เซรั่มลดสิว..เผยผิวใหม่ กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ

“สิว” ศัตรูตัวฉกาจของผิวสวยมายาวนานทุกยุคทุกสมัย  ที่ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ที่เป็นสิวขาดความมั่นใจเท่านั้น แต่หากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง จากสิวเม็ดเล็กที่ไม่รุนแรง อาจจะกลายเป็นสิวที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ลุกลามไปตามจุดต่างๆของใบหน้า และทวีความรุนแรง ยากต่อการรักษาขึ้นมาได้ ดังนั้นในปัจจุบันจึงได้มีการพัฒนาและคิดค้นผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลบำรุงรักษาผิวหน้าขึ้นมามากมาย เพื่อพยายามตอบโจทย์ในการดูแลผิวหน้าไม่ให้เกิดสิวขึ้นมาได้ รวมถึงเซรั่มลดสิว ที่กำลังได้รับความนิยมในเวลานี้ด้วย เซรั่มลดสิวคืออะไร สามารถรักษาสิวได้มากน้อยแค่ไหน และมีวิธีเลือกใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผิวหน้า เราจะมาหาคำตอบด้วยกัน แต่ก่อนอื่น ให้เราไปทำความรู้จักกับสิว สาเหตุการเกิดสิว และประเภทของสิวด้วยกัน เพื่อจะสามารถใช้เซรั่มได้อย่างตรงจุดและช่วยลดปริมาณสิวของคุณให้น้อยลงได้

สิวคืออะไร

“สิว” เป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นในรูขุมขนและต่อมไขมัน มักเกิดในบริเวณที่มีต่อมไขมันขนาดใหญ่อยู่ค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า ลำคอ หรือลำตัวส่วนบน สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย โดยมีปัจจัยภายนอกอื่นๆเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดสิว

สาเหตุของการเกิดสิว

“สิว” เกิดขึ้นได้โดยมีสาเหตุหลักที่เกี่ยวข้องกับกลไกของร่างกายและปัจจัยต่างๆที่มีส่วนกระตุ้น ดังนี้

  • Seborrhea คือมีการผลิตน้ำมันจากต่อมไขมันในผิวมากจนเกินไป และเมื่อรวมกับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และแบคทีเรียต่างๆ ทำให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน จนทำให้เกิดเป็นสิว
  • Hyperkeratosis คือเกิดการหนาตัวที่ผิดปกติของผิวหนังชั้นนอกสุด (Stratum corneum) อันเกิดจากการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วผิดปกติ เกิดการอุดตันในท่อต่อมไขมัน  ทำให้รบกวนการไหลของไขมัน ให้ไหลออกมานอกผิวหนัง
  • Microbial colonization มีแบคทีเรียที่เจริญเติบโตอยู่บริเวณรูขุมขน (Cutibacterium Acnes /C. Acne) ทำให้เกิดสิวอุดตัน อักเสบ บวมแดง และเป็นหนองขึ้นมาได้
  • Inflammation เป็นกระบวนการอักเสบของร่างกาย ทำให้เกิดสิวบวมแดงขึ้นมา ในกรณีที่เป็นสิวอักเสบที่รุนแรงมาก(Severe acne) การอักเสบจะขยายและลึกลงไปในเนื้อเยื่อที่อยู่บริเวณใกล้เคียงมากขึ้น

นอกจากนั้นยังมีปัจจัยกระตุ้นอื่นๆทีเกี่ยวข้อง ทำให้เกิดสิวเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนแปลงของระบบฮอร์โมนในร่างกาย กรรมพันธุ์ การใช้ยาหรือสารเคมีบางชนิด การใช้เครื่องสำอางที่ไม่ได้คุณภาพ มาตรฐาน รวมถึงสภาพผิวหน้าและความมันบนใบหน้า เป็นต้น

ประเภทของสิว

โดยทั่วไป สิวสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆตามลักษณะอาการของสิว คือสิวชนิดที่ไม่อักเสบและสิวชนิดที่อักเสบ ดังนี้

