ใครจะเชื่อว่าเปลือกมะนาวหรือเปลือกส้ม จะอุดมไปด้วยสารที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพและความงามอย่าง เฮสเพอริดิน (Hesperidin) ซึ่งในปัจจุบันได้มีการศึกษาและมีงานวิจัยมากมายที่บ่งชี้ว่าสารชนิดนี้สามารถช่วยรักษาและบรรเทาอาการความผิดปกติของร่างกายได้ในหลายๆโรค ดังนั้น จึงถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์ในแง่ของการรักษาโรค และพร้อมกันนั้น ก็ได้นำไปเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเครื่องสำอางมากมาย เพื่อช่วยต้านอนุมูลอิสระให้กับผิว ทั้งยังช่วยปลอบประโลมผิวที่มีการระคายเคืองหรือแพ้ง่ายได้อีกด้วย แท้จริงแล้วสารเฮสเพอริดิน (Hesperidin) คืออะไร มีประโยชน์หรือข้อบ่งชี้ในการใช้อย่างไรบ้าง เราไปหาคำตอบในบทความนี้ด้วยกัน
รู้จักสารเฮสเพอริดิน (Hesperidin)
Hesperidin (เฮสเพอริดิน) มีชื่อสามัญ คือ Hesperidin เป็นสารเคมีทีได้จากพืช ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มของ “ไบโอฟลาโวนอยด์ (bioflavonoid) หรือ วิตามินพี มีสูตรทางเคมี คือ C28H34O15 มีมวลโมเลกุล 610.565 g/mol-1 สารชนิดนี้ถูกค้นพบครั้งแรกโดย Lebreton โดยส่วนใหญ่พบในผลไม้ตระกูลซีทรัซ เช่น ส้ม มะนาว และผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เป็นต้น สารดังกล่าวจะถูกแยกออกจากเปลือกชั้นสีขาวหรือเปลือกใน (mesocarp) และจากการทดสอบด้วยวิธีที่เรียกว่า thin-layer chromatography พบว่าสารสกัดเปลือกส้มที่สกัดด้วยน้ำร้อน จะประกอบด้วย hesperidin ซึ่งเป็นชนิดของสารประกอบที่มีผลในการต้านอนุมูลอิสระ
แหล่งที่มาของ สารเฮสเพอริดิน (Hesperidin)
เราสามารถพบสาร Hesperidin(เฮสเพอริดิน) ได้ในพืชและผลไม้ตระกูลส้ม ไม่ว่าจะเป็น ส้ม (citrus) หรือในวงศ์ Rutaceae เช่น ส้ม ส้ม ส้มโอ ส้มซ่า ส้มโอมือ ส้มเช็ง เลมอน หรือเกรพฟรุต โดยส่วนใหญ่จะพบสาร Hesperidin (เฮสเพอริดิน)ที่บริเวณเปลือกของผล โดยจากผลการศึกษาในพืชและผลไม้ที่เป็นแหล่งของสารดังกล่าวนั้น พบว่าในปริมาณ 100 กรัมเท่ากัน พบ Hesperidin (เฮสเพอริดิน)ในน้ำส้มเลือด44 มิลลิกรัม , ในส้ม (ไม่ระบุ) 26 มิลลิกรัม,มะนาว 18 มิลลิกรัม และในน้ำส้มโอ 1 มิลลิกรัม และด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้ในปัจจุบันได้มีการสกัดเพื่อนำสาร Hesperidin (เฮสเพอริดิน) จากพืชในตระกูลส้ม เพื่อนำมาเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกันอย่างแพร่หลายอีกด้วย
ปริมาณของสารเฮสเพอริดิน (Hesperidin) ที่ควรได้รับ
