แคปไซซิน (Capsaicin) เป็นสารให้ความเผ็ดที่อยู่ในพริกมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อราและลดอาการปวดเมื่อยได้ โดยในวงการแพทย์นั้นยังได้นำสารที่ให้ความเผ็ดนี้มาใช้ในยาขับลม แก้ขัดตามข้อ กระตุ้นน้ำย่อยทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งอีกด้วย เนื่องจากในพริกนั้นมีทั้งวิตามินเอ ซี และโปรตีนต่างๆ ซึ่งพริกก็เป็นอาหารที่เราต่างพบเจอในอาหารที่รับประทานเป็นประจำอยู่แล้วโดยพริกถือเป็นพืชที่นิยมปลูกกันอย่างมาก ฉะนั้นแล้วเราจะมาทำความศึกษาเกี่ยวกับพริกกันมากขึ้นว่านอกจะให้ความเผ็ดแล้วยังให้ประโยชน์ในเรื่องใดบ้าง
Capsaicin ในพริก คืออะไร
โดยพริกเป็นผักที่นิยมนำประกอบอาหารในหลากหลายประเภทที่ถือว่าขาดไม่ได้เลยทีเดียวอีกทั้งยังเป็นพืชเศรษฐกิจที่เกษตรกรมักนิยมปลูกเป็นจำนวนมาก ซึ่งในพริกนั้นจะมีสารที่ให้ความเผ็ดชื่อว่า แคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติจำพวกอัลคาลอยด์ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ทนทานต่อความร้อนและเย็ยจึงทำให้ไม่ว่าจะนำไปต้มหรือแช่เย็นก็ยังคงความเผ็ดไว้ได้อยู่ โดย แคปไซซิน Capsaicin นั้นจะอยู่ภายในผลหรือภายในเม็ดพริกซึ่งจะอยู่ในเยื่อแกนกลางสีขาวหรือ รก (placenta)
แคปไซซิน (Capsaicin) พบได้มากที่สุดในบริเวณไหนของพริก
โดยแคปไซซินจะกระจายอยู่ทุกส่วนของพริก แต่จะพบมากที่สุดคือส่วนของรกพริกหรือแกนกลางสีขาวนั่นเอง โดยปริมาณของแคปไซซินนั้นจะขึ้นอยู่แต่ละสายพันธุ์และระยะการสุกของพริก นอกจากนั้นแล้วสารแคปไซซินก็ยังพบได้ในพืชผักชนิดอื่นๆ ที่ให้รสชาติเผ็ดร้อนได้เช่นกันไม่ว่าจะเป็น ขิง กระเทียม หอมหัวใหญ่ พริกไทย เป็นต้น ยิ่งพืชผักชนิดนั้นมีความเผ็ดมากแสดงว่ามีสารแคปไซซินอยู่มากนั่นเอง
ประโยชน์ของ Capsaicin ที่ให้มากกว่าความเผ็ด
นอกจากสารแคปไซซินจะโดดเด่นในเรื่องของความเผ็ดร้อนแล้ว ก็ยังให้คุณสมบัติในด้านอื่นๆ อีกมากมายไม่ว่าจะเป็น ในทางการแพทย์ที่จะนำไปเป็นส่วนผสมในตัวยาต่างๆ หรือครีม เจลที่ลดอาการปวด เป็นต้น โดยประโยชน์ที่คุณอาจจะยังไม่รู้ซึ่งสารแคปไซซินจะให้ประโยชน์ ดังนี้
- ช่วยให้มีความอยากอาหารมากขึ้น โดยความเผ็ดของแคปไซซินนั้นจะไปกระตุ้นเซลล์ประสาทในจมูกให้เกิดการตื่นกลัวในการรับประทานอาหารมากขึ้น เนื่องจากแคปไซซินนั้นจะจะไปช่วยกระตุ้นปลายประสาทที่ปุ่มรับรสทำให้มีการหลั่งน้ำลายมากขึ้นซึ่งส่วนนี้จะทำหน้าที่เข้าไปช่วยย่อยอาหารให้ดีขึ้นนั่นเอง
- แคปไซซิน (Capsaicin) มีฤทธิ์ที่สามารถย่อยอาการท้องผูกได้โดยสารแคปไซซินจะช่วยเพิ่มการเคลื่อนไหวของกะเพาะทำให้ขับถ่ายคล่องขึ้น
- บรรเทาอาการปวดต่างๆ โดยแคปไซซินนั้นจะออกฤทธิ์ต่อเซลล์ประสาทโดยจะชะลอการหลั่ง neurotransmitter ที่ส่วนปลายประสาท ทำให้สมองส่วนกลางรับรู้ความเจ็บปวดช้าลง
