ฝ้าเป็นสภาพผิวที่พบได้ทั่วไปซึ่งส่งผลต่อคนทุกวัย อาจเกิดจากหลายปัจจัย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ความเครียด และพันธุกรรม แม้ว่าจะมีผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์จำนวนมากเพื่อรักษาสิว แต่บางคนอาจต้องใช้ยาตามใบสั่งแพทย์ ในบทความนี้ เราจะสำรวจยาประเภทต่างๆ ที่ใช้ในการรักษาฝ้า รวมถึงยาทา ยากิน และทางเลือกอื่น ยาเฉพาะที่ใช้กับผิวหนังโดยตรงและเป็นทางเลือกทั่วไปสำหรับการรักษาฝ้า มียาเฉพาะที่หลายชนิดให้เลือก รวมทั้งเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ กรดซาลิไซลิก และเรตินอยด์ Benzoyl peroxide ทำงานโดยลดปริมาณแบคทีเรียบนผิวและกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วที่สามารถอุดตันรูขุมขน มีจำหน่ายตามร้านขายยาทั่วไปและมีขนาดความแรงตามใบสั่งแพทย์ และอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น แห้ง แดง และลอกได้ กรดซาลิไซลิกทำงานโดยการผลัดเซลล์ผิวและเปิดรูขุมขน มีจำหน่ายตามร้านขายยาทั่วไปและมีขนาดความแรงตามใบสั่งแพทย์ และอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ความแห้งกร้านและการระคายเคือง การทำงานของสาร เรตินอยด์ ที่ได้มาจากวิตามินเอ การทำงานของ เรตินอยด์ จะทำการเพิ่มการหมุนเวียนของเซลล์และลดการอักเสบ มีจำหน่ายในขนาดความแรงตามใบสั่งแพทย์และอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น แห้ง แดง และลอก ยารับประทานจะใช้ทางปากและมักใช้ในกรณีที่เกิดฝ้ารุนแรงขึ้น ยารับประทานมีหลายประเภท เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาปฏิชีวนะทำงานโดยการลดปริมาณแบคทีเรียบนผิวและสามารถรักษาสิวอักเสบได้ผลดี มีจำหน่ายในขนาดความแรงตามใบสั่งแพทย์และอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ปวดท้องและท้องเสีย ฮอร์โมนบำบัด การรักษาด้วยฮอร์โมนมักใช้กับผู้หญิงที่เป็นสิวฮอร์โมนและทำงานโดยควบคุมระดับฮอร์โมน มันมีอยู่ในความแรงตามใบสั่งแพทย์และอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น […]
Monthly Archives: June 2023
ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีต่างๆ มีความก้าวหน้าและทันสมัยมากขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น เลเซอร์ก็ได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทในหลากหลายด้านของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านวงการแพทย์ที่ได้นำแสงเลเซอร์มาใช้ประโยชน์ในการรักษาโดยตรงต่อมนุษย์ การผ่าตัดสำหรับวงการแพทย์นั้นถือได้ว่าเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดสูง เลเซอร์จึงได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในด้านนี้ เนื่องจากแสงเลเซอร์เป็นลำแสงขนาดเล็ก มีความเข้ม ความร้อนและพลังงานสูง ทำให้แพทย์สามารถใช้แสงเลเซอร์แทนมีดผ่าตัดในการทำงานที่ละเอียดได้ ซึ่งเป็นการรักษาที่ให้ความสะดวกและความปลอดภัยทั้งแก่แพทย์และคนไข้มากกว่าการผ่าตัดโดยวิธีธรรมดา มากกว่านั้นแสงเลเซอร์ยังถูกนำไปใช้ในการตรวจสภาพร่างกายภายในที่ไม่อาจตรวจได้โดยวิธีอื่นๆ อีกด้วยเช่นกัน ศัลยกรรมตกแต่ง เลเซอร์รักษาฝ้า สำหรับการใช้เลเซอร์ในวงการแพทย์นั้น ได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ในด้านการรักษาโรคเกี่ยวกับดวงตา และอาการที่ผิดปกติของดวงตามากที่สุด ยกตัวอย่างโรคที่เกี่ยวกับดวงตาเช่น โรคมะเร็งผิวหนังด้านในเปลือกตา