รักษาสมดุลให้ ผิวแพ้ง่าย ด้วยสารสกัดจากเมล็ดพืช Tephrosia Purpurea

“ผิวแพ้ง่าย” อีกหนึ่งสัญญาณปัญหาผิวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความสมดุลของผิว รวมถึงเกราะปกป้องผิวที่ต้องการการดูแลอย่างถูกต้องและเหมาะสม เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้เกิดปัญหาผิวอื่นๆตามมาอีกมากมาย และยิ่งจะสร้างความหนักใจเพิ่มมากขึ้นไปอีก ซึ่งแน่นอนว่า เราจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจให้รู้ถ่องแท้ถึงสาเหตุของการแพ้ เพื่อที่จะนำไปสู่การักษาที่ถูกต้องอย่างตรงจุดต่อไป อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆเพื่อการดูแลและฟื้นฟูสภาพผิวให้ดีมากยิ่งขึ้นด้วย เพื่อผิวที่แข็งแรงและมีสุขภาพดี

แบบไหนที่เรียกว่า ผิวแพ้ง่าย?

ผิวแพ้ง่าย (sensitive skin) เป็นลักษณะของผิวที่มีความไวต่อสิ่งแวดล้อมภายนอกหรือสิ่งเร้าทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอก แล้วเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง เช่น มีอาการคัน เกิดผื่นแดง มีตุ่มนูน แสบ หรือผิวลอก ผิวไหม้ หรือถ้าพูดแบบเข้าใจง่ายคือผิวเกิดการระคายเคืองนั่นเอง

ลักษณะอาการของ ผิวแพ้ง่าย เป็นแบบไหนกัน?

อาการระคายเคืองจากการใช้ผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งตัวใดแล้วมีอาการแพ้เกิดขึ้น เนื่องจากอาจจะมีการแพ้สารเคมีหรือส่วนผสมบางตัวที่อยู่ในผลิตภัณฑ์นั้นๆ กับการที่เป็นคนที่ผิวบอบบางแพ้ง่ายนั้นมีความแตกต่างกัน กล่าวคือแนวโน้มของคนที่ผิวแพ้ง่ายนั้น สามารถแพ้ได้ทุกอย่าง เมื่อมีสิ่งเร้าเข้ามากระตุ้น แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเรามีผิวที่บอบบางแพ้ง่าย มีวิธีสังเกตมาฝากกัน ดังนี้

  • เมื่อได้สัมผัสกับสิ่งเร้าหรือสิ่งกระตุ้น ผิวมักจะมีอาการแดงได้ง่าย
    ไม่ว่าจะเป็นเพียงแค่โดนลมประทะหน้าหรือใช้โฟมล้างหน้าแล้วเกิดการระคายเคืองได้แล้ว  ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าเป็นหนึ่งในอาการของผื่นผิวหนังอักเสบชนิดที่เรียกว่าโรซาเซีย (Rosacea) ซึ่งเป็นภาวะที่หลอดเลือดฝอยที่บริเวณใบหน้าแตก นอกจากนั้นยังมีตุ่มเล็กๆขึ้นขึ้นตามคาง แก้ม และจมูก
  • มีอาการแสบที่ผิว และผิวเกิดอาการพุพองได้ง่าย
    เนื่องจากผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่ายนั้นมักมีเกราะปกป้องผิว(skin barrier) ที่อ่อนแอกว่าปกติทั่วไป ซึ่งอาจทำให้ผิวหนังมีความไวต่อสิ่งเร้าได้โดยง่าย และอาจเกิดการระคายเคืองได้ง่ายเช่นกัน เมื่อสัมผัสหรือใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ
  • ผิวลอก เป็นขุย และคันในบางราย
    การที่ผิวมีอาการดังกล่าว ก็เนื่องจากว่าผิวหนังขาดความชุ่มชื้น ซึ่งอาจเกิดจากการไม่ได้ดูแลผิวอย่างดีและถูกต้อง รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารเร่งการผลัดเซลล์ผิว เช่น กรดไกลโคลิก เรตินอยด์ AHA หรือ BHA ในปริมาณที่มาก สะสมเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน และส่งผลให้ผิวแห้งกร้าน เกิดการระคายเคืองและมีอาการคันตามมา

ทำไมผิวแพ้ง่าย?

