วิตามินซี คืออะไร? มีประโยชน์อย่างไร? ไอเท็มสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม!

วิตามินซี เป็นวิตามินที่สามารถละลายในน้ำ โดยที่ร่างกายของเราไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ จำเป็นต้องได้รับวิตามินชนิดนี้จากการรับประทาน โดยมากวิตามินซีจะอยู่ในกลุ่มของอาหารประเภทผักและผลไม้ชนิดต่างๆ พบมากในส้ม สับปะรด มะขาม สตอร์เบอร์รี่ ฝรั่ง มะนาว มะเขือเทศ แต่สำหรับคนที่ไม่นิยมการรับประทานผักและผลไม้ จึงอาจจะต้องทานวิตามินเสริม

ประโยชน์ของ วิตามินซี

ในด้านสุขภาพวิตามินซีมีประโยชน์มากมาย อาทิ ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เราไม่ป่วยหรือเป็นหวัดได้ง่ายๆ เพิ่มความต้านทานต่อโรคหัวใจ โดยการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมระดับคลอเลสเตอรอลในร่างกาย ส่วนในด้านของความสวยความงามวิตามินซีก็มีประโยชน์ ช่วยให้สาวๆ สวย สดใสได้เช่นกัน โดยวิตามินซีจะเป็นตัวกระตุ้นระบบการไหลเวียนโลหิตของผิวพรรณ เสริมสร้างคลอลาเจน และต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงเป็นเหตุผลที่ว่าวิตามินซีจะสามารถทำให้ผิวพรรณของเหล่าสาวๆ สวยขึ้น สุขภาพดีดูเรียบเนียน จุดด่างดำจางลงอย่างเห็นได้ชัด

วิตามินซี มีดีต่อผิวอย่างไร

  1. เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่ และลดการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
  2. เป็นตัวสร้างคอลาเจน ซึ่งเป็นเส้นใยทำหน้าที่เชื่อมเนื้อเยื่อต่างๆ ไว้ด้วยกัน ทำให้ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง
  3. ช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์

ปริมาณวิตามินซีที่ควรได้รับต่อวัน

เราควรทาน วิตามินซี 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน จะช่วยในเรื่องภูมิต้านทานร่างกาย เสริมสร้างคอลลาเจนให้แข็งแรง และบำรุงผิวพรรณ ทำให้ผิวสวย กระจ่างใส ซึ่งปริมาณวิตามินซีที่ร่างกายต้องการนั้น แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเพศและอายุ USA Vitamin C recommendations ได้กำหนดปริมาณที่ควรได้รับ ดังนี้ ผู้ชาย ผู้ใหญ่ 90 มิลลิกรัมต่อวัน, ผู้หญิง ผู้ใหญ่ 75 มิลลิกรัมต่อวัน แต่โดยเฉลี่ยแล้วไม่ควรทานเกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน เพราะหากร่างกายได้รับในประมาณที่มากเกินไปอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ปวดท้อง ท้องร่วง หรือท้องอืด

วิตามินซี

รูปแบบของวิตามินซี ที่ทุกท่านเลือกซื้อรับประทานได้

  • วิตามินซีแบบอัดเม็ด

วิตามินซีแบบเม็ดจะมีขนาดตั้งแต่ 25 – 1,000 มิลลิกรัม แต่ขนาดของวิตามินซีที่นิยมขายกันทั่วไป คือ 500 และ 1,000 มิลลิกรัม และควรเลือกทานเป็นแบบ Buffered หรือ Sustained Release เพราะตัววิตามินซีจะค่อยๆละลายออกมาอย่างช้าๆ ทำให้สามารถดูดซึมได้นานขึ้น แบบนี้เม็ดยาจะมีขนาดใหญ่ ทำให้กลืนลำบาก

  • วิตามินซีแบบเม็ดอม

ปกติจะมีขนาด 25 – 500 มิลลิกรัม สำหรับผู้ที่กลืนยาเม็ดใหญ่ลำบากไม่ชอบกลืนแบบเป็นเม็ด แต่เนื่องจากวิตามินซีเป็นกรด ที่มีฤทธิ์กัดกร่อน ถ้าหากเราอมบ่อยๆ อาจทำให้ฟันกร่อนหรือฟันผุได้