ที่ในปัจจุบันสามารถรักษาโรคนี้ได้โดยการใช้แสงเลเซอร์ยิงเข้าไปสลายมะเร็งด้านในเปลือกตา สำหรับอาการผิดปกติของดวงตา ยกตัวอย่างเช่น การฉีกขาดของเรตินา เป็นอาการที่เส้นเลือดฝอยบริเวณจอรับภาพของดวงตาแตก สามารถรักษาโดยใช้แสงเลเซอร์เล็กๆ ยิงผ่านเลนส์ตาเข้าไปยังเรตินา เพื่อไปเชื่อมรักษาเส้นเลือดฝอยบริเวณจอรับภาพทำให้ดวงตากลับมาใช้การได้อย่างปกติ ซึ่งวิธีดังกล่าวนี้เป็นวิธีที่สะดวกและปลอดภัยสูง และมีก็การผ่าตัดโดยใช้แสงเลเซอร์ที่มีความปลอดภัยสูง มีแนวโน้มที่จะสามารถใช้ประโยชน์ในการผ่าตัดส่วนอื่นๆ ของร่างกายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการผ่าตัดที่ทำได้ยาก หรือการผ่าตัดที่อาจเกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้ง่ายต่อคนไข้หากใช้วิธีการผ่าตัดแบบปกติ ตัวอย่างเช่น การผ่าตัดสมอง หรือการผ่าตัดหัวใจ ที่ต้องอาศัยความละเอียดอย่างมากในการผ่าตัด สำหรับเรื่องการผ่าตัดโดยใช้แสงเลเซอร์กับหัวใจ สามารถใช้ได้ทั้งในการผ่าตัดรักษาโรคลิ้นหัวใจ รวมไปถึงการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดหัวใจได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน เป็นโรคที่รักษาได้โดยการฉายแสงเลเซอร์เข้าไปทำลายลิ่มเลือดที่อุดตันหลอดเลือด ช่วยให้เลือดสามารถไหลเวียนเข้าสู่หัวใจได้เป็นปกติ ส่วนในการผ่าตัดสมองนั้น เป็นการผ่าตัดที่มีอัตราความเสี่ยงค่อนข้างสูง ทั้งการใช้ระยะเวลาในการผ่าที่นานซึ่งอาจส่งผลให้คนไข้เสียเลือดมากและเกิดอาการช็อกได้ รวมไปถึงมีความเสี่ยงที่อาจเป็นอันตรายต่อเส้นประสาทจำนวนมากในสมอง อีกทั้งความสะอาดของเครื่องมือและอุปกรณ์ผ่าตัดก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาทำให้คนไข้ติดเชื้อได้ ในกรณีที่มะเร็งอยู่ในสมองส่วนที่ลึกมากๆ นั้น ยิ่งทำให้การผ่าตัดโดยใช้วิธีธรรมดาทำได้ยากและเพิ่มความเสี่ยงแก่คนไข้มากขึ้นอีกด้วย แสงเลเซอร์จึงถูกนำมาใช้ประโยชน์ในการผ่าตัดสมองและหัวใจเพื่อใช้แทนมีดผ่าตัด เนื่องจากแสงเลเซอร์มีขนาดเล็ก […]
อย่างที่เรานั้นรู้กันอยู่แล้วว่า สภาวะการเป็นฝ้านั้น มันเป็นภาวะผิวหนังทั่วไปที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนนับล้านทั่วโลก มีลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาลหรือสีเทาบนใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณแก้ม หน้าผาก จมูก และริมฝีปากบน แม้ว่าฝ้าสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกสภาพผิว แต่จากการศึกษาพบว่าเชื้อชาติอาจมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาฝ้า ฉะนั้นเราจึงได้ทำการสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างเชื้อชาติและฝ้า รวมถึงตัวเลือกการรักษาที่มีสำหรับภาวะนี้ ฝ้า คือ ความผิดปกติของการสร้างเม็ดสีมากเกินไปที่เกิดขึ้นเมื่อเซลล์เมลาโนไซต์ในผิวหนังผลิตเมลานินมากเกินไป ส่งผลให้เกิดรอยดำบนผิวหนัง สาเหตุที่แท้จริงของฝ้ายังไม่เป็นที่เข้าใจแน่ชัด แต่เชื่อว่าเกิดจากปัจจัยต่างๆ ร่วมกัน เช่น แสงแดด การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน พันธุกรรม และยาบางชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนมีความเชื่อมโยงกับการพัฒนาของฝ้า เนื่องจากเป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงจะเกิดฝ้าในระหว่างตั้งครรภ์หรือขณะรับประทานยาคุมกำเนิด ฝ้าจะพบได้บ่อยในบุคคลที่มีสีผิวเข้มขึ้น รวมถึงผู้ที่มี เชื้อสายฮิสแปนิก เอเชีย