดและมีความชื้นต่ำ จะส่งผลให้หลอดเลือดในผิวหนังหดตัวลง ผิวหนังขาดความชุ่มชื้น ทำให้เกิดภาวะผิวแห้งหรือขาดน้ำ ทำให้ผิวระคายเคืองและแพ้ง่ายได้
  • การรักษาทางการแพทย์บางประเภทส่งผลให้ผิวเกิดการแพ้ง่าย
    เช่น เรดิโอเธราปี หรือการใช้ยาปฏิชีวนะบางชนิด ทำให้ผิวไวต่อการสัมผัส ทั้งยังเป็นการทำลายแบคทีเรียสำคัญบนผิว ทำให้ผิวไม่ได้รับการปกป้องเท่าที่ควรก็เป็นได้
  • มลภาวะเป็นพิษ
    ฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือสิ่งสกปรกทั้งหลายที่อยู่ในอากาศ สามารถส่งผลกระทบต่อผิวได้ ทำให้ผิวมีอาการแสบคัน เป็นผื่นแดง ทั้งยังสามารถทำให้เกราะปกป้องผิวอ่อนแอลงและทำให้ผิวแพ้ง่ายได้ด้วย
  • ใช้สกินแคร์ที่ไม่เหมาะกับผิว
    การเลือกใช้ครีมที่ไม่เหมาะกับสภาพผิวเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวเกิดอาการแพ้และระคายเคืองได้โดยง่าย เนื่องจากผลิตภัณฑ์บางตัวอาจมีส่วนผสมของสารที่ทำให้ผิวแห้งตึงจนเกินไป ขจัดไขมันที่สำคัญในการปกป้องชั้นผิวออกไป ทำให้ผิวเสียสมดุล พร้อมทั้งทำลายเอ็นไซม์ที่จำเป็นต่อผิว ทำให้ผิวอ่อนแอลง นอกจากนั้น การใช้สกินแคร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน มีสารอันตรายปนเปื้อน ทำให้เกราะปกป้องผิวถูกทำลาย ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและแพ้ได้ง่ายเช่นกัน
  • การขัดผิวมากเกินไป
    รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เร่งการผลัดเซลล์ผิวบ่อยเกินไป เช่นกรดไกลโคลิก, เรตินอยด์, AHA หรือ BHA เป็นต้น สามารถทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและแพ้ง่ายได้
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด การสูบบุหรี่ ล้วนส่งผลให้เกิดอาการแพ้ง่ายของผิวหนังขึ้นได้
  • การสวมใส่หน้ากากอนามัยเป็นประจำตลอดทั้งวัน ทำให้ผิวเกิดการเสียดสี มีการระคายเคืองและแพ้ได้ง่าย
  • การแพ้สายรระคายเคืองต่างๆจากผลิตภัณฑ์ล้างทำความสะอาด เช่น สบู่ ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำหอม เป็นต้น
  • อาหารบางชนิด ได้แก่ นม ไข่ ถั่ว อาหารทะเล ซึ่งพบว่าอาจเกิดขึ้นกับผู้ป่วยบางรายที่มีการแพ้อาหารประเภทดังกล่าว
  • ผลข้างเคียงจากการรักษา
    ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาในการรักษา หรือการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ อย่างเช่นเลเซอร์ ก็ล้วนมีส่วนทำให้ผิวบางลงและไวต่อการระคายเคืองได้
ผิวแพ้ง่าย

การดูแลผิวแพ้ง่าย

ในการดูแลผิวบอบบาง นอกจากจะต้องหาสาเหตุและที่มาที่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ง่ายและเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่ทำให้ผิวแพ้ง่ายแล้ว มีหลักการสำคัญในการดูแลผิวในลักษณะดังกล่าว ดังนี้

  • ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด
    โดยการใช้น้ำในอุณหภูมิปกติล้างหน้า ไม่แนะนำให้ใช้น้ำร้อนหรืออุ่น เพราะจะเป็นการชะล้างไขมันที่จำเป็นออกจากชั้นผิวมากจนเกินไป นอกจากนั้น ไม่ควรล้างหน้าบ่อยๆ แค่เช้า เย็นก็พอ ส่วนผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการทำความสะอาดผิวหน้า ควรเลือกสูตรอ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่ายและผิวที่บอบบางโดยเฉพาะ ที่สำคัญควรงดการสครับผิวและไม่ควรเช็ดหน้าแรงๆ เพื่อป้องกันการเสียดสีบนผิวหน้า ซึ่งจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับผิวที่บอบบาง แพ้ง่ายเท่านั้น
    หรือถ้าจะกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือจะต้องมีการเสริมเกราะปกป้องผิวให้แข็งแรงมากขึ้น เพื่อช่วยลดการระคายเคืองให้กับผิว เราขอแนะนำ COUPEREND CREAM  จาก  mesoestetic ที่ได้ชื่อว่าเป็น Sensitive skins solution  ทางออกของปัญหาผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ โดยเฉพาะผิวที่มีอาการแดง อักเสบจากเส้นเลือดที่เปราะบาง ขาดความแข็งแรง มีรอยแดงเป็นปื้น รวมถึงผู้ที่ผิวมีแนวโน้มเป็นโรคผิวหนังอักเสบโรซาเซีย (Rosacea) นอกจากนั้นแล้ว COUPEREND CREAM