การที่ผิวแพ้ง่าย มีต้นตอมาจากหลายสาเหตุ  ทั้งในส่วนที่เป็นปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน ซึ่งมีรายละเอียดสำคัญดังต่อไปนี้

ปัจจัยภายใน

  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น
    อายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้โครงสร้างผิวและเกราะปกป้องผิวอ่อนแอลง ทำให้ผิวบางและเกิดการระคายเคืองได้ง่ายขึ้น
  • การเปลี่ยนแปลงของระบบฮอร์โมน
    โดยเฉพาะในผู้หญิง ในช่วงก่อนมีประจำเดือนหรือกำลังมีรอบเดือน ผิวมักจะแพ้ง่ายและไวต่อสิ่งเร้ามากกว่าปกติ ส่วนในผู้ชายมักพบว่ามีระดับฮอร์โมน Androgen ที่สูงขึ้น ส่งผลให้ต่อมไขมันมีการผลิตไขมันออกมามากกว่าปกติ ทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวขึ้นตามมาได้
  • กรรมพันธุ์
    โดยปกติผู้ที่มีญาติหรือคนในครอบครัวมีผิวที่แพ้ง่าย มีผิวมัน บอบบาง โอกาสที่ผิวจะแพ้ง่ายด้วย ก็มีมากกว่าคนปกติทั่วไป
  • การรับประทานยาบางชนิด
    ยาบางชนิดสามารถส่งผลกระทบทำให้ผิวอ่อนแอ แพ้ง่ายและเกิดการระคายเคืองได้ง่ายด้วย อาทิเช่น เช่น เรดิโอเธราปี และ ยาปฏิชีวนะ เป็นต้น
  • การรับประทานอาหารบางชนิด
    โดยเฉพาะอาหารหวาน มัน ของทอด อาหารที่มีแป้งหรือน้ำตาลมากจนเกินไป อาจส่งผลให้เกิดสิวอักเสบและผิวหนังแพ้ง่ายตามมาได้ รวมถึงอาหารประเภทนม ไข่ ถั่ว อาหารทะเล บางรายอาจมีอาการแพ้และส่งผลออกมาทางผิวหนัง เป็นต้น
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิต
    ไม่ว่าจะเป็น การพักผ่อนไม่เพียงพอ ขาดการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ความเครียด ความไม่สมดุลทางอารมณ์ การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำหรือการสูบบุหรี่ ล้วนต่อส่งผลเสียต่อสภาพผิวทั้งสิ้น

ปัจจัยภายนอก

  • สิ่งแวดล้อมภายนอก
    ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ อุณหภูมิ ความร้อนจากรังสีอัลต้าไวโอเล็ต รวมถึงฝุ่นควัน มลพิษ มลภาวะต่างๆ ก็ล้วนแต่มีส่วนทำให้ผิวอ่อนแอ และเกิดการระคายเคืองได้โดยง่ายทั้งนั้น
  • การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว
    การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะกับสภาพผิวที่บอบบางและแพ้ง่าย ทำให้เกิดการระคายเคืองที่เกิดขึ้นตามมา รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ที่ผสมสารต้องห้าม สารอันตรายเข้าไป อาจจะเห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็วทันใจ แต่การทำลายในระดับลึกถึงโครงสร้างและเกราะปกป้องผิวก็มีมากขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งนั่น ทำให้ผิวเกิดการะคายเคืองที่รุนแรง ทำให้ผิวแพ้ง่าย และเกิดผลข้างเคียงในระยะยาวอื่นๆตามมาด้วย
  • ผลข้างเคียงจากการรักษา
    ไม่ว่าจะเป็นการรักษาโรคหรือการทำหัตถการเพื่อความงาม ที่จะต้องรับประทานยาหรือการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างเช่น เลเซอร์ ก็ล้วนแต่ส่งผลข้างเคียงทำให้ผิวแห้ง ผิวบอบบางและทำให้เกิดการระคายเคืองขึ้นได้
  • ผิวขาดเซราไมด์ (Ceramide)
    เซราไมด์ (Ceramide) เป็นกรดไขมัน ที่ร่างกายของคนเราสามารถผลิตขึ้นได้เองตามธรรมชาติ โดยมีหน้าที่สำคัญคือช่วยปกป้องผิวชั้นนอก ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นของผิว ช่วยปกป้องผิวจากอาการแพ้และจากมลพิษ มลภาวะต่างๆ แต่เมื่อต้องเผชิญกับแสงแดดหรือมลภาวะอยู่บ่อยๆ ก็อาจทำให้ผิวหนังเกิดการสูญเสียเซราไมด์(Ceramide) หรือแม้แต่การการใช้ผลิตภัณฑ์ในการชะล้างทำความสะอาดต่างๆที่มีฤทธิ์เป็นด่าง ก็อาจจะล้างเซราไมด์ตามธรรมชาติไปได้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผิวเริ่มอ่อนแอและขาดความแข็งแรง ทำให้เกิดอาการแพ้ง่ายตามมา
  • การขัดผิวมากเกินไป
    การขัดผิว การสครับผิว หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารกัดกร่อนหรือเร่งการผลัดเซลล์ผิวบ่อยและมากเกินไป สามารถทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้โดยง่าย ไม่ว่าจะเป็น กรดไกลโคลิก, เรตินอยด์, AHA หรือ BHA  เป็นต้น

โรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของผิวหนังที่ทำให้ ผิวแพ้ง่าย

  • ผิวหนังอักเสบ
    ผิวหนังอักเสบ เป็นภาวะของผิวที่มีอาการคันหรือเกิดผื่นแดงที่บริเวณผิวหนัง ส่งผลให้เกราะปกป้องผิวมีความอ่อนแอลง ทำให้ผิวบางจนเกิดการระคายเคืองและไวต่อสิ่งเร้าหรือสิ่งกระตุ้นภายนอกได้ง่ายขึ้น
  • ผื่นระคายสัมผัส
    เป็นลักษณะอาการของผิวหนังอักเสบ ที่อาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยทางด้านสิ่งแวดล้อมหรือมีการสัมผัสกับสารเคมีที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองในปริมาณที่มากเป็นเวลานาน ทำให้ผิวแห้งแตก เกิดผื่นแดง และคันตามผิวหนัง
  • ผื่นแพ้สัมผัส
    เป็นอีกหนึ่งลักษณะอาการของผิวอักเสบคล้ายๆกับผื่นระคายสัมผัส แต่ไม่ได้เกิดขึ้นในทันที อาจเป็นไปได้ว่าอาการอาจปรากฏภายใน2-3 วัน หลังจากสัมผัสสิ่งกระตุ้นภายนอกร่างกาย
  • ลมพิษจากการสัมผัส
    อาการลมพิษในลักษณะนี้มักมีรอยบวมและแดงที่ผิวหนัง และมักจะเกิดขึ้นทันทีเมื่อได้สัมผัสกับสิ่งกระตุ้นหรือสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้
  • ผื่นผิวหนังอักเสบชนิดโรซาเซีย 
    ผื่นผิวหนังชนิดนี้เกิดจากหลอดเลือดฝอยบริเวณใบหน้าแตก ทำให้หน้าแดง บวม แพ้ง่าย ในบางรายมีตุ่มคล้ายสิวเกิดขึ้น มักเกิดหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการดูแลผิวหน้าและเครื่องสำอางชนิดเดิมๆติดต่อกันมายาวนาน
  • Aquagenic Pruritus 
    เป็นหนึ่งในลักษณะของโรคผิวหนัง ที่ทำให้เกิดอาการคันหลังอาบน้ำ
  • ผิวแห้ง
    ผิวแห้งสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากกรมพันธุ์ การรับประทานยา ผลกระทบจากโรคบางอย่าง อากาศแห้ง หรือการชำระผิวที่มากและบ่อยจนเกินไป ทำให้มีอาการระคายเคือง แพ้ง่าย ในบางรายมักมีอาการคันร่วมด้วย
  • Cutaneous Mastocytoses 
    เป็นภาวะผิดปกติที่ชั้นผิวหนังมีแมสท์เซลล์ (Mast Cells) ซึ่งเซลล์ชนิดนี้จะปล่อยสารฮิสทามีน (Histamine) ที่สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ เมื่อมีสารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกาย ทำให้มีผื่นแดงและบวม
  • คาร์ซินอยด์ซินโดรม (Carcinoid Syndrome)
    เป็นลักษณะกลุ่มอาการของโรคมะเร็งคาร์ซินอยด์ ซึ่งผู้ป่วยมักมีผิวหนังแดงจากเส้นเลือดฝอยขยายตัว พร้อมทั้งมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่นท้องเสีย ปวดท้อง หายใจมีเสียงหวีด ความดันโลหิตต่ำ เป็นต้น