  • สิวชนิดที่ไม่อักเสบ
    เรียกกันว่า สิวอุดตันหรือโคมีโดน (comedone) ซึ่งเกิดจากการอุดตันในรูขุมขน โดยแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
  • สิวหัวปิด (Close Comedones)หรือสิวหัวขาว (Whiteheads) มีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็กๆ ไม่มีหัวสิว สามารถพัฒนาจนกลายเป็นสิวอักเสบได้ หากไม่ได้รับการดูแลอย่างดี
  • สิวหัวเปิด (Open Comedones)หรือสิวหัวดำ (Blackheads) เป็นสิวขนาดเล็กที่อยู่ในรูขุมขน เมื่อสัมผัสจะรู้สึกสากๆแข็งๆ บริเวณตรงกลางของหัวสิวข้างในมีการฝังตัวของเคราติน(Keratin) และลิพิด (lipid)เมื่อทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ ทำให้เกิดเป็นสีเข้มหรือสีดำขึ้น
  • สิวชนิดอักเสบ
    เป็นสิวที่มีการอุดตันอยู่ภายในรูขุมขนและมีการอักเสบร่วมด้วย รวมถึงมีการติดเชื้อแบคทีเรียภายในรูขุมขน สามารถแบ่งออกเป็นอีก 4 ชนิด ได้แก่
  • สิวที่เป็นตุ่มนูนแดง(Papule) มีขนาดเล็ก พัฒนามาจากสิวอุดตัน ไม่มีอาการเจ็บ
  • สิวตุ่มหนอง(Pustule) มีลักษณะเป็นตุ่มแดงๆ มีหัวสิวสีเหลืองหรือเป็นหนอง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
  • สิวอักเสบขนาดใหญ่(Nodule) มีลักษณะเป็นตุ่มแดงขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง มีอาการเจ็บปวด มีหลายหัวสิวที่อยู่ติดกัน
  • สิวหัวช้าง (Cyst) เป็นสิวที่มีลักษณะก้อนนูนแดงขนาดใหญ่ อ่อนนุ่ม ภายในสิวมีหนองปนเลือด

ระดับความรุนแรงของสิว

สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยได้จำแนกความรุนแรงของสิวออกเป็น 3 ระดับ ดังต่อไปนี้

  • ความรุนแรงในระดับเล็กน้อย – มีลักษณะคือ ส่วนใหญ่หัวสิวจะไม่มีการอักเสบ หรืออาจมีสิวอักเสบแบบ papuleและpustule ไม่เกิน 10 จุด
  • ความรุนแรงในระดับปานกลาง – มีลักษณะคือ มีสิวประเภท papuleและpustule ขนาดเล็กมากกว่า 10 จุด และอาจมีสิวประเภท nodule น้อยกว่า 5 จุด
  • ความรุนแรงในระดับรุนแรง – มีลักษณะคือ มีสิวประเภท papule, pustule, noduleและcyst เป็นจำนวนมาก ซึ่งในส่วนของสิว nodule มีการอักเสบ เป็นสิวซ้ำซากและมีหนอง

การรักษาสิว 

ในการรักษาสิว จำเป็นที่จะต้องเข้าใจในหลักการซึ่งประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอนหลักๆ ดังต่อไปนี้

  • การทำความเข้าใจต่อสิว
    ที่มา สาเหตุ อาการ พร้อมทั้งวิธีปฏิบัติตัวในระหว่างการรักษา ซึ่งสิวแต่ละประเภทก็จะมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกันและกินเวลาในการรักษาที่ต่างกัน โดยอาจใช้เวลาตั้งแต่ 2-8 เดือน
  • ลักษณะวิธีการรักษาตามอาการของสิว โดยแบ่งเป็น 3 ลักษณะดังต่อไปนี้
    • สิวที่มีอาการเล็กน้อย ส่วนใหญ่พิจารณารักษาโดยใช้ยาทาเฉพาะที่
    • สิวในระดับปานกลาง พิจารณารักษาโดยใช้ยาทา ร่วมกันกับยาฆ่าเชื้อแบบรับประทาน ซึ่งควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเริ่มใช้ยา
    • สิวในระดับรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง
  • ข้อควรปฏิบัติระหว่างการรักษาสิว
    การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเป็นสิ่งที่จะช่วยเอื้อประโยชน์ต่อการรักษาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพได้มากขึ้น เช่นการรับประทานอาหาร เลี่ยงการแกะ แคะสิวเพราะจะทำให้สิวอักเสบมากขึ้น รวมถึงการรักษาความสะอาดของผิวหน้า เป็นต้น