ขนาดหรือปริมาณของสารเฮสเพอริดิน (Hesperidin)ที่ควรได้รับ เพื่อการรักษาขึ้นอยู่กับอาการหรือโรค ในอดีตไม่ได้มีการกำหนดข้อบ่งใช้อย่างชัดเจน แต่โดยส่วนใหญ่จะใช้ควบคู่กับสาร Diosmin ซึ่งใช้ในการรักษาโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือด ยกตัวอย่างเช่น ใช้เพื่อรักษาริดสีดวงทวาร มักใช้เฮสเพอริดิน (Hesperidin) ขนาด 150 มิลลิกรัมกับ ไดออสมิน (Diesmin) ขนาด 1350 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ทานติดต่อกัน 4 วัน หรือใช้เฮสเพอริดิน ขนาด 100 มิลลิกรัมคู่กับ ไดออสมิน 900 มิลลิกรัม ในการรักษาภาวะเลือดคั่ง (venous stasis ulcers) โดยให้รับประทานทุกวันติดต่อกัน 2 เดือน เป็นต้น และในปัจจุบัน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้มีการกำหนดข้อบ่งชี้ในการใช้สารเฮสเพอริดิน (Hesperidin)ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เมื่อวันที่7 สิงหาคม 2560 โดยได้ระบุขนาดรับประทานสารเฮสเพอริดินที่สกัดจากมะนาว ไลม์ ส้มเขียวหวาน ส้ม ส้มเกลี้ยง ได้ไม่เกิน20 มิลลิกรัม/วัน
การวิจัยเกี่ยวกับสารเฮสเพอริดิน (Hesperidin)
ในปัจจุบันได้มีการวิจัยเกี่ยวกับสารเฮสเพอริดิน (Hesperidin)ที่เกี่ยวข้องกับการออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยามากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- ออกฤทธิ์ในการยับยั้งการติดเชื้อไวรัส โดยได้มีการวิจับแล้วพบว่าสารสกัดน้ำเดือดจากผลส้มเกลี้ยง(Citrus aurantium L.) สามารถยับยั้งการติดเชื้อโรต้าไวรัส (rotavirus) ที่เป็นสาเหตุสำคัญของอาการท้องเดิน ที่พบมากในเด็กทารกหรือเด็กเล็กได้ ซึ่งได้มีการทดลองในเซลล์เพาะเลี้ยง(in vitro)ของสารที่แสดงฤทธิ์อย่างฮสเพอริดิน (hesperidin) และนีโอเฮสเพอริดิน (neohesperidin) พบว่ามีค่าความเข้มข้นที่สามารถยับยั้งการติดเชื้อไวรัส 50% (IC50)เท่ากับ 10 และ 25 ไมโครโมลาร์ ตามลำดับ
- ออกฤทธิ์ในการลดความดันโลหิต
ได้มีการทดลองกับหนูเพศผู้ที่ถูกทำให้เกิดภาวะความดันเลือดสูงด้วยสารแอลเนม (40 มก./กก./วัน) ในน้ำกลั่นหรือได้รับร่วมร่วมกับการป้อน สารเฮสเพอริดิน(15 และ 30 มก./กก./วัน) เป็นเวลา 5 สัปดาห์ โดยมีการวัดความดันซิสโทลิกสัปดาห์ละครั้งและได้มีการประเมินการทำงานของหลอดเลือดเอออตาร์และมีเซนเทอริกพบว่าหนูทดลองที่ได้รับสารแอลเนมมีความดันเลือดสูงและลดการตอบสนองของหลอดเลือดต่อสารอะซิติลโคลีน แต่ในขณะที่สารเฮสเพอริดินสามารถช่วยป้องกันการเพิ่มขึ้นของความดันเลือด ทั้งยังช่วยบรรเทาการทำงานของหลอดเลือดที่ผิดปกติจากสารแอลเนมได้ด้วย - ออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและป้องกันระบบประสาท
ได้มีการศึกษาถึงกลไกการป้องกันและผลของการป้องกันระบบประสาทของเฮสเพอริดินพบว่า สารชนิดนี้ได้ช่วยในการปรับวิถีการส่งสัญญาณของเซลล์ประสาท พร้อมทั้งสามารถเสริมสร้างการเรียนรู้และความจำ และนอกจากนั้นยังมีศักยภาพในการรักษาความเสื่อมของโรคที่มีความเกี่ยวข้องกับระบบประสาทได้อีกด้วย โดยการทดลองใช้หนูจำนวน 24 ตัว สายพันธุ์ Sprague Dawley อายุ 4-5 สัปดาห์ - จากงานวิจัยอื่นๆยังพบว่า สารเฮสเพอริดิน (Hesperidin) มีฤทธิ์ในการลดน้ำตาลในเลือด ยับยั้งการอักเสบ ลดระดับไขมันในเลือดและยับยั้งเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย นอกจากนั้นแล้ว ยังมีงานวิจัยอีกหลายฉบับในระดับนานาชาติ ได้ระบุเอาไว้ว่าสารเฮสเพอริดีนในเปลือกมะนาว อาจจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ ในกลุ่ม Influenza A Virus และ Coronaviruses เช่น SARS MERS และ COVID-19 ได้ด้วย โดยได้ทดลองกับหนู แล้วพบว่าสารชนิดนี้สามารถเข้าไปดักจับกับโปรตีนที่เป็นตัวรับ(Protein receptor) ชื่อ ACE2 (Angiotensin Converting Enzyme 2) ของเซลล์ร่างกายได้ ซึ่งสารนี้จะช่วยขัดขวางไม่ให้ spike โปรตีนของไวรัสสามารถเกาะกับเซลล์ร่างกาย ทำให้สามารถเลี่ยงการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้ โดยเฉพาะสารเฮสเพอริดีน ที่พบได้มากจากผลไม้ตระกูลส้มและมะนาว ทั้งจากมะนาวเหลือง (Lemon; limon) และมะนาวเขียว (Lime; C. aurantifolia) โดยพบได้มากตามส่วนต่างๆ เช่น เยื่อมะนาวชั้นใน (albedo, mesocarp) และผิวเปลือกมะนาวชั้นนอก (flavedo, epicarp)
- ออกฤทธิ์ช่วยต่อต้านโรคเรื้อรังต่างๆ
ในปัจจุบันได้มีการวิจัยมากมายถึงผลต่อสุขภาพของสารเฮสเพอริดีน และพบว่าสามารถช่วยต่อต้านโรคต่างๆได้มากมาย โดยจำเป็นต้องได้รับในปริมาณที่เหมาะสม เช่นโรคเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดหัวใจ ความผิดปกติในระบบประสาท และมะเร็งบางชนิด โดยจะช่วยลดภาวะเครียดจากออกซิเดชั่นและลดการอักเสบที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ รวมถึงช่วยลดความผิดปกติของเซลล์เยื่อบุในหลอดเลือดและลดระดับตัวบ่งชี้ของการอักเสบในผู้ป่วยที่เป็น metabolic syndrome ไม่เพียงเท่านั้น ยังสามารถช่วยลดความดันโลหิตในกลุ่มอาสาสมัครที่มีภาวะน้ำหนักเกินได้อีกด้วย
ประโยชน์และโทษสารเฮสเพอริดิน (Hesperidin)
สารเฮสเพอริดิน (Hesperidin) ที่ได้จากเปลือกส้ม ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ทั้งในด้านการดูแลสุขภาพร่างกายและการรักษาโรคที่หลากหลาย รวมถึงการนำมาใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง จำพวกครีมหรือโลชั่น เพื่อช่วยต้านอนุมูลอิสระของผิว โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ประโยชน์ของสารเฮสเพอริดิน (Hesperidin) ด้านสุขภาพร่างกาย
เรียกได้ว่าเป็นสารที่มีประโยชน์เป็นอย่างมากต่อสุขภาพสำหรับสารเฮสเพอริดิน (Hesperidin) เนื่องจากได้ถูกนำมาใช้ในการป้องกันและรักษาโรคมากมาย ดังต่อไปนี้
- โรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular)
