“ผิวแพ้ง่าย” หนึ่งในปัญหาผิวที่สร้างความรำคาญใจให้กับใครหลายคน เนื่องจากผิวเกิดการระคายเคืองจากสิ่งเร้าภายนอกได้โดยง่าย มักจะมีอาการแดงหรือคันได้ง่าย เมื่อได้สัมผัสกับผลิตภัณฑ์ใดๆก็ตาม ซึ่งระดับของการแพ้ของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลายๆคนไม่กล้าที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ตัวไหนบำรุงผิว แต่เมื่อนานวันเข้า เมื่อผิวไม่ได้รับการบำรุง ก็จะยิ่งทำให้ผิวแห้งกร้าน ลอกเป็นขุย ในบางรายถึงขั้นผิวบวมตึง เป็นผื่นแพ้ แสบคัน อักเสบหรือเกิดเป็นสิว และปัญหาผิวอื่นๆตามมาอีกมากมาย
ผิวแพ้ง่าย กับ ผื่นแพ้ผิวหนัง
ผิวแพ้ง่าย (Sensitive skin) เป็นภาวะที่ผิวมีการตอบสนองที่ไวต่อปัจจัยสภาวะแวดล้อมภายนอกได้ง่าย ที่ไม่เพียงในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ อากาศ เสื้อผ้าเครื่องนุ่มห่มเท่านั้น แต่อาการระคายเคืองยังเกี่ยวข้องกับช่วงของการมีรอบเดือนในผู้หญิงอีกด้วย อาการผิวแพ้ง่าย สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งชายและหญิง และทุกเพศทุกวัย โดยมักเกิดผดผื่นคัน ผิวแห้งตึง แสบร้อน มีรอยแดง ผิวลอก หรือเป็นผื่นนูน ผื่นแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่มีการอักเสบแบบเรื้อรัง ซึ่งเป็นปฏิกิริยาอาการทางภูมิแพ้ ไม่ได้เป็นโรคติดต่อแต่อย่างใด แต่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันร่างกายของคนนั้นๆมีการตอบสนองต่อปัจจัยกระตุ้นของสิ่งแวดล้อมภายนอกที่มากเกินไป ซึ่งอาจมีอาการของโรคภูมิแพ้อื่นๆร่วมด้วย เช่นแพ้อากาศ เยื่อบุจมูกและเยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้และหอบหืด เป็นต้น ส่วนอาการที่มักปรากฏกับผิวหนัง ก็เช่น เกิดผื่นผิวหนังเห่อแดงและมีอาการคัน และเมื่อมีการเการ่วมด้วย ก็จะเกิดการลุกลามและมีการเห่อขึ้นของผื่น ลักษณะผิวของผู้ป่วยส่วนใหญ่ จะมีผิวที่แห้งกร้าน ส่วนการอักเสบของผิวหนังก็มีหลายระดับ ทั้งระดับเฉียบพลันไปจนถึงเรื้อรังเลยทีเดียว ในระยะเฉียบพลัน ผิวหนังมักมีอาการเห่อ แดง คัน อาจมีตุ่มน้ำใสเล็กๆ หรือมีน้ำเหลืองไหลเยิ้มซึมออกมา ซึ่งเป็นลักษณะอาการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังร่วมด้วย และในระยะเรื้อรัง จะมีลักษณะเป็นปื้นนูน คัน มีขุย และมีการหนาตัวของผิวหนัง
ผิวแบบไหนมีแนวโน้มที่จะแพ้ง่าย?
แท้จริงแล้ว ผิวแพ้ง่าย สามารถเกิดขึ้นได้กับผิวทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวผสม ก็มีแนวโน้มที่จะเกิดอาการระคายเคืองได้ด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยกระตุ้นหรือสิ่งเร้าภายนอกและภายในของแต่ละบุคคลนั่นเอง
ผิวแพ้ง่าย มีอาการแบบไหน?