การดูแลรักษาผิวหน้าที่เป็นสิว

ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูแลรักษาสิวมากมายให้ได้เลือกใช้และเลือกซื้อหา โดยเน้นสรรพคุณในการลดสิว หนึ่งในนั้นคือเซรั่มลดสิว เราจะมาทำความรู้จักกับผลิตภัณฑ์นี้ด้วยกัน เพื่อที่จะเลือกใช้ได้อย่างถูกต้องและได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า

เซรั่มคืออะไร

เซรั่ม (Serum) เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก ทำให้เนื้อของผลิตภัณฑ์มีความบางเบา ซึมลงสู่ชั้นผิวได้ง่าย โดยเนื้อของเซรั่มจะมีลักษณะเป็นของเหลว ตั้งแต่เหลวเป็นน้ำจนถึงเนื้อเซรั่มที่ข้นขึ้นมากึ่งเหลว ส่วนสีและความใสของเซรั่มจะแตกต่างกันไปตามส่วนผสมที่ใส่เข้าไปในเนื้อเซรั่ม ในเรื่องความโดดเด่นที่ทำให้เซรั่มแตกต่างไปจากผลิตภัณฑ์บำรุงผิวประเภทอื่นๆคือจะมีระดับความเข้มข้นของสารบำรุงที่เรียกว่าสารออกฤทธิ์สำคัญ (Active Ingredients)สูงกว่าผลิตภัณฑ์บำรุงเนื้ออื่น ๆ ช่วยบำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นถึงระดับโครงสร้างผิวได้อย่างรวดเร็วและล้ำลึก  สามารถแก้ปัญหาผิวได้หลากหลายตามส่วนผสมในเนื้อเซรั่ม ทำให้หน้าชุ่มชื้น ลดความหมองคล้ำ รักษาสิวและลดเลือนริ้วรอยได้ดี

ประโยชน์ของเซรั่ม

เซรั่มไม่เพียงแต่ช่วยบำรุงผิวเท่านั้น แต่ยังมีคุณสมบัติที่ช่วยแก้ปัญหาผิวในลักษณะอื่นๆได้ด้วย ดังนี้

  • ช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด ตามส่วนผสมที่ใส่ไปในเนื้อเซรั่มแต่ละชนิด เช่นเซรั่มลดสิว เซรั่มลดฝ้า หรือเซรั่มลดเลือนริ้วรอย เป็นต้น
  • แม้ใช้เซรั่มในปริมาณน้อย แต่บำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากเซรั่มมีความเข้มข้นของส่วนผสมที่มาก
  • ด้วยเนื้อเซรั่มที่บางเบา ทำให้สามารถซึมลงสู่ชั้นผิวได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่รู้สึกเหนอะหนะหรือหนักหน้า ทำให้ความเสี่ยงในการดักจับฝุ่นละอองที่จะทำให้เกิดการอุดตันในรูขุมขนน้อยลง ลดโอกาสในการเกิดสิวได้
  • เซรั่มบางชนิด สามารถใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชนิดอื่นได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการฟื้นบำรุงผิว

ประเภทของเซรั่ม

“เซรั่ม” สามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ตามส่วนผสมที่ใส่ลงไปในเนื้อเซรั่ม เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ได้หลากหลายตามความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างตรงจุดที่สุด ได้แก่

