คาเฟอีน (caffeine) ที่ไม่ได้มีดีแค่ช่วยให้หายง่วง

คาเฟอีน (caffeine) คือ สารแซนทีนอัลคาลอยด์ ที่มักพบได้ในเครื่องดื่มหลายชิด ไม่ว่าจะเป็น โคล่า โกโก้ ช็อคโกแลตหรือชา กาแฟ โดยในเครื่องดื่มเหล่านี้จะมีคาเฟอีนผสมอยู่ด้วย ซึ่งสระพคุณของคาเฟอีนนั้นจะช่วยให้รู้สึกตื่นตัวและลดอาการง่วง จึงทำให้ผู้คนนิยมดื่มกันในช่วงเช้าเพื่อให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเป่า ซึ่งในบางคนหากไม่ได้รับคาเฟอีนในช่วงเช้าก็อาจจะเกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ใจสั่น มือสั่น ปวดหัวซึ่งอาการเหล่านี้ก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล นอกจากนั้นแล้วคาเฟอีนยังแบ่งเป็น 2 ชนิดอีกด้วย โดยเป็น คาเฟอีนตามธรรมชาติ และคาเฟอีนสังเคราะห์ ดังนั้นแล้วเราจึงมาทำความรู้จักกับคาเฟอีนกันให้มากขึ้นเพื่อให้เราได้รับประโยชน์จากการทานคาเฟอีนเพื่อสุขภาพและร่างกายที่ดีของเรากัน

ชนิดของคาเฟอีนมีกี่ประเภท

ในหลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่าคาเฟอีนในปัจจุบันจะมีด้วยกันอยู่ 2 ประเภท ซึ่งบางคนอาจจะเคยทานเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนทั้ง 2 ชนิดผสมอยู่แต่ยังไม่รู้ตัวก็ได้ โดยคาเฟอีนทั้ง 2 ชนิด มีดