แก้ปัญหาผิวโทรม แต่งหน้าไม่ติด ให้มีสุขภาพดี

“แต่งหน้าไม่ติด”  สัญญาณร้ายของผิวสวยที่หลายคนกำลังประสบพบเจอ ที่เห็นกันอยู่บ่อยๆก็คือหน้ามันเยิ้ม หน้าลอกเป็นขุย หรือทิ้งคราบเอาไว้ตามจุดต่างๆทั่วใบหน้า ซึ่งปัญหาเหล่านี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของเครื่องสำอาง แป้งทาหน้า หรือรองพื้นเท่านั้น แต่ยังเป็นอาการที่บ่งชี้ถึงสุขภาพผิวของเราได้ด้วย เชื่อว่านี่เป็นหนึ่งในหลายๆปัญหาที่ทำให้หลายคนขาดความมั่นใจ เราจะมาเจาะลึกถึงสาเหตุและที่มาของการแต่งหน้าไม่ติด พร้อมเผยเคล็ดลับการบำรุงผิวหน้าให้สดใส เติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว เพื่อให้เครื่องสำอางหรือเมคอัพติดทนนานได้มากกว่าเดิม

แต่งหน้าไม่ติดคืออะไร

อาการแต่งหน้าไม่ติด เป็นสภาพของผิวที่ไม่พร้อมรับเครื่องสำอาง ซึ่งอาการนี้จะไม่ค่อยพบในช่วงแรกๆของการแต่งหน้า แต่เมื่อเวลาผ่านไปสัก 2-3 ชั่วโมง จะสังเกตเห็นว่ารองพื้นเริ่มเป็นคราบ แตก ไม่เรียบเนียนไปกับผิว หน้าลอย ดูหนา เครื่องสำอางหลุดลอกระหว่างวัน รวมถึงหน้ามันเยิ้มหรือหน้าลอก เป็นต้น

สาเหตุที่แต่งหน้าไม่ติด

สาเหตุสำคัญที่ทำให้แต่งหน้าไม่ติด เกิดขึ้นได้จากหลายที่มา ทั้งปัจจัยในส่วนของสภาพผิวหน้าแต่ละคนและปัจจัยภายนอกที่กระตุ้นให้เกิดสภาพดังกล่าว ดังต่อไปนี้

