ยาคุมกับการเป็นฝ้า มันส่งผลได้อย่างไร อะไรเป็นตัวจุดชนวน

หลายคนอาจจะได้เคยศึกษาการทำงานของฝ้ากันมาแล้วแล้ว และสำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าสาเหตุของการเกิดฝ้านั้นมีอะไรบ้างนั้น แอดมินจะขอ re cap สั่นให้ทุกท่านได้มีความรู้ความเข้าใจไปพร้อมกัน เพื่อที่ท่านจะได้สำรวจตัวเองว่าท่านนั้นมีฝ้าขึ้นมาได้อย่างไร และท่านจะมีวิธีรักษาที่เกิดขึ้นกับท่านได้อย่างไร สำหรับสาเหตุของการเกิดฝ้านั้นมีด้วยกัน 4 สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้คุณนั้นเป็นฝ้า ก็คือ

  1. แสงแดด แน่นอนว่าสาเหตุหลักของการเกิดฝ้าก็คือแสงแดด เพราะว่าในแสงแดดอย่างที่เรารู้ดีกันว่ามีรังสี UVA และ UVB ที่ทำร้ายผิว ที่ทำร้ายไปถึงระดับชั้นหนังแท้ และนั่นจึงทำให้ร่างกายของเราเกิดกระบวนการป้องกันตัวเอง ด้วยการสร้างเม็ดสีเมลานินเพื่อทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันและทำการดูดซับรังสีเหล่านี้ไว้ในร่างกายของเรา
  2. พันธุกรรม หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าการเป็นฝ้า นั้นมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ เพราะว่าฝ้าก็เหมือนโรคอย่างหนึ่งที่สามารถสืบทอดมาจากครอบครัวได้พูดให้เห็นภาพได้ชัด ก็ฝรั่งตาน้ำข้าวนั่นเองที่เราสามารถเห็นได้ชัดเลยว่า กรรมพันธุ์มีผลมากจริงๆ
  3. อายุที่มากขึ้น ด้วยอายุที่มากขึ้น การทำงานของร่างคนเราก็เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ฉะนั้นการที่เรานั้นจะเป็นฝ้าได้ก็มามีผลมาจากร่างกายที่เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา กลไก การทำงานของร่างกายที่ไม่ 100% เหมือนวัยเด็ก
  4. การกินยาคุม หลายคนอาจจะสงสัยว่า ยาคุมมาเกี่ยวอะไรด้วย บอกเลยว่าการกินยาคุม นั้นก็สืบเนื่องมาจากฮอร์โมน ของร่างกายเราที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน อาจจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง เพราะว่าบางคนร่างกายบางคนตอบสนองการเปลี่ยนแปลงไว จึงทำให้ฝ้าเกิดขึ้นได้

แล้ว ฝ้า กระ มีกี่ชนิด แตกต่างกันอย่างไร

หากว่าท่านนั้นเคยเข้าใจว่าการเป็นฝ้า ต้องเป็นจุดด่างดำเป็นปื้นยาวๆ บริเวณโหนกแก้ม นั่นเป็นเพียงแค่ฝ้าชนิดหนึ่งที่เรานั้นคุยกันดี แต่ความจริงแล้ว ฝ้า กระ เหล่านี้มีชนิดมากมาย และการเกิดขึ้นของฝ้าแต่ละชนิด ก็แตกต่างกัน และการรักษาก็แตกต่างกันเช่นกัน แล้วมีฝ้า ชนิดอะไร ประเภทไหนบ้าง มาดูกัน ฝ้าจะมีทั้งหมด 3 ชนิดหลักๆ ดังนี้

