“สิวอุดตัน” ปัญหาเล็กๆ ที่สามารถสร้างความเสียหายต่อสภาพผิวหน้าของคุณได้อย่างง่ายดายหากไม่ได้รับการรักษาอย่างไม่ถูกต้อง ไม่เพียงทำให้ผิวหน้าขรุขระไม่เรียบเท่านั้นแต่ยังสามารถทิ้งจุดด่างดำ รอยสิวหรือแม้แต่หลุมสิวขนาดใหญ่ให้เกิดขึ้นได้ มิหนำซ้ำยังสามารถทำลายความมั่นใจให้กับหลายๆคนได้อีกด้วย สิวอุดตันมาจากไหน เมื่อเป็นแล้วมีวิธีในการรักษาที่ถูกต้องอย่างไร วันนี้เรามาไขข้อข้องใจนี้ด้วยกัน
สิวอุดตัน คืออะไร ?
สิวอุดตัน หรือที่เรียกชื่อทางการแพทย์ว่า Comedones เป็นเม็ดสิวขนาดเล็กที่ฝังตัวอยู่ใต้ผิวหนังโดยที่ไม่เกิดอาการอักเสบใดๆ เป็นสิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน เป็นการจับตัวกันของสิ่งตกค้างที่อยู่ใต้ผิวหนัง หมักหมมนานเข้าแล้วเกิดการอุดตัน นอกจากนั้นยังรวมถึงไขมันที่ผลิตขึ้นมเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวบนใบหน้าที่ไม่สามารถขับออกมาได้ โดยลักษณะมักจะเป็นตุ่มนูนเล็กๆที่สังเกตเห็นได้ เมื่อลูบดูจะรู้สึกว่าผิวหนังมีความนูนเป็นไตอยู่ใต้ผิวหนัง อาจเกิดการระคายเคืองหรือมีอาการบวมแดงได้ มักต้องใช้เวลาในการรักษาพอสมควร และสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีก ในสิวอุดตันบางประเภท หากไม่รีบทำการรักษาอย่างถูกต้อง ก็สามารถพัฒนาจนกลายเป็นสิวอักเสบได้หากมีการติดเชื้อเกิดขึ้น
สิวอุดตัน ขึ้นที่ไหนได้บ้าง
จริงๆแล้ว เราสามารถพบสิวอุดตันได้ทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งแต่ละบริเวณที่พบก็เกิดจากสาเหตุที่แตกต่างกัน โดยสามารถพบสิวอุดตันในจุดต่างๆ ดังต่อไปนี้
- สิวอุดตันที่หน้าผาก
หน้าผาก เป็นบริเวณที่พบสิวอุดตันได้มากที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวผสม เนื่องจากเป็นจุดที่เรียกว่า T-Zone ซึ่งเป็นจุดที่มีจำนวนต่อมไขมันมาก นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มีการผลิตน้ำมันออกมามากกว่าผิวในบริเวณอื่น นอกจากนั้นยังมีสาเหตุมาจากการอุดตันของสิ่งสกปรกต่างๆ หรือปัจจัยที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น การดูแลเส้นผมได้ไม่ดี การสวมหมวกทำให้อับชื้น รวมถึงการใช้ผ้าโพกศีรษะที่ไม่สะอาด เป็นต้น - สิวอุดตันที่คาง
สิวอุดตันที่บริเวณคาง เป็นอีกหนึ่งจุดที่ผู้คนเป็นกันมาก และมักจะมีปัญหาเกิดสิวซ้ำซาก โดยสิวอุดตันในบริเวณนี้จะเป็นหัวชัดเจน มีลักษณะเป็นก้อนแข็ง ถ้าเป็นสิวที่ไม่ได้อยู่ลึกมาก ก็สามารถกดออกได้โดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เนื่องจากอาจเกิดรอยแผลเป็นได้ง่ายหากกดไม่ถูกวิธี - สิวอุดตันที่แก้ม
สิวอุดตันที่บริเวณแก้ม เกิดจากการสะสมของสิ่งสกปรกบนผิวหน้า แล้วล้างออกได้ไม่สะอาดหรือล้างไม่ถูกวิธี ซึ่งเป็นการใช้เครื่องสำอางหรือสกินแคร์ที่มีส่วนผสมบางอย่างที่ทำให้เกิดการอุดตันได้ง่าย การใช้เครื่องมือในการแต่งหน้าที่ไม่สะอาด จำพวกแปรง พัฟหรือฟองน้ำ การไม่เปลี่ยนผ้าห่ม ปลอกหมอนหรือเครื่องนอนต่างๆในห้อง รวมถึงการสวมหน้ากากอนามัยเป็นเวลานาน ทำให้เกิดการหมักหมม และการแพ้สารเคมีต่างๆด้วยเช่นกัน - สิวอุดตันที่หลัง
สิวอุดตันที่หลัง มีสาเหตุมาจากการอุดตันของรูขุมขน เชื้อแบคทีเรีย ความมัน รวมถึงเซลล์ผิวที่ตายแล้ว นอกจากนั้น ยังสามารถเกิดจากการใส่เสื้อผ้าที่แน่นจนเกินไป เมื่อปะทะกับอากาศร้อน ทำให้มีเหงื่อออกในเสื้อแล้วเกิดการหมักหมมขึ้น รวมถึงสาเหตุจากฮอร์โมนและพันธุกรรมอีกด้วย
ประเภทของ สิวอุดตัน
เราสามารถแบ่งประเภทของสิวอุดตันตามลักษณะการมองเห็นได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ดังต่อไปนี้
สิวอุดตันที่สามารถมองเห็นได้
สิวอุดตันประเภทนี้สามารถที่จะมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ แบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ
- สิวอุดตันหัวเปิด (Open Comedone) หรือที่เรียกกันว่า สิวหัวดำหรือสิวหัวเปิด ซึ่งสามารถมองเห็นหรือสังเกตได้อย่างชัดเจนด้วยตาเปล่า โดยจะมีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็กน้อย มีจุดสีดำอยู่ตรงกลางหัวสิว เกิดจากการอุดตันของเส้นขน เนื้อเยื่อและไขมันที่อยู่ภายในรูขุมขน โดยเม็ดสีที่เซลล์ผิวหนังที่เรียกว่าเมลานิน (Melanin) จะไปทำปฏิกิริยากับสารที่อุดตันแล้วเปลี่ยนเป็นสีดำ เมื่อสารที่ว่านั้นโผล่พ้นขึ้นมาเหนือผิวและสัมผัสกับออกซิเจน หากรักษาไม่ถูกวิธีมีโอกาสพัฒนาไปเป็นสิวอักเสบหรือหลุมสิวได้
- สิวอุดตันหัวปิด (Close Comedone) นิยมเรียกสิวอุดตันประเภทนี้ว่า สิวอุดตันไม่มีหัวหรือสิวหัวขาว ซึ่งมีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆสีขาวหรือสีใกล้เคียงกับสีผิวของแต่ละคน นูนขึ้นมาจากผิวหนังเพียงเล็กน้อย สิวอุดตันลักษณะนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ไปอุดตันอยู่ภายในรูขุมขน แต่ไม่ได้โผล่ขึ้นมาสัมผัสกับออกซิเจนในอากาศ จึงยังมองเห็นเป็นสีขาวอุดตันอยู่ในผิวหนัง
สิวอุดตันที่ไม่สามารถมองเห็นได้
สิวอุดตันที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ทางการแพทย์เรียกว่า Microcomedone เป็นสิวที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) ถูกกระตุ้น ทำให้เกิดการหลั่งไขมันออกมามากกว่าปกติ มักเกิดในช่วงวัยรุ่น มักจะหายไปได้เอง แต่ในบางกรณีอาจมีการอักเสบร่วมด้วย ต้องได้รับการรักษาเป็นอย่างดี ไม่เช่นนั้นจะทำให้กลายเป็นสิวประเภทอื่นตามมา
ที่มาและสาเหตุของ สิวอุดตัน
โดยปกติเซลล์ผิวหนังกำพร้าชั้นบนที่เรียกว่า Keratinocytes จะต้องมีการผลัดเซลล์และหลุดออกไปจากรูขุมขน แต่ความผิดปกติในส่วนนี้คือมีการเพิ่มจำนวนเซลล์ผิวหนังที่มากเกินไปและมีการผลัดเซลล์ผิวที่ช้ากว่าปกติ ทำให้เกิดการจับตัวกันแล้วไปอุดตันรูขุมขนเอาไว้ หรือถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คือเกิดการอุดตันของเซลล์เยื่อบุผิวหนังที่ตายแล้ว ในขณะที่ภายในรูขุมขนจะมีน้ำมันที่ถูกผลิตออกมาจากต่อมไขมันที่เรียกว่าซีบัม (Sebum) และพวกเคราติน แต่ไม่มีทางที่จะออกมาได้ เมื่อไปรวมตัวกับแบคทีเรียประจำถิ่นที่เรียกว่าแบคทีเรีย C.acnes ซึ่งอาศัยอยู่ตามผิวหนัง รูขุมขน และต่อมไขมัน และสิ่งสกปรกอื่นๆที่ค้างอยู่ในรูขุมขนไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง เครื่องสำอาง หรือเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ก็จะกระตุ้นให้เกิดสิวอุดตันในลักษณะต่างๆขึ้น รวมถึงโรคผิวหนังอักเสบอื่นๆด้วย นอกจากนั้นแล้วการเกิดสิวอุดตันยังมีปัจจัยอื่นๆที่มากระตุ้นดังต่อไปนี้
- ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (Testosterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชาย ทำงานหนักมากจนเกินไป จนทำให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเทอโรน ซึ่งแรงกว่าและส่งผลกระทบต่อผิวหนังได้มากกว่า
- ปริมาณของกรดไขมันไลโนเลอิค (linoleic Acid) ที่ถูกผลิตจากต่อมไขมันลดลง ส่งผลให้ระบบการปกป้องผิวชั้นในลดต่ำลง
- ผิวมีการสัมผัสกับพวกสารเคมีต่างๆที่มีส่วนประกอบของน้ำมัน เช่นในเครื่องสำอาง แชมพู รวมถึงครีมหรือเจลต่างๆล้วนส่งผลต่อการเกิดสิวอุดตันได้ทั้งสิ้น
- ในช่วงก่อนมีรอบเดือน ทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวอุดตันขึ้นได้เช่นกัน
- มีการกระตุ้นให้ผิวหน้าเกิดการระคายเคือง เช่นการบีบสิว การขัดผิวหน้า การทำเลเซอร์ รวมถึงการลอกหน้าผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมีบ่อยๆ
- การสูบบุหรี่ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เพิ่มโอกาสในการเป็นสิวอุดตันได้ง่ายขึ้น
- การรับประทานอาหารก็ส่งผลต่อการเกิดสิวอุดตันได้ โดยเฉพาะอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล หรือไขมันที่มากจนเกินไป
- มลภาวะต่างๆทั้งฝุ่นละอองหรือควัน ล้วนแต่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้และเกิดสิวอุดตันได้ง่าย รวมถึงอากาศที่ร้อนมากจนเกินไป ทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น
- พฤติกรรมการล้างหน้าบ่อยจนเกินไป รวมถึงการล้างหน้าไม่สะอาด ทำให้มีสิ่งสกปรกตกค้างอยู่บนผิวหนังและเกิดการอุดตันได้ง่าย
- ลักษณะการสวมใส่เสื้อผ้าที่หนามากเกินไป การใส่หมวก ผ้าโพกหัวต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทำให้เกิดเหงื่อไคลและสิ่งสกปรกหมักหมม
- กรรมพันธุ์
- การสูบบุหรี่ เป็นการเพิ่มโอกาสในการเกิดสิวอุดตันได้มากขึ้น
- ความเครียด ทำให้ระดับของฮอร์โมนเกิดการเปลี่ยนแปลง และเป็นที่มาของสิว
การวินิจฉัยเกี่ยวกับ สิวอุดตัน
ในกรณีที่สิวอุดตันเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะลุกลามกลายเป็นสิวในลักษณะอื่นต่อไป ขอแนะนำให้ไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อจะได้มั่นใจในการตรวจ วินิจฉัย และรับการรักษาอย่างถูกต้อง ซึ่งในขั้นตอนการวินิจฉัยของแพทย์จะมีการซักประวัติเกี่ยวกับการรักษา ช่วงเวลาของการมีประจำเดือนในผู้ป่วยที่เป็นผู้หญิง เนื่องจากสิวอุดตันมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับระดับฮอร์โมนในร่างกายด้วย ซึ่งลักษณะสิวอุดตันที่แพทย์มักจะวินิจฉัยมักมีระดับความรุนแรงดังต่อไปนี้
- สิวอุดตันน้อยกว่า 20 จุด นับเป็นสิวอุดตันที่มีระดับไม่รุนแรง
- สิวอุดตัน 20-100 จุด นับเป็นสิวอุดตันระดับปานกลาง
- สิวอุดตันมากกว่า 100 จุด นับเป็นสิวอุดตันระดับรุนแรง
แนวทางการรักษาสิวอุดตัน
การรักษาด้วยยา
ในการรักษาสิวอุดตัน ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการ ถ้าไม่ได้มีความรุนแรงมาก สามารถที่จะรักษาเองได้เบื้องต้นโดยการซื้อยามาทาน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำอย่างถูกต้องจากเภสัชกรและซื้อจากร้านขายยาที่มีใบรับรองอย่างถูกต้อง ตัวอย่างยาที่สามารถทำมาใช้รักษาสิวอุดตันในระดับไม่รุนแรง เช่น
- เบนซิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide)
- กรดซาลิไซลิค (Salicylic Acid)
- กรดอะซีลาอิค (Azelaic Acid)
- กรดไกลโคลิค (Glycolic Acid)
- เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide
- พีเอชเอ (PHA)
มีข้อควรสังเกตและควรระวังในการใช้ยาเหล่านี้ในการรักษาสิวอุดตัน คือตัวยามักจะช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ทำให้หัวสิวเปิดและหลุดออกมาได้ง่ายมากขึ้น แต่มักจะทำให้ผิวไวต่อแสงและส่วนใหญ่มักมีส่วนผสมของกรดอาจจะทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคือง ผิวลอก หรือเป็นจุดดำในบริเวณที่ทาได้ จึงแนะนำให้ทาครีมที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวควบคู่ด้วย แต่ถ้าหากอาการไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาสิวอุดตันได้อย่างตรงจุดต่อไป ซึ่งส่วนใหญ่แพทย์จะมีแนวทางในการใช้ยาเพื่อรักษาดังต่อไปนี้
- ใช้ยาที่มีส่วนประกอบของเรตินอยด์ (Retinoids) รักษาเฉพาะจุดที่เกิดสิว
- ใช้ยาปฏิชีวนะ สามารถรักษาสิวอุดตันในบางกรณี
- ใช้ยาปรับฮอร์โมน โดยทั่วไปแพทย์จะให้รับประทานยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวม เพื่อเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิง ช่วยให้สิวอุดตันลดลงได้
การบำบัดด้วยวิธีอื่นๆ
นอกจากการใช้ยาแล้ว ยังมีการใช้เทคโนโลยีทางด้านความงามและการบำบัดด้วยวิธีอื่นๆร่วมด้วย ดังนี้
- การบำบัดรักษาโดยใช้ความเย็นหรือที่เรียกว่า Cryotherapy ในวิธีการนี้แพทย์จะใช้เครื่องพ่นไนโตรเจนเหลวหรือคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีอุณหภูมิต่ำไปยังจุดของผิวหนังที่ต้องการรักษาในระยะเวลาสั้นๆเพื่อทำให้สิวอุดตันแห้งลงและจะหลุดออกมาเมื่อล้างหน้า
- การจี้ด้วยไฟฟ้า (Electrosurgery) วิธีการนี้แพทย์จะใช้เครื่องมือจี้ไฟฟ้าไปบนบริเวณผิวหนังที่ต้องการ โดยพลังงานความร้อนจะช่วยกำจัดสิวที่อุดตันอยู่ให้หมดไป
- การกรอผิว (Microdermabrasion) เป็นอีกหนึ่งวิธีที่นิยมใช้ โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือที่ประกอบด้วยผลึกคริสตัลขนาดเล็กกรอบริเวณที่เป็นสิว ทำให้สิวอุดตันหลุดออกมา พร้อมทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้เซลล์เนื้อเยื่อผิวหนังบริเวณนั้นเจริญขึ้นมาใหม่ได้อีกด้วย
- การกดสิว ถึงแม้ว่าการกดสิวจะช่วยให้หัวสิวหลุดออกมาจากชั้นผิวหนังได้เร็วขึ้น แต่ควรทำกับแพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะถ้ากดสิวไม่ถูกวิธีหรือกดออกไม่หมด อาจทำให้เกิดเป็นสิวอักเสบ ทิ้งรอยแดงรอยดำและรอยแผลเป็นที่ยากต่อการรักษาเอาไว้ได้
- การเลเซอร์ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยในการรักษาสิวอุดตันที่ได้ผลเร็ว แต่มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงและเพื่อผลลัพธ์ที่คุ้มค่าที่มาพร้อมกับความปลอดภัย ควรทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเท่านั้น
- การฉีดเมโสหน้าใส หรือมาเด้คอลลาเจน เป็นการฉีดวิตามินและสารสกัดที่มีประโยชน์เข้าสู่ผิวโดยตรง เพื่อการบำรุงและฟื้นฟูผิวที่มีความเสื่อมสภาพ พร้อมแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นบนผิวหนังและนอกจากการเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวแล้ว ยังสามารถช่วยลดสิว แก้ผดผื่น ช่วยลดการอักเสบ ช่วยขับสารพิษ ทั้งช่วยให้ต่อมไขมันทำงานลดลง ซึ่งจะส่งผลให้สิวลดลงได้ด้วย
การรักษาด้วยสมุนไพรธรรมชาติ
การรักษาด้วยสมุนไพรธรรมชาติ มักใช้ได้ผลในกลุ่มอาการที่ไม่รุนแรง โดยจะช่วยในการกำจัดสิวที่อุดตัน กำจัดเชื้อแบคทีเรีย ลดความมันบนใบหน้าโดยไม่ทำให้เกิดการอุดตัน มีสูตรมาสก์ที่ช่วยบรรเทาอาการสิวอุดตันหลายสูตรเช่น
- สูตรไข่ขาว มะนาว นำมาผสมกันพอกทิ้งไว้15-20 นาทีแล้วล้างออก
- สูตรมะขามเปียกนมสด นำมาผสมกันจนข้นแล้วพอกหน้าทิ้งไว้ 10-15 นาที
- สูตรโยเกิร์ต ทาทิ้งไว้ทั่วหน้า 15-20 นาทีแล้วล้างออก
การปฏิบัติตัวขณะรักษาสิวอุดตัน
ในระหว่างการรักษาสิวอุดตัน มีแนวทางการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องร่วมด้วยเพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังต่อไปนี้
- เลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นสิวอุดตัน ที่สำคัญอย่าแกะ บีบหรือเกา เพราะอาจจะทำให้เชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายไปยังพื้นผิวบริเวณอื่น ส่วนการแกะหรือบีบสิว อาจทำให้เกิดการระคายเคือง ทิ้งรอยด่างดำและเกิดแผลเป็นในเวลาต่อมาได้
- ล้างหน้าให้สะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพผิวด้วยน้ำสะอาดวันละ 2ครั้ง
- เลือกใช้เครื่องสำอางที่ได้มาตรฐาน มีการรับรองขององค์การอาหารและยา(อย.) ไม่มีส่วนประกอบของน้ำมัน หรือสารอันตรายต่างๆและไม่ทำให้เกิดการอุดตัน
- ไม่สูบบุหรี่ เพราะบุหรี่คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดสิวอุดตัน
การป้องกัน สิวอุดตัน
“กันไว้ดีกว่าแก้” เป็นแนวทางที่ดีที่สุด ที่จะช่วยให้คุณไม่ต้องทนทุกข์กับสิวอุดตันที่เกิดขึ้นทั่วใบหน้า สามารถทำได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวหน้า ดังต่อไปนี้
