ทำความเข้าใจพื้นฐานการดูแลผิวด้วย Skincare Routine ที่เหมาะสม

หัวใจสำคัญของการมีผิวสุขภาพดีเปล่งปลั่งเนียนใสอย่างเป็นธรรมชาตินั้นอยู่ที่การดูแลผิวของเราเลย เรียกได้ว่าพฤติกรรมของเราเป็นตัวกำหนดสภาพผิว ยิ่งเราดูแลผิวดีเท่าไหร่สภาพผิวของเราก็จะแข็งแรงสุขภาพดี ซึ่งหนึ่งในวิธีการบำรุงดูแลผิวนั้นก็คือการมีผลิตภัณฑ์สกินแคร์เป็นตัวช่วย

ทั้งนี้ สกินแคร์ที่เราใช้กันอยู่ก็มีมากมายหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นครีม เซรั่ม มอยส์เจอร์ไรเซอร์ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์กันแดด ซึ่งแต่ละแบบก็มีสรรพคุณและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน แน่นอนว่าหลาย ๆ คนอาจจะงงว่าเราจะจัดการกับมันยังไงกันดี เพราะเชื่อแน่ว่าสกินแคร์ส่วนตัวที่บ้านของเพื่อน ๆ ต้องมีมากกว่าหนึ่งชิ้น แล้วเราจะหยิบอะไรมาทาลงก่อนลงหลังดีเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเราจะต้องเข้าใจถึงธรรมชาติของสกินแคร์แต่ละประเภทเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยมาจัดสรร Skincare Routine ตามแต่ละประเภทว่ามีลำดับการใช้ยังไง ซึ่งวันนี้เราเลยจะอาสาพาทุกคนไปสร้าง Skincare Routine ของตัวเองกัน จะได้เป็นแนวทางให้นำไปปรับใช้ในการดูลผิวได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ

หลักการดูแลผิวประจำวัน

ผิวหนังของเราเป็นอวัยวะที่ต้องการการดูแลในทุก ๆ วัน เพราะเป็นปราการด่านแรกที่ห่อหุ้มและปกป้องร่างกายจากสิ่งเร้าภายนอก ด้วยเหตุนี้ในแต่ละวันผิวของเราจึงสัมผัสกับมลภาวะและสิ่งสกปรกมากมาย ซึ่งเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคและความผิดปกติอื่น ๆ ที่ทั้งเกิดกับผิวโดยตรงและส่งผลกระทบกับระบบอื่น ๆ ในร่างกาย ดังนั้น เราจึงต้องมีการดูแลรักษาผิวของเราให้สุขภาพดีอยู่เสมอ โดยหลักการดูแลสุขภาพผิวนั้นก็มีอยู่ด้วยกัน 4 แนวทาง ได้แก่ การทำความสะอาด การบำรุง การป้องกัน และการรักษา

  • การทำความสะอาด

การทำความสะอาดผิวเป็นขั้นตอนแรกของการดูแลผิว เพราะเป็นการขจัดเอาสิ่งสกปรกตกค้างที่เราจะต้องไปพบเจอระหว่างวันทั้งมลภาวะในอากาศ ฝุ่นละออง คราบเหงื่อไคล คราบเครื่องสำอาง ที่หมักหมมจนกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งอาจจะหากเราไม่ทำความสะอาดผิวอยู่เป็นประจำก็จะทำให้ผิวของเราโทรมและเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา โดยเฉพาะปัญหาสิว

  • การบำรุง

การบำรุงผิวเป็นขั้นตอนการดูแลผิวที่เราใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่มีสารสกัดสำคัญในการฟื้นบำรุงผิว เพื่อให้ผิวของเราแข็งแรงและสุขภาพดี เปรียบเสมือนกับการที่เราใส่ปุ๋ยบำรุงต้นไม้ เพื่อให้ต้นไม้แข็งแรงและงอกงาม เช่นเดียวกับการบำรุงผิวก็เหมือนกับการใส่ปุ๋ย โดยปุ๋ยที่ว่านั้นก็คือพวกวิตามินและสารสกัดสำคัญที่ทำให้ผิวเปล่งปลั่งแข็งแรงซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นวิตามินซี วิตามินอี สารสกัดจากชาเขียว คอลลาเจน ฯลฯ

