หน้าขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติด้วยอาร์บูติน (Arbutin)

“ฝ้า กระ จุดด่างดำ “ปัญหากวนใจไม่รู้จบสำหรับหนุ่มๆสาวๆทั่วโลก ซึ่งในปัจจุบันนี้ได้มีผลิตภัณฑ์มากมายที่ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย ส่วนผสมมากมายถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบที่สำคัญเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้น และหนึ่งในสารเหล่านั้นคือ อาร์บูติน (Arbutin)  ซึ่งเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในแวดวงความงามและการดูแลผิวในระยะหลายปีนี้ โดยได้รับการยอมรับจากแพทย์ผิวหนังและนักวิทยาศาสตร์ว่าสามารถยับยั้งกระบวนการผลิตเมลานินที่เป็นสาเหตุสำคัญของหลายปัญหาผิวได้อย่างตรงจุดและมีความปลอดภัย อาร์บูติน (Arbutin)  คืออะไร มีกลไกอย่างไรในการแก้ปัญหาผิว เราจะมาเรียนรู้ด้วยกันเพื่อได้รับข้อมูล ความรู้ที่ถูกต้องพร้อมทั้งนำไปสู่การเลือกซื้อ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ด้วยความเข้าใจในลำดับต่อมา

อาร์บูติน (Arbutin) คืออะไร

อาร์บูติน (Arbutin) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่า ไฮโดรควิโนน เอ ดี กลูโคไซน์Hydroquinone-beta-D-glucoside เป็น อนุพันธ์ไฮโดรควิโนนชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่แพทย์ผิวหนังนิยมนำมาใช้ในการรักษาความผิดปกติของเม็ดสีเมลานิน โดยทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นเซลล์ผิวให้สามารถยับยั้งการผลิตเมลานินใต้ผิว ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาผิวมากมายตามมา ไม่ว่าจะเป็นฝ้า กระ จุดด่างดำ ไม่เพียงเท่านั้นอาร์บูติน (Arbutin) ยังมีฤทธิ์ในการยับยั้งเอ็นไซม์ไทโรซีนเนส (Tyrosinase)  ซึ่งเป็นเอ็นไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเม็ดสี ทำให้ผิวของคนเรามีสีเหลืองไปจนถึงคล้ำ และ DOPA ในกระบวนการออกซิเดชั่น (Oxidation) ที่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระได้อีกด้วย และจากการทดสอบกับสัตว์ พบว่าไม่มีความผิดปกติใดๆ ที่เป็นอันตรายเกิดขึ้น เนื่องจากอาร์บูติน (Arbutin) จะมีการแตกตัวเป็นกลูโคสและไฮโดรควิโนนในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกาย และเป็นสารที่จะมาทดแทนไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) ที่ส่งผลอันตรายต่อผิวพรรณและร่างกาย หากใช้ในปริมาณที่มากจนเกินจำเป็น

อาร์บูติน (Arbutin) มาจากไหน

อาร์บูติน (Arbutin) เป็นสารสกัดที่ได้มาจากธรรมชาติ 100% โดยสกัดมาจากผล, เปลือก, ใบ และส่วนต่างๆของพืชเมืองหนาวหลากหลายชนิดเช่น แบเบอร์รี่ (Bearberry), บลูเบอร์รี่, แครนเบอร์รี่, มัลเบอร์รี่, ลูกแพร์  รวมถึงผลไม้สดของรัฐแคลิฟฟอร์เนีย อย่าง Buckeye และ Aesculus Californica บางแหล่งข้อมูลยังได้ระบุว่าสามารถพบได้จากพืชชนิดต่างๆใน Canada เช่น Dockweed  นอกจากนั้น อาร์บูตินยังสามารถสกัดได้จากพืชหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ข้าวสาลี และมะขามป้อม ที่สามารถทำให้เกิดเป็นสารไฮโดรควิโนนขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงพอสรุปได้ว่าอาร์บูตินจากพืชสามารถพบได้ทั้งจากยุโรป อเมริกาเหนือ และแคนาดา โดยเฉพาะประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่เชื่อกันว่าเป็นแหล่งของอาร์บูตินที่ดีที่สุดในโลก ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้อาร์บูติน (Arbutin) มีราคาที่ค่อนข้างสูง และเมื่อนำไปผสมกับเครื่องสำอาง จึงถูกจัดอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่มีราคาค่อนข้างแพง แต่เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ก็เรียกได้ว่าคุ้มค่าคุ้มราคามากๆ