- รักษาความสะอาดบนใบหน้า ด้วยการล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ไม่มีน้ำมันเป็นส่วนผสม ไม่เป็นด่างเกินไป เพื่อช่วยลดความมัน กำจัดสิ่งสกปรก หลีกเลี่ยงการล้างหน้าบ่อยจนเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวหนังระคายเคืองได้ รวมถึงการไม่ขัดหรือถูหน้าแรงๆ นอกจากนั้น ก่อนล้างหน้าควรมีการล้างหรือเช็ดเครื่องสำอางออกก่อนเสมอ
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน(Non-comedogenic) ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน และช่วยควบคุมความมันบนใบหน้าที่ได้คุณภาพและมีการรับรองอย่างถูกต้อง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ เพราะจะเสี่ยงต่อการเกิดสิวเพิ่มขึ้น ไม่บีบสิว เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อและเกิดรอยแผลเป็น และเมื่อมีสิว ไม่ควรแกะ แคะ เกาหรือจับหน้าในบริเวณนั้นๆ เพราะจะเพิ่มโอกาสในการอักเสบขึ้นมาได้
- เนื่องจากแชมพูและครีมนวดบางชนิดมีส่วนผสมที่สามารถกระตุ้นให้เกิดสิวได้ ให้เลือกใช้ชนิดที่อ่อนโยน
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อควบคุมระดับฮอร์โมนและช่วยให้การทำงานของระบบต่างๆในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ
- หลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆที่อาจทำให้ผิวหนังอับชื้นหรือเกิดการเสียดสีที่มากเกินไปบริเวณผิวหนัง เช่นสวมใส่เสื้อผ้าหนาๆ หรือใส่หมวก รวมถึงการใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาก็มีส่วนทำให้เกิดสิวอุดตันได้เช่นกัน
- เมื่อมีสิวอุดตันที่รักษาด้วยยาทาสิวด้วยตัวเองแล้วอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง ให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อขอคำแนะนำและรับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป
- ลดการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลหรือไขมัน
- ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน โดยเฉลี่ย 8-10 แก้วต่อวันหรือประมาณ 2 ลิตร
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่นอนดึก เพื่อให้เซลล์ผิวได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ในขณะที่นอนหลับ
- หากิจกรรมทำคลายเครียด เพื่อให้จิตใจแจ่มใส เนื่องจากเมื่อมีภาวะความเครียดเกิดขึ้น จะส่งผลให้ระบบฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวน
สารพัดคำถามเกี่ยวกับสิวอุดตัน
Q: การกดหรือบีบสิวอุดตัน ช่วยให้สิวหายเร็วขึ้นจริงหรือไม่?
A: ในช่วงที่เป็นสิวอุดตัน สามารถกดออกได้ แต่จะต้องทำกับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เนื่องจากมีเทคนิคเฉพาะที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เนื้อเยื่อช้ำ เกิดรอยแดงหรือทิ้งรอยสิวเอาไว้ เพราะหากกดสิวไม่ถูกต้อง อาจเป็นการดันหัวสิวให้ลึกลงไปมากกว่าเดิม ทำให้เกิดเป็นหนองแตกแทรกในชั้นผิว นำไปสู่การอักเสบและเกิดเป็นรอยแผลเป็นได้ และที่สำคัญต้องใช้เครื่องมือที่สะอาดด้วย
Q: สิวอุดตันสามารถกลายเป็นสิวอักเสบได้หรือไม่?