  • การป้องกัน

หลักการดูแลผิวที่สำคัญก็คือการป้องกัน เพราะหากเราไม่มีการป้องกันผิวที่ดีสิ่งที่เราบำรุงมานั้นก็จะสูญเปล่า โดยการป้องกันผิวที่สำคัญนั้นก็คือการทากันแดด เรียกได้ว่าเป็นขั้นตอนสำคัญที่เราจะละเลยไม่ได้เด็ดขาด เพราะแสงแดดนั้นเป็นตัวการทำร้ายผิวชั้นดีที่จะทำให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ตามมาอีกสารพัด ดังนั้น เราจึงควรทาครีมกันแดดเป็นประจำในทุก ๆ วัน เพื่อสุขภาพผิวที่ดี

  • การรักษา

การรักษาเป็นวิธีการดูแลผิวที่มุ่งรักษาและเยียวยาผิวที่เกิดปัญหาขึ้นแล้ว เช่น ปัญหาสิว ริ้วรอย ความหมองคล้ำ กระ ฝ้า จุดด่างดำ ซึ่งวิธีการรักษาปัญหาเหล่านี้ก็มีอยู่หลากหลายตั้งแต่การใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่มีสารสกัดสำคัญหรือ active ingredient ที่มุ่งแก้ปัญหาผิว เช่น วิตามินเอ สารต้านอนุมูลอิสระ เซราไมด์ อัลฟ่าอาบูติน ฯลฯ นอกจากนั้นยังมีการรักษาที่ใช้หัตถการและเทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น โบท็อกซ์ เลเซอร์ ทรีทเมนท์ ฯลฯ เหล่านี้ก็จะช่วยรักษาปัญหาผิวต่าง ๆ ให้ผิวกลับมากระจ่างใสสุขภาพดี

ความสำคัญของการมีสกินแคร์รูทีน

ดังได้กล่าวไปแล้วว่าหลักการในการดูแลผิวนั้นหลัก ๆ จะมี 4 ขั้นตอน ที่จะขาดอันใดอันหนึ่งไปเลยไม่ได้ เพราะแต่ละขั้นตอนก็เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน หากเราทำความสะอาดผิวได้ไม่ดีก็อาจจะทำให้การบำรุงและการปกป้องผิวทำงานได้ไม่เต็มที่และอาจจะก่อให้เกิดปัญหาผิวที่เราจะต้องมาตามรักษากันอีก เพราะฉะนั้นในกระบวนการดูแลผิวของเราจะต้องครบวงจรทั้ง 4 ขั้นตอน ครอบคลุมตั้งแต่การทำความสะอาด การบำรุง การป้องกัน และการรักษา นั่นก็คือการสร้างรูทีนการใช้สกินแคร์ของตัวเองขึ้นมา

การสร้างสกินแคร์รูทีนของตัวเองอย่างแรกเลยเราต้องเข้าใจถึงสภาพผิวและปัญหาผิวของเราเองก่อนเราจึงจะรู้ว่าสกินแคร์ที่จะมาเป็นจตัวช่วยบำรุงผิวของเรานั้นควรจะประกอบไปด้วยอะไรบ้าง เพราะปัญหาผิวแต่ละประเภทก็ต้องการการบำรุงและรักษาที่ไม่เหมือนกัน เมื่อเราเข้าใจสภาพผิวของเราแล้วเราจะสามารถเลือกใช้สกินแคร์รูทีนได้ถูกต้องและตอบโจทย์กับผิวของเราจริง ๆ อย่างเรามีปัญหาฝ้าก็ควรจะมองหาสกินแคร์ที่ช่วยบำรุงผิวเพื่อความกระจ่างใสและรักษาฝ้าจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ตรงจุดและชัดเจนกว่า เช่นเดียวกับคนที่เป็นสิวก็ควรจะมองหาผลิตภัณฑ์ที่ชช่วยแก้ปัญหาสิว ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดการใช้สกินแคร์ผิดประเภทและทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นที่น่าพอใจได้