- ลดปริมาณคอเลสเทอรอล โดยสารแคปไซซินนั้นจะช่วยลดคอเลสเทอรอลและไตรกลีเซอไรดลดลงทั้งยังยับยั้งการสร้าง apoprotein อีกด้วย
- บรรเทาอาการปวดของเส้นประสาท โดยสารแคปไซซินนั้นจะช่วยระงับบรรเทาอาการปวดของเส้นประสาทที่เกิดจากโรคต่างๆ เช่น มารูตอยด์ เบาหวาน กล้ามเนื้อและข้อ ปวดจากมะเร็ง
- ช่วยบรรเทาอาการโรคจมูกอักเสบชนิดไม่แพ้ โดยในการทางแพทย์นั้นได้นำสารแคปไซซินมาทำเป็นยาพ่นจมูก ซึ่งสามารถบรรเทาอาการปวดไซนัส คัดจมูกได้ดี อีกทั้งยังไม่มีผลข้างเคียงอีกด้วย
- รักษาโรคสะเก็ดเงิน โดยผู้ที่ป่วยเป็นสะเก็ดเงินตามผิวหนังนั้น เมื่อนำสารแคปไซซินมาทาบริเวณที่เป็นสะเก็ดเงินติดต่อกันเป็นเวลา 6 สัปดาห์ส่งผลให้มีอาการดีขึ้นกว่าการใช้ยาหลอด แต่ด้วยสารแคปไซซินมีฤทธิ์ร้อนแรงจึงทำให้ในระยะแรกเริ่มที่ใช้นั้นจะมีอาการแสบร้อน แดง และคันบริเวณที่ทายาแต่เมื่อผ่านไปสักระยะอาการเหล่านี้จะหายไป
- บรรเทาอาการปวดเอว สำหรับผู้ที่มีอาการปวดเอวเรื้อรังนั้น การทานยาหรือใช้แผ่นแปะบรรเทาอาการปวดอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะในทางการแพทย์ได้มีการทำวิจัยว่า การใช้แผ่นแปะหรือพลาสเตอร์ที่มีส่วนประกอบของแคบไซซินนั้นจะช่วยให้บรรเทาอาการปวดเอวไปได้มากแต่ยังไม่สามารถที่จะรักษาให้หายโดยเฉียบพลันได้ แต่ก็สามารถบรรเทาได้ดีกว่าแผ่นแปะหรือพลาสเตอร์โดยทั่วไป
- รักษาแผลในกระเพาะอาหาร การเป็นแผลในกระเพาะอาหารนั้นมักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร (Helicobacter Pylori) หรือเกิดสาเหตุอื่นๆ เช่น กรดในกระเพาะอาหารที่มีมากเกินไป การรับประทานยาลดการอักเสบกลุ่มเอ็นเสด การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ สาเหตุเหล่านี้ล้วนแต่อาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารได้ หรืออีกหนึ่งสาเหตุที่คนทั่วไปคิดว่าการทานเผ็ดนั้นทำให้เป็นแผลในกระเพาะซึ่งไม่เป็นความจริงเลย โดยสารแคปไซซินในพริกที่ให้ความเผ็ดนั้นช่วยในการยับยั้งการหลั่งกรดเพิ่มความเป็นด่าง กระตุ้นการหลั่งเมือก ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการรักษาและป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารมากกว่าที่จะทำลาย ดังนั้นแล้ว สารแคปไซซินจึงสามารถช่วยป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้
ข้อแนะนำการใช้ Capsaicin ที่ถูกต้องและเหมาะสม
แม้ว่าแคปไซซินจะมีประโยชน์ที่เกี่ยวกับร่างกายของเราเป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้แล้วอะไรที่มากเกินจนความพอดีก็อาจจะส่งผลเสียต่อเราได้ ดังนั้นแล้วแม้ว่าแคปไซซินจะมีคุณสมบัติมากมายแต่หากได้รับในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจจะส่งผลให้เกิดอาการที่ระบบทางเดินอาหารได้และหากมีการใช้ภายนอกก็อาจจะทำให้เกิดอาการแสบร้อนบริเวณผิวหนังได้ เพราะแคปไซซิน(Capsaicin) เป็นสารกลุ่มอัลคาลอยด์ที่ให้ความเผ็ดร้อนจึงทำให้อาจเกิดการระคายเคืองได้ สามารถช่วยบรรเทาอาการเหล่านั้นได้อีกทั้งผู้ที่ป่วยเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) ที่รับประทานยา Cyclosporine หากต้องการใช้สารประเภทนี้ควรใช้อย่างระมัดระวังเพราะจะทำให้ยาออกฤทธิ์มากเกินไปหรืออาการข้างเคียงที่อาจเกิดอันตรายกับต่อร่างกายได้ อีกทั้งกลุ่มบุคคลที่ควรระวังในการใช้สารแคปไซซิน มีดังนี้
- สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร ในสตรีที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรนั้นสามารถใช้ทาภายนอกได้ แต่ยังไม่แน่ชัดว่าสามารถทานเข้าไปได้ไหม
- เด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี ไม่ควรรับประทานอาหารหรือผลิตภัณฑ์ที่ส่วนประกอบของสารแคปไซซิน (Capsaicin)
- ผู้ที่กำลังเข้ารับการผ่าตัด เนื่องจากการทานพริกเสี่ยงต่อการเลือดออกมากในระหว่างและหลังการผ่าตัด ดังนั้นแล้วผู้ที่กำลังเข้ารับการผ่าตัดจึงควรที่จะหยุดทานอาหารรสจัดหรือพริกก่อนเข้ารับการผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- ผู้ที่ทานยาต้านเกล็ดเลือด หรือ ยาทีโอฟิลลีน (Theophylline) และกลุ่มยาACT อินฮิบิเตอร์ ซึ่งยาเหล่านี้เป็นยารักษาความดันโลหิตสูง จึงควรหลีกเลี่ยงเนื่องจากอาจทำให้เกิดการดูดซึมยาของร่างกายและเสี่ยงต่อการมีอาการข้างเคียงได้เช่น แผลฟกช้ำ เลือดออกง่าย เป็นต้น
แคปไซซิน กับ การลดน้ำหนัก
ในปัจจุบันสารแคปไซซินถูกนำไปเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันในหลายๆ แบรนด์ และถึงแม้ว่าแคปไซซิน (Capsaicin) จะมีฤทธิ์ในการช่วยลดคอเรสเทอรอลในร่างกาย แต่ก็ยังไม่มีวิจัยที่ยืนยันว่าสารแคปไซซินนั้นสามารถช่วยลดน้ำหนักได้จริง อีกทั้งการทานแคปไซซินก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองเยื่อบุต่างๆ ซึ่งอาจเกิดโรคแผลในกะเพาะหรือท้องอืดได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้แล้วแม้ว่าการทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อลดน้ำหนักอาจจะไม่ค่อยเห็นผลเท่าที่ควรนัก แต่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทาภายนอกนั้นสามารถช่วยลดสัดส่วนและช่วยให้หุ่นกระชับมากขึ้นได้อย่างแน่นอน โดยผลิตภัณฑ์ที่มีสารแคปไซซินผสมสำหรับใช้ภายนอกที่แนะนำ มีดังนี้
ผลิตภัณฑ์จากสารแคปไซซิน (Capsaicin) ที่ช่วยลด กระชับ สัดส่วน ได้จริง