  • ผิวหน้าแห้ง เป็นขุยได้ง่าย
    สำหรับผู้ที่มีผิวหน้าแห้ง มักมีปัญหาของผิวหน้าไม่เรียบเนียน เนื่องจากความแห้งกร้านของผิว จนทำให้ผิวหลุดลอกออกมาเป็นแผ่น ผิวเป็นขุย เมื่อทาเครื่องสำอางหรือเมคอัพแต่งหน้า จึงทำให้หน้าลอก แต่งหน้าไม่ค่อยติดทนนาน เพราะผิวขาดความชุ่มชื้น โดยลักษณะผิวแห้ง นอกจากจะเกิดจากกรรมพันธุ์แล้ว อาจจะเกิดจากการละเลยในขั้นตอนการบำรุงผิว รวมถึงพฤติกรรมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น การล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นบ่อยๆ การทำงานในห้องแอร์ที่มีอากาศแห้ง ก็อาจจะทำให้ผิวขาดน้ำมากกว่าปกติ ทำให้แต่งหน้าได้ยากขึ้น
  • ผิวมันจนเกินไป
    สภาพของคนที่มีผิวมัน มักจะมีรูขุมขนกว้าง แต่งหน้าได้ไม่เรียบเนียน มองเห็นรูขุมขนได้ชัดเจน และนอกจากนั้นผิวจะผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมาบนใบหน้าค่อนข้างมาก ทำให้เกิดปัญหาหน้ามันเยิ้ม เครื่องสำอางหรือเมคอัพไหลออกมาเป็นคราบไม่ติดหน้านั่นเอง นอกจากผิวมันที่มีสาเหตุมาจากพันธุกรรมแล้ว ยังมีพฤติกรรมอื่นๆที่กระตุ้นให้หน้ามีความมันเพิ่มมากขึ้นด้วย เช่น ล้างหน้าบ่อย สครับผิวบ่อยเกินไป ทำให้รูขุมขนกว้างขึ้น ทั้งยังทำให้ผิวขาดสมดุล และใช้สกินแคร์ที่หนักกับผิวมากจนเกินไป เป็นต้น
  • สิวเห่อ
    อาการสิวเห่อ ทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน ผิวมีความขรุขระ เมื่อทาครีม เครื่องสำอาง หรือแต่งหน้าทำให้ไม่ติดในบริเวณที่เป็นสิว โดยเฉพาะในรายที่มีสิวผดและสิวเสี้ยน
  • ทาครีมมากจนเกินไป ทำให้ครีมไม่ซึมลงสู่ชั้นผิว
    การทาครีมมากจนเกินไปก่อนแต่งหน้า รวมถึงทาครีมไม่ถูกวิธี ไม่รอให้ครีมเหล่านั้นซึมลึกเข้าสู่ชั้นผิวก่อน ทำให้เครื่องสำอางไม่ติดหน้า และนอกจากนั้นยังทำให้เครื่องสำอางไปรวมกับครีมต่างๆที่ทาก่อนหน้านั้น เกิดเป็นความมัน แล้วไหลเยิ้มออกมาได้
  • พักผ่อนไม่เพียงพอ
    การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอตามความต้องการของร่างกาย เป็นช่วงเวลาที่สภาพผิวจะได้รับการฟื้นฟูและซ่อมแซมขึ้นมาใหม่ แต่เมื่อนอนน้อย จะส่งผลให้ผิวไม่สามารถรับการบำรุงหรือดูดซึมครีมต่างๆได้เท่าที่ควร ผิวจึงโทรม บางรายมีอาการหน้าลอกเป็นขุย แต่งหน้าไม่ติดตามมา ดังนั้นจึงควรนอนหลับพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง เพื่อช่วยลดความตึงเครียดให้กับผิว ทั้งยังช่วยให้ผิวได้รับการฟื้นฟูได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกด้วย
  • ดื่มน้ำน้อย
    การดื่มน้ำในปริมาณที่ร่างกายต้องการ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว นอกจากจะทำให้ระบบต่างๆภายในร่างกายทำงานได้ตามปกติแล้ว ยังทำให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น ดูเปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวา แต่งหน้าได้ง่ายขึ้น แต่ในทางกลับกัน หากดื่มน้ำในปริมาณน้อย จะทำให้ผิวแห้งกร้าน แต่งหน้าได้ยากขึ้น
  • การสัมผัสใบหน้าตลอดเวลา
    หนึ่งในพฤติกรรมที่หลายคนทำจนเคยชินคือการสัมผัสผิวหน้าบ่อยๆ ทำให้เมคอัพหรือเครื่องสำอางต่างๆหลุดติดมือออกมา ไม่เพียงเท่านั้น ยังเสี่ยงต่อการที่ผิวจะเกิดการระคายเคือง มีสิวขึ้นมาได้ เนื่องจากมือของเราเต็มไปด้วยเชื้อโรคและสิ่งสกปรกมากมาย