หากเราเข้าใจสภาพผิวของเราแล้วก็เลือกผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่ตอบโจทย์ผิวของเรา โดยหัวใจสำคัญก็คือเราจะต้องมีสกินแคร์ที่ครอบคลุมการดูแลผิวครบทั้ง 4 ขั้นตอน คือ ทำความสะอาด บำรุง ป้องกัน และรักษา อย่างน้อยก็ต้องมีโฟมล้างหน้า เซรั่มหรือครีมบำรุง และครีมกันแดด ทีนี้จะมีเซรั่มกี่ตัว ครีมบำรุงหลายกระปุก จะเพิ่มเอสเซนส์ หรือตัวบำรุงรักษาอื่น ๆ ก็สุดแล้วแต่ความพึงพอใจของคุณเลย เพียงแต่ต้องครบทั้ง 4 ขั้นตอนในการดูแลผิว ยกตัวอย่างคนเป็นริ้วรอยก็จะต้องมีโฟมล้างหน้า ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบำรุงผิวเพิ่มความชุ่มชื้นซึ่งจะครีมหรือเซรั่มอะไรก็ได้ นอกจากนั้นก็จะต้องมีผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มอะไรก็ได้อีกสักตัวที่ช่วยรักษาริ้วรอย สุดท้ายก็คือคือการทากันแดดเพื่อปกป้องผิวไม่ให้เกิดริ้วรอยซ้ำ หรืออย่างคนเป็นฝ้าอาจจะต้องมีโฟมล้างหน้า ผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่ง ผลิตภัณฑ์รักษาฝ้า และครีมกันแดด เท่านี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

 ดังนั้นเพื่อน ๆ ลองกลับไปสำรวจกันว่าตัวเองมีผลิตภัณฑ์สกินแคร์ครบทั้ง 4 ขั้นตอนการดูแลผิวแล้วหรือยัง ถ้ายังแล้วละก็ต้องรีบหามาเติมกันโดยด่วน เพื่อผลลัพธ์การดูแลผิวแบบครบวงจรและครบองค์รวม เพราะบางทีปัญหาผิวเรื้อรังที่แก้ไม่หายสักทีอาจเกิดมาจากการที่เราใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ไม่ครอบคลุมการดูแลผิวก็เป็นได้

ลำดับการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ถูกต้อง

แน่นอนว่าการดูแลผิวของเราอาจจะมีผลิตภัณฑ์สกินแคร์หลายตัวได้ ทีนี้เราจะจัดการกับแต่ละตัวยังไง ใช้อะไรก่อนหลังดี เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด หลักการสำคัญก็คือให้ทาเรียงลำดับเริ่มจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดผิวก่อน จากนั้นค่อยตามด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ในการบำรุงและรักษา แล้วปิดท้ายด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ช่วยป้องกันแสงแดด โดยให้เริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นน้อยลงก่อนผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นมาก ซึ่งลำดับการลงสกินแคร์รูทีนก็มีดังนี้

  1. ผลิตภัณฑ์คลีนซิ่ง สำหรับเช็ดทำความสะอาดคราบสิ่งสกปรกและเครื่องสำอางก่อนล้างหน้า
  2. ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า ซึ่งอาจจะเป็นเจล โฟม หรือสบู่ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความชอบของแต่ละบุคคล
  3. โทนเนอร์ หลังจากล้างหน้าเสร็จแล้วใช้โทนเนอร์เช็ดทำความสะอาดซ้ำอีกครั้งเพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่อาจหลงเหลืออยู่ และยังช่วยปรับสภาพผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นต่อไป
  4. กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นน้ำ เช่น เอสเซนส์ น้ำตบ เซรั่มแบบน้ำ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะซึมซาบลงสู่ผิวได้รวดเร็ว
  5. กลุ่มผลิตภัณฑ์เซรั่มที่มีความเข้มข้น เป็นพวกเซรั่มที่มีความหนืด แต่ยังเป็นของเหลวอยู่ รวมไปถึงครีมหรือเซรั่มที่สำหรับทารอบดวงตา
  6. ครีมบำรุงผิว ถ้าเป็นตอนเช้าอาจจะเป็นไวท์เทนนิ่งหรือเดย์ครีม ส่วนตอนกลางคืนอาจจะเป็นไนท์ครีม
  7. มอยส์เจอร์ไรเซอร์ เป็นผลิตภัณฑ์ครีมที่มีความเข้มข้นสูง ทาเพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว หากเป็นช่วงกลางคืนใครที่มีสลีปปิ้งมาส์กอาจจะทาทาสลีปปิ้งมาส์กปิดท้ายหลังจากทามอยส์เจอร์ไรเซอร์
  8. ผลิตภัณฑ์ป้องกันแดดทาเป็นขั้นตอนสุดท้ายเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีทั้งค่า SPF และค่า PA เพราะจะช่วยปกป้องได้ทั้งรังสี UVA และ UVB