Mesoestetic เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูแลรูปร่างและผิวพรรณ อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาไขมันส่วนเกิน เซลลูไลท์ ผิวขาดความเรียบเนียนและรอยแตกลาย โดย mesoestetic เป็นแบรนด์สำหรับผิวพรรณโดยเฉพาะอีกทั้งยังได้รับการไว้วางใจจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยตรง โดยผลิตภัณฑ์ที่จะแนะนำให้สำหรับคนที่อยากมีหุ่นและผิวที่กระชับนั้นมีส่วนผสมของสารแคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองและแสบผิวอย่างแน่นอน
- Bodyshock celluxpert
เป็นเจลครีมนวดขจัดเซลลูไลท์ โดยจะเป็นเจลครีมที่ช่วยป้องกันและลดเลือนผิวเปลือกส้ม อีกทั้งยังกระตุ้นการกำจัดของเสีย สลายไขมันบริเวณที่มีเซลลูไลท์เช่น สะโพก ต้นขา เป็นต้น และยังช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสอีกด้วย โดย bodyshock celluxpert นั้น นอกจากจะช่วยในเรื่องของการลดเลือนผิวเปลือกส้มและป้องกันแล้วก็ยังช่วยในเรื่องต่างๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น
- กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
- มีกลิ่นหอมขณะใช้
- ใช้งานง่ายด้วยหัวลูกกลิ้งที่ช่วยทำให้เจลซึมเข้าสู่ผิวได้ง่ายขึ้นและออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
โดยส่วนประกอบของ bodyshock celluxpert นั้นไม่ได้มีแค่ Capsaicin เท่านั้นแต่ยังมีสารสกัดจากดอก brassica alba ที่อุดมไปด้วยกรดอะมิโนซึ่งช่วยในการกระตุ้นระบบเผาผลาญและไขมันส่วนเกิน อีกทั้งยังมีแอลคาร์นิทิน (L-carnitine) ที่มาช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น
ดังนั้นแล้วหากใครที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยกระชับรูปร่างพร้อมกับมีผิวพรรณที่ขาวกระจ่างใส ถือว่าผลิตภัณฑ์จาก mesoestitic ตอบโจทย์ทุกคนที่อยากมีหุ่นที่กระชับและเฟิร์มมากขึ้น แต่นอกเหนือจากนั้นแล้วก็ต้องควบคู่ไปกับการอ0อกกำลังกายและทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อสุขภาพที่ดี เฟิร์ม กระชับ ต้อง bodyshock celluxpert ของ mesoestitic เท่านั้น
เกร็ดน่ารู้ หากรับประทานพริกมากเกินไป สามารถช่วยให้หายเผ็ดได้ ด้วยสิ่งนี้
โดยสิ่งที่ทำให้พริกมีความเผ็ดได้นั้นก็คือ สารแคปไซซิน (capsaicin) ซึ่งเป็นสารที่มีให้ความเผ็ดโดยจะอยู่บริเวณแกนสีขาวหรือที่เรียกว่า รก นั้น แม้ว่าพริกจะมีคุณสมบัติที่ช่วยบรรเทาอาการปวดต่างๆ หรือให้คุณประโยชน์กับร่างกายของเรา แต่หากรับประทานในปริมาณที่มากก็อาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายของเราได้ ดังนั้นแล้วหากคุณได้รับปริมาณที่มากเกินไปและรู้สึกแสบท้องหรือระคายเคืองที่กระเพาะนั้นการทาน นม (milk) สามารถที่จะช่วยลดอาการเผ็ดเหล่านั้นได้ เนื่องจาก นมมีโปรตีนเคอิซิน (casein) ที่สามารถช่วยกำจัดน้ำมันแคปไซซินออกได้และทำให้ความเผ็ดเหล่านั้นลดลงได้ นั่นเอง