  • วิตามินซีแบบเม็ดเคี้ยว

จะมีขนาดประมาณ 30 มิลลิกรัม ส่วนมากจะทำมาให้เด็กทาน เพราะว่ามีรสหวานเด็กๆทานได้ง่าย แต่หากรับประทานในปริมาณมากๆ ก็อาจทำให้ฟันผุได้ได้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากวิตามินซีแบบเม็ดเคี้ยวมักจะมีปริมาณน้ำตาลค่อนข้างสูง เพื่อให้มีรสหวาน

  • วิตามินซีแบบเม็ดฟู่

วิตามินซีแบบเม็ดฟู้ในท้องตลาดจะมีขนาดประมาณ 500 และ 1,000 มิลลิกรัม ก่อนรับประทานควรนำไปละลายในน้ำจนฟองหมด เพราะฟองแก๊สที่เกิดขึ้นอาจทำให้เกิดการแน่นท้องไม่สบายตัว แต่วิตามินแบบเม็ดฟู่ จะเหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถกลืนยาเม็ดขนาดใหญ่ได้หรือกลืนได้ลำบาก

  • วิตามินซีแบบแคปซูล

มีขนาด 500 มิลลิกรัม จะมีขนาดที่เล็กกว่าวิตามินซีแบบอัดเม็ด และมีให้เลือกทานได้ทั้งแบบแคปซูลแข็งและแคปซูลนิ่ม ซึ่งทั้งสองแบบจะมีขนาดเล็กกลืนง่ายสำหรับผู้ที่มีปัญหาการกลืน

  • วิตามินซีรูปแบบสารละลายสำหรับฉีด

วิตามินซีแบบฉีด จะมีขนาด 500 มิลลิกรัม ปริมาตรประมาณ 2 มิลลิลิตร การจะใช้วิตามินซีแบบฉีดควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ และควารได้รับการแนะนำจากแพทย์ก่อนว่าเราควรฉีดไหม วิตามินซีแบบฉีดจะออกฤทธิฺค่อนข้างเร็วและร่างกายสามารถนำวิตามินซีไปใช้ได้ทันที ซึ่งมีประโยชน์โดยตรงในการป้องกันหวัด และช่วงบำรุงซ่อมแซมผิว โดยที่ไม่ต้องผ่านระบบย่อยอาหาร

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการทาน วิตามินซี

วิตามินซีมีจุดอิ่มตัวในการดูดซึม การดูดซึมของวิตามินซีมีจุดอิ่มตัวและขึ้นอยู่กับปริมาณในการรับประทานเข้าไป หากทานเกินจุดอิ่มตัวของการดูดซึม ร่างกายก็ไม่สามารถดูดซึมไปใช้เพิ่มได้ จึงควรทานวิตามินซีในปริมาณที่ต่ำกว่า 1 กรัม แต่ทานหลายครั้งจะดูดซึมได้ดีกว่าทานปริมาณมากในครั้งเดียว ยกตัวอย่างเช่น การรับประทานวิตามินซีครั้งละ 1,000 – 1,500 มิลลิกรัม มีข้อมูลระบุว่า ร่างกายดูดซึมวิตามินซีได้เพียง 50% เป็นต้น

วิตามินซี

ทานวิตามินซีให้ได้คุณค่าสูงสุด

ทานพร้อมอาหารมื้อเช้าและมื้อเย็น เพราะวิตามินซีจะถูกขับออกภายใน 2 – 3 ชั่วโมง ดังนั้นการรักษาระดับวิตามินซีในเลือดให้สูงเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพ

  • บรรเทาหวัด ทานวิตามินซี 1,000 มิลลิกรัม วันละ 2 เวลา ช่วยให้ระดับฮิสตามีน สารที่ทำให้น้ำตาน้ำมูกไหลลดลงได้ถึงร้อยละ 40
  • ผู้ที่เป็นเบาหวาน ควรรับประทานวิตามินซีวันละ 1,000 มิลลิกรัม เพราะวิตามินซีจะเข้าไปช่วยลดสารอนุมูลอิสระและการอักเสบของหลอดเลือด อีกทั้งช่วยป้องกันอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคไตวาย เป็นต้น
  • เพิ่มประสิทธิภาพวิตามินซี ด้วยการทานร่วมกับแคลเซียม แมกนีเซียม และไบโอฟลาโวนอยด์
  • สัญญาณเมื่อได้รับวิตามินซีเกิน เช่น อาการท้องเสีย เป็นต้น ซึ่งอาจเกิดได้กับคนที่ทานวิตามินซีในปริมาณที่สูงมาก ๆ เช่น 8,000 มิลลิกรัมขึ้นไป ซึ่งไม่ใช่ทุกคนจะเป็น เพราะร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนก็สามารถย่อยวิตามินซีได้วันละหลายกรัมเลยทีเดียว