  • ผิวหน้าขาดการบำรุง
    ทุกวัน ผิวของเราจะต้องเผชิญกับมลภาวะ ฝุ่น ควันมากมาย จนผิวถูกทำร้ายและกลายเป็นปัญหาผิวที่หลากหลายตามมา เพราะฉะนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นที่จะต้องให้การบำรุงผิวอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มต้นจากการทำความสะอาดผิวให้สะอาด และเลือกใช้ครีมบำรุงตามสภาพผิว ที่ไม่มีสารอันตราย ปราศจากแอลกอฮอลล์ พาราเบน และน้ำหอม
  • เลือกใช้เครื่องสำอางไม่เหมาะกับสภาพผิว
    ส่วนหนึ่งของอาการแต่งหน้าไม่ติด คือการเลือกเครื่องสำอางไม่เหมาะกับสภาพผิวของตนเอง ดังนั้นหากเป็นคนผิวมัน ควรเลือกใช้เครื่องสำอางเนื้อแมตท์หรือแบบฝุ่น และสามารถกันน้ำได้ ไม่เช่นนั้นน้ำมันบนผิวหน้าจะทำให้เครื่องสำอางหลุด ไม่ติดทน ส่วนคนที่มีผิวแห้ง ควรเลือกเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารบำรุงผิวที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอลล์ เพราะจะยิ่งทำให้หน้าแห้งขึ้น จนเป็นขุยและทำให้เกิดคราบบนใบหน้าได้
  • ใช้เครื่องสำอางที่หมดอายุ
    เครื่องสำอางที่ใช้กับผิว จะต้องตรวจสอบวันผลิต วันหมดอายุก่อนซื้อ เพราะยิ่งเครื่องสำอางเก่า คุณภาพและมาตรฐานก็ยิ่งลดลง ไม่เพียงส่งผลให้แต่งหน้าไม่ติดเท่านั้น แต่ยังสามารถทำให้เกิดการระคายเคือง แพ้ หรือเกิดสิวเห่อขึ้นมาได้เช่นกัน
  • ลำดับการใช้เครื่องสำอางผิด
    เครื่องสำอาง มีลำดับการใช้ก่อนหลัง จะต้องใช้อย่างถูกต้อง โดยพื้นฐานจะต้องลงเครื่องสำอางชนิดน้ำก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อให้สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ จากนั้นจึงทาในส่วนที่เป็นเนื้อเจล และตามด้วยเครื่องสำอางเนื้อข้นอย่างรองพื้น แล้วจึงทาแป้งฝุ่น พร้อมทั้งรอให้เครื่องสำอางเซ็ตตัว
  • ไม่พักหน้า ไม่ได้ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจด
    การแต่งหน้าเป็นประจำทุกวัน อาจจะทำให้ผิวขาดออกซิเจน รวมถึงการล้างเครื่องสำอางออกไม่หมด ทำให้ผิวเกิดการอุดตัน ตามมาด้วยปัญหาผิวต่างๆมากมาย ทั้งยังทำให้แต่งหน้าไม่ติดด้วย ดังนั้นควรมีเวลาให้หน้าได้พักด้วยเช่นกัน
  • ผิวสัมผัสแสงแดดมากเกินไป
    แสงแดดคือตัวร้ายที่ทำลายลึกจนถึงระดับเซลล์ผิว ที่ไม่เพียงทำให้หน้าหมองคล้ำ แต่แสงแดดจะเผาผลาญน้ำในชั้นผิว ทำให้เซลล์ผิวเกิดอาการขาดน้ำ นั่นคือที่มาว่าทำไมหน้าจึงแห้ง ลอก และเป็นขุย ดังนั้น ก่อนออกแดดทุกครั้ง ควรทาครีมกันแดดที่มีค่าการปกป้องสูง SPF50+ และหลังการออกแดด ควรมีการบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้นด้วยการทาเจลว่านหางจระเข้ เป็นต้น
  • ทานอาหารที่ทำร้ายผิวเป็นประจำ
    อาหารที่ทำร้ายผิว เช่น เหล้า เบียร์ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหลาย ซึ่งสามารถทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดปัญหาผิวพรรณตามมาได้อีกด้วย
  • ก่อนแต่งหน้าไม่ได้ใช้ไพรเมอร์
    ไพรเมอร์ เป็นตัวที่ช่วยให้เครื่องสำอางติดแน่นทนนาน ทั้งยังช่วยปกปิดรูขุมขน ทำให้ผิวเรียบเนียนมากขึ้น ช่วยป้องกันการแตกลายของรองพื้นและแป้งที่เข้าไปตามร่องผิว ทั้งยังช่วยป้องกันความมันบนใบหน้าได้อีกด้วย