ความสมดุลของระบบนิเวศบนผิว

เรื่องของระบบนิเวศบนผิว (Skin Microbiome) เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญและเกี่ยวข้องกับปัญหาผิวที่เกิดขึ้น ซึ่งเราน่าจะต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจ โดยเฉพาะผิวที่บอบบางและแพ้ง่าย โดยธรรมชาติทั่วไประบบนิเวศบนผิว จะประกอบไปด้วยจุลินทรีย์นับล้านอาศัยอยู่ ซึ่งจุลินทรีย์ดังกล่าว มีทั้งดีและไม่ดีผสมกันอยู่ โดยจุลินทรีย์ที่ดีนั้นจะช่วยรักษาสุขภาพผิวให้มีความสมดุลและแข็งแรง โดยจะช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะพร้อมทั้งต่อสู้กับจุลินทรีย์ที่ไม่ดีบนผิว ปกป้องจากการก่อตัวของเชื้อโรคบนผิว แต่ถ้าหากระบบนิเวศบนผิว เสียสมดุลเมื่อไร ก็จะส่งผลให้เกราะปกป้องผิวเริ่มอ่อนแอ ผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ง่ายขึ้น และทำให้ผิวแพ้ได้ง่ายมากขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งโดยปกติแล้ว ผิวหน้าและผิวกายของคนเรามีค่า pH 4.7 – 5.75 นี่คือความสมดุลทางธรรมชาติของผิวที่ถูกกำหนดมาแล้วอย่างดี และหนึ่งในวิธีที่จะช่วยรักษาค่า pH ของคนเราเอาไว้ก็คือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิวสูง ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่กัดกร่อนผิวจนเสียสมดุลและเกิดปัญหาผิวตามมาอีกมากมาย

ผิวแพ้ง่าย

การทดสอบ ผิวแพ้ง่าย ทำได้อย่างไรบ้าง?

ในกรณีที่ผิวของท่านมีอาการแพ้ง่าย สามารถเข้ารับการตรวจเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อประสิทธิภาพในการรักษาได้อย่างตรงจุด และเพื่อที่จะสามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นได้ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ตรวจอาการและตรวจสอบด้วยวิธีการต่างๆ ดังต่อไปนี้

  • วิธีปิดสารทดสอบบนผิวหนัง (Patch test) 
    เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการทดสอบภูมิแพ้ผิวหนัง โดยแพทย์จะปิดแผ่นแปะผิวหนังที่ป้ายสารก่ออาการแพ้ 20-30 ชนิด บริเวณแขนหรือแผ่นหลังของผู้ทดสอบและทิ้งเอาไว้ประมาณ 48 ชั่วโมง และในระหว่างนี้ ต้องไม่ให้บริเวณผิวหนังที่ทดสอบนี้สัมผัสกับน้ำ หรือระวังไม่ให้มีเหงื่อออก เมื่อถึงเวลา จึงดึงแผ่นแปะผิวหนังออก ถ้าหากบริเวณใดมีผื่นแดง แสดงว่าผู้เข้ารับการทดสอบแพ้สารชนิดนั้น
  • วิธีสะกิด
    วิธีนี้นิยมนำมาทดสอบอาการแพ้จากเกสรดอกไม้ เชื้อรา ไรฝุ่น และอาหาร ซึ่งสามารถใช้ตรวจสอบสารก่อภูมิแพ้ได้มากถึง 40 ชนิดในครั้งเดียว โดยแพทย์จะหยดสารที่คาดว่าจะก่อให้เกิดอาการแพ้ที่บริเวณท้องแขนหรือแผ่นหลัง จากนั้นก็จะใช้เข็มสะกิดผิวของผู้ทดสอบตามจุดที่หยดสาร ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที โดยตำแหน่งที่แพ้มักจะเกิดผื่นแดงหรือตุ่มคล้ายยุงกัด และทั้งนี้ แพทย์ก็จะทำการป้ายฮิสทามีน กลีเซอรีน (Glycerin) หรือน้ำเกลือ ลงบนผิวในแต่ละตำแหน่ง เพื่อทดสอบการตอบสนองของผิวหนังต่อสารก่อภูมิแพ้ ถ้าหากว่าผิวไม่มีการตอบสนองต่อฮิสทามีน ก็อาจจะใช้การทดสอบแบบอื่นแทน แต่ถ้าหากเกิดอาการแพ้ ก็สามารถระบุได้ว่าผู้เข้าทดสอบรายนั้นมีผิวที่แพ้ง่าย
  • การตัดชิ้นเนื้อจากผิวเพื่อส่งตรวจ
    เป็นการตัดชิ้นเนื้อของผิวหนังในบริเวณที่ผิดปกติไปตรวจตรวจดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ เพื่อระบุอาการและหาสาเหตุของความผิดปกติ

เราจะรับมือกับ ผิวที่แพ้ง่าย ได้อย่างไร?

สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย สิ่งสำคัญควรต้องระมัดระวังการใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่จะต้องมีความอ่อนโยนต่อผิว พร้อมทั้งต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากปัจจัยกระตุ้นที่จะทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและแพ้ง่ายได้ด้วย

  • ทดสอบอาการแพ้ก่อนเสมอ
    ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ทุกชนิด จะต้องมีการทดสอบอาการแพ้ก่อนทุกครั้ง โดยให้ทาผลิตภัณฑ์ดังกล่าวที่บริเวณข้อพับแขน ข้อมือ ท้องแขน หรือหลัง เนื่องจากบริเวณนั้นเป็นส่วนที่บอบบาง หากเกิดผื่นแดงหรือคัน แสดงว่าผลิตภัณฑ์นั้นสามารถก่อให้เกิดอาการแพ้และไม่ควรใช้ต่อ
  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้
    ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้ ก็เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม สี แอลกอฮอล์ และสารประกอบอีกหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น เรตินอยด์ กรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha-Hydroxy Acids: AHA) ทัลคัม (Talc) ไมกา (Mica) สารเคมีระงับกลิ่นกาย รวมถึงสารเคมีที่มีคุณสมบัติในการทำลายหรือยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ผลิตภัณฑ์ที่มีสารผลัดเซลล์ผิว หรือหากจำเป็นต้องใช้ ก็ให้อยู่ในการดูแลของแพทย์
    นอกจากนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่มีสารกันเสียเป็นส่วนผสมหรือที่มีคุณสมบัติกันน้ำ และไม่ควรใช้เครื่องสำอางที่หมดอายุ เพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีภายในและทำให้เกิดอันตรายต่อผิวหนัง
  • หลีกเลี่ยงสภาพอากาศที่ทำให้เกิดการแพ้
    ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศที่หนาวหรือร้อนจัดให้หลีกเลี่ยง โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคผิวหนัง เพราะอาจจะทำให้อาการแพ้กำเริบขึ้นได้ นอกจากนั้น ให้เลี่ยงการสัมผัสแสงแดดในช่วงเวลา 9.00-14.00 น. เนื่องจากช่วงนั้นมีความเข้มของรังสีอัลตร้าไวโอเล็ตค่อนข้างสูง
  • ทำความสะอาดอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับผิวหน้า
    ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์การแต่งหน้า ปลอกหมอน ผ้าห่ม เป็นต้น เพราะสิ่งเหล่านี้อาจมีการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย และสิ่งสกปรก ที่เป็นต้นเหตุสำคัญของการเกิดสิวและปัญหาผิวหนังมากมายตามมาได้

หลักการเลือกสกินแคร์ที่เหมาะกับผิวแพ้ง่าย

การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวแพ้ง่ายและบอบบาง ไม่เพียงแต่เป็นการช่วยปกป้องผิวเท่านั้น  แต่ยังเป็นการเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงมากขึ้นด้วย ซึ่งมีหลักในการเลือกสกินแคร์ที่เหมาะกับผิวแพ้ง่าย ดังนี้