ผลตามร่างกาย เมื่อท่านนั้นขาด วิตามินซี

  • อ่อนเพลีย ไม่สดชื่นกระปรี้กระเปร่า รู้สึกง่วงนอนตลอดเวลา อ่อนล้าเหมือนผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนัก หรือต้องออกแรงยกของหนักทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไร
  • เลือดออกตามไรฟัน เพราะวิตามินซีมีส่วนช่วยในการบำรุงผนังหลอดเลือดฝอยให้แข็งแรง การขาดวิตามินจึงทำให้หลอดเลือดเประบางและแตกง่าย จึงทำให้เกิดปัญหาเลือดออกตามไรฟัน เกิดการอักเสบตามร่องเหงือก จนทำให้เกิดปัญหาในช่องปากตามมา
  • ไม่สบายเล็กๆ น้อยๆ บ่อยครั้ง เพราะวิตามินซีมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย การขาดวิตามินซีจึงทำให้ร่างกายของเราไม่สามารถเอาชนะเชื้อโรค เชื้อไวรัส หรือแบคทีเรียที่เข้ามาในร่างกายของเราได้ จึงทำให้ไม่สบายบ่อยนั่นเอง
  • ผิวหยาบกร้าน หมองคล้ำ สาวๆคงไม่ถูกใจสิ่งนี้เป็นแน่ ดังนั้นอย่าปล่อยให้ร่างกายขาดวิตามินซีโดยเด็ดขาด เพราะวิตามินซีมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างคอลลาเจน และต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงทำให้ผิวพรรณดูสดใส เปร่งปลั่ง ป้องกันริ้วรอยก่อนวัยอันควรมาเยือน

สังเกต สัญญาณเตือน ร่างกายกำลังบอกว่าขาด วิตามินซี

  • แผลหายช้า เมื่อเกิดบาดแผล ร่างกายจำเป็นต้องใช้คอลลาเจน และโปรตีนช่วยในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อในร่างกาย และวิตามินซีก็เป็นส่วนสำคัญในการช่วยเม็ดเลือดขาวนิวโทรฟิลที่ทำหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรคทำงานได้ดียิ่งขึ้น
  • มีเลือดออกผิดปกติ  มีการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยที่มีปัญหาโรคเหงือกหลังจากรับประทานเกรปฟรูต ซึ่งมีปริมาณวิตามินซีสูงถึง 33.3 มิลลิกรัมเป็นเวลา 2 อาทิตย์ เหงือกของพวกเขาสุขภาพดีขึ้นและมีเลือดออกลดลง อาจเนื่องมาจากวิตามินซีมีส่วนสร้างคอลลาเจน ซึ่งทำให้เหงือกและฟันแข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรงและทำให้เลือดแข็งตัวได้อีกด้วย
  • น้ำหนักเกิน สำหรับผู้ที่มีไขมันส่วนเกินในร่างกาย หรืออ้วนลงพุง การได้รับปริมาณวิตามินซีที่เพียงพอ สามารถช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันในร่างกายเพื่อใช้เป็นพลังงานได้ดีขึ้น
  • ผิวหนังแห้งและมีริ้วรอยเหี่ยวย่น เนื่องจากวิตามินซีมีส่วนช่วยต้านอนุมูลอิสระ การรับประทานวิตามินซีในปริมาณที่เพียงพอ จึงส่งผลให้ผิวหนังอ่อนนุ่มและเรียบเนียน
  • เหนื่อยล้า มีการศึกษาขนาดเล็กพบว่า ผู้ชาย 6 ใน 7 คน มีอาการเหนื่อยล้า เมื่อระดับวิตามินซีในร่างกายต่ำ และยังมีอีกหนึ่งการศึกษาในพนักงานออฟฟิศจำนวน 141 คน หลังจากได้รับวิตามินซี พบว่า ลดความรู้สึกเหนื่อยล้าลงได้ ภายใน 2 ชั่วโมง
  • ภูมิคุ้มกันต่ำ วิตามินซีช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย มีบางการศึกษารายงานว่าวิตามินซีสามารถป้องกันโรคบางชนิดได้ ยกตัวอย่างเช่น โรคปอดติดเชื้อ, โรคติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ และอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและมะเร็งบางชนิดได้ด้วย
  • สูญเสียการมองเห็น หากมีอาการของโรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อม การขาดวิตามินซีอาจทำให้อาการยิ่งแย่ลงได้ เพราะวิตามินซีในอาหารสามารถช่วยป้องกันต้อกระจกได้ แต่อย่างไรก็ตามหลักฐานทางวิชาการสนับสนุนเหตุผลดังกล่าวนั้นยังไม่เพียงพอ
  • มีอาการของโรคลักปิดลักเปิด หากได้รับปริมาณวิตามินซีน้อยกว่าหรือเท่ากับ 10 มิลลิกรัม/วัน อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคลักปิดลักเปิด หรือมีอาการปวดข้อ, กระดูกเปราะบาง, เล็บแตก เป็นต้น แต่หากได้รับปริมาณวิตามินซีเพิ่มขึ้น อาการดังกล่าวจะค่อยๆหายไป ภายใน 3 เดือน
วิตามินซี

