ฝ้าและกระเป็นปัญหาผิวที่หลายคนต้องเผชิญ โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับแสงแดดหรือมีฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง วิธีการ รักษาฝ้า และกระมีหลากหลายวิธี แต่บางครั้งก็อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เราจะมาแนะนำวิธีรักษาฝ้าและกระแบบธรรมชาติที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติที่ปลอดภัยและอ่อนโยนต่อผิว เพื่อให้คุณสามารถดูแลผิวหน้าให้กระจ่างใส ได้อย่างเป็นธรรมชาติ สมุนไพร รักษาฝ้า กระยอดนิยม มีอะไรบ้าง ? แน่นอนว่า มีวิธี รักษาฝ้า กระ ให้หายขาดแบบธรรมชาติ ที่หลายคนนึกถึงก็คงจะหนีไม่พ้นสมุนไพรพื้นบ้าน ที่มีจุดเด่นในการช่วยให้รอยฝ้า กระจางลง ซึ่งประกอบด้วย วิธี รักษาฝ้า กระ ให้หายขาดแบบธรรมชาติ มีอะไรบ้าง ? มี วิธีรักษาฝ้า กระให้หายขาดแบบธรรมชาติ มากมาย ที่นำเอาสมุนไพรมาผสมผสานกันจนกลายเป็นสูตรพอกหน้า ดังต่อไปนี้ วิธีรักษาฝ้า กระให้หายขาดแบบธรรมชาติแบบแรกคือ ให้นำวุ้นที่อยู่ภายในว่านหางจระเข้ประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ มาผสมกับน้ำมะนาวประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที จากนั้นให้ล้างออก ให้ทำเป็นประจำทุกเช้าและเย็นต่อเนื่อง วิธีรักษาฝ้า กระให้หายขาดแบบธรรมชาติด้วยใบบัวบก สามารถทำได้โดยนำใบบัวบกประมาณ 1 กำมือ […]
Tag Archives: กระ
“กระ” เป็นปัญหาผิวที่หลายคนพบเจอ โดยเฉพาะคนที่ต้องเผชิญกับแสงแดดอยู่บ่อย ๆ กระมีลักษณะเป็นจุดหรือรอยสีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม ที่ปรากฏบนผิวหน้าและร่างกาย ซึ่งเกิดจากการสะสมของเม็ดสีเมลานินในผิวหนัง การทำความเข้าใจว่ากระคืออะไร ? มีกี่ประเภท ? และวิธีการรักษาที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณสามารถดูแลและปกป้องผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระ คืออะไร ? “กระ ” (Freckles) คือ จุดเล็ก ๆ หรือรอยบนผิวหนังที่มีสีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม เกิดจากการสะสมของเม็ดสีเมลานินในผิวหนัง ซึ่งมักพบได้บ่อยในบริเวณที่สัมผัสแสงแดด เช่น ใบหน้า ลำคอ และแขน กระสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น กรรมพันธุ์ แสงแดด และฮอร์โมน กระจะแสดงออกมาเด่นชัด เมื่อผิวสัมผัสกับแสงแดด เพราะแสงแดดจะกระตุ้นการผลิตเมลานินมากขึ้น ทำให้กระมีสีเข้มและเด่นชัดยิ่งขึ้น เกิดขึ้นได้ทุกวัย ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงผู้ใหญ่ กระ มีกี่แบบ อะไรบ้าง ? กระ แบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท ตามลักษณะที่ปรากฏ ดังนี้ ฝ้ากับกระ แตกต่างกันอย่างไร ? ฝ้ากับกระ แม้จะมีความคล้ายคลึงกัน […]