ผิวแพ้ง่าย สามารถแสดงออกได้หลากหลายอาการแล้วแต่ละบุคคลแตกต่างกันไป แต่โดยส่วนใหญ่ มีลักษณะอาการที่เห็นได้ชัดเจน ดังต่อไปนี้
- เกิดอาการระคายเคืองได้ง่ายเมื่อเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
ส่วนใหญ่แล้ว ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย มักจะใช้ผลิตภัณฑ์เดิมๆที่ตัวเองเคยใช้ ไม่ค่อยเปลี่ยนไปใช้อย่างอื่นมากนัก เนื่องจากเมื่อลองเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดอื่นแล้ว มักจะเกิดอาการระคายเคืองตามมา ไม่ว่าจะเป็นเกิดรอยแดง มีผื่นขึ้นหรือเป็นสิว เป็นต้น ทำให้หลายๆคนไม่กล้าเสี่ยง - เมื่อสัมผัสกับความร้อน เหงื่อไคล หรือสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานาน
ผิวมักจะมีรอยแดง คันยุบยิบ หรือเกิดการระคายเคืองได้โดยง่าย - รู้สึกคันหรือระคายเคืองที่ผิวเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารบางอย่าง
สารต่างๆที่ถูกนำมาผสมในผลิตภัณฑ์จำพวกสกินแคร์ เช่น น้ำหอม สี แอลกอฮอล์ พาราเบน และสารกันเสีย เป็นสารที่คนผิวแพ้ง่ายส่วนใหญ่สัมผัสแล้ว มักมีอาการแพ้เกิดขึ้น โดยอาจจะทำให้รู้สึกตึงๆที่ผิว แสบ คัน แดง เมื่อมีอาการเช่นนี้ควรรีบล้างออกโดยทันที - เกิดปัญหาผิวมากมายตามมา
ผู้ที่มีปัญหาผิวแพ้ง่าย มักก่อให้เกิดปัญหาผิวประเภทอื่นๆตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นสิว ฝ้า หน้าหมองคล้ำ ผิวหมอง ไม่สดใส มีจุดด่างดำ มีกระ เป็นต้น
ถ้าจะกล่าวโดยสรุปก็คือว่า อาการของผิวแพ้ง่ายมักจะแสดงออกดังที่กล่าวมา ในบางรายมีอาการบวมหรือผิวไหม้ร่วมด้วย ซึ่งไม่เพียงเกิดอาการแพ้เฉพาะผิวหน้าเท่านั้น แต่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกส่วนของร่างกาย นอกจากสิ่งกระตุ้นทั้งภายในและภายนอกแล้ว อาการแพ้ง่ายดังกล่าวก็มักมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในช่วงที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงมากๆ เช่น ในขณะตั้งครรภ์ หรืออายุเพิ่มมากขึ้น โดยลักษณะของผิวที่แพ้ง่ายนั้น อาจจะคล้ายคลึงกับผิวแห้ง แต่แท้จริงแล้วคนที่มีผิวแห้งก็ไม่จำเป็นต้องมีอาการแพ้ร่วมด้วยเสมอไป ดังนั้นควรหมั่นสังเกตตนเอง เพื่อหาอาการอื่นๆร่วมด้วย เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนตามมา
ผิวแพ้ง่ายเกิดจากอะไร?
มีหลายสาเหตุและหลายปัจจัยที่ทำให้ผิวมีอาการแพ้ง่าย ดังต่อไปนี้
- ระบบการปกป้องผิวตามธรรมชาติอ่อนแอ
โดยธรรมชาติ ผิวหนังชั้นบนของคนเราจะมีหน้าที่กักเก็บความชุ่มชื้นของผิว ช่วยไม่ให้ผิวขาดน้ำจนแห้งกร้าน นอกจากนั้น ยังทำหน้าที่เป็นเหมือนโล่กำบังที่คอยปกป้องผิว ไม่ให้ปัจจัยภายนอกอื่นๆมาทำร้ายจนเกิดการระคายเคืองได้ง่ายๆ โดยผิวชั้นบน จะมีลักษณะเป็นฟิล์มบางๆที่มีส่วนประกอบของน้ำ กรดไขมัน และไขมันที่มีค่า pH สมดุลอยู่ที่ประมาณ 4.25-5.75 มีความเป็นกรดเล็กน้อย มีหน้าที่ช่วยปกป้องผิวจากเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งการทำหน้าที่ดังกล่าวนี้ ก็จะขึ้นอยู่กับเอนไซม์ปกป้องผิวตามธรรมชาติด้วย เพราะถ้าหากว่าระบบการทำงานของเอนไซม์ผิดปกติหรือขาดความสมดุล ก็จะส่งผลต่อสภาพผิวโดยตรง เนื่องจากเกราะปกป้องผิวไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ทำให้ผิวอ่อนแอ เกิดอาการแพ้ง่าย ทำให้เกิดการสูญเสียน้ำได้ง่าย ทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้สิ่งภายนอกเข้ามาทำร้ายผิวได้ง่ายอีกด้วย ซึ่งผิวของเด็กจะมีความบอบบางมากกว่าผิวของผู้ใหญ่ เนื่องจากเกราะปกป้องผิวยังอ่อนแอ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผิวเด็กจึงแพ้ง่าย ไวต่อสารเคมีและสิ่งแวดล้อมภายนอกมากกว่า และในทางตรงกันข้าม เมื่ออายุมากขึ้น บวกกับระบบฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไป หรือมีโรคบางชนิดในบางราย ก็ล้วนส่งผลให้โครงสร้างผิวของคนเราอ่อนแอลง ทำให้ผิวบอบบางและแพ้ง่ายได้ด้วยเช่นกัน - การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและลม
การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่รวดเร็ว จะกระตุ้นให้เกิดการปล่อยโมเลกุล histamine ในผิว สามารถทำให้เกิดผดผื่นหรืออาการคันขึ้นมาได้ นอกจากนั้น ยังส่งผลทำให้หลอดเลือดขยายตัว ทำให้เกิดรอยแดงได้ง่ายๆ อย่างเช่น อากาศที่เย็นจัด มีความชื้นต่ำ สามารถทำให้หลอดเลือดในผิวหนังหดตัวลง ทำให้ความชุ่มชื้นไม่สามารถเข้าไปหล่อเลี้ยงผิวได้ ทำให้เกิดภาวะผิวแห้ง หรือผิวขาดน้ำ จนในที่สุดทำให้เกิดผิวแพ้ง่ายได้ และในช่วงที่อากาศร้อนจนเกินไปและมีความชื้นสูง ส่งผลให้เหงื่อออกง่ายและเกิดการอุดตันของสิ่งสกปรกได้เช่นกัน - มลพิษทางอากาศหรือมลภาวะ
มลภาวะนับเป็นอีกหนึ่งศัตรูของผิวสวยเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะฝุ่นที่มีอนุภาคขนาดเล็กอย่าง PM 2.5 ซึ่งมักจะมีการเกาะติดอยู่ตามผิวชั้นนอก และสามารถก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ของภาวะความเครียดที่เกิดจากออกซิเดชัน (Oxidative Stress) ส่งผลให้ผิวเกิดการระคายเคือง ทำลายเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวไวต่อสิ่งเร้าภายนอกที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองได้มากขึ้น - ความร้อนจากรังสียูวี
รังสีอัลตราไวโอเลตในแสงอาทิตย์เป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่สามารถกระตุ้นให้เกิดภาวะเครียดที่เกิดจากออกซิเดชันและการอับเสบภายในผิว ทำให้ผิวระคายเคืองได้ง่ายมากขึ้นด้วย - สารเคมีและสารเติมแต่งในเครื่องสำอางค์