A: สิวอุดตันที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและถูกวิธี สามารถพัฒนาไปสู่การเป็นสิวอักเสบและหลุมสิวได้ไม่ยาก
Q: สิวอุดตันหายเองได้หรือไม่?
A: สิวอุดตันในบางส่วน สามารถทายาหรือแต้มยาละลายหัวสิวแล้วหายได้ แต่กรณีที่มีสิวอุดตันเป็นจำนวนมาก แล้วไม่หาย และส่งสัญญาณว่าจะกลายเป็นสิวอักเสบในไม่ช้า แนะนำให้รีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างเร่งด่วน
Q: ใช้เวลานานแค่ไหนในการรักษาสิวอุดตัน
A: ในการรักษาสิวอุดตัน ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของแต่ละคน ใช้เวลามากน้อยไม่เท่ากัน นอกจากนั้นยังเกี่ยวข้องกับปัจจัยอื่นๆด้วย เช่น ระบบฮอร์โมนในร่างกาย การใช้ชีวิตประจำวัน และการให้ความสำคัญในการดูแลตัวเอง เป็นต้น
แก้ปัญหาเรื่องสิวอุดตันกับผลิตภัณฑ์ acnelan by mesoestetic
acnelan by mesoestetic เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูแล รักษาและฟื้นฟูสภาพผิวหน้าสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องสิวโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นสิวเรื้อรัง สิวอุดตัน หรือสิวอักเสบ โดยจะช่วยลดการอักเสบของสิว ทำให้สิวแห้งลง ช่วยลดรอยดำ พร้อมทั้งช่วยผลัดเซลล์ผิว และช่วยทำความสะอาดไขมันและสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ตามรูขุมขน ใช้ในการรักษาผู้ที่เป็นสิวในระดับรุนแรงเล็กน้อยไปจนถึงความรุนแรงในระดับปานกลางโดย acnelan by mesoestetic มีคุณสมบัติในการรักษาสิว ดังต่อไปนี้
- ช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันในต่อมไขมัน
- ช่วยป้องกันการหนาตัวของผิวชั้นนอก(regulate hyperkeratosis)
- ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ที่ทำให้เกิดสิว
- ช่วยลดการอักเสบของผิว
- ช่วยลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย
- ช่วยป้องกันและลดเลือนรอยแผลเป็นหลังการเกิดสิว
- ช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส ทำให้รอยดำจากสิวลดลงได้ไว
ซึ่งในส่วนของ acnelan by mesoestetic ที่เราแนะนำ มีดังต่อไปนี้
- acnelan multifactor mask
เป็นเจลมาส์กหน้าสูตรเข้มข้น เพื่อช่วยฟื้นบำรุงปัญหาผิวที่มีสาเหตุมาจากการเกิดสิว พร้อมทั้งช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพ นอกจากนั้นยังสามารถทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึกโดยไม่ทำให้รูขุมขนอุดตัน - post-peel neutralizing spray
เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้ควบคู่กับ acnelan multifactor mask ที่จะช่วยปรับสภาพผิวให้อยู่ในภาวะที่สมดุล ด้วยค่า pH 8.6 พร้อมทั้งช่วยปลอบประโลมผิว - pore sealing shield
เป็นสารบำรุงผิวสูตรเข้มข้น ที่ช่วยปลอบประโลมผิว พร้อมทั้งช่วยกระชับรูขุมขน รวมถึงการปกป้องผิว และคงไว้ซึ่งผลลัพธ์ที่ยาวนานขึ้น
สิวอุดตัน ปัญหาเล็กๆที่อาจก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ลุกลามจนกลายเป็นสิวอักเสบเรื้อรังหรือหลุมสิว หลุมพระจันทร์ได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ดังนั้นเมื่อเกิดสิวอุดตันควรหาโอกาสไปปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและรับการรักษาที่ได้ผลลัพธ์ตรงจุด ที่สำคัญไม่ทิ้งรอยแผลเป็น ไม่ทิ้งรอยด่างดำให้ต้องมานั่งกลุ้มใจกันอีกด้วย