หนึ่งในปัญหาผิวที่สร้างความรำคาญใจให้กับใครหลาย ๆ คนก็คือปัญหากระบนใบหน้า ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาที่ทำให้ผิวหน้าไม่กระจ่างใสสม่ำเสมอ ที่สำคัญถ้าเป็น กระลึก หากยิ่งปล่อยไวก็จะยิ่งมีสีที่เข้มขึ้นแถมยังกระจายตัวมากขึ้นกว่าเดิมด้วย จนทำให้ผิวดูไม่เนียนใสจนหมดความมั่นใจ วันนี้เราเลยอยากจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจกับสาเหตุที่ทำให้เกิดกระรวมไปถึงจำแนกลักษณะของกระแต่ละประเภทพร้อมแนะวิธีรักษากระด้วยวิธีต่างๆ รวมถึงการทำเลเซอร์ กระคืออะไร ? กระ (Freckle หรือEphelides) เป็นจุดผิวเรียบที่เกิดขึ้นบนผิวหนังของคนเรา โดยทั่วไปมีขนาดเล็ก มีสีเนื้อผิวเข้มกว่าสีของผิวหนังโดยรอบ เช่น มีสีน้ำตาลเข้ม มักพบในบริเวณผิวหนังที่มีการสัมผัสกับแสงแดดอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าและส่วนอื่นๆของร่างกาย สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยเป็นปัญหาผิวที่เกิดจากเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ทำงานผิดปกติจนเกิดจุดสีดำคล้ำขึ้นบนผิวหนังเป็นจุดกลมๆส่งผลให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ ประเภทของกระ กระบนใบหน้าของมนุษย์สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ กระตื้น เป็นจุดสีน้ำตาลขนาดเล็ก ที่มักเกิดบริเวณที่แสงแดดสามารถกระทบกับผิวได้โดยง่ายในผิวชั้นบนหรือชั้นหนังกำพร้า(Epidermis) เช่นบริเวณโหนกแก้มและจมูก บางคนขึ้นกระจายอยู่บริเวณคอ มีลักษณะเป็นจุดที่มีขอบเขตไม่ชัดเจน โดยขนาดของกระจะอยู่ประมาณ 0.5 เซ็นติเมตร มักจะเป็นจุดกระจายทั่วใบหน้า ซึ่งมีสาเหตุมาจากเซลล์เม็ดสีทำงานผิดปกติ หรือพันธุกรรม ทำให้ผิวไวต่อแสง มองเห็นได้ชัดเจนเมื่อผิวสัมผัสกับแสงแดด กระชนิดนี้สามารถรักษาด้วยการใช้ครีมบำรุงและทรีทเมนท์ร่วมกับการทำเลเซอร์ ลักษณะของกระลึกจะคล้ายกับกระตื้นแต่จะมีสีเข้มกว่าหรือค่อนไปทางเทาดำ เนื่องจากเกิดในผิวชั้นหนังแท้ (Dermis) ซึ่งเป็นชั้นผิวที่ลึกกว่ากระตื้น โดยมีลักษณะเป็นทั้งแบบจุดหรือแผ่น แต่ขอบไม่ชัด พบได้บ่อยในโหนกแก้มทั้งสองข้าง ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของเม็ดสีชั้นใน และจะยิ่งมีสีที่เข้มขึ้นเรื่อยๆ […]
แม้ว่าเครื่องสำอางจะมีจุดประสงค์เพื่อเสริมรูปลักษณ์ของเรา แต่ผลิตภัณฑ์บางอย่างสามารถมีส่วนในการก่อตัวของกระได้ เครื่องสำอางบางชนิดมีส่วนผสมที่สามารถระคายเคืองผิวและกระตุ้นให้เกิดกระได้ สารเคมีรุนแรงและน้ำหอมที่พบในเครื่องสำอางสามารถทำให้เกิดการอักเสบของผิวหนังและการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสี ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาหรือเลวลงของกระ ตัวอย่างเช่น ครีมและโทนเนอร์ที่ทำให้ผิวกระจ่างใสมักมีส่วนผสมของไฮโดรควิโนน ซึ่งเป็นสารเคมีที่ยับยั้งการผลิตเมลานิน แม้ว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจใช้เพื่อทำให้สีผิวโดยรวมสว่างขึ้น แต่ก็สามารถส่งผลให้สีผิวไม่สม่ำเสมอและเกิดฝ้ากระได้ โฟมล้างหน้าและผลิตภัณฑ์ขัดผิวบางชนิดที่มีอนุภาคที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสามารถทำให้เกิดการบาดเจ็บระดับจุลภาคที่ผิวหนัง ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มการทำงานของเซลล์เมลาโนไซต์และการก่อตัวของกระ การใช้เครื่องสำอางที่ไม่เหมาะกับสภาพผิวบ่อยๆ สามารถทำลายเกราะป้องกันตามธรรมชาติของผิว ทำให้ผิวอ่อนแอต่อการทำลายของรังสียูวี สิ่งนี้จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดฝ้ากระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับการป้องกันแสงแดดที่ไม่เพียงพอ การป้องกันฝ้ากระจำเป็นต้องได้รับการดูแลผิวอย่างครอบคลุม หนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญที่สุดคือการป้องกันแสงแดดเป็นประจำ การทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงเป็นประจำทุกวันสามารถปกป้องผิวจากรังสี UV ที่เป็นอันตรายและลดความเสี่ยงในการเกิดกระ การเลือกครีมกันแดดในวงกว้างที่ป้องกันทั้งรังสี UVA และ UVB เป็นสิ่งสำคัญ ความสัมพันธ์ระหว่างการแพ้และการเกิดกระ ความสัมพันธ์ระหว่างการแพ้และกระเป็นหัวข้อที่น่าสนใจซึ่งได้รับความสนใจจากทั้งนักวิจัยและบุคคลทั่วไป กระ จุดเม็ดสีเล็กๆ บนผิวหนังมีความเกี่ยวข้องกับความบกพร่องทางพันธุกรรมและการสัมผัสแสงแดดมาช้านาน ในทางกลับกัน โรคภูมิแพ้คือการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่ถูกกระตุ้นโดยปัจจัยแวดล้อมต่างๆ แม้ว่าปรากฏการณ์ทั้งสองนี้อาจดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกันในแวบแรก แต่ก็มีหลักฐานที่บ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ที่เป็นไปได้ระหว่างปรากฏการณ์ทั้งสองนี้ กระ มักถูกกำหนดโดยปัจจัยทางพันธุกรรม โดยเฉพาะการแปรผันในยีน MC1R ยีนนี้มีหน้าที่ผลิตเมลานินซึ่งเป็นเม็ดสีที่ให้สีผิว ผม และดวงตาของเรา เมื่อยีน MC1R กลายพันธุ์หรือทำงานน้อยลง จะนำไปสู่การลดการผลิตเมลานิน ส่งผลให้เกิดฝ้ากระ ที่น่าสนใจคือ ยีนเดียวกันนี้มีส่วนเกี่ยวข้องในการควบคุมการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน รวมถึงปฏิกิริยาการแพ้ ดังนั้นจึงอาจมีพื้นฐานทางพันธุกรรมร่วมกันสำหรับทั้งการเกิดกระและอาการแพ้ ฝ้า […]
“ฝ้า” เป็นภาวะที่เซลล์สร้างเม็ดสีใต้ผิวหนังทำงานเยอะขึ้น จึงมีเม็ดสีหรือเมลานินมากขึ้น ทำให้เกิดปื้นสีเข้มบริเวณผิวหนังเรียกว่า “ฝ้า” ซึ่งฝ้ามีลักษณะเป็นปื้นสีเข้มกว่าผิว เฉดสีไล่ตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลเข้ม หรือดำ มักพบฝ้าบริเวณที่ร่างกายสัมผัสแสงแดด เช่น ใบหน้า หน้าผาก โหนกแก้ม จมูก เหนือริมฝีปากบน และคาง เป็นต้น ฝ้ามักเริ่มเป็นเมื่ออายุ 30 ปี ขึ้นไป พบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย ฝ้า เกิดจากการที่เมลานิน หรือเม็ดสีมีมากเกินไป ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นมีรอยสีน้ำตาลเข้มไปจนถึงสีดำ (Hyperpigmentation) และจะมีปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ อาจมีลักษณะเป็นปื้นหรือเข้มเป็นกระจุกได้ สิ่งที่น่าสนใจคือ ฝ้าไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายและส่วนใหญ่พบในวัยกลางคน