ยังสามารถช่วยเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ช่วยบรรเทาอาการแดงที่เกิดจากการระคายเคือง ช่วยปลอบประโลมผิว ทั้งยังมีส่วนช่วยส่งเสริมความแข็งแรงของหลอดเลือด เพื่อป้องกันการเกิด Telangiectasia หรือที่เรียกว่าภาวะเส้นเลือดฝอยในผิวโป่งและแตกออกมาจาทำให้เห็นรอยเส้นเลือดในบริเวณผิวหนังส่วนนั้น โดยเป็นครีมที่สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวที่บอบบาง แพ้ง่าย ผิวที่อ่อนแอ ผิวที่มีอาการแดง อักเสบ มีความเปราะบางของเส้นเลือด ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบและทำให้เกิดรอยแดงได้โดยง่าย โดยเป็นการผสานส่วนผสมที่สำคัญ ซึ่งล้วนเป็นสารสกัดเกรดพรีเมี่ยมเพื่อการฟื้นฟูและดูแลสภาพผิวบอบบาง แพ้ง่ายอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นPrebiotic(heptapeptide-4) ซึ่งเป็นเปปไทด์ที่เป็นอาหารของแบคทีเรียชนิดดี ที่ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์บนผิวหนัง ทั้งช่วยเสริมสร้างระบบการป้องกันของผิวหนัง และช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงมากขึ้น ,Tetrapeptide-2 เป็นสารแอนติออกซิแดนท์ที่ช่วยปกป้องผิวจากสารอนุมูลอิสระจากสิ่งแวดล้อมภายนอก แสงแดด รวมถึงมลภาวะต่างๆ ,Extract of Centella asiatica
    ช่วยฟื้นบำรุงผิวที่อ่อนแอ ให้ความชุ่มชื้นพร้อมทั้งปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆที่ทำให้เกิดการระคายเคือง,Naringenin chalcone ช่วยปลอบประโลมผิวและช่วยปกป้องผิวจากสิ่งแวดล้อมภายนอก ที่เป็นสาเหตุทำให้ผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย ,Squalane เป็นสารอาหารบำรุงผิว ทำให้ผิวเรียบเนียน เสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง และดูสุขภาพดี ,Panthenol (pro-vitamin B5) ช่วยปลอบประโลมผิว พร้อมทั้งช่วยปกป้องผิวจากอาการระคายเคือง รวมถึงสารสกัดจากพืชธรรมชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Melilotus extract  ที่ช่วยปลอบประโลมและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว , Myrtillus extract ช่วยปกป้องผิวจากสารอนุมูลอิสระ , Hesperidina ช่วยปลอบประโลมผิว  เพื่อลดการระคายเคืองของผิว ,Aescin  ช่วยลดรอยแดงที่เกิดจากการอักเสบของผิว และหนึ่งในสารสกัดที่อยากพูดถึงอีกตัวหนึ่งก็คือ Ruscus extract(Ruscus aculeatus root extract) ซึ่งเป็นสารสกัดจากรากของต้น Butcher’s Broom ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ที่พบได้ในประเทศอิหร่าน เป็นที่รู้จักกันมานานกว่า 2,000 ปี  เป็นพืชที่มีอยู่หลายสายพันธุ์ มีลักษณะเป็นไม้พุ่มยืนต้น มีลำต้นและใบที่แข็ง ที่จุดกึ่งกลางของใบจะมีดอกสีเขียวอมชมพูเล็กๆ มักจะผลิบานในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิและกลายเป็นผลเบอร์รี่สีแดงในฤดูใบไม้ร่วง ลักษณะพิเศษทางกายภาพของพืชชนิดนี้คือผลจะติดกับใบ ทำให้ดูเป็นพืชที่ดูแปลกตามาก Ruscus มีองค์ประกอบทางเคมีที่น่าสนใจ จนถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในการผลิตยาและผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหลายชนิด โดยมีไขมัน โปรตีน และน้ำตาลซูโครส มีวิตามินของกลุ่ม PP และ C  มีเส้นใยพืช รวมถึงแมกนีเซี่ยม โพแทสเซียม แมงกานีส ฟอสฟอรัส โครเมียม และธาตุที่มีประโยชน์อื่นๆ Ruscus รู้จักกันดีและถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในยาแผนโบราณ โดยช่วยรักษา อาการกำเริบของโรคริดสีดวงทวาร ,ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดระหว่างรอบเดือน, ช่วยทำให้ผนังหลอดเลือดและหลอดเลือดตีบตันและแข็งแรงขึ้น,ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของเส้นเลือดฝอย ,ช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อ ,ช่วยให้ระบบการเผาผลาญในระดับเซลล์เป็นปกติ ,ช่วยกำจัดสารพิษออกจากมวลกล้ามเนื้อ,ทำให้เลือดไหลเวียนเป็นปกติ,เป็นยาระบาย ลดการอักเสบและลดการก่อตัวของลิ่มเลือด เป็นต้น ด้วยสรรพคุณที่มากมายของ Ruscus ทำให้ปัจจุบันได้ถูกนำมาเป็นสารสกัด Ruscus extract เพื่อใช้ในวงการความงามและเครื่องสำอาง ที่ต่อสู่กับพวกเซลลูไลท์ใต้ผิว รวมถึงผิวเปลือกส้มทั้งหลาย และนำมาใช้ผสมในผลิตภัณฑ์สกินแคร์เพื่อผิวที่บอบบางและแพ้ง่ายเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและเสริมเกราะปกป้องผิวจากสิ่งแวดล้อมภายนอกที่ทำให้ผิวแดงอย่างเช่น COUPEREND CREAM จาก mesoestetic ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้
  • เลือกรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
    อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ก็คืออาหารจำพวกพืชผัก ผลไม้ ที่มีฤทธิ์ในการต้านสารอนุมูลอิสระเพื่อสร้างภูมิต้านทานและเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงขึ้น ทั้งยังช่วยสร้างคอลลาเจนให้กับผิวของคนเราได้ด้วย โดยให้รับประทานหลากสี หลายชนิดสลับกันไป
  • รับประทานวิตามินบำรุงผิว
    การรับประทานวิตามิน เป็นขั้นตอนการบำรุงผิวจากภายในสู่ภายนอก ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี (Vitamin C), วิตามินบีรวม (Vitamin B Complex), ซิงค์ (Zinc), Grape Seed, Lycopene, CoQ10, Astaxanthin เป็นต้น แต่ก่อนที่จะเลือกทานวิตามิน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ ว่าวิตามินแต่ละตัวสามารถตอบโจทย์ในเรื่องใดได้บ้าง  ทานคู่กับตัวไหนได้ ตัวไหนไม่ได้ เพื่อความปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ของผิวกระจ่างใสอย่างชัดเจน
  • ไม่ควรขัดผิวอย่างรุนแรง
    การสครับหรือขัดผิวอย่างรุนแรงสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ง่ายขึ้น และทำให้เกิดรอยแผลเป็นขึ้นได้ เนื่องจากจะทำให้ผิวบางลง อักเสบ แห้งลอก และไวต่อแสงแดดหรือสิ่งเร้า
  • อย่าใช้ผลิตภัณฑ์หลายตัวผสมปนเปกัน
    การใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทสกินแคร์หลายตัวในเวลาเดียวกัน สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ เกิดการระคายเคืองและเสี่ยงต่อการอุดตันของผิวได้ ดังนั้นควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนต่อสภาพผิวที่บอบบางและแพ้ง่ายอย่างแท้จริง
  • หมั่นทำความสะอาดสิ่งของที่ต้องใช้สัมผัสกับผิวหน้าเป็นประจำ สม่ำเสมอ
    อย่างเช่น พวกอุปกรณ์แต่งหน้า แปรงแต่งหน้า ผ้าเช็ดหน้า ปลอกหมอน เป็นต้น เนื่องจากอุปกรณ์ เครื่องใช้เหล่านี้อาจจะมีการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย ที่ทำให้อาการแพ้กำเริบ รวมถึงมีอาการระคายเคือง และทำให้เกิดสิวได้
  • พยายามใช้เครื่องสำอางให้น้อยที่สุด
    และควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่า ไม่ก่อให้เกิดสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ
  • ปกป้องผิวจากแสงแดดหรืออากาศที่ร้อนจัด
    เนื่องจากผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย อาจจะทำให้อาการแพ้รุนแรงขึ้นเมื่อได้สัมผัสกับแสงแดดหรือความร้อน ดังนั้น ควรมีการทาครีมกันแดดที่มีค่าการปกป้องที่สูงก่อนออกแดดทุกครั้งอย่างน้อย 30 นาที เพื่อป้องกันผิว ไม่ให้เกิดอาการแพ้ได้ง่ายๆ
  • ดูแลตัวเองขั้นพื้นฐาน
    การดูแลตัวเองขึ้นพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียดจนเกินไป ออกกำลังกาย การดื่มน้ำให้พอเหมาะต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน และการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ก็จะสามารถสร้างเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติให้แข็งแรงขึ้นได้

“ผิวแพ้ง่าย” เป็นผิวที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เพราะง่ายต่อการระคายเคืองและไวต่อสิ่งเร้าจากปัจจัยภายนอกมากกว่าผิวปกติทั่วไป  ที่สำคัญคือจะต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์สำหรับสภาพผิวที่บอบบางและแพ้ง่าย เพื่อเพิ่มเกราะความแข็งแรงให้กับชั้นผิวมากขึ้น ทั้งยังต้องมีส่วนผสมของสารสกัดสำคัญที่ช่วยในการปกป้องผิว ปลอบประโลมผิว และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวอย่าง COUPEREND CREAM จาก mesoestetic  ที่ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาสำหรับผิวที่เซ็นซิทีฟและแพ้ง่ายโดยเฉพาะ