  • เซรั่มด้วยลดเลือนริ้วรอย (Anti-Aging Serums)
    เซรั่มที่จะสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ ควรมีส่วนผสมของของ อนุพันธ์ของวิตามิน เอ หรือเรตินอล (Retinol) ที่จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวกลับมาแน่นฟูขึ้น และเติมเต็มร่องริ้วรอยต่างๆ ให้ผิวอิ่มฟูขึ้นมาอีกครั้ง
  • เซรั่มแอนติออกซิแดนซ์ (Antioxidant Serums)
    เนื่องจากสารอนูมูลอิสระ (Free Radical) คือ โมเลกุลที่ไม่เสถียร เกิดจากการขาดอิเล็กตรอน ทำให้โมเลกุลเหล่านี้ไปแย่งจับโมเลกุลเซลล์ในร่างกายที่มีอิเล็กตรอนอยู่เป็นคู่ๆ ส่งผลให้เซลล์โมเลกุลในร่างกายไม่เสถียร ทำให้เซลล์ในร่างกายเสียหาย ดังนั้นหากต้องการฟื้นบำรุงผิวด้วยเซรั่ม ที่มีคุณสมบัติช่วยต้านอนุมูลอิสระ(Antioxidant) ควรเลือกที่มีส่วนผสมของวิตามิน อี วิตามิน ซี ก็จะช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง สดใสขึ้นมาได้
  • เซรั่มช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น (Hydrating Serums)
    สำหรับคนที่ผิวแห้ง หน้าลอกเป็นขุย ต้องการเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว ควรเลือกใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) เพราะมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้มากถึง 1,000 เท่าของน้ำหนักตัวสาร ช่วยกักเก็บน้ำและมอบความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูเต่งตึงมากยิ่งขึ้น
  • เซรั่มลดจุดด่างดำและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
    สำหรับผู้ที่มีปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสิว แนะนำให้ใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของ ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) และ AHA หรือ กรดอัลฟ่าไฮดรอกซี (Hydroxy Acid) เพราะในไนอะซินาไมด์ เป็นวิตามิน บี 3 รูปแบบหนึ่งที่ร่างกายและผิวต้องการ แต่ไม่สามารถผลิตได้เองตามธรรมชาติ โดยสารดังกล่าวจะช่วยเพิ่มเกราะป้องกันให้กับผิว เติมความชุ่มชื้นให้กับผิว และที่สำคัญสามารถลดสิวได้ ในส่วนของกรดAHA เป็นกรดผลไม้รสเปรี้ยวตามธรรมชาติ ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ทั้งยังช่วยลดรอยฝ้า จุดด่างดำจากสิวและช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
  • เซรั่มช่วยให้ผิวกระจ่างใส(Brightening Serums)
    เซรั่มที่มีส่วนผสมของวิตามินซี สามารถช่วยขจัดปัญหาผิวคล้ำ ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นได้ เนื่องจากในวิตามินซี มีส่วนทำให้ผิวขาวเปล่งปลั่ง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวเต่งตึง ทั้งยังช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ผิว และชะลอการเกิดริ้วรอยได้ด้วย
  • เซรั่มผลัดเซลล์ผิว (Exfoliating Serum)
    สำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าโทรม หน้าหมองคล้ำ ควรใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของกรดไกโคลิค (Glycolic Acid) ซึ่งมีความโดดเด่นในการผลัดเซลล์ผิว ทำให้เซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วหลุดออกมา ไม่ให้ไปอุดตันในรูขุมขน จนทำให้เกิดสิว ทั้งยังช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกต่างๆในรูขุมขนได้ด้วย นอกจากจะทำให้ผิวกระจ่างใสมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ผิวหน้าเรียบเนียบขึ้น พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระดับชั้นโครงสร้างผิว ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น กระชับ
  • เซรั่มยกกระชับผิว (Firming Serums)
    เซรั่มยกกระชับผิวเหมาะกับผิวที่มีความหย่อนคล้อย แนะนำให้ใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของอนุพันธ์วิตามินเอ หรือ เรตินอยด์ เพื่อทำให้โครงสร้างภายในผิวแข็งแรง ทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวเต่งตึง ยกกระชับมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ยังช่วยกระตุ้นให้เกิดเซลล์ผิวใหม่ โดยผลัดเซลล์ผิวเก่าออก และยังเสริมให้ร่างกายกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน และช่วยลดไขมันบริเวณผิวหนังได้ด้วย
  • เซรั่มช่วยกระชับรูขุมขน (Pore Tightening Serum)
    ปัญหาเรื่องรูขุมขนกว้าง เป็นหนึ่งในสาเหตุที่นำไปสู่ปัญหาผิวต่างๆตามมา โดยเฉพาะทำให้เกิดสิวขึ้นได้ ดังนั้นเซรั่มที่ใช้ควรมีส่วนผสมของสารที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว เนื่องจากความอิ่มน้ำของผิว จะทำให้รูขุมขนฟูขึ้นมาได้ ส่วนผสมที่สำคัญ ได้แก่ กรดไฮยาลูรอน และวิตามิน บี3 คู่สารสกัดที่จะช่วยกระชับรูขุมขนและทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ
  • เซรั่มลดสิวหรือช่วยป้องกันการเกิดสิว (Anti-Acne Serum)
    สารสกัดยอดฮิตที่นิยมใส่ลงไปในเซรั่มลดสิวคือแร่ธาตุสังกะสี (Zinc) เนื่องจากมีฤทธิ์ในการป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบของผิว ทั้งยังช่วยยับยั้งการผลิตฮอร์โมน ลดความมันส่วนเกินบนใบหน้า อันเป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้ดีอีกด้วย
  • เซรั่มช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟู (Renewing Serum)
    การใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของวิตามินบี5 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวให้กลับมาแลดูสุขภาพดี เนื่องจากวิตามินบี5 สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี ทั้งยังทำให้ผิวเนียนนุ่ม เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวได้ นอกจากนั้นยังช่วยพัฒนาการทำงานของเซลล์ผิว ต้านสารอนุมูลอิสระ เสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ ช่วยชะลอริ้วรอยก่อนวัย เผยผิวใหม่ที่แลดูอ่อนเยาว์มากขึ้น