  • ฝ้าลึก ฝ้าประเภทนี้จะมีกลไกการทำงานที่เกิดขึ้นบริเวณชั้นหนังแท้ใต้หนังกำพร้าโดยฝ้าประเภทนี้จะมีลักษณะมีสีน้ำตาลอ่อน สีเทา สีเทาอมฟ้า โดยบริเวณที่ฝ้าประเภทนี้จะขึ้นก็ต้องบอกเลยว่าฝ้าประเภทนี้นั้นมีขอบเขตของฝ้าไม่ชัดเจน หากว่าท่านนั้นต้องการที่จะมองเห็นก็ค่อนข้างชัด เพราะว่าฝ้าประเภทนี้จะกลืนไปกับผิวหน้าเป็นบริเวณกว้างโดยไม่เกาะกุมแบบตายตัว
  • ฝ้าตื้น สำหรับฝ้าชนิดที่สองนี้นั้นจะมีกลการเกิดขึ้นบริเวณชั้นหนังกำพร้า โดยลักษณะของฝ้าประเภทนี้จะมีลักษณะเป็นมีสีน้ำตาลเข้มไปจนถึงสีเทาดำ สำหรับฝ้าชนิดนี้จะเห็นขอบเขตของการเกิดฝ้าได้ชัดเจน เช่น หากว่าขึ้นบริเวณหน้าเกมก็จะเกาะกลุ่มขึ้นที่หน้าแก้มอย่างเห็นได้ชัด
  • ฝ้าผสม สำหรับฝ้าประเภทนี้จะเป็นการผสมระหว่างฝ้าลึก และฝ้าตื้นบนใบหน้า โดยลักษณะของประเภทนี้ก็จะมี การผสมผสานระหว่างฝ้าลึกและฝ้าตื้น โดยลักษณะการเกิดก็จะขึ้นไปทั่วหน้า ท่านอาจจะแยกไม่ออกว่าอันไหนเป็นฝ้าลึกฝ้าตื้น

ฝ้าที่เกิดจากฮอร์โมนรักษาอย่างไร

ทุกท่านต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ฝ้าแต่ละชนิด แต่ละประเภทจะมีลักษณะและวิธีการรักษาที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยทั่วไปแล้ว หลักของการรักษาฝ้านั้น ผู้ป่วยจะต้องทำการหยุดทายยาคุมกำเนิด หรือหยุดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฮอร์โมนเพศหญิงที่เพิ่มขึ้นก่อนและท่านจะได้รับการรักษาตามกระบวนการทางการแพทย์อย่างถูกวิธี ด้านการรักษาฝ้านั้นก็จะมีการรักษาที่หลากหลายเช่น