อาร์บูติน (Arbutin)  มีกี่ประเภท

โดยปกติแล้ว อาร์บูติน (Arbutin)  ที่สกัดจากธรรมชาติ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท กล่าวคือ

  • อาร์บูตินชนิดแอลฟ่า (alpha-arbutin)
    เป็นสารอนุพันธ์ไฮโดรควิโนนรูปแบบหนึ่ง ทำหน้าที่ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน(Melanin)และเอ็นไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ของผิวหนัง ที่ไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารอนุมูลอิสระขึ้นมา เป็นสารสกัดที่ถูกนำมาใช้เพื่อการรักษาผิวพรรณมากที่สุดเนื่องจากอัลฟ่าอาร์บูตินมีประสิทธิภาพในการยับยั้งเม็ดสีได้มากกว่าเบต้าอาร์บูตินถึง 10 เท่า ช่วยลดฝ้ากระ จุดด่างดำ อย่างได้ผล
  • อาร์บูตินชนิดเบต้า (beta-arbutin)
    ด้วยคุณสมบัติของอาร์บูตินชนิดเบต้า (beta-arbutin)ที่มีความเหมือนกันกับอาร์บูตินชนิดแอลฟ่า (alpha-arbutin) แต่จากการวัดระดับความพอใจถึงประสิทธิภาพในการยับยั้งเม็ดสีผิว พบว่าอาร์บูตินชนิดเบต้า (beta-arbutin) มีน้อยกว่าอาร์บูตินชนิดแอลฟ่า (alpha-arbutin)

ข้อดีและคุณประโยชน์ของอาร์บูติน (Arbutin)

อาร์บูติน (Arbutin)  มีประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับความสวยงามและช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด ซึ่งพอจะจำแนกคุณประโยชน์ได้ดังนี้

  • ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน(Melanin) และเอ็นไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ที่ไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารสีน้ำตาล ทำให้ผิวมีความหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ ซึ่งในส่วนของอาร์บูติน (Arbutin) จะช่วยลดเลือนความหมองคล้ำดังกล่าว รวมถึงจุดด่างดำที่เกิดจากรอยสิว ฝ้า กระและผิวไหม้แดดให้กลับมาสดใสอีกครั้ง
  • มีความอ่อนโยนต่อผิว ไม่มีผลในการผลัดเซลล์ผิว ผิวไม่บาง ลดการระคายเคือง เนื่องจากอัลฟ่าอาร์บูตินเป็นสารอนุพันธุไฮโดรควิโนนเกิดจากการสกัดสารธรรมชาติ เหมาะกับทุกสภาพผิว
  • ช่วยปกป้องผิวจากรังสีอัลตร้าไวโอเลตที่อยู่ในแสงแดดได้ดีระดับหนึ่ง

แต่ถึงแม้ว่า  อาร์บูติน (Arbutin)  จะเป็นสาสกัดที่ดีต่อสุขภาพผิวของเรา ทั้งยังเห็นผลได้ไวแบบไม่เป็นอันตราย แต่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของอาร์บูตินในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่น้อยจนเกินไป จนไม่เห็นผลลัพธ์ใดๆเกิดขึ้น และไม่มากจนเกินไป เพราะนั่นหมายถึงผลเสียหายต่อผิวในระยะยาว

วิธีการใช้อาร์บูติน (Arbutin) อย่างถูกวิธี

ในการนำอาร์บูติน (Alpha arbutin) ไปใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์เพื่อการบำรุงผิว จำเป็นต้องมีการใช้อย่างถูกต้องและถูกวิธี เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน ดังนี้