แร่ธาตุสังกะสี (Zinc) ในเซรั่มช่วยลดสิวได้อย่างไร

แร่ธาตุสังกะสี (Zinc) เป็นหนึ่งในส่วนผสมยอดนิยมในผลิตภัณฑ์รักษาสิว โดยมีคุณสมบัติในการรักษาความสมดุลของต่อมไขมันและปรับปริมาณของไขมันที่ถูกผลิตออกมา จึงสามารถลดการอุดตันในรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวขึ้นได้ นอกจากนั้นยังช่วยลดอาการอักเสบ รวมถึงช่วยลดปริมาณแบคทีเรีย P.acnes ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ก่อให้เกิดสิวอุดตัน หรือสามารถนำ แร่ธาตุสังกะสี (Zinc) มาผสมยาปฏิชีวนะเพื่อทาผิวรักษาสิวอักเสบได้ และเนื่องจาก แร่ธาตุสังกะสี (Zinc)  มีคุณสมบัติการสะท้อนรังสี UV ได้อย่างดีทั้ง UV-A และ UV-B ดังนั้นจึงมักนำแร่ธาตุสังกะสี (Zinc)  ไปผสมในเครื่องสำอางประเภทครีมหรือโลชั่นกันแดด ด้วยเหตุนี้จึงพอจะสรุปกลไกการทำงานของสังกะสีเพื่อลดสิวได้ดังต่อไปนี้

  • ลดการอักเสบของสิว
  • ลดการทำงานของต่อมไขมัน
  • ช่วยฆ่าเชื้อสิว
  • ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาสิวควบคู่กับการใช้ยา

วิธีการเลือกเซรั่มให้เหมาะกับสภาพผิวหน้า

เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทเซรั่ม จะต้องเลือกประเภทให้เหมาะกับสภาพผิวหน้าของเรา ดังนี้