  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวหนัง
  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ว่าใช้สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ และได้รับการรับรองว่าจะไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว โดยเน้นส่วนผสมทางธรรมชาติที่มีความปลอดภัย ไม่มีสี ไม่มีน้ำหอม หรือไร้แอลกอฮอล์
  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีค่า pH เป็นกลาง เพื่อรักษาสมดุลของจุลินทรีย์บนผิว ให้ผิวมีความสมดุลทั้งในเรื่องความชุ่มชื้นและการปกป้องผิว
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมเกราะปกป้องผิว(Skin barrier) ให้แข็งแรง
  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของสารเคมีเป็นจำนวนมาก เนื่องจากสารเคมีเหล่านั้น อาจมีฤทธิ์แรงเกินไป  ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและทำให้เกราะปกป้องผิวขาดความสมดุล รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ เพราะจะส่งผลต่อระบบนิเวศของผิว(Skin Microbiome) โดยตรง ทำให้ผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น
  • เลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวบ่อยจนเกินความจำเป็น ไม่ว่าจะเป็น AHA และ BHA เนื่องจากจะทำให้เสียสมดุลของจุลินทรีย์บนผิวได้
  • ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะก่อนออกแดด ควรเลือกครีมกันแดดสำหรับผิวบอบบางและแพ้ง่ายสูตร Non-Chemical ที่มีส่วนผสมของซิงก์ออกไซด์ (Zinc Oxide) และไททาเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) เป็นหลัก เนื่องจากสารเหล่านี้จะไม่ซึมผ่านผิวหนัง ทำให้เสี่ยงต่อการแพ้น้อยลง

Skin Balance ผลิตภัณฑ์เพื่อฟื้นฟู ดูแลผิวบอบบาง แพ้ง่าย

Skin Balance by mesoestetic เป็นเซรั่มสูตรอ่อนโยน ที่ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาเพื่อเอาใจบรรดาผู้ที่มีผิวบอบบางและแพ้ง่ายโดยเฉพาะ ที่ช่วยฟื้นบำรุงผิวแพ้ง่าย (sensitive skin) ไวต่อการสัมผัสจากสิ่งแวดล้อมภายนอก ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด ฝุ่นควัน มลพิษ มลภาวะทั้งหลาย ที่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง (sensitized skin) นอกจากนี้ยังช่วยปลอบประโลมผิวและช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองต่างๆ (soothing & calming) ที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาการตอบสนองของผิว ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย พร้อมช่วยปรับสมดุลให้ผิวกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยมีส่วนประกอบที่สำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อผิว ดังต่อไปนี้