  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของอาร์บูตินให้มีความเหมาะสมกับความต้องการและสภาพผิว ควรขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ
  • ก่อนใช้ควรอ่านและศึกษาฉลากของผลิตภัณฑ์ก่อนเสมอ พร้อมทั้งปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากมีอาหารแพ้หรือมีอาการผิดปกติ ควรหยุดใช้แล้วรีบพบแพทย์ทันที
  • ควรทาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของอาร์บูตินก่อนใช้ผลิตภัณฑ์อื่นเสมอ และควรใช้ต่อเนื่อง เพื่อผลลัพธ์ที่ดี
  • ควรใช้อาร์บูตินที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ต่างๆให้อยู่ในปริมาณที่พอดี สำหรับผิวหน้าให้ใช้ได้ไม่เกิน 2% และสำหรับผิวกายไม่ควรเกิน 5% ต่อครั้ง ซึ่งเป็นปริมาณที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดี
  • ก่อนออกแดด ควรทาครีมกันแดดทุกครั้ง เนื่องจากอาร์บูตินเป็นหนึ่งในสารอนุพันธ์ไฮโดรควิโนน มีโครงสร้างคล้ายคลึงกัน หากไม่มีการปกป้องผิวจากแสงแดด จะทำให้อัลฟ่าอาร์บูตินกลายเป็นไฮโดรควิโนน ส่งผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อผิว เช่น เกิดการแพ้ระคายเคือง มีผื่นแดง คันและผิวหนังอักเสบได้ 
  • แนะนำให้ใช้อาร์บูติน (Alpha arbutin) ควบคู่กับกรดแลกติก (Lactic acid) ซึ่งเป็นกรดที่ได้จากน้ำนมและผลไม้ ซึ่งจะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออก เผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสมากขึ้น

ข้อควรระวังในการใช้อาร์บูติน (Arbutin)

ไม่เพียงข้อดีและคุณประโยชน์ที่มากมายของอาร์บูตินเท่านั้น แต่ยังมีข้อจำกัดที่ควรระวังในการใช้อาร์บูตินในเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอีกด้วย ดังนี้

  • คณะกรรมการด้านวิทยาศาสตร์เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค (Scientific Committee on Consumer Safety) ได้กำหนดปริมาณการใช้สารกลุ่มอาร์บูติน (Arbutin) ในเครื่องสำอางว่าให้ใช้อัลฟ่า อาร์บูติน (Alpha-arbutin) ไม่เกิน 2% สำหรับผิวหน้า และไม่เกิน 5% สำหรับผิวกาย ส่วนเบต้า อาร์บูติน (Beta-arbutin) ให้ใช้ไม่เกิน 7% สำหรับครีมทาหน้า
  • สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวกับโรคผิวหนัง เช่น โรคผิวหนังอักเสบหรือโรคสะเก็ดเงิน ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารอาร์บูติน
  • ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีอาร์บูตินเป็นส่วนประกอบร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามินซีชนิดที่ไม่ละลายน้ำหรือ AHA เป็นส่วนประกอบ เนื่องจากอาร์บูตินมีค่าความเป็นกรดอยู่ที่ pH 4.5 หากใช้ร่วมกับส่วนผสมที่มีความเป็นกรดสูงร่วมอีกจะยิ่งทำให้ค่าความเป็นกรดยิ่งเพิ่มสูงขึ้น ทั้งยังทำให้ประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์ของอาร์บูตินลดน้อยลงด้วย ซึ่งจะส่งผลข้างเคียงที่มีความรุนแรงขึ้นได้
  • ควรปกป้องผิวด้วยการทาครีมกันแดดก่อนออกแดดเป็นประจำทุกครั้ง เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารอาร์บูตินโดยส่วนใหญ่มักเติมสารที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างวิตามินซี BHA หรือ AHA ซึ่งส่งผลให้ผิวไวต่อแสงแดด และไม่เพียงเท่านั้น เมื่ออาร์บูตินทำปฏิกิริยากับแสงแดดจะกลายเป็นไฮโดรควิโนน ทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคืองหรือมีอาการแพ้ได้
  • ในกรณีที่ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของอาร์บูตินอยู่แล้ว ไม่แนะนำให้ทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีอาร์บูติน เนื่องจากอาร์บูตินจะออกฤทธิ์ได้ดี เมื่ออยู่ในรูปแบบของของเหลว เช่น เซรั่ม โลชั่น หรือครีม และเมื่อรับประทานเข้าสู่ร่างกายอาจส่งผลข้างเคียงรุนแรงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น คลื่นไส้อาเจียน หัวใจเต้นผิดปกติ ไตวาย เป็นต้น
  • ในกรณีของหญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีอาร์บูตินควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับเด็ก

ผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้อาร์บูติน (Arbutin)

การใช้อาร์บูตินอย่างถูกต้อง ไม่เพียงเป็นตัวกำหนดประสิทธิภาพของผลลัพธ์เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของผู้ใช้ด้วย ซึ่งหากใช้ผิดวิธี อาจส่งผลข้างเคียงดังต่อไปนี้