เติมน้ำให้ผิว ด้วย ผลิตภัณฑ์ aox ferulic ทำให้ผิวดูฉ่ำน้ำ เหมือนกินส้มทั้งสวน

สุขภาพและลักษณะที่ปรากฏของผิวของเราได้รับอิทธิพลจากปัจจัยต่างๆ และสิ่งสำคัญประการหนึ่งคือการให้ความชุ่มชื้น การให้ความชุ่มชื้นที่เพียงพอเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการรักษาสุขภาพผิวและดูอ่อนเยาว์ เมื่อผิวของเราขาดความชุ่มชื้น ก็จะแห้ง ลอกเป็นขุย และเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ อย่างไรก็ตาม มีผลิตภัณฑ์ที่สามารถช่วยเติมและรักษาความชุ่มชื้นในผิวได้ เช่น ผลิตภัณฑ์ aox ferulic จาก mesoestetic ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้รับการกำหนดสูตรด้วยส่วนผสมเฉพาะที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและให้ประโยชน์มากมายสำหรับผิว 

aox ferulic ตัวช่วยเรื่องของการให้ความชุ่มชื้นที่ดีและส่งผลต่อสุขภาพผิว 10x

  • น้ำมีบทบาทสำคัญในการทำงานของร่างกาย และผิวของเราก็ไม่มีข้อยกเว้น ผิวหนังเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดและทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันสิ่งภายนอก เมื่อผิวของเรามีความชุ่มชื้นเพียงพอ มันจะทำหน้าที่ได้ดีที่สุด ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ผิวที่ชุ่มชื้นจะอวบอิ่มและอ่อนนุ่ม ช่วยลดเลือนเส้นริ้วและรอยเหี่ยวย่น ในทางกลับกัน ผิวที่ขาดน้ำสามารถนำไปสู่ความแห้งกร้าน ลอกเป็นขุย และผิวหมองคล้ำได้ นอกจากนี้ การขาดน้ำเป็นเวลานานสามารถเร่งกระบวนการชรา ทำให้ผิวสูญเสียความกระชับและความยืดหยุ่น ดังนั้นการรักษาระดับความชุ่มชื้นที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผิวที่มีสุขภาพดีและเปล่งปลั่ง

ผลิตภัณฑ์ aox ferulic  ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นของผิว ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ประกอบด้วยส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระและกรดเฟอรูลิก ซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อให้ประโยชน์หลายประการแก่ผิว สารต้านอนุมูลอิสระปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระซึ่งเป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียรที่สามารถทำลายเซลล์และเร่งกระบวนการชราได้ กรดเฟอรูลิกซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพช่วยต่อต้านอนุมูลอิสหระและป้องกันความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ aox ferulic   มักจะมีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นอื่นๆ เช่น กรดไฮยาลูโรนิก ซึ่งจะดึงดูดและรักษาความชุ่มชื้นในผิว ด้วยการรวมผลิตภัณฑ์ aox ferulic เข้ากับขั้นตอนการดูแลผิวของเรา เราสามารถเพิ่มความสามารถของผิวในการกักเก็บความชุ่มชื้น ส่งผลให้ผิวชุ่มชื้นและมีสุขภาพดี