ทั้ง 8 ข้อ นี้เป็นลำดับการทาสกินแคร์รูทีนในทุก ๆ วันที่เราควรทำให้ได้ตามนี้ หลักของมันก็คือ เรียงลำดับจากความเข้มข้นน้ำหรือมีลักษณะเป็นน้ำไปหาผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นมากจนหนืดเป็นเนื้อครีม เพื่อให้ผลิตภัณฑ์แต่ละตัวออกฤทธิ์ได้เต็มประสิทธิภาพและเสริมการทำงานซึ่งกันและกัน ส่วนผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่นอกเหนือจากนี้อย่างสครับ มาส์ก และอื่น ๆ แนะนำให้ทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว

ความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับสกินแคร์รูทีน

               หลาย ๆ คนอาจจะเข้าใจว่าการมีผลิตภัณฑ์สกินแคร์เยอะ ๆ ทาลงหลาย ๆ ตัว อาจจะช่วยให้ผิวของเราสุขภาพดีขึ้น แต่จริง ๆ แล้วเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะการมีสกินแคร์เยอะไม่ได้การันตีว่าผิวจะดีเสมอไป สำคัญเลยก็คือสกินแคร์ที่เรามีนั้นครอบคลุมการดูแลผิวครบ 4 ขั้นตอน ทำความสะอาด บำรุง ป้องกัน และรักษาแล้วหรือยัง ถึงมีเยอะแต่ไม่ครบขั้นตอนยังไงก็ยากที่จะมีผิวสวยแบบครบสูตร สู้มีสกินแคร์แค่ไม่กี่ชิ้นแต่ครบในทุกขั้นตอนการดูแลผิวจะดีกว่า

               ไม่เพียงเท่านั้นการมีสกินแคร์รูทีนเยอะ ๆ หลากหลายตัวอาจจะทำให้เราสิ้นเปลืองเงินและเวลาโดยใช่เหตุได้ เพราะผลิตภัณฑ์บางตัวแทบจะมีส่วนผสมที่ไม่ต่างกันเลย หากใช้ซ้ำกันอาจจะทำให้ได้รับสารสกัดที่ซ้ำซ้อนได้ ซึ่งก็ไม่ได้เป็นอันตรายอะไรหรอก แต่เป็นการเปลื้องเงินโดยใช่เหตุ เพราะจริง ๆ ใช้แค่ตัวเดียวก็เพียงพอแล้ว

นอกจากนั้นการมีสกินแคร์หลายตัวอาจจะเสี่ยงเกิดการแพ้ระคายเคืองได้ง่าย อีกทั้งสารสกัดบางตัวในสกินแคร์ไม่สามารถใช้คู่กันได้ เช่น วิตามินซีไม่ควรใช้คู่กับกรดผลไม้พวก AHA BHA รวมไปถึงวิตามินเอหรือเรตินอล และ Benzoyl Peroxide เพราะเสี่ยงที่จะทำให้ผิวแสบแดงเนื่องจากเป็นกรดอ่อน ๆ ด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้น เราจำเป็นที่จะต้องเข้าใจสารสกัดแต่ละตัว เพื่อที่จะได้มาออกแบบสกินแคร์รูทีนของเราเองให้ตอบโจทย์การดูแลผิวและได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจสูงสุดกัน

               มาถึงบรรทัดนี้เพื่อน ๆ คงพอเข้าใจเรื่องสกินแคร์รูทีนกันบ้างแล้ว หลักจากวันนี้ไปลองกลับไปหาสกินแคร์รูทีนของตัวเองดู เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและจำเป็นกับสภาพผิวของเราจริง ๆ ที่สำคัญต้องครอบคลุมครบทั้ง 4 ขั้นตอนการดูแลผิวด้วย เท่านี้ก็เชื่อว่าเพื่อน ๆ จะมีสุขภาพผิวที่เนียนใสเป็นธรรมชาติขึ้นแน่นอน   

ใส่ความเห็น