ในการทดลองของนักวิจัยที่คลินิกแห่งหนึ่ง ได้มีการศึกษาโดยเชิญผู้เข้าร่วมจำนวน 159 คน ที่มีอายุระหว่าง18 – 65 ปี ที่มีปัญหาเกี่ยวกับความดันโลหิต หรือความดันโลหิตสูงระยะที่ 1 โดยให้รับประทานน้ำส้มที่มีส่วนผสมของสารเฮสเพอริดิน เป็นเวลา 12 สัปดาห์ต่อกัน พบว่าสามารถลดความดันโลหิตซิสโตลิกและความดันชีพจรได้ดี ยิ่งรับประทานสารเฮสเพอริดินในปริมาณที่มากเท่าไร ความดันโลหิตก็ยิ่งลดลงเท่านั้น และนอกจากนั้นยังได้มีการวิจัยอีกครั้ง โดยมีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 75 คน ที่มีช่วงอายุระหว่าง 40 – 65 ปี ที่เคยมีอาการหัวใจวาย ทางทีมวิจัยให้เสริมเฮสเพอริดินทุกวันเป็นเวลา 4 สัปดาห์ต่อกัน พบว่าสามารถลดการอักเสบลงได้ แต่การวิจัยดังกล่าว มีข้อจำกัดเนื่องจากได้ทดลองในกลุ่มคนที่มีภาวะความดันโลหิตสูงก่อนวัยอันควรและความดันโลหิตสูงระยะที่ 1เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่สามารถคาดการณ์ผลลัพธ์ที่ชัดเจนกับคนทั่วไปได้
- ช่วยระบบเมตาบอลิซึม (Metabolic)
ได้มีการศึกษาในปี 2016 โดยนักวิจัยได้ทำการทดลองในคลินิกกับคนจำนวน 64 คน ที่มีอายุระหว่าง 30 -65 ปี ที่มีประวัติเป็นโรคเบาหวานเป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปี โดยได้มีการใช้สารเฮสเพอริดินเป็นเวลา 6 สัปดาห์ พบว่าสามารถเพิ่มความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระและการควบคุมน้ำตาลในเลือด ทั้งยังช่วยลดความเสียหายของ DNA Oxidation และการเกิด lipid peroxidation ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ได้เช่นกัน และนอกจากนี้ ยังได้มีการทดลองกับคนอีกกลุ่มจำนวน 50 คน ที่มีอายุระหว่าง 18-70 ปี ที่เป็นโรคไขมันพอกตับที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (NAFLD) โดยให้ทานสารเฮสเพอริดิน 1 กรัมเป็นเวลา 12 สัปดาห์ต่อเนื่องกัน ทำร่วมกับการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย พบว่าอาการดีขึ้นมาก นอกจากนั้นแล้ว ยังมีการทดลองในอีกคลินิกหนึ่ง โดยทดลองกับคน 100 คนเกี่ยวกับโรคไขมันพอกตับที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (NAFLD) พบว่าการเสริมสารเฮสเพอริดินและ flaxseed เพียงอย่างเดียวหรือใช้ร่วมกัน เป็นเวลา 12 สัปดาห์ สามารถทำให้กระบวนการเผาผลาญน้ำตาลและไขมันดีขึ้น
- โรคเกี่ยวกับความจำ สมอง ประสาท (Cognitive)
ได้มีการศึกษาในกลุ่มหนุ่มสาวที่มีสุขภาพดีจำนวน 44 คน ที่มีอายุระหว่าง18 – 30 ปี โดยให้ดื่มน้ำส้ม 500 มล. ที่มีส่วนผสมของสารเฮสเพอริดินมากกว่า42 มก. พบว่าระบบการไหลเวียนของเลือดไปยังสมองเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่ดื่มไป 2 ชั่วโมง และนอกจากนั้น ยังได้ทดลองกับผู้สูงอายุที่มีสุขภาพแข็งแรง 37 คน ที่มีอายุระหว่าง 60 – 81 ปี โดยให้ดื่มน้ำส้มที่อุดมด้วยฟลาวาโนนที่มีเฮสเพอริดินและนาริรูตินทุกวันต่อเนื่องกัน พบว่าส่งผลดีต่อระบบการทำงานของสมอง และยังค้นพบด้วยว่ากลุ่มคนที่ดื่มน้ำส้มที่มีปริมาณเฮสเพอริดินสูงจะมีการทำงานของระบบสมองและมีความจำที่ดีกว่ากลุ่มที่ดื่มเฮสเพอริดินในปริมาณที่ต่ำกว่า
- ต้านอนุมูลอิสระ