  • ผิวมัน
    สำหรับผู้ที่มีมัน เกิดจากมีน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้ามาก ดังนั้นควรเลือกใช้เซรั่มที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน (oil free) เพื่อจะได้ไม่เพิ่มความเสี่ยงให้ผิวเกิดการอุดตันจนทำให้เกิดสิวตามมา
  • ผิวแห้ง
    ส่วนผู้ที่มีผิวหน้าแห้ง เป็นเพราะมีน้ำมันบนผิวน้อย ทำให้หน้าแห้ง ลอก เป็นขุยตามมา ดังนั้นควรเลือกใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของวิตามินอี ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
  • ผิวธรรมดา
    ผิวธรรมดา เป็นสภาพผิวที่มีความสมดุลของน้ำมันบนผิว ทำให้ยากต่อการเกิดสิว แต่อาจมีปัญหาเรื่องริ้วรอย หรือการยกกระชับ ดังนั้นเซรั่มที่เลือกใช้ควรมีส่วนผสมของวิตามิน เอ หรือคอลลาเจนเพื่อให้ผิวเต่งตึง ยกกระชับ และช่วยเติมเต็มร่องลึกบนผิว

ทำไมต้องเซรั่ม pollution defense ampoules by mesoestetic

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าว่าฝุ่น ควัน มลพิษในอากาศ เป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดสิวขึ้นได้ เรามาสร้างเกราะปกป้องผิวจากมลภาวะ พร้อมป้องกันการเกิดจุดด่างดำ คืนความเปล่งปลั่งให้ผิวด้วย pollution defense ampoules by mesoestetic เซรั่มเนื้อเข้มข้นที่จะช่วยดูแลผิวของคุณได้เป็นอย่างดี จากสภาพแวดล้อมภายนอกที่จะมาทำร้ายผิว กระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวหมองคล้ำ ผิวเสื่อมสภาพ นอกจากนั้นยังมีสารที่ช่วยไม่ให้หน้าแห้งกร้าน แต่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวระหว่างวัน โดยมีส่วนประกอบสำคัญ ดังต่อไปนี้

  • dragon blood resin ซึ่งเป็นสารธรรมชาติจากยางของต้น Croton Lechleri ที่อุดมไปด้วยสาร taspine ที่ช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ มลภาวะ และสิ่งแวดล้อมภายนอก ทั้งยังลดสาเหตุของการเกิดสิว การอักเสบของผิว ทั้งยังลดการสะสมของสารอนุมูลอิสระในผิวได้ด้วย
  • Idebenone เป็นอนุพันธ์โคเอ็นไซม์คิวเท็น เป็นสารแอนติ ออกซิแดนท์ มีอนุภาคขนาดเล็กกว่า ถึง 60% โดยจะแทรกซึมสู่ผิวได้ลึกและสามารถปกป้องผิวได้ดีเยี่ยม
  • Niacinamide ซึ่งเป็นวิตามินบี 3 ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิวกับผิว ลดความมัน อันเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิว พร้อมช่วยลดการเกิดจุดด่างดำบนผิวได้อีกด้วย

จากการทดสอบของผู้ใช้จริงพบว่า pollution defense ampoules by mesoestetic ช่วยลดการทำลายคอลลาเจนได้ถึง 95% ลดการสะสมของอนุมูลอิสระได้ 50% และรู้สึกถึงความชุ่มชื้นของผิว 85%  นั่นคือสัญญาณที่ดี ที่ทำให้รู้ว่าโครงสร้างผิวหน้ากำลังได้รับการฟื้นฟูและมีความแข็งแรงมากขึ้น

 

“เซรั่ม” กำลังเป็นที่นิยมกันมากขึ้น เนื่องจากประสิทธิภาพในการฟื้นฟูบำรุงลึกไปจนถึงระดับโครงสร้างของผิวได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเนื้อเซรั่มที่บางเบา ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันได้ง่าย และสำหรับผู้ที่กำลังมีปัญหาเรื่องสิวบนผิวหน้า เซรั่มลดสิว ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกดีๆที่จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด ที่ไม่เพียงทำให้สิวหาย แต่ยังต้องตอบโจทย์ในการลดรอยด่างดำจากสิวและทำให้ผิวกระจ่างใสได้อีกด้วย

 

ใส่ความเห็น