อายุประมาณ 30-40 ปี ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดฝ้า แน่อนว่าสิ่งที่เรารู้นั้น ไม่ผิด สาเหตุหรือว่าต้นตอที่ทำให้เราเกิดฝ้า นั่นก็คือ รังสี UV ในแสงแดด การกินยาคุมกำเนิด การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนขณะตั้งครรภ์ การเข้าสู่วัยทองและวัยหมดประจำเดือน การใช้เครื่องสำอางบางชนิดที่มีผลต่อการแพ้และกระตุ้นให้เม็ดสีเมลานินบนผิวเกิดการเปลี่ยนแปลง รวมถึงกรรมพันธุ์ที่ทำให้ฝ้ากลับมาเป็นซ้ำได้บ่อยครั้ง ซึ่งคนผิวเข้มมีโอกาสเป็นฝ้าง่ายกว่าคนผิวขาวอีกด้วย สาเหตุการเกิดฝ้า เกิดจากกระบวนการสร้างสีของเซลล์เม็ดสี (Melanocyte) ที่ผิดปกติ ทำให้เกิดเป็นรอยสีน้ำตาลบนผิวหนัง […]
แน่นอนว่าปัจจุบันไทยเรานั้นมีมลภาวะทางอากาศที่เริ่มแย่ขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะเมืองกรุง ที่ต้องบอกเลยว่าเมื่อเรานั้นต้องเดินทางออกจากบ้านในแต่ละครั้ง เราก็ต้องไปต่อสู้กับมลภาวะทางอากาศ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น PM 2.5 หรือว่าจะเป็นในเรื่องของมลพิษ พร้อมทั้งยังมีในเรื่องของควันต่างๆ ที่เกิดจากรถยนต์ต่างๆ และนั่นก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวของเราต้องสัมผัส และนอกจากมลภาวะเรื่องพวกนี้แล้ว เรื่องของแสงแดดที่ร้อนจัด ที่ปริมาณความร้อนที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ทำให้ผิวของเรานั้นได้รับผลกระทบเข้าเต็มๆ ไม่ว่าจะผิวที่ใบหน้า หรือว่าผิวตามร่างกาย และวันนี้เราจะมาทำการแก้ไขและหาแนวทางการดูแลตัวเองพร้อมสร้างเกราะป้องกันจาก ผิวคลํ้าเสียจากรังสี UV แก้ปัญหาอย่างไร มาดูกัน ทำไม UV ถึงทำร้ายผิว? ก่อนที่เราจะไปทำการแก้ไขและสร้างแนวทางการป้องกันผิวจากรังสี UV ก่อนอื่นเลยเราต้องทำความเข้าใจเรื่องของ UV ให้ดีเสียก่อน ว่าแท้จริงแล้ว รังสี UV คืออะไร และมันทำงานอย่างไร และทำไมมันถึงได้ส่งผลเสียต่อผิวหนังของเรา สำหรับรังสี UV หรือ Ultraviolet แท้จริงแล้วนั้นเป็นรังสีที่แผ่ออกมาจากดวงอาทิตย์ ไม่ใช่ความร้อนหรือแสงแดด ต่อให้ไม่เห็นแสงแดด เราก็อาจโดน UV ทำร้ายได้ แถมยังก่อปัญหาผิวหน้าผู้ชายหลายอย่าง ทั้งสิว ฝ้ากระ จุดด่างดำ สาเหตุหลักของริ้วรอยก่อนวัย และยังทำให้ผิวของเราแสบไหม้ นำไปสู่โรคมะเร็งผิวหนังได้ด้วย รังสี UV […]
‘กระเนื้อ’ หนึ่งในปัญหาผิวพรรณที่พบได้บ่อยเมื่อผิวเริ่มมีการเสื่อมสภาพ ไม่ว่าจะเนื่องมาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น แสงแดด มลภาวะ หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยจะพบในตำแหน่งต่างๆของผิวหนัง ทั้งบริเวณใบหน้า คอ หน้าอก หรือแผ่นหลัง แล้วกระเนื้อมีลักษณะอย่างไร มีสาเหตุมาจากไหน และมีวิธีรักษาหรือป้องกันอย่างไรบ้าง เราจะไปทำความรู้จักกับกระเนื้อด้วยกัน ลักษณะของ กระเนื้อ ถึงแม้ว่าลักษณะของ “กระเนื้อ” จะมีความคล้ายคลึงกับ “ติ่งเนื้อ” ที่มักจะเกิดขึ้นได้บนผิวหนังเช่นกัน