เตือนภัยความงาม จากเครื่องสำอางที่ใช้อยู่ อาจก่อให้เกิดฝ้าได้ง่ายๆ

หากพูดถึงเรื่องฝ้า กระ จุดด่างดำต่างๆ หลายคนอาจจะรู้ดีกันอยู่แล้วสาเหตุหลักๆ ของการเกิดฝ้านั้น มาจากเรื่องของแสงแดด และเรื่องของฮอร์โมน แต่ใครจะรู้ว่าแท้ที่จริง การที่เราเลือกใช้เครื่องสำอางในการแต่งหน้า หรือแม้แต่สกินแคร์ บางตัวที่เราใช้อยู่นั้นก็อาจจะก่อนให้เกิดฝ้าได้เหมือนกัน และเครื่องสำอางและสกินแคร์เรานั้น ทำไมถึงทำให้ผิวสวยๆ ของเรานั้นเกิดฝ้าได้อย่างไร อะไรเป็นฉนวนของการนำพาฝ้ามาอยู่ใบหน้าของเรา วันนี้เรามาหาคำตอบ และแนวทางการแก้ไข และดูแลตัวเองไปพร้อมกัน เพื่อให้ผิวสวยๆ ของเราได้อยู่กับเราไปนานๆ

เรื่องที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ ใช้เครื่องสำอางแบบไหนทำให้เกิดฝ้า

เรื่องความสวยความงาม ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ ยิ่งสำหรับยุคสมัยนี้ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่ดูแลตัวเอง ทางด้านผู้ชายก็หันมาให้ความสนใจเรื่องนี้เช่นกัน ผู้ชายก็เริ่มเข้าวงการกินแคร์และเครื่องสำอาง เพื่อที่จะเพิ่มภาพลักษณ์ให้ดูน่ามองน่าเชื่อถือมากขึ้น และใครจะรู้บ้างว่าเครื่องสำอางที่เรานั้นใช้กัน ต่างก็มีทั้งแบบที่เป็นกระเป็นที่นิยม และเป็นที่รู้อย่างถูกต้อง ผลิตได้มาตรฐาน การทำงานของคุณสมบัติของตัวเครื่องสำอางต่างๆ ตรงกับสิ่งที่อวดอ้าง แต่ก็มีบ้างเครื่องสำอางที่บางแบร์นถูกเปิดตัวออกมาขายแบบไม่ถูกต้อง ไม่ได้รับการตรวจสอบ แต่ว่าคนที่ชื่อใช้ กลับใช้แล้วเห็นผลไว ส่งผลให้มีคนซื้อตามเป็นจำนวนมาก จึงส่งผลให้หลายๆ คนที่ซื้อมาใช้บางรายอาจเกิดอาการแพ้ และเกิดปัญหาผิวตามมาภายหลัง

นั่นก็สืบเนื่องมาจากสารบางชนิดที่เป็นสารต้องห้ามในการผลิตสกินแคร์ หรือว่าเครื่องสำอาง เพราะว่าส่งผลระยะยาวต่อผู้บริโภค แต่ผู้ผลิตไม่ได้คำนึงถึง เพราะมุ่งหวังแต่กำไร และสารเหล่านั้นที่เป็นสารต้องห้ามในการนำมาผสมกับสกินแคร์ หรือว่าเครื่องสำอาง จะมีอะไรบ้าง เรามาทำความรู้จักไปพร้อมกัน ว่าถ้าเกิดส่วนผสมเหล่านั้นอยู่ในผลิตภัณฑ์ ที่เราใช้อยู่จะส่งอะไรกับเราบ้าง และเรามีเทคนิควิธีตรวจสอบเบื้องต้นอย่างไร

การใช้เครื่องสำอางที่ไม่ผ่านการอนุญาตในการผลิต เพราะว่ามีสารต้องห้าม

สำหรับสร้างต้องห้ามในการนำมาเป็นผสมของเครื่องสำอางและสกินแคร์ หลักๆ แล้วจะมีทั้งหมด 4 ด้วยกันมีดังนี้

  • Mercury (ปรอท)
  • Hydroquinone
  • Steroid
  • Retinoic acid (กรดเรติโนอิก)