เรียกได้ว่า สารเฮสเพอริดิน (Hesperidin) มีสารต้านอนุมูลอิสระ(Antioxidant) ที่ช่วยยับยั้งกระบวนการทำลายเซลล์ ช่วยต้านการอักเสบ ทั้งยังสามารถลดไขมันและลดคอเลสเตอรอลในร่างกายได้ด้วย รวมถึงช่วยยับยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งเต้านมและมะเร็งต่อมลูกหมาก
- สร้างความแข็งแรงให้ผนังหลอดเลือด
สารเฮสเพอริดิน (Hesperidin) สามารถช่วยให้ผนังหลอดเลือดมีความแข็งแรงและยืดหยุ่น ทั้งยังมีประสิทธิภาพในการลำเลียงเลือดให้กลับไปที่หัวใจ ช่วยลดปัญหาเส้นเลือดขอด เท้าบวม รวมถึงอาการตะคริวช่วงที่นอนหลับตอนกลางคืน ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเส้นเลือดฝอย นอกจากนั้น ยังช่วยลดอาการบวมคั่งของเลือดที่เกิดจากริดสีดวงทวารได้ด้วยเช่นกัน
- ยับยั้งการสูญเสียมวลกระดูก
สารเฮสเพอริดิน (Hesperidin) เป็นหนึ่งในสารที่สามารถยับยั้งการสูญเสียมวลกระดูก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนได้ดี
- ยับยั้งและรักษาโรคอื่นๆ
นอกจากโรคต่างๆที่ได้กล่าวไปแล้ว สารเฮสเพอริดิน (Hesperidin) ยังถูกนำไปใช้เพื่อลดอาการไข้ การจาม รวมถึงโรคภูมิแพ้ประเภทต่างๆ โดยจะช่วยยับยั้งการปล่อยสารฮีสตามีนจากเซลล์ปอด รวมถึงใช้ประโยชน์ในการรักษาโรคอื่นๆ เช่นโรคลิ่มเลือด รักษาอาการภาวะบวมน้ำเหลืองและอาการบวมน้ำ (ภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัดมะเร็งปอด) ลดภาวะเครียดจากออกซิเดชั่นและลดการอักเสบที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ ลดความผิดปกติของเซลล์เยื่อบุในหลอดเลือดและลดระดับตัวบ่งชี้ของการอักเสบในผู้ป่วยที่เป็น metabolic syndrome อาการอ่อนเพลีย ลักปิดลักเปิด แผลเน่าเปื่อยพุพอง และแผลถลอก เป็นต้น
ประโยชน์ของสารเฮสเพอริดิน (Hesperidin) ด้านความงาม
ไม่เพียงประโยชน์ทางด้านสุขภาพเท่านั้น แต่สารเฮสเพอริดิน (Hesperidin) ยังถูกนำมาใช้ในวงการความสวยความงาม รวมถึงใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง เนื่องจากเฮสเพอริดิน เป็นหนึ่งในสารประเภทฟลาโวนอยด์ ที่พบได้ในพืชตระกูลส้ม โดยเป็นสารที่ช่วยต้านอนมูลอิสระได้เป็นอย่างดี โดยมีประสิทธิภาพในการบำรุงผิวได้อย่างดียอดเยี่ยม โดยมีสรรพคุณหลักคือช่วยทำให้ผิวกระจ่างใส มีออร่า ช่วยสลายฝ้า กระ จุดด่างดำ รวมถึงผิวหมองคล้ำไม่กระจ่างใส นอกจากนั้น ยังสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว พร้อมทั้งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้ผิวสุขภาพดีและดูอ่อนกว่าวัยได้อีกด้วย
Couperend Cream by mesoestetic เป็นครีมบำรุงผิวชั้นดี ที่ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาสำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ รวมถึงผิวที่มีอาการแดง อักเสบ โดยมีสาเหตุมาจากเส้นเลือดที่มีความเปราะบาง ขาดความแข็งแรง มีรอยแดงเป็นปื้น รวมถึงผิวที่มีแนวโน้มเป็นโรคผิวหนังอักเสบโรซาเซียอีกด้วย โดยมีส่วนผสมของสารสกัดจากพืชพันธุ์ธรรมชาติเกรดพรีเมี่ยมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเมลิโลตัส พืชตระกูลถั่ว ที่สามารถช่วยปลอบประโลมผิว พร้อมทั้งช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว สารสกัดบลูเบอร์รี่ ที่อุดมไปด้วยแอนตี้ออกซิแดนซ์ ช่วยปกป้องผิวจากสารอนุมูลอิสระ รวมไปถึงสารสกัดจากรากของลำต้น Butcher’s Broom ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและปกป้องผิวจากสิ่งแวดล้อมภายนอกที่ทำให้ผิวแดง พร้อมทั้งช่วยปลอบประโลมผิวในกรณีที่ผิวเกิดการระคายเคือง มีสารสกัดจากเกาลัดม้ายุโรป ที่ช่วยลดอาการแดงที่เกิดจากการอักเสบของผิว และอีกหนึ่งพระเอกในการต้านอนุมูลอิสระของผิวคือHesperidin ที่ช่วยปลอบประโลมผิว ลดการระคายเคืองของผิวได้แบบสุดยอดเลยจริงๆ
ข้อบ่งชี้ในการรับประทานมะนาวเพื่อรับปริมาณสารเฮสเพอริดิน (Hesperidin)
ในกรณีที่ต้องการบริโภคมะนาวหรือพืชตระกูลส้มเพื่อให้ได้รับสารเฮสเพอริดิน (Hesperidin) ที่เพิ่มมากขึ้น มีข้อบ่งชี้ ดังต่อไปนี้
- จากการวิจัยพบสารเฮสเพอริดิน (Hesperidin) ที่เป็นฟลาโวนอยด์มากที่สุดในผิวเปลือกของส้มหรือมะนาว(เฉลี่ย 3 mg/100g) ดังนั้นเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด นอกจากจะรับประทานน้ำมะนาวแล้ว ควรรับประทานเปลือกมะนาวด้วย เพื่อจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากฟลาโวนอยด์ชนิดเฮสเพอร์ริดิน สามารถช่วยยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัสในร่างกายได้
- ส่วนวิธีในการรับประทานเปลือกมะนาวอย่างง่ายก็คือ ให้นำเปลือกมะนาวที่ล้างสะอาดแล้ว ไปแช่แข็งประมาณ 2-3 ชั่วโมง จากนั้นให้นำมาขูด และใช้โรยลงไปในเครื่องดื่มหรืออาหาร หรืออาจจะใช้วิธีอบเปลือกมะนาวในเตาอบโดยใช้อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส แล้วนำไปเป็นส่วนผสมปรุงรสพร้อมกับพริกไทยป่นและเกลือเล็กน้อยก็ได้ ในส่วนของเมนูอาหารประเภทแกงเลียง ยำ ต้มยำ ส้มตำ เมี่ยงคำหรือต้มโคล้งต่างๆนั้น สามารถใส่มะนาวหั่นพร้อมเปลือกลงไปด้วย ก็จะเป็นการเสริมการออกฤทธิ์ของสารเฮสเพอริดินได้ดีขึ้น
ทุกวันนี้ เราใช้น้ำมะนาวในการประกอบอาหารเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงมีเปลือกมะนาวที่เหลือทิ้งเป็นจำนวนมาก แต่นอกจากการผสมส่วนที่เป็นเปลือกลงไปในอาหาร การนำส่วนของเปลือกที่เหลือทิ้งนี้มาผลิตสารเฮสเพอริดิน ก็จะให้ประโยชน์อยู่ไม่น้อย แถมยังสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับมะนาวได้อีกด้วย ซึ่งในกรรมวิธีนั้น สามารถสกัดได้ในระดับอุตสาหกรรม โดยใช้เครื่องจักรที่สามารถสกัดเปลือกมะนาวได้ถึงครั้งละ 500 กิโลกรัม และสามารถผลิตสารเฮสเพอริดินจากเปลือกมะนาวได้หน่วยละ 1000 มิลลิกรัม ถึง 36000 หน่วยต่อวันเลยทีเดียว หากสามารถทำเช่นนี้ได้ ก็จะเป็นประโยชน์ทั้งในแง่การเพิ่มมูลค่า การรักษาสิ่งแวดล้อมและใช้เป็นยารักษาโรคได้ด้วย