  • ช่วยเสริมเกราะปกป้องผิว (barrier function) ด้วย Acetyl Heptapeptide-4 (Prebiotic) ซึ่งเป็นอาหารสำหรับแบคทีเรียชนิดดี เพราะเมื่อแบคทีเรียชนิดดีมีการเจริญเติบโต ก็จะช่วยให้ผิวเกิดสมดุลมากขึ้น และส่งผลให้การทำงานของเกราะป้องกันผิวแข็งแรงขึ้นด้วย
  • ช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ (anti-oxidant) ด้วย Acetyl Tetrapeptide-2 โดยจะช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระจากสิ่งแวดล้อมภายนอก แสงแดด ฝุ่นละอองและมลภาวะต่างๆ
  • ช่วยปลอบประโลม และฟื้นคืนความแข็งแรงให้ผิว (soothing & repairing) ด้วยSensicalm complex ที่สามารถช่วยบรรเทาอาการระคายเคือง แดง คัน และอาการแสบร้อนที่เกิดจากการระคายเคือง พร้อมทั้งช่วยฟื้นฟูและปรับสมดุลผิว เพื่อให้ผิวรู้สึกผ่อนคลายและสบายมากขึ้น โดยมีสารสกัดจากธรรมชาติต่างๆที่ช่วยในด้านนี้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็น
    • สารสกัดจากสาหร่ายสีแดง ที่ช่วยบรรเทาอาการอักเสบของผิวได้ดี
    • สารสกัดจากหญ้าฝรั่น ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ลดอาการระคายเคือง ไม่ทำให้ผิวแห้งกร้าน
    • สารสกัดจากดอกคาโมมายล์ ที่ช่วยปลอบประโลมผิวและช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองของผิว
    • สารสกัดจากดอกคาเลนดูล่า ช่วยปลอบประโลมผิวให้รู้สึกผ่อนคลาย บรรเทาอาการแดงและลดการอักเสบของผิว
    • รวมถึงสารสกัดจาดเมล็ดพืช Tephrosia Purpurea ซึ่งเป็นสารสกัดจากพืช หรือที่รู้จักกันในชื่อของเมล็ดครามป่าจากฝรั่งเศสเพื่อช่วยกระตุ้นให้ผิวหลั่งสารเบต้าเอ็นโดรฟิน (Beta-Endorphin) หรือสารแห่งความสุข ทำให้ผิวผ่อนคลาย ทำให้ริ้วรอยแลดูจางลง ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และขาวกระจ่างใสอยู่เสมอ ในทางการแพทย์ได้ใช้พืชชนิดนี้มาใช้ในการแก้โรคท้องเดิน แก้ไข้ ขับปัสสาวะ และเป็นยาระบาย สำหรับผลิตภัณฑ์ Skin Balance by mesoestetic ได้ใช้ Tephrosia Purpurea เพื่อช่วยรักษาสมดุลให้กับผิว ช่วยปลอบประโลมผิว ป้องกันผิวจากการระคายเคืองจากการเผชิญมลภาวะต่างๆอย่างเห็นผลชัดเจน  นอกจากนั้น จากการศึกษายังพบว่า สารสกัดจากเมล็ดพืช Tephrosia Purpurea seed extract ยังช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล(cortisol) ที่เมื่อร่างกายหรือผิวต้องเผชิญกับมลภาวะ หรืออนุมูลอิสระ รวมถึงภาวะความเครียด จะทำให้ผิวมีความเครียดสะสม ซึ่งก็เท่ากับไปกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนชนิดนี้ให้มีปริมาณมากขึ้น  เป็นการทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง อักเสบ แห้งกร้าน ขาดชีวิตชีวา แต่ Tephrosia Purpurea seed extract ช่วยเพิ่มฮอร์โมนแห่งความสุข และความสงบอย่าง β‐endorphin และ dopamineให้มีมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น  Tephrosia Purpurea seed extract ยังช่วยปรับสภาพผิวให้กลับเข้าสู่ภาวะสมดุลhomeostasis เป็นการช่วยปรับปรุงระบบการต่อต้านอนุมูลอิสระให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมช่วยส่งเสริมความแข็งแรงให้กับเกราะป้องผิวได้อีกด้วย
  • ส่งเสริมการฟื้นฟูผิวใหม่ (regenerance) ด้วยสารสกัดที่สำคัญเกรดพรีเมี่ยมอย่าง
  • Panthenol (vitamin B5) ที่ช่วยฟื้นบำรุงผิว เพิ่มความชุ่มชื้น และปลอบประโลมผิว นอกจากนั้น ยังช่วยส่งเสริมการฟื้นฟูผิวตามธรรมชาติ
  • Aloe vera ที่ช่วยให้ผิวรู้สึกชุ่มชื้น ช่วยปลอบประโลมผิว ทั้งยังช่วยสมานผิวได้ดีอีกด้วย

ซึ่งจากผลลัพธ์จากการทดสอบกับอาสาสมัครทั้ง 22 คน พบว่า เมื่อใช้ Skin Balance by mesoestetic เป็นเวลา 4 สัปดาห์ 95% รู้สึกสบายผิวหลังใช้  86% ช่วยลดอาการแดงของผิว  86% ช่วยฟื้นบำรุงผิวให้แข็งแรงมากขึ้น และ 100% มีผิวที่ชุ่มชื้น เรียบเนียน ส่วนวิธีใช้ก็เพียงล้างหน้าให้สะอาด แล้วซับให้แห้ง จากนั้นให้ทา Skin Balance by mesoestetic ทั่วทั้งใบหน้า และลำคอ นวดเบาๆจนผลิตภัณฑ์ซึมเข้าสู่ผิว โดยให้ใช้เป็นประจำทุกวัน ทั้งเช้าและก่อนนอน

ผิวแข็งแรง สดใส สุขภาพ ล้วนแต่เป็นที่ปรารถนาของทุกคน ซึ่งการที่จะมีสภาพผิวที่ดีเช่นนั้นได้ แน่นอนว่าจะต้องให้การดูแลเอาใจใส่ ทั้งภายนอกและภายใน ที่สำคัญเมื่อรู้ว่าผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นต่างๆที่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองที่เพิ่มมากขึ้น การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อทำความสะอาดหรือเพื่อการบำรุงฟื้นฟูผิวก็สำคัญไม่แพ้กัน ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อผิวบอบบางหรือแพ้ง่ายโดยเฉพาะ โดยจะต้องมีความอ่อนโยนต่อผิว ไม่มีสารประกอบที่ระคายเคืองหรือสารต้องห้ามอันตรายใดๆ ที่สำคัญควรได้รับการรับรองจากแพทย์ผิวหนังว่าปลอดภัยสำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ เพื่อความมั่นใจและให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น