  • เกิดการระคายเคืองอย่างรุนแรงต่อผิวหนัง ทำให้ไวต่อสิ่งเร้าทุกชนิด
  • เกิดอาการแพ้ โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นสิวหรือมีผิวบอบบาง แพ้ง่าย
  • ทำให้ผิวหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส ในบางรายรุนแรงจนผิวหนังกลายเป็นสีม่วงคล้ำ เนื่องจากเชื้อจุลชีพที่พบปกติตามผิวหนังสามารถเปลี่ยน อาร์บูติน (Arbutin) ให้กลายเป็น ไฮโดรควิโนน(hydroquinone)ได้บางส่วน เมื่อทำปฏิกิริยากับแสงแดด จะทำให้ผิวไวต่อแดดและทำให้ผิวไหม้ได้ง่าย
  • เกิดเป็นแผลพุพอง ผิวหนังอักเสบ แดง คันอย่างรุนแรง
  • ทำให้เกิดปัญหาผิว ไม่ว่าจะเป็นฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ

ในกรณีที่เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารอาร์บูติน แนะนำให้หยุดใช้ทันที และรีบพบแพทย์โดยด่วน ไม่แนะนำให้ซื้อยามาทาหรือกินเอง

และสำหรับท่านใดที่ต้องการขจัดปัญหา ฝ้า กระ จุดด่างดำที่กวนใจ เราขอแนะนำชุดขจัดฝ้าที่กำลังฮอยฮิตติดลมบนอยู่ในเวลานี้กับ COSMELAN 1 facial mask และ COSMELAN 2 cream (maintenance cream) by mesoestetic ที่เป็นการผสานพลังสารสกัดเข้มข้นทางธรรมชาติที่มีความเข้มข้นสูง สูตรลับเฉพาะเพื่อการรักษาปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด พร้อมส่วนผสมของอาร์บูติน (Arbutin)  ที่ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) อันเป็นที่มาของฝ้า กระ ทั้งยังช่วยให้หน้าขาวกระจ่างใสขึ้นอีกด้วย โดยในส่วนของ COSMELAN 1 facial mask รู้จักกันดีในชื่อของมาส์กลอกฝ้า ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นบนให้หลุดลอกออกมา ไม่เพียงอาร์บูตินเท่านั้น แต่ยังมีส่วนประกอบที่สำคัญอย่าง Azelaic Acid, Kojic Acid, Phytic Acid, Ascorbic Acid, Retinyl Palmitate Salicylic Acid, Aloe barbadensisLeaf Juice และวิตามิน B3 เพียงมาส์กทิ้งไว้ 8-12 ชั่วโมง โดยขึ้นอยู่กับสภาพผิวและประเภทของผิว

แล้วตามด้วย COSMELAN 2 cream (maintenance cream) ครีมเพื่อการฟื้นฟูผิวหน้าอย่างแท้จริง โดยใช้ทาผิวให้สม่ำเสมอและต่อเนื่อง สามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวและยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินได้ดีอีกด้วย ทั้งยังช่วยลดเลือนฝ้า กระ และจุดด่างดํา อย่างต่อเนื่อง ช่วยป้องกันการเกิดรอยดำขึ้นมาใหม่และรอยดำซ้ำ ทั้งยังช่วยรักษาไว้ซึ่งผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาวอีกด้วย โดยมีส่วนผสมเน้นๆอย่าง Disodium Azelate Kojic Acid, B3 Phytic Acid,  Ascorbic Acid, Licorice ,Aloe barbadensis Leaf Juice และ alpha arbutin ที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาฝ้า ไม่เพียงเท่านั้นยังทำให้สีผิวเรียบเรียน เติมความกระจ่างใสให้ผิวดูมีชีวิตชีวามากขึ้นด้วย

ด้วยความโดดเด่นที่มีเอกลักษณ์อย่างชัดเจนของ “อาร์บูติน (Arbutin)”  จึงไม่น่าแปลกใจที่สารชนิดนี้ได้ถูกนำไปใช้เป็นส่วนผสมที่สำคัญของผลิตภัณฑ์และเครื่องสำอางประทินผิวมากมาย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ประเภทไวท์เทนนิ่งซึ่งได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมายาวนานและได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคเพื่อนำไปใช้แก้ปัญหาผิวหน้าอย่าง ฝ้า กระ จุดด่างดำอย่างได้ผล แต่ควรพิจารณาถึงคุณภาพมาตรฐานในการผลิตที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้องเพื่อจะไม่ต้องเสี่ยงต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้นตามมานั่นเอง