ในเครื่องสำอางค์หรือผลิตภัณฑ์ประเภทสกินแคร์โดยส่วนใหญ่ มักผสมสารเติมเต็ม ประเภทสี น้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน หรือลาโนนิน เป็นต้น ซึ่งสารเหล่านี้สามารถกระตุ้นให้เกิดการระคายเคืองให้กับผิวบอบบางและแพ้ง่าย ไม่เพียงเท่านั้น ในเครื่องสำอางประเภทลดเลือนริ้วรอย ก็มักจะมีส่วนผสมของสารบางประเภทที่มีความเข้มข้นสูง เช่น กรดอัลฟาไฮดรอกซี (AHA) ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว นอกจากนั้น ยังรวมถึงเครื่องสำอางค์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือที่เรียกว่าครีมเถื่อน ที่มักผสมสารอันตราย เพื่อให้เห็นผลไวภายใน 5 วัน 7 วัน อย่างเช่น พวกสารปรอท สเตียรอยด์ ไฮโดรควิโนน กรดเรติโนอิก เป็นต้น - ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเสื้อผ้า
ผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้า มักมีส่วนผสมของสารที่มีความเข้มข้นสูงที่สามารถก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ เช่น โซเดียม ลอริล ซัลเฟต ที่สามารถทำลายเกราะปกป้องผิว รวมถึงสารชีวภาพที่อยู่ในน้ำยาซักผ้า ก็ประกอบด้วยเอนไซม์ที่สามารถสร้างการระคายเคืองให้เกิดกับผิวได้เช่นกัน - การระคายเคืองที่เกิดขึ้นหลังการทำศัลยกรรม
หลังจากการผ่าตัดหรือการทำศัลยกรรม มักจะมีแผลเกิดขึ้นบนผิวหนังของคนเราเสมอ และในขณะที่แผลกำลังจะหายดี ก็มักจะมีความไวต่อการสัมผัสและการถูกกระตุ้นเป็นอย่างมาก ในบางรายสามารถก่อเกิดการระคายเคือง แดง และคันได้ - การรับประทานอาหารรสจัด
สารที่เรียกว่า แคปไซซิน (capsaicin)ที่อยู่ในอาหารรสจัด สามารถช่วยกระตุ้นตัวรับรู้การระคายเคืองภายในผิวได้ เช่น ผิวเป็นปื้นแดงหรือรอยแดงเกิดขึ้น เป็นต้น - การดื่มแอลกอฮอล์
การดื่มแอลกอฮอล์ทำให้เกิดการขยายตัวของหลอดเลือดในผิวหนัง ทำให้ผิวเกิดปื้นแดงและมีรอยแดงบนผิวอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนั้นแอลกอฮอล์ ยังทำงานเหมือนกับยาขับปัสสาวะ ที่ขับน้ำออกจากร่างกาย ทำให้เกิดภาวะผิวแห้ง และยิ่งได้รับการกระตุ้นจากปัจจัยภายนอก ผิวยิ่งระคายเคืองได้ง่าย - แพ้กลูเตน
กลูเตน เป็นไกลโคโปรตีนที่สามารถพบได้ในอาหารประเภทธัญพืชต่างๆ เช่น ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ เป็นต้น มีลักษณะเหนียว ยืดหยุ่น ไม่ละลายน้ำ ซึ่งเป็นสารอาหารที่บางคนแพ้และส่งผลกระทบต่อผิวได้ อย่างบางรายแพ้มาก ก็สามารถทำให้เกิดการแพร่กระจายของผื่นพุพองที่เรียกว่าโรคเดอร์มาไตติส เฮอร์เพติฟอร์มิส (Dermatitis Herpetiformis) และโรคผิวหนังอื่นๆ เช่น สะเก็ดเงิน (Psoriasis) เป็นต้น และถึงแม้การแพ้กลูเตนจะไม่ใช่สาเหตุหลักของผิวแพ้ง่าย แต่ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรแก่การพิจารณาร่วม - การเปลี่ยนแปลงของระบบฮอร์โมนในร่างกาย
ภาวะผิวแพ้ง่ายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระบบฮอร์โมนในร่างกาย มักจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงที่มีรอบเดือนหรืออยู่ในช่วงใกล้หมดประจำเดือน ซึ่งในช่วงการเปลี่ยนแปลงของระบบฮอร์โมนนี้ มักทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ง่าย โดยมีอาการแดงเป็นปื้นของผิว เป็นต้น - ความเครียด