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการใช้ สารเฮสเพอริดิน (Hesperidin)
ในการใช้สารเฮสเพอริดิน (Hesperidin) ซึ่งเป็นสารสกัดจากเปลือกส้ม เปลือกมะนาวตามธรรมชาติ ที่ถึงแม้ยังไม่มีรายงานเรื่องความเป็นพิษ แต่ก็ควรระมัดระวังในการใช้ในปริมาณและขนาดที่เหมาะสม นอกจากนั้น ในการรักษาโรคควรมีการปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง และใช้ตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย และไม่ควรใช้ต่อเนื่องกันยาวนานจนเกินไป เนื่องจากอาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้ สำหรับผู้ที่แพ้พืชตระกูลส้ม (RUTACEAE หรือ CITRUS) ไม่ควรใช้สารเฮสเพอริดิน เพราะอาจเกิดอาการข้างเคียงที่ไม่คาดคิดตามมาได้ และนอกจากนั้นสารเฮสเพอริดิน จะออกฤทธิ์ได้ดีมากขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับวิตามินซี
วิธีเพิ่มประสิทธิภาพของสารเฮสเพอริดิน (Hesperidin)
สารเฮสเพอริดิน (Hesperidin) สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อใช้ร่วมกับวิตามินตัวอื่นๆ ดังต่อไปนี้
- รับประทานคู่กับวิตามินซีและสารสกัดจาก Butcher’s Broom ช่วยลดปัญหาเส้นเลือดขอด ทั้งยังช่วยเพิ่มการทำงานของวิตามินซีให้ดีมากยิ่งขึ้นด้วย
- รับประทานคู่กับ Diosmin (สารประกอบที่ได้จากรกส้ม, เยื่อส้ม) เพื่อรักษาอาการริดสีดวงทวาร
- รับประทานคู่กับวิตามิน E เพื่อช่วยในการลดคอเลสเตอรอล
การประยุกต์ใช้สารเฮสเพอริดิน (Hesperidin)
สารเฮสเพอริดิน (Hesperidin) สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายแขนง เพื่อเสริมภูมิต้านทานและมีผลในการรักษาทางด้านการแพทย์และด้านความงาม ดังต่อไปนี้
- ในด้านเภสัชกรรม สารเฮสเพอริดิน (Hesperidin) สามารถใช้เป็นยารักษาหรือบรรเทาอาการของโรคต่างๆ โดยถูกนำไปผลิตเป็นแคปซูลหรือยาเม็ด
- สามารถนำสารเฮสเพอริดิน (Hesperidin) ไปเป็นวัตถุดิบในอาหารและเครื่องดื่ม
- สามารถใช้สารเฮสเพอริดิน (Hesperidin) ในผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและอาหารเสริม
- สามารถใช้สารเฮสเพอริดิน (Hesperidin) ไปเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางได้
ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยในปัจจุบัน ได้มีการสกัดเอาสารสำคัญอย่างเฮสเพอริดิน (Hesperidin) ออกจากพืชตระกูลส้มหรือมะนาว เพื่อนำไปใช้เป็นสารสกัดที่ให้ประโยชน์ทั้งในแง่ของการรักษาโรคและในด้านความงาม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรพิจารณาถึงข้อบ่งใช้ต่างๆเพื่อความปลอดภัย ปรึกษาแพทย์เมื่อต้องใช้เพื่อการบำบัด เยียวยาอาการทางร่างกาย เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารเฮสเพอริดิน (Hesperidin) เป็นส่วนผสมที่พอเหมาะและลงตัวในกรณีที่เป็นครีม โลชั่นหรือเครื่องสำอาง เพื่อคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น