  1. การใช้ยา หากว่าท่านนั้นได้เข้าพบแพทย์เพื่อการรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำต่างๆ ที่เกิดจากฮอร์โมน ทางแพทย์จะทำการวินิจฉัยว่าสาเหตุของการเกิดฝ้าของคนไข้สาเหตุหลักเกิดจากอะไร ซึ่งทางแพทย์อาจจะจ่ายยาให้กับคนไข้ด้วยการใช้ครีมทาหน้า หรือ ใช้ยาทา โลชั่น หรือเจลที่มีส่วนผสมในการยับยั้งเอนไซม์ไทโซซิเนส ที่มีหน้าที่เป็นตัวการในการสร้างเม็ดสีเมลานิน โดยสารที่ได้ผลค่อนข้างดีในการรักษาฝ้า ได้แก่ สารไฮโดรควิโนน สารเตรทติโนอิน และยาสเตียรอยด์สำหรับใช้ภายนอกที่มีความแรงปานกลาง โดยการใช้ยารักษาเหล่านี้จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของทาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น คนไข้ไม่ควรที่จะซื้อยาหรือผลิตภัณฑ์อื่นมาใช้เอง และนอกยาทาแล้วนั้นทางแพทย์อาจจะจ่ายยาสารตัวอื่น ๆ ในการรักษาร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น กรดอะซีลาอิก (Azelaic Acid) กรดโคจิก (Kojic Acid) ซีสทีอามีน (Cysteamine) ยาสเตียรอยด์ไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone) กรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) เมไทมาโซล (Methimazole) กรดทรานเอกซามิก (Tranexamic Acid) กลูตาไธโอน (Glutathione) และสารสกัดจากถั่วเหลือง (Soybean Extract) และสารอื่นๆ ที่หน้าที่ยับยั้งการเกิดฝ้า
  2. การรักษาด้วยการเลเซอร์หรือผลัดเซลล์ผิว ในกรณีที่ทางทีมแพทย์ได้ทำการวินิจฉัยแล้วและประเมินการรักษาแล้วนั้นทางแพทย์อาจจะเสนอทางเลือกในการรักษาในกรณีที่ใช้ยาเฉพาะที่แล้วไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ทางทีมแพทย์อาจทำการรักษาผู้ป่วยการทำเลเซอร์หรือผลัดเซลล์ผิวเพื่อรักษาฝ้าแทน ซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่ค่อนข้างรวดเร็วและประสิทธิภาพของการรักษายังขึ้นอยู่กับแต่ละคน โดยการรักษาทุกขั้นตอนจะอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกขั้นตอน สำหรับเทคนิคเลเซอร์ที่ทางแพทย์ใช้รักษานั้นจะเป็นการ การขจัดผิวหนังชั้นนอกออกด้วยสารเคมี (Chemical Peel) โดยการใช้กรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha–hydroxy Acids: AHA) หรือกรดเบต้าไฮดรอกซี (Beta–hydroxy Acids: BHA) ขจัดเซลล์ผิวหนังชั้นนอกออก และทำการขัดผิวหนังชั้นบนออกด้วยการศัลยกรรมขัดผิวหนัง (Dermabrasion) โดยการใช้อุปกรณ์ที่มีแปรงหรือวงล้อขัดไปที่ผิวหนังชั้นนอกอีกครั้ง วิธีนี้ก็ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาอย่างต่อเนื่องเข้าพบแพทย์ตามที่แพทย์นัดหมาย
  3. การกรอผิวด้วยผงผลึกแร่ สำหรับการรักษาแบบนี้จะเป็นเทคนิคการพ่นผลึกคริสตัลไปที่ผิวหนังเพื่อขจัดผิวหนังชั้นบนออก ซึ่งผิวของผู้ป่วยอาจมีการอักเสบหรือบวมเล็กน้อยหลังทำการรักษา แต่เรื่องการรักษาด้วยวิธีนี้ผู้ป่วยจะเห็นถึงความแตกต่างที่ชัดเจน
  4. การทำ Microneedle ไอพี และการรักษาแบบสุดท้ายก็เป็นการรักษาด้วยเลเซอร์ โดยแพทย์จะใช้วิธีเลเซอร์รักษาหลังจากที่ใช้วิธีอื่น ๆ แล้วไม่ได้ผล ซึ่งการรักษาอาจใช้ระยะเวลานานและต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะการเลเซอร์มีความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงให้อาการแย่ลงได้ โดยเลเซอร์ที่มักใช้ในการรักษา เช่น Q–Switched Nd:YAG และ Picosecond Laser โดยคลื่นความถี่และอุณหภูมิที่ใช้ทางทีมแพทย์จะต้องรู้วิธีรักษาเป็นอย่างดี เพราะหากว่าเลือกหมอไม่มีประสบการณ์อาการของท่านอาจจะแย่ลง และสำหรับการรักษาทุกชนิดสำหรับท่านใดที่เป็นสตรีมีครรภ์ควรพักการรักษาเพื่อรักษาความปลอดภัยของเด็กในครรภ์ดีที่สุด

การรักษาฝ้ามีวิธีหายขาดหรือมไม่

หากว่าท่านเป็นคนหนึ่งที่เป็นฝ้าและต้องการที่จะรักษาให้หายขาด นั้นต้องบอกเลยว่าปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาฝ้าแบบให้หายขาดแบบถาวร เพราะว่าอย่างที่เราจะพูดคุยกันเรื่องของฝ้ามามากพอสมควร เพราะการเกิดฝ้านั้นมีหลากหลายปัจจัย สิ่งที่ทำได้นั่นก็คือ เมื่อเราได้ทำการรักษาแล้ว เราก็ต้องหมั่นดูแลตัวเอง และหาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยป้องกันไม่ให้เรานั้นเกิดฝ้าได้อีก หรือว่าเป็นการช่วยไม่ให้เราเป็นฝ้าในเวลาอันควร และนี่ก็จะเป็นเครื่องมือตัวช่วยชั้นดีที่เราจะทำได้ หากว่าใครที่เป็นเรื้อรังมานาน ท่านอาจจะต้องหาตัวช่วยผลิตภัณฑ์การดูแลผิวป้องกันตัวเองจากฝ้าได้จากผลิตภัณฑ์ของ cosmelan ที่ได้มีคิดค้นสูตรครีมและตัวผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของเครือที่มีไว้ใช้สำหรับการรักษาและป้องกันผิวไม่ให้เกิดฝ้า เมื่อเรานั้นต้องใช้ชีวิตอยู่กับแสงแดด