เมื่อเกิดความเครียด นอกจากร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่เป็นพิษออกมาแล้ว ที่ปลายประสาทใต้ผิวของคนเราก็จะ เริ่มแสดงสัญญาณของความเจ็บปวดออกมา ส่งผลให้หลอดเลือดในใบหน้าและลำคอขยาย ทำให้เกิดความรู้สึกร้อนที่บริเวณดังกล่าว และทำให้หน้าแดงจนเห็นได้ชัด - การรักษาทางการแพทย์บางประเภท
ในกระบวนการรักษาทางการแพทย์ เช่น เรดิโอเธราปี และ การใช้ยาปฏิชีวนะ สามารถนำไปสู่การทำลายแบคทีเรียที่สำคัญสำหรับผิวได้ ทำให้ผิวมีความไวต่อสิ่งรอบข้างมากขึ้น - การรับประทานอาหารบางชนิด
ผู้ป่วยบางราย อาจแพ้อาหารบางชนิด เช่น นม ไข่ ถั่ว อาหารทะเล และทำให้เกิดอาการระคายเคืองที่ผิวหนังได้ - การติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราที่ผิวหนัง ร่วมกับการเกาจากผู้ป่วย ส่งผลให้ผิวมีความเซ็นซิทีฟมากขึ้น
- สารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อยในอากาศ เช่น ตัวไรฝุ่น เกสรดอกไม้บางชนิด เป็นต้น
- การขาดสารอาหารบางชนิด เช่น สังกะสี วิตามินซี โคคิวเท็น วิตามินอี เป็นต้น
- นอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ฮอร์โมนร่างกายแปรปรวน ส่งผลต่อทั้งสุขภาพร่างกายโดยรวมและสภาพผิว
ดูแล ผิวแพ้ง่าย อย่างไรดี?
หลักการสำคัญในการดูแลผิวแพ้ง่ายคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่จะเป็นการลดความเสี่ยงที่ทำให้ผิวมีอาการแพ้ง่าย พร้อมหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆที่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ ดังต่อไปนี้
- รักษาความสะอาดของผิวหน้าเสมอ
ความจำเป็นอย่างหนึ่งก่อนที่จะล้างหน้าทุกครั้ง คือการเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่บนผิวออกให้สะอาดหมดจดทุกวัน เพื่อป้องกันการอุดตันและลดความเสี่ยงที่ฝุ่นหรือสิ่งสกปรกเหล่านี้จะทำให้เกิดผื่นคันและส่งผลให้ผิวแพ้ง่ายตามมา ไม่เพียงเท่านั้น ยังต้องหมั่นทำความสะอาดของใช้ส่วนตัวและเครื่องนอนต่างๆที่เกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันให้สะอาดด้วย ไม่ว่าจะเป็น ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า รวมถึงโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น - ล้างหน้าให้ถูกวิธี
ในการล้างหน้า ควรใช้น้ำในอุณหภูมิปกติ ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป เนื่องจากจะทำให้ความสมดุลของผิวถูกชะล้างออกมากจนเกินไป และที่สำคัญไม่ควรล้างหน้าบ่อยจนเกินไป วันละ 2 ครั้ง เช้า เย็นคือเพียงพอแล้ว - หลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวหน้าแรงๆ
หลังล้างหน้าทุกครั้ง ควรเช็ดหน้าอย่างเบามือ ห้ามแกะ บีบ เกา เพราะจะทำเป็นการกระตุ้นให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้นควรงดเว้นการสครับหน้าหรือการใช้สารเคมีที่มีความเข้มข้นสูงกับผิวหน้า - เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมในการดูแลผิว
สำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางและแพ้ง่าย ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการทดสอบจากแพทย์ผิวหนังแล้วว่าอ่อนโยนกับผิว ปราศจากแอลกอฮอล์ ปราศจากน้ำหอม ปราศจากสารแต่งสีและกลิ่น ปราศจากพาราเบน ที่ไม่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับและมีการผลิตที่ได้มาตรฐาน นอกจากนั้นในการบำรุงผิว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่สามารถปลอบประโลมผิว เติมเต็มและกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวได้ อย่าง COUPEREND CREAM by mesoestetic แบรนด์ดังสัญชาติสเปน ที่ขึ้นชื่อเรื่องผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลและแก้ไขปัญหาผิวหน้าที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก และนี่เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่ของครีมบำรุงผิว ที่ถูกคิดค้นและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง สำหรับผิวที่บอบบางและแพ้ง่ายโดยเฉพาะ เช่นผิวที่มีอาการแดง อักเสบจากเส้นเลือดที่เปราะบาง ขาดความแข็งแรง มีรอยแดงปื้น และเป็นผิวที่มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคผิวหนังโรซาเซีย มีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ลดการระคายเคือง ช่วยปลอบประโลมผิว เสริมความแข็งแรงให้หลอดเลือด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิด Telangiectasia (ภาวะของเส้นเลือดฝอยในผิวโป่งและแตกออกมาจนทำให้เห็นรอยเส้นเลือดในบริเวณผิวหนังในส่วนนั้น ในลักษณะที่เป็นเส้นเลือดแผ่ออก เป็นปื้นแดง เป็นจุดแดงตามผิวหนัง) โดยมีส่วนผสมที่สำคัญที่อุดมไปด้วยสารสกัดคัดเกรดพรีเมี่ยม ไม่ว่าจะเป็น Prebiotic(heptapeptide-4) ที่ช่วยปรับปรุงระบบการป้องกันของผิวหนังให้มีความแข็งแรงมากขึ้น , Tetrapeptide-2 ที่ช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระภายนอก แสงแดด และมลภาวะต่างๆ ,Myrtillus extract(blueberry extract) ช่วยปกป้องผิวจากสารอนุมูลอิสระ , Ruscus extract ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ,Hesperidina ที่ช่วยปลอบประโลมผิว ลดการระคายเคือง ,Aescin ช่วยลดอาการแดงที่เกิดจากการอักเสบของผิว ,Extract of Centella asiatica ที่ช่วยฟื้นบำรุงผิวที่อ่อนแอ ,Naringenin chalcone ช่วยปกป้องผิวจากปัจจัยภายนอกที่ทำให้ผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย และอีกหนึ่งสารสกัดสำคัญที่ขาดไม่ได้ใน COUPEREND CREAM by mesoestetic คือ Melilotus extract เป็นสารสกัดจากเมลิโลตัส หรือที่เรียกว่า หรือที่เรียกว่าโคลเวอร์หวาน เป็นพืชในตระกูลถั่ว ชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Melilotus officinalis เป็นพืชในตระกูล Fabaceae มีถิ่นกำเนิดในยุโรป ได้มีการศึกษาสารสกัดจากพืชชนิดนี้ พบว่ามีฤทธิ์ทางการรักษาด้านการแพทย์หลายประการ โดย…- มีฤทธิ์ที่ช่วยต้านการอักเสบและเสริมภูมิต้านทาน โดยสามารถลดการเพิ่มขึ้นของความดันผนังหลอดเลือดฝอยที่เกิดจากสาเหตุต่างๆ ได้ โดยจะส่งผลให้ระบบการไหลเวียนโลหิตในบริเวณรอบข้างดีขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีฤทธิ์ที่ช่วยระงับและต้านการอักเสบอย่างเห็นได้ชัด ช่วยบรรเทาอาการปวดและบวมได้
- ช่วยเพิ่มการก่อตัวของเนื้อเยื่อ ทำให้แผลหายเร็วขึ้น ในกรณีที่คุณได้รับบาดเจ็บ สารสกัด Melilotus สามารถช่วยเพิ่มการก่อตัวของเนื้อเยื่อแกรนูลใหม่ ช่วยสมานแผล นอกจากนั้น ยังสามารถช่วยขับปัสสาวะ ลดอาการบวม เสริมการทำงานของระบบภูมิต้านทานในร่างกาย ทั้งยังช่วยต่อต้านโรคโลหิตจางได้ด้วย