แต่ลักษณะของทั้งสองอาการก็มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ดังต่อไปนี้ กระเนื้อ (Seborrheic keratosis) เป็นการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังตามอายุ สามารถเกิดขึ้นได้ทุกตำแหน่งในร่างกาย โดยทั่วไปจะมีลักษณะเป็นก้อนเนื้อรูปร่างทรงกลมหรือวงรีแปะติดอยู่กับผิวหนัง มีขนาดเล็กไปจนถึงประมาณ 1 นิ้ว (หรือ 2.5 เซนติเมตร) ในระยะแรก จะเป็นตุ่มสีน้ำตาลอ่อน จากนั้นจะขยายใหญ่ มีลักษณะนูนและหนามากยิ่งขึ้น สีจะเข้มมากขึ้นเป็นสีน้ำตาลดำ ผิวจะขรุขระโดยนูนขึ้นมาจากผิวรอบข้าง มักจะเกิดขึ้นในเซลล์ของชั้นหนังกำพร้า อาจจะพบในบริเวณที่ถูกแสงแดดมากกว่าส่วนอื่น ๆ เช่น ใบหน้า หนังศีรษะ หน้าอก ไหล่ ท้อง และหลัง มักจะเกิดเป็นกระจุกมากกว่าจุดเดียว แต่จะไม่พบตามฝ่ามือหรือฝ่าเท้า […]
หนึ่งในปัญหาผิวที่สร้างความรำคาญใจให้กับใครหลาย ๆ คนก็คือปัญหากระบนใบหน้า ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาที่ทำให้ผิวหน้าไม่กระจ่างใสสม่ำเสมอ ที่สำคัญถ้าเป็นกระลึกหากยิ่งปล่อยไวก็จะยิ่งมีสีที่เข้มขึ้นแถมยังกระจายตัวมากขึ้นกว่าเดิมด้วย จนทำให้ผิวดูไม่เนียนใสจนหมดความมั่นใจ วันนี้เราเลยอยากจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจกับสาเหตุที่ทำให้เกิดกระรวมไปถึงจำแนกลักษณะของกระแต่ละประเภทพร้อมแนะวิธีรักษากระด้วยวิธีต่างๆ รวมถึงการทำเลเซอร์ กระคืออะไร ? กระ (Freckle หรือ Ephelides) เป็นจุดผิวเรียบที่เกิดขึ้นบนผิวหนังของคนเรา โดยทั่วไปมีขนาดเล็ก มีสีเนื้อผิวเข้มกว่าสีของผิวหนังโดยรอบ เช่น มีสีน้ำตาลเข้ม มักพบในบริเวณผิวหนังที่มีการสัมผัสกับแสงแดดอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า(Freckle หรือ Ephelides) และส่วนอื่นๆของร่างกาย สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยเป็นปัญหาผิวที่เกิดจากเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ทำงานผิดปกติจนเกิดจุดสีดำคล้ำขึ้นบนผิวหนังเป็นจุดกลมๆส่งผลให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ กระมีกี่ประเภท กระบนใบหน้าของมนุษย์สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ กระตื้น (Freckle) กระตื้น เป็นจุดสีน้ำตาลขนาดเล็ก ที่มักเกิดบริเวณที่แสงแดดสามารถกระทบกับผิวได้โดยง่ายในผิวชั้นบนหรือชั้นหนังกำพร้า(Epidermis) เช่นบริเวณโหนกแก้มและจมูก บางคนขึ้นกระจายอยู่บริเวณคอ มีลักษณะเป็นจุดที่มีขอบเขตไม่ชัดเจน โดยขนาดของกระจะอยู่ประมาณ 0.5 เซ็นติเมตร มักจะเป็นจุดกระจายทั่วใบหน้า ซึ่งมีสาเหตุมาจากเซลล์เม็ดสีทำงานผิดปกติ หรือพันธุกรรม ทำให้ผิวไวต่อแสง มองเห็นได้ชัดเจนเมื่อผิวสัมผัสกับแสงแดด กระชนิดนี้สามารถรักษาด้วยการใช้ครีมบำรุงและทรีทเมนท์ร่วมกับการทำเลเซอร์ กระลึก (Hori’s Nevus) ลักษณะของกระลึกจะคล้ายกับกระตื้นแต่จะมีสีเข้มกว่าหรือค่อนไปทางเทาดำ เนื่องจากเกิดในผิวชั้นหนังแท้ (Dermis) ซึ่งเป็นชั้นผิวที่ลึกกว่ากระตื้น โดยมีลักษณะเป็นทั้งแบบจุดหรือแผ่น แต่ขอบไม่ชัด […]