และแอฟริกัน การศึกษาพบว่าบุคคลที่มีผิว Fitzpatrick ประเภท III-VI มีแนวโน้มที่จะเกิดฝ้ามากกว่าผู้ที่มีสีผิวอ่อน เนื่องจากบุคคลที่มีผิวคล้ำมีเซลล์เมลาโนไซต์ที่ทำงานอยู่มากกว่า ซึ่งมีหน้าที่ผลิตเมลานิน นอกจากนี้ ปัจจัยต่างๆ เช่น การสัมผัสแสงแดด พันธุกรรม และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนสามารถทำให้เกิดฝ้าในกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ได้ การวิจัยยังแสดงให้เห็นว่ากลุ่มชาติพันธุ์บางกลุ่มมีแนวโน้มที่จะเกิดฝ้าเนื่องจากพันธุกรรมของพวกเขา ตัวอย่างเช่น การศึกษาพบว่าบุคคลเชื้อสายฮิสแปนิกมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดฝ้ามากกว่ากลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ เชื่อว่าเป็นเพราะความผิดปกติทางพันธุกรรมต่อสภาพ ในทำนองเดียวกัน บุคคลที่มีเชื้อสายเอเชียก็มีแนวโน้มที่จะพัฒนาฝ้าเนื่องจากพันธุกรรมของพวกเขาเช่นกัน การรักษาฝ้ามีหลายทางเลือก การรักษาเฉพาะที่ การใช้ยารับประทาน และการทำหัตถการ […]
“ฝ้า” เป็นภาวะที่เซลล์สร้างเม็ดสีใต้ผิวหนังทำงานเยอะขึ้น จึงมีเม็ดสีหรือเมลานินมากขึ้น ทำให้เกิดปื้นสีเข้มบริเวณผิวหนังเรียกว่า “ฝ้า” ซึ่งฝ้ามีลักษณะเป็นปื้นสีเข้มกว่าผิว เฉดสีไล่ตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลเข้ม หรือดำ มักพบฝ้าบริเวณที่ร่างกายสัมผัสแสงแดด เช่น ใบหน้า หน้าผาก โหนกแก้ม จมูก เหนือริมฝีปากบน และคาง เป็นต้น ฝ้ามักเริ่มเป็นเมื่ออายุ 30 ปี ขึ้นไป พบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย ฝ้า เกิดจากการที่เมลานิน หรือเม็ดสีมีมากเกินไป ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นมีรอยสีน้ำตาลเข้มไปจนถึงสีดำ (Hyperpigmentation) และจะมีปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ อาจมีลักษณะเป็นปื้นหรือเข้มเป็นกระจุกได้ สิ่งที่น่าสนใจคือ ฝ้าไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายและส่วนใหญ่พบในวัยกลางคน อายุประมาณ 30-40 ปี ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดฝ้า แน่อนว่าสิ่งที่เรารู้นั้น ไม่ผิด สาเหตุหรือว่าต้นตอที่ทำให้เราเกิดฝ้า นั่นก็คือ รังสี UV ในแสงแดด การกินยาคุมกำเนิด การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนขณะตั้งครรภ์ การเข้าสู่วัยทองและวัยหมดประจำเดือน การใช้เครื่องสำอางบางชนิดที่มีผลต่อการแพ้และกระตุ้นให้เม็ดสีเมลานินบนผิวเกิดการเปลี่ยนแปลง รวมถึงกรรมพันธุ์ที่ทำให้ฝ้ากลับมาเป็นซ้ำได้บ่อยครั้ง ซึ่งคนผิวเข้มมีโอกาสเป็นฝ้าง่ายกว่าคนผิวขาวอีกด้วย สาเหตุการเกิดฝ้า เกิดจากกระบวนการสร้างสีของเซลล์เม็ดสี (Melanocyte) ที่ผิดปกติ ทำให้เกิดเป็นรอยสีน้ำตาลบนผิวหนัง […]
สำหรับใครที่ยังแยกไม่ออกว่าปัญหา ‘ฝ้า กระ จุดด่างดำ’ และเกิดมาจากสาเหตุอะไรบ้างในบทความนี้ mesoestetic ขออาสามาให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อให้ทุกคนแยกปัญหาแต่ละชนิดให้ออก เมื่อเราสามารถแยกปัญหา ‘ฝ้า กระ จุดด่างดำ’ ได้อย่างถูกต้อง เราก็จะได้แก้ไขปัญหากันได้อย่างตรงจุดและทำให้เรากลับมามีใบหน้าที่เรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอ ผิวกระจ่างใส ได้อย่างที่เคยเป็น ฝ้า กระ จุดด่างดำ ต่างกันอย่างไร ? สำหรับ ปัญหา ‘ฝ้า กระ จุดด่างดำ’ หนึ่งในปัญหาผิวหน้าที่กวนใจหลายคนโดยเฉพาะสาวๆ และเราเชื่อว่าผู้ที่มีปัญหา ฝ้า กระ จุดด่างดำ ต่างหาวิธีแก้ปัญหาเพื่อทำให้ตัวเองกลับมาหน้าใสเหมือนเดิม แต่ความเป็นจริงแล้วยังมีอีกหลายคนที่ยังยังแยกไม่ออกว่า อันไหนคือ ‘ฝ้า กระ จุดด่างดำ’ จึงทำให้ผลการรักษาไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากรักษาไม่ถูกวิธี ฝ้า มีลักษณะเป็น ปื้นสีน้ำตาลอ่อนหรือเข็มมาก อาจมีขอบเขตชัดเจน หรือไม่มีขอบ มีหลากหลายขนาด หลายรูปทรง สามารถเกิดได้ทั่วบริเวณใบหน้า ซึ่งพบมากในผู้หญิงช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไปมากถึง 80% โดยบริเวณใบหน้าที่มีโอกาสเกิดฝ้ามากที่สุดก็คือ โหนกแก้ม แก้มทั้งสองข้าง […]
ความสัมพันธ์ระหว่างเพศและฝ้า ฝ้า คือ สภาพผิวที่เกิดจากการผลิตเม็ดสีเมลานินมากเกินไป ซึ่งเป็นเม็ดสีที่ทำให้ผิวเกิดฝ้า อาการทั่วไปของฝ้า ได้แก่ รอยคล้ำบนผิวหนังที่ผิดปกติซึ่งมักเกิดขึ้นบนใบหน้า ลำคอ และแขน แม้ว่าจะไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของฝ้า แต่ก็มีปัจจัยหลายอย่างที่เชื่อว่ามีส่วนทำให้เกิดฝ้า การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน พันธุกรรม และการสัมผัสแสงแดด การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์หรือการใช้ยาคุมกำเนิด สามารถกระตุ้นให้เกิดฝ้าในบางคนได้ พันธุกรรมอาจมีบทบาทเช่นกัน เนื่องจากบางคนมีความไวต่อการเกิดฝ้ามากกว่าคนอื่นๆ ประการสุดท้าย การได้รับแสงแดดอาจทำให้อาการของฝ้าแย่ลง เนื่องจากรังสียูวีสามารถกระตุ้นการสร้างเมลานินในผิวหนังได้ แม้ว่าฝ้าจะส่งผลต่อทั้งชายและหญิง แต่ก็มีหลักฐานบ่งชี้ว่าเพศอาจมีบทบาทในการพัฒนาเรื่องของฝ้า จากการศึกษาพบว่าผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเป็นฝ้ามากกว่าผู้ชาย โดยมีอัตราการเกิดฝ้าตั้งแต่ 90-95% ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะปัจจัยด้านฮอร์โมน เนื่องจากผู้หญิงมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนตลอดชีวิตมากกว่าผู้ชาย ตัวอย่างเช่น การตั้งครรภ์ การรับประทานยาคุมกำเนิด และการบำบัดด้วยฮอร์โมนทดแทนล้วนเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการเกิดฝ้าในผู้หญิง นอกจากนี้ ปัจจัยทางสังคมและวัฒนธรรมยังอาจมีบทบาทในการแพร่หลายของฝ้าในเพศต่างๆ ตัวอย่างเช่น ผู้หญิงอาจมีแนวโน้มที่จะใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมที่สามารถกระตุ้นให้เกิดฝ้า เช่น น้ำหอมและน้ำมันหอมระเหย โชคดีที่มีตัวเลือกการรักษาและป้องกันหลายอย่างสำหรับผู้ที่เป็นฝ้า การรักษาเฉพาะที่ เช่น ไฮโดรควิโนน เรตินอยด์ และกรดอะเซไลอิก สามารถช่วยให้ฝ้าจางลงและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอได้ การทำหัตถการต่างๆ เช่น การลอกผิวด้วยสารเคมี การกรอผิวด้วยไมโครเดอร์มาเบรชั่น และการรักษาด้วยเลเซอร์อาจมีผลในการรักษาฝ้าได้เช่นกัน ความต่างเรื่องของฮอร์โมนเพศหญิงเพศชาย ที่ส่งผลเรื่องฝ้า […]
แน่นอนว่า ปัญหาฝ้า กระ และจุดด่างดำ หากใครได้เป็นอาจทำลายความมั่นใจได้เลย เพราะการรักษากระหรือฝ้าเป็นการรักษาที่ยากมาก อีกทั้งใช้เวลานานในการรักษา หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องป้องกันจากปัจจัยที่ทำให้เกิดฝ้า กระและจุดด่างดำ บางทีก็เป็นเรื่องใกล้ตัวที่เกิดขึ้นได้หากคุณยังคงมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบผิดๆ อยู่ซึ่ง 5 พฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อผิวหน้าหากไม่อยากให้เกิดปัญหาเหล่านี้จนทำให้หมดความมั่นใจควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรม ดังนี้ โดนแสงแดดบ่อย แสงแดดคือตัวการสำคัญของการเกิดฝ้า กระ เพราะแสงแดดมีรังสียูวี ทั้ง UVA และ UVB ในปริมาณที่มาก ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับเป็นจำนวนมาก อาจทำให้ร่างกายเกินอนุมูลอิสระและเกิดฝ้า กระ บนใบหน้าได้ ไม่เพียงเท่านั้นยังอาจนำไปสู่โรคร้ายแรงอย่างโรคมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย ซึ่งหากจะเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านี้ ควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอหรือแต่งกายให้มิดชิดป้องกันแสงแดดกระทบผิวหนังโดยตรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ บรรดาของหวาน ของทอดและอาหารฟาสต์ฟู้ด รวมไปถึงอาหารที่มีไขมันมากและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คือตัวการของปัญหาผิวหน้า โดยเฉพาะฝ้า กระ เพราะอาหารเหล่านี้จะทำให้ร่างกายเกิดอนุมูลอิสระที่ทำร้ายเซลล์ในร่างกายรวมทั้งเซลล์ผิวหนังจนกลายเป็นปัญหาผิวได้ในที่สุด ดังนั้นถ้าไม่อยากให้ผิวพังควรหันมารับประทานผักผลไม้ที่มีวิตามินซี วิตามินบี12 แร่ธาตุและไฟเบอร์ให้มากๆ จะช่วยให้ผิวมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ไม่เพียงเท่านั้นยังควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8–10 แก้ว ด้วยเพื่อจะได้ผิวสวยอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่เสียเงิน มีความเครียดสะสม ความเครียดคือหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการเกิดฝ้า กระ เมื่อเกิดความเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมาส่งผลต่อการทำงานโดยรวมของร่างกายรวมทั้งการผลิตเม็ดสีเมลานินจะเพิ่มมากขึ้นจนสะสมเกิดเป็นปัญหาฝ้า กระ ได้ในที่สุด ฉะนั้นทางที่ดีที่สุดคือพยายามหาวิธีคลายเครียดจะดีกว่า รับประทานยาคุมติดต่อกันเป็นเวลานาน สำหรับคุณผู้หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิดเป็นประจำควรระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะยาคุมมีส่วนผสมของฮอร์โมนเพศ […]
ฝ้าเป็นปัญหาผิวทั่วไปที่สามารถส่งผลกระทบต่อคนทุกวัยและทุกสภาพผิว แม้ว่ารอยตำหนิสามารถมีได้หลายรูปแบบ แต่รอยตำหนิแบบตื้นคือการเปลี่ยนสีหรือแผลเป็นเฉพาะประเภทที่ส่งผลต่อชั้นบนสุดของผิวหนัง ในบทความนี้ เราจะสำรวจลักษณะของฝ้าตื้น สาเหตุ และวิธีการรักษาและป้องกันที่มี ฝ้าตื้นคือการเปลี่ยนสีหรือรอยแผลเป็นที่ส่งผลต่อชั้นบนสุดของผิวหนัง ซึ่งแตกต่างจากแผลเป็นลึกซึ่งสามารถขยายไปถึงชั้นหนังแท้หรือเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังได้ ฝ้าตื้นมักมีความลึกน้อยกว่า 1 มม. ตัวอย่างของฝ้าตื้น ได้แก่ รอยสิว จุดด่างดำ และรอยดำ รอยสิวเป็นรอยแบนสีแดงหรือสีน้ำตาลที่ทิ้งไว้หลังจากสิวหาย ในทางกลับกัน จุดบนดวงอาทิตย์คือจุดแบนๆ สีเข้มที่ปรากฏบนผิวหนังหลังจากได้รับรังสียูวีเป็นเวลานาน รอยดำ (Hyperpigmentation) หมายถึง ความคล้ำของผิวหนังในบางบริเวณ ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การถูกทำร้ายจากแสงแดด และการอักเสบ ฝ้าตื้นอาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ ได้แก่ การได้รับรังสี UV การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และสภาพผิวอักเสบ เช่น สิว การได้รับรังสี UV เป็นเวลานานอาจทำให้เกิดจุดบนดวงอาทิตย์ ซึ่งปรากฏเป็นรอยด่างดำบนผิวหนัง การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์หรือวัยหมดประจำเดือน อาจทำให้เกิดรอยดำ สภาพผิวที่อักเสบ เช่น สิว สามารถทำให้เกิดฝ้าตื้นในรูปแบบของรอยสิวได้ วิธีการรักษาและป้องกันหลายวิธีสำหรับฝ้าตื้น การรักษาเฉพาะที่ เรื่องของฝ้า เรตินอยด์ วิตามินซี […]