- ช่วยปรับปรุงการไหลเวียนของเลือดแดงและเลือดดำ เพื่อเปลี่ยนการซึมผ่านของหลอดเลือด เป็นการคืนความดันภายในของเส้นเลือดฝอยให้เป็นปกติมากขึ้น ทั้งยังช่วยป้องกันการสูญเสียโปรตีนในซีรั่ม รักษาความดันออสโมติกของคอลลอยด์ให้เป็นปกติอีกด้วย
สำหรับในฝั่งของการดูแลผิวพรรณ mesoestetic ได้นำสารสกัด Melilotus extract ไปเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เพื่อการปกป้องดูแลผิวที่บอบบาง แพ้ง่ายอย่าง COUPEREND CREAM โดยมีคุณสมบัติเพื่อช่วยปลอบประโลมผิว ทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างยาวนานมากขึ้น ซึ่งได้ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ให้การรับรองได้ว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีความอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และระคายเคืองต่อผิวแพ้ง่ายหรือผิวที่บอบบาง ดังนั้นจึงสามารถมั่นใจในคุณภาพที่ผ่านมาตรฐานการผลิตมาทุกขั้นตอน
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำและสม่ำเสมอ
รังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดด ไม่เพียงทำให้หน้าหมองคล้ำ และเกิดปัญหาผิวมากมายตามมาเท่านั้น แต่ยังสามารถกระตุ้นให้ผิวมีการอักเสบได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ดังนั้นก่อนออกจากบ้าน ควรทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน โดยให้เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากแสงแดดได้ดีและมีความอ่อนโยนเหมาะกับผิวแพ้ง่าย - รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อุดมด้วยสารอาหารที่ครบถ้วนในแต่ละมื้อและในแต่ละวัน เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะนอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เสริมภูมิต้านทานให้เพิ่มมากขึ้นแล้ว อาหารที่มีประโยชน์ ยังมีสารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทำให้เกราะปกป้องผิวแข็งแรงมากขึ้นด้วย นอกจากนั้นยังรวมถึงการดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยเฉลี่ยวันละ 1.5-2 ลิตร - ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตประจำวัน
สิ่งสำคัญที่ต้องทำควบคู่กับการดูแลผิวคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกาย การทำจิตใจให้แช่มชื่น ผ่องใส อารมณ์ดี ไม่ตึงเครียด ก็เป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่จะทำให้ผิวได้รับการฟื้นฟูและแข็งแรงขึ้นได้
ผิวบอบบาง แพ้ง่าย เป็นสภาวะของผิวที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีและถูกต้อง โดยต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวที่เกิดขึ้น มีความอ่อนโยนต่อผิวที่บอบบาง ไม่มีสารอันตรายหรือมีความเข้มข้นสูงมากจนเกินไปที่ก่อให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้โดยง่าย ที่สำคัญต้องมีส่วนผสมของสารสกัดคุณภาพดีที่คัดสรรมาแล้วเพื่อช่วยปลอบประโลมผิวและทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น และดูสุขภาพดีไปแบบยาวๆ