จากสารทั้งหมด 4 ตัวที่ได้กล่าวมานั้น ทางด้านองค์กรณ์อนามัยได้ออกมาเตือนเหล่าผู้บริโภคและอุปโภค ให้มีความรู้เรื่องของสารเหล่านี้เพื่อเป็นการป้องกัน และให้ผู้บริโภคพึงระวัง พร้อมทั้งรู้ตัวเมื่อท่านได้หลงเข้าไปใช้เครื่องสำอางหรือสกินแคร์ ที่มีสารเหล่านี้เป็นส่วนผสมอยู่ และสามารถเหล่านี้ในมีหน้าที่อะไร และส่งผลอะไรต้องผู้บริโภค

สาร Mercury ปรอท

สำหรับสาร Mercury (ปรอท) อย่างที่เรารู้ดีกันนั้น สารตัวนี้มักพบบ่อยและได้ยินได้เห็นข่าวกันมาบ่อยครั้ง โดยสาร Mercury (ปรอท) นั้นจะนำมาผสมเป็นส่วนผสมสำคัญของเครื่องสำอางกินแคร์ ที่มุ่งขายและทำการตลาดเรื่องความขาวใสของผลิตภัณฑ์ และที่สำคัญไปกว่านั้น สาร Mercury (ปรอท) ได้ถูกจัดอันดับให้เป็นสารต้องห้าม ไม่ให้นำมาผสมเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง ติดอันดับ 221 ตามที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา เล่ม125 ตอน พิเศษ 80 ง ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2551 โดยกำหนดชื่อสารห้ามใช้ คือ “ปรอท และสารประกอบของปรอท” ทุกท่านสามารถเข้าไปหาข้อมูลจากรายการบันทึกนี้ได้

สาเหตุที่หลายๆ ผลิตภัณฑ์นำสามารถ Mercury (ปรอท) มาเป็นส่วนผสมก็เพราะว่า Mercury (ปรอท) มีหน้าที่ในเรื่องความขาวใสอย่างที่บอกไป โดยกลไกการออกฤทธิ์ให้ผิวหน้าขาว โดยหลักการทำงานของสารนี้มี ไดวาเลนซ์แคทไอออน [mercuric (II) ion, Hg2+] ที่จะเข้ามาทำการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนสที่มีหน้าที่ทำให้มีการสร้างเม็ดสีเมลานินลดลง และด้วยการทำงานแบบนี้จึงทำให้คนที่ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็จะมีสีผิวที่ขาวขึ้น และนอกจากนั้นในตัวสารปรอทยัง มี ฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า staphylococcus ก็จะทำหน้าที่ป้องกันสิวทำให้ระหว่างที่ท่านใช้ผลิตภัณฑ์นั้นไร้สิวนั่นเอง และเมื่อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางต่างๆ ผสมสารตัวนี้ไปในจำนวนที่มากก็ส่งผลให้ผู้อุปโภค รับรู้ได้ว่าเครื่องสำอางที่เขาใช้นั้นเห็นผลไว และเป็นการซื้อซ้ำใช้ต่อไปเรื่อยๆ แต่จะไม่รู้เลยว่า ผลที่จะตามมาคืออะไร

ผลข้างเคียงจากการใช้เครื่องสำอางผสม Mercury (ปรอท)

หากว่าเครื่องสำอางของท่านั้นได้มีการผสม Mercury (ปรอท) เข้าไปผู้อุปโภคเมื่อใช้ไปนานๆ หรือท่านใดที่ผิวบางแพ้ง่าย ก็จะเกิดอาการเหล่านี้ เช่น เกิดการแพ้ผื่นแดง ผิวหน้าดำ เกิดฝ้าถาวร ผิวบางลง และเมื่อใช้ติดต่อกัน เป็นเวลานานจะทำให้เกิดพิษสะสมของสารปรอทในผิวหนัง และดูดซึมเข้าสู่กระแส โลหิต ทำให้ตับและไตอักเสบ เกิดโรคโลหิตจาง ทางเดินปัสสาวะอักเสบ และสำหรับเพศหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ และได้มีการใช้สารเหล่านี้เข้าไปจะส่งผลต่อลูกที่อยู่ในท้อง โดยสารนี้จะซึมเข้าสู่ร่างกายและจะนำไปสู่ทารกภายในท้อง และส่งผลให้กับเด็กในท้องมีโอกาสที่จะสมองพิการและปัญญาอ่อนได้ บอกเลยว่าสารนี้อันตรายมาก