เทคนิคการแต่งหน้าให้ติดทนนาน

สำหรับท่านใด ที่อยากแต่งหน้าให้ติดทนนานอยู่ได้ทั้งวัน เรามีเทคนิคมาแนะนำ ดังต่อไปนี้

  • สครับผิวเพื่อผลัดเซลล์ผิวเก่าออก
    การสครับผิว สามารถทำได้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เป็นการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออก เผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสและเรียบเนียนขึ้น ซึ่งสามารถช่วยให้การแต่งหน้าติดทนนานขึ้น แต่ไม่ควรสครับบ่อยจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้
  • เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
    การเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์เป็นการเตรียมผิวให้พร้อมก่อนแต่งหน้า เป็นการเพิ่มความสมดุลให้แก่ผิวโดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าแห้ง ควรทาครีมบำรุงเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ และสำหรับท่านใดที่มีเวลาไม่มาก สามารถใช้วิธีการมาส์กหน้าเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวอย่างเร่งด่วนได้ด้วยเช่นกัน จะช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ มีสุขภาพดี และแต่งหน้าติดทนนานมากขึ้น
  • ลงไพรเมอร์ก่อนแต่งหน้า
    คุณสมบัติของไพรเมอร์คือช่วยให้เครื่องสำอางติดทนมากขึ้น พร้อมทั้งช่วยปรับสภาพผิวให้ดูเรียบเนียน มีสีผิวที่สม่ำเสมอ โดยก่อนแต่งหน้า ให้ลงไพรเมอร์บางๆ เน้นในจุดที่ต้องการให้รองพื้นอยู่แน่นและทน แล้วเกลี่ยให้เรียบ
  • ลงรองพื้นให้ถูกวิธี

นอกจากการเลือกรองพื้นให้เหมาะกับสภาพผิวแล้ว การลงรองพื้นด้วยวิธีการที่ถูกต้องก็มีความสำคัญด้วยเช่นกัน โดยให้เทรองพื้นลงบนหลังมือ จากนั้นให้ใช้นิ้ววอร์มก่อน แล้วใช้ฟองน้ำแท็บหรือกดเบาๆทั่วใบหน้า

  • ใช้แป้งฝุ่นเซ็ตเมคอัพ
    เมื่อแต่งหน้าเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้แป้งฝุ่นหรือแป้งที่ไม่ผสมรองพื้นเซ็ทเครื่องสำอางทั้งหมด โดยใช้พัฟแตะแป้งฝุ่นเพียงเล็กน้อย แล้วกดแป้งลงไปเบาๆในจุดที่เป็นทีโซนและจุดที่มักมีปัญหารองพื้นไม่เกาะผิว ไม่ว่าจะเป็นบริเวณจมูก กึ่งกลางแก้ม หน้าผาก ใต้ตา เป็นต้น
  • ใช้สเปรย์น้ำแร่ฉีดเพิ่มความฉ่ำวาวให้แก่ผิว
    การใช้สเปรย์น้ำแร่ สามารถใช้ได้ทั้งก่อนแต่งหน้า หลังแต่งหน้าและระหว่างวัน เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และเพื่อให้เครื่องสำอางติดผิวได้นานมากขึ้น

การดูแลผิวให้มีสุขภาพดี แต่งหน้าติดทนนาน

การมีผิวพรรณที่ดี เริ่มต้นจากการดูแลผิวด้วยวิธีการที่ถูกต้อง ทั้งจากภายในและภายนอก วันนี้เรามีวิธีดูแลผิวให้มีสุขภาพดี  แต่งหน้าติดทนนานมาแนะนำกัน ดังต่อไปนี้

  • ทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี
    การทำความสะอาดผิวให้สะอาดหมดจด เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการมีผิวที่แข็งแรง สุขภาพดี โดยให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับสภาพผิวของคุณ ที่สามารถช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันผิว ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ไม่ให้ผิวแห้งกร้าน และต้องไม่มีสารอันตรายที่ทำร้ายผิวทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว
  • บำรุงผิวด้วยสกินแคร์ที่เหมาะกับสภาพผิว
    นอกจากการเลือกสกินแคร์ให้เหมาะกับสภาพผิวหน้าของแต่ละท่านแล้ว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีอันตรายและทำร้ายผิวหน้าได้น้อยที่สุด ปราศจากน้ำหอม ปราศจากแอลกอฮอล์ และสารอันตรายอื่นๆที่อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองหรือแพ้ได้ โดยให้บำรุงอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์บำรุงที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว อย่าง ha densimatrix by mesoestetic ไฮยาลูโรนิกสูตรเข้มข้นในรูปแบบของเซรั่ม ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวอย่างล้ำลึก ทั้งยังช่วยลดเลือนริ้วรอยให้ดูจางลง ทำให้ผิวดูสุขภาพดี มีความยืดหยุ่น โดยประกอบด้วยกรดไฮยาลูโรนิกบริสุทธิ์ที่มีโครงสร้างโมเลกุลหลากหลายเพื่อการบํารุงและปกป้องผิวอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสารสกัดจากรากต้นมาร์ชแมลโลว์(Mashmallow root extract)ช่วยส่งเสริมกระบวนการคงอยู่ของ กรดไฮยาลูโรนิกให้ยาวนานขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นยังมีสารสกัดจากหินมาลาไคต์(Malachite extract) ซึ่งเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ ที่ช่วยปกป้องการคงอยู่ของคอลลาเจนและอีลาสตินตามธรรมชาติของผิว ทําให้ริ้วรอยแลดูจางลง และปรับสภาพผิวให้มีความอ่อนเยาว์มากขึ้นด้วย หมดปัญหาเรื่องการแต่งหน้าไม่ติด
  • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำให้หน้าโทรม
    พฤติกรรมในการดำเนินชีวิต เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการกำหนดลักษณะสภาพผิว ดังนั้น ควรเลี่ยงพฤติกรรมต่างๆที่ทำให้หน้าโทรม เริ่มต้นด้วยวิธีพื้นฐานง่ายๆ เช่น นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน รวมถึงการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่นผัก ผลไม้หลากสี เป็นต้น งด ละ เลิกการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ เพราะสิ่งเหล่านี้ ไม่เพียงมีโทษต่อร่างกายเท่านั้น แต่ยังทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวซีดและแห้งกร้าน
  • ทำจิตใจให้สบาย ลดความเครียด
    เมื่อเกิดความเครียด หรือมีความกังวล ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ทำให้ต่อมไขมันทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้หน้ามันและเกิดสิวตามมา ไม่เพียงเท่านั้นผิวหนังอาจเสี่ยงต่อการเกิดผื่นแดงและติดเชื้ออื่นๆตามมาได้
  • ดูแลระบบการขับถ่าย
    การขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นประจำทุกวัน มีผลทำให้ผิวหน้าดูสดใส แข็งแรง มีสุขภาพดี รวมถึงการออกกำลังกายเป็นประจำ ช่วยให้ออกซิเจนในร่างกายหมุนเวียนได้ดีขึ้น ทำให้ผิวเปล่งปลั่งขึ้นด้วย
  • รับประทานอาหารเสริมบำรุงผิว
    การรับประทานอาหารเสริม เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีที่ทำให้ผิวแข็งแรง สุขภาพดี ไม่ว่าจะเป็น วิตามินซี ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิต้านทาน ทั้งยังช่วยเร่งการสร้างเซลล์ผิวใหม่ วิตามินอี ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น ทั้งยังช่วยยืดอายุผิว เป็นต้น

“พื้นฐานผิวที่ดีคือรองพื้นที่ดีที่สุด” นี่คือคำกล่าวที่ถูกต้องและเป็นจริงทุกยุคสมัย ดังนั้นอาการ“แต่งหน้าไม่ติด”จึงไม่ใช่ปัญหาในเรื่องความสวยงามที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงสภาพของผิวพรรณที่จะต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่ให้ดีมากขึ้นด้วยเช่นกัน และถ้าหากสุขภาพผิวดี จะแต่งหน้ากี่ทีก็ติดทนนานได้ตลอดทั้งวันแน่นอน