ฮอร์โมนมีส่วนรับผิดชอบต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในร่างกาย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังด้วย ผลของการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนบนผิวหน้าเป็นหัวข้อของการวิจัยมากมาย บางคนโต้แย้งว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจนำไปสู่ผลเสียต่อผิวหนัง เช่น สิว การเปลี่ยนแปลงของพื้นผิว และการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสี อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อโต้แย้งว่าการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนไม่ได้ส่งผลต่อผิวหน้าเสมอไป และการเปลี่ยนแปลงของผิวอาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่นๆ บทความนี้จะสำรวจข้อสงสัย และหาความรู้เพิ่มเสริมเข้ามาเป็นความรู้แก่ตัวเองไปพร้อมๆกัน ฮอร์โมนสามารถนำไปสู่การเพิ่มการผลิตน้ำมันในผิวหนัง การผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้เกิดสิวได้ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงวัยแรกรุ่นอาจทำให้เกิดสิวได้ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงมีประจำเดือนอาจทำให้เกิดสิวได้ สิวเป็นสภาพผิวทั่วไปที่ส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมากโดยเฉพาะในช่วงวัยแรกรุ่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนสามารถนำไปสู่การเพิ่มการผลิตน้ำมันในผิวหนัง ซึ่งสามารถอุดตันรูขุมขนและทำให้เกิดสิวได้ ในช่วงวัยแรกรุ่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอาจทำให้ระดับแอนโดรเจนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มการผลิตน้ำมันในผิวหนัง ในทำนองเดียวกัน ในช่วงมีประจำเดือน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอาจทำให้ระดับแอนโดรเจนเพิ่มขึ้น ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มการผลิตน้ำมันและการเกิดสิว ฮอร์โมนสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของเนื้อสัมผัสของผิวหนัง การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงวัยหมดประจำเดือนอาจทำให้ผิวบางลงได้ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในระหว่างตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดรอยแตกลายได้ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงวัยแรกรุ่นสามารถทำให้เกิดแผลเป็นจากสิวได้ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนยังอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของพื้นผิว เช่น ผิวบางลงในช่วงวัยหมดประจำเดือน ในระหว่างตั้งครรภ์ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนสามารถนำไปสู่การยืดของผิวหนังซึ่งส่งผลให้เกิดรอยแตกลายได้ นอกจากนี้ ในช่วงวัยแรกรุ่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนสามารถนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของสิว ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดแผลเป็นและการเปลี่ยนแปลงของพื้นผิว ฮอร์โมนสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของเม็ดสีผิว การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนระหว่างตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดฝ้าได้ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงวัยหมดประจำเดือนอาจทำให้เกิดจุดด่างอายุได้ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงวัยแรกรุ่นอาจทำให้ผิวคล้ำได้ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนยังสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของสีผิว ในระหว่างตั้งครรภ์ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอาจทำให้เกิดฝ้า ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้เกิดรอยดำบนผิวหนัง ในทำนองเดียวกัน ในช่วงวัยหมดประจำเดือน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนสามารถนำไปสู่การเกิดจุดด่างแห่งวัยได้ สุดท้าย ในช่วงวัยแรกรุ่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอาจทำให้ผิวคล้ำขึ้นได้ […]
การป้องกันและการดูแลผิวในฤดูร้อนเป็นธุรกิจของทุกคน ประชาชนควรระวังเพราะแสงแดดถือเป็นอีกปัจจัยที่ทำลายผิวหนังได้ แน่นอนถ้าคุณทิ้งไว้เป็นเวลานาน ส่งผลเสียต่อร่างกายและสุขภาพโดยรวมได้ เพื่อให้คุณมีสุขภาพผิวที่ดีและแข็งแรงในหน้าร้อนนี้ บทความนี้ จะพาคุณไปดูวิธีป้องกันแสงแดดที่มีแนวโน้มจะตามมา นอกจากนี้ยังมีเคล็ดลับการดูแลผิวเพื่อให้ผิวของคุณดูสดชื่นและอ่อนกว่าวัย วิธีดูแลผิวให้แข็งแรงในหน้าร้อน ด้วย 5 วิธีป้องกันตัวเองจากแสงแดดที่คุณต้องเผชิญ การตากแดดหรือความร้อนเป็นเวลานานอาจทำให้ผิวไหม้หรือส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ดังนั้น คุณควรดูแลผิวของคุณ พร้อมทั้งปกป้องผิวจากอันตรายของแสงแดดอย่างเพียงพอเพื่อไม่ให้เกิดผลเสียในภายหลัง นี่คือ 5 วิธีป้องกันแสงแดดไม่ให้ทำร้ายผิวจากแสงแดด หลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่แดดจัด จริงๆ แล้วแดดช่วงไหนอันตรายที่สุด? จากการวิจัยพบว่าช่วงเวลา 10.00-16.00 น. จะเป็นช่วงที่แสงแดดมีความอันตรายมาก โดยเวลาดังกล่าวแสงแดดจะมีรังสียูวีที่เข้มข้นมากกว่าปกติ ซึ่งเมื่อคุณอยู่ใต้แสงแดดเป็นเวลาเพียง 20-30 นาที ก็สามารถก่อให้เกิดอาการผิวไหม้ได้ และในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม จะเป็นเดือนที่มีอากาศร้อนและแดดแรง หากเป็นไปได้คุณควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงเวลาดังกล่าว ต้องทาครีมกันแดดเสมอ การหลีกเลี่ยงทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงแดดแรงเป็นเรื่องที่ปฏิเสธได้ยาก ดังนั้น วิธีป้องกันแสงแดดที่ควรทำทุกครั้งก่อนออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง คือ การหมั่นทาครีมกันแดดให้ทั่วทั้งบริเวณใบหน้า และตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพื่อให้ผิวได้รับการป้องกันจากอันตรายของแสงยูวีเอและยูวีบี ทั้งนี้ ต้องเลือกครีมกันแดดให้เหมาะสมกับกิจกรรมหรือเหมาะสมกับผิวของคุณ เช่น หากไปว่ายน้ำก็ควรเลือกชนิดที่สามารถกันน้ำได้ หรือหากคุณมีผิวมันก็ควรเลือกเนื้อครีมบางเบา รวมถึง ควรศึกษาวิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง เพื่อให้ผิวได้รับการปกป้องที่ดียิ่งขึ้น ทาลิปมันสูตรป้องกันแดด อันตรายจากแสงแดดที่นอกจากจะทำร้ายผิวแล้ว ก็ยังส่งผลให้ริมฝีปากมีสีที่คล้ำขึ้นหรือเกิดรอยดำได้ จึงเป็นเหตุผลว่าลิปมันบางสูตรจะมีส่วนผสมที่ช่วยป้องกันแสงแดดอยู่ด้วย […]
- 1
- 2