สาร Hydroquinone

มาต่อกันที่สารตัวที่สองนั่นก็คือ สารไฮโดรควิโนนออกฤทธิ์โดยการยับยั้งกระบวนการทางเคมีของเซลล์สร้างเม็ดสี (melanocyte) โดยไปยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสสำหรับสารตัวนี้จะทำหน้าที่ในการสร้างเม็ดสี (melanin) เมื่อปริมาณเม็ดสีลดลง จึงส่งผลให้ผิวขาวขึ้นได้ สำหรับใครที่เจอครีมหรือว่าสกินแคร์ตัวไหนที่เคลมว่าช่วยเรื่องสิวท่านควรคำนึงถึงสารตัวนี้ไว้ให้อย่างดี และจากกลไกนี้ทำให้ยาไฮโดรควิโนนถูกนำมาใช้เป็นยาทารักษาผิวที่เป็นฝ้า กระ และจุดด่างดำ ไฮโดรควิโนนจัดเป็นยาทาภายนอกใช้เพื่อการรักษาและได้ถูกสั่งห้ามใส่ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่วางจำหน่ายทั่วไป เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตเครื่องสำอางมักผสมไฮโดรควิโนนในปริมาณสูง ก่อให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ ทางด้านของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กำหนดให้ผสมสารไฮโดรควิโนนในการรักษาฝ้าได้ไม่เกิน 2% หากมากกว่านี้ ผลิตภัณฑ์ตัวนั้นถือว่ามีความอันตรายค่อนข้างสูง

ผลจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารไฮโดรควิโนนเกินขนาด  จะส่งผลให้ใบหน้าผิวหนังของคุณนั้นเกิดอาการแสบร้อน มีตุ่มแดง และใบหน้าเข้าสู่ภาวะผิวคล้ำมากขึ้นในบริเวณที่ทา และหากว่าท่านั้นได้มีการใช้ผลิตภัณฑ์นั้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ท่านนั้นมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งผิวหนังได้เช่นกัน

สาร Steroid

สำหรับสาร Steroid เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยได้ยินหมอหรือว่า Clinic ต่างๆ ก็มีการพูดถึงว่าหน้าแพ้สาร Steroidทำให้หน้าขึ้นพื้นแดง เป็นสิว เพราะว่า สาร Steroid มีกลไกการออกฤทธิ์ให้ผิวหน้าขาว เสตียรอยด์มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างสารเคมีสื่อกลาง อย่าง mediators เช่น โพรสตาแกรนดินและลิวโคไตรอีนที่ใช้ในการการสร้างเม็ดสี melanin ทำให้ปริมาณเม็ดสีลดลงส่งผลให้ผิวขาวขึ้น สเตียรอยด์เป็นสารที่ห้ามใส่ในเครื่องสำอาง มักใช้เป็นสูตรผสมกับยาตัวอื่น เช่น ไฮโดรควิโนน หรือ เรตินอยด์ในการรักษา ฝ้า กระ และจุดด่างดำ เสตียรอยด์ช่วยในการเสริมฤทธิ์ และช่วยลดอาการข้างเคียงของไฮโดรควิโนน และ เรตินอยด์ ได้ดี หากว่าใครที่แพ้สารตัวนี้ต้องรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาให้ถูกวิธี

ผลข้างเคียงจากการใช้

หากว่าท่านได้มีการใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ที่สารเสตียรอยด์ในความเข้มข้นสูง และมีการใช้ที่ผิดวิธี พร้อมทั้งยังใช้เป็นระยะเวลานานต่อเนื่องจนเกิดการสะสมของสารที่มากพอที่จะปะทุความรุนแรงออกมาจากทางผิวของคุณโดยคุณนั้นจะรู้ได้จากอาการเหล่านี้มีผดผื่นขึ้นง่าย ผิวหน้าบาง ทำให้มลภาวะสารพิษจากภายนอกเข้าสู่ผิวหนังชั้นแท้ได้ง่ายขึ้นและเห็นเส้นเลือดแดงตามใบหน้าชัดขึ้น อาการเหล่านี้จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าคุณนั้นได้ติดสารจากเครื่องสำอางเป็นที่เรียบร้อย

สาร Retinoic acid

สำหรับสารเรตินอยด์ สารตัวนี้มี กลไกการออกฤทธิ์ให้ผิวหน้าขาว ที่มีผลรบกวนกระบวนการสร้างเม็ดสี โดยมีกลไกการออกฤทธิ์คือกระตุ้นการแบ่งเซลล์และเร่งการผลัดเซลล์ของผิวในชั้นอิพิทีเรียลเยื่อบุผิว Epitherial เพื่อสั่งให้ร่างกายของเรานั้นทำการลดการเคลื่อนย้ายเม็ดสีมาที่เซล์ลผิวหนังและยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนสที่ใช้ในการสร้างเม็ดสีอีกด้วย นอกจากนี้ยังออกฤทธิ์กดการสร้างและป้องกันแต่กลับกลายเป็นว่าสารตัวนี้ส่วนที่จะทำให้ผิวหน้าของคุณเกิดสิวขึ้นจำนวนมากมาย และเป็นสิวแบบอักเสบเป็นเวลานาน

ผลข้างเคียงจากการใช้สาร Retinoic acid

กรดเรทิโนอิกจากผลการวิจัยแล้วนั้น ได้มีการระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับสารตัวนี้ว่า สาร Retinoic acid อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหนัง ผิวหน้าลอก อักเสบ พร้อมทั้งยังทำให้ใบหน้าแพ้แสงแดดได้ง่ายและก่อให้เกิดภาวะผิวด่างขาวหรือผิวคล้ำได้ชั่วคราวและอาการเหล่านี้ก็เป็นอันตรายสำหรับหญิงตั้งครรภ์ เพราะว่าสารเหล่านี้มีการดูดซึมเข้าผ่านผิวหนัง

วิธีปฏิบัติเมื่อเกิดผลข้างเคียงที่เกิดจากสารอันตรายทั้ง 4 ชนิด

หลังจากที่ทุกท่านได้มีการเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสาร 4 ชนิดนี้หากว่าท่านั้นมีอาการคันหรืออักเสบ ทุกท่านควรที่จะหยุดใช้ทันที และตั้งข้อสงสัยกับตัวผลิตภัณฑ์ที่ท่านใช้ พร้อมกับไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจสอบและรักษาให้ถูกวิธี

แล้ว ใช้เครื่องสำอางแบบไหนทำให้เกิดฝ้า เครื่องสำอางเหล่านี้ ส่งต่อผลต่อการเกิดฝ้าได้อย่างไร

จากข้อมูลที่ทางเราได้แนะนำและให้ข้อมูลไปนั้น เราจะเห็นได้ชัดว่าสารแต่ละตัวมีหน้าที่การทำงานให้หน้าขาว และเมื่อสารเหล่านั้นกระทำกับผิวหนังของเรา ก็ส่งผลให้ผิวของเรานั้นเริ่มบางขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อเรานั้นใช้เครื่องสำอางเหล่านี้ติดต่อกันเป็นเวลานานหลายปี ก็จะเกิดอาการสะสมไปเรื่อยๆ เมื่อเรานั้นยังใช้อยู่ท่านอาจจะยังไม่รู้ว่าภัยร้ายกำลังมาถึง เพราะว่าเครื่องสำอางเหล่านี้ ไม่ได้แค่จะทำให้ท่านเกิดฝ้า แค่จะทำให้สุขภาพผิวของท่านเกิดการระคายเคืองขั้นรุนแรงหากว่าท่านนั้นหยุดใช้ และท่านจะรู้ได้ทันทีว่า ผิวของท่านเริ่มมีปัญหา จนไม่อาจจะใช้ผลิตภัณฑ์ตัวไหนได้

แนวทางการรักษาผิวติดสาร จากสารต้องห้ามในเครื่องสำอาง รักษาด้วยผลิตภัณฑ์ cosmelan

ผลิตภัณฑ์ cosmelan เป็นผลิตที่จะรักเรื่องของผิวที่ติดสาร ไม่ว่าจะเป็นสารชนิดไหน cosmelan ก็รักษาได้ และช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรง ไร้สิว ไร้ฝ้า กระ จุด ด่างดำต่างๆ ที่ท่านนั้นได้หลวมตัวเข้าไปใช้มัน โดยทาง cosmelan เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจากองค์กรแพทย์ ว่าปลอดภัย และเชื่อถือได้ ผิวบอบบางใช้ได้ และเป็นผลิตภัณฑ์ซึ่งสารต้องห้าม พร้อมทั้งเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้อย่างต่อเนื่องจะเห็นผลชัดเจน และเมื่อไปตรวจสุขภาพผิว ท่านจะเห็นได้ว่าหากว่าท่านเป็นคนที่ติดสารจากเครื่องสำอางที่ไม่ได้รับรอง ผิวของท่านจะกลับขึ้นมาดีอย่างเห็นได้ชัดเมื่อท่านเลือกใช้ผลิต cosmelan ที่ทางการแพทย์รองรับและการันตีว่าเห็นผลและปลอดภัยต่อผู้อุปโภค