ผลิตภัณฑ์ cosmelan ตัวช่วยทุกคนที่เป็นฝ้า กระ จุดด่างดำ ควรต้องลองใช้

หากว่าท่านนั้นกำลังมองหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเรื่อง สิว ผิว ฝ้า กระ จุดด่าดำต่างๆ ท่านสามารถลองหันมาใช้ ผลิตภัณฑ์ของ cosmelan ที่ได้มีการวิจัยเรื่องของการรักษารอยดำต่างๆ และลบเลือนจุดด่างดำ ฝ้ากระต่างๆ ที่ได้รับการยอมรับจาก อย.ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้อง พร้อมมีสารสกัดที่ดีต่อผิวมนุษย์ และมีการรองรับว่าสำหรับคนผิวบอบบางผิวแพ้สาร สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ของทาง cosmelan ได้ทุกตัว โดยทางผลิตภัณฑ์นี้ได้มีตัวยาที่ช่วยการรักษาฝ้าโดยเฉพาะ ท่านสามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจน สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงเมื่อได้ใช้ผลิตภัณฑ์ติดต่อกันเป็นเวลา 4 สัปดาห์ขึ้นไป

สำหรับใครที่เป็นฝ้า ไม่ว่าจะเป็นฝ้าชนิดไหน ตื้น ลึก หนา บาง cosmelan รักษาฝ้าได้อย่างล้ำลึกพร้อมทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดซ้ำของฝ้า ด้วยครีมกันแดดของทางผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF 50+ ที่มีคุณสมบัติการปกป้องผิวจากรังสี UV (UVA & UVB) และนอกจากนั้นครีมกันแดดตัวนี้ยังช่วยในเรื่องของลบเลือน และป้องกันการเกิดจุดด่างดํา ความหมองคลํ้าของผิว และยังปรับสีผมให้สม่ำเสมอทั่วใบหน้า เทคนิคการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดี ทุกท่านควรที่จะใช้ครีมอย่างต่อเนื่องไม่ควรที่จะเปลี่ยนแบร์นครีมเป็นประจำ ไม่ควรใช้หลายแบร์นสำหรับการรักษาฝ้า เพื่อเป็นการป้องกันการตีกันของสารสกัดที่แต่ละแบร์นอาจจะใช้สารในประมาณที่ไม่เท่ากัน

สุดท้ายก่อนจากกัน หากว่าท่านนั้นกำลังประสบกับการเป็นฝ้า ไม่ว่าจะเป็นระยะเริ่มต้น หรือว่าระยะเรื้อรัง ท่านจะต้องทำความเข้าใจ อาการของฝ้านั้น ไม่มีเหมือนกับสิวที่เมื่อรักษาแล้วจะหายเลย การรักษาฝ้าจะต้องใช้เวลาควบคู่กับการดูแลของตัวท่านเอง ท่านควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง เลือกครีมกันแดดที่สามารถทาระหว่างวันทับเมคอัพได้ และควรที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติในการรักษาฝ้าโดยเฉพาะ เพราะว่าหากว่าท่านนั้นยิ่งใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดฝ้าเพิ่ม การรักษาก็อาจจะต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นไปอีก ทางที่ดีท่านควรหันมาเริ่มที่ตัวท่านเอง ด้วยการดูและหลีกเลี่ยงแสงแดด และปัจจัยอื่นๆ ที่อาจจะนำพาท่านสู่การเป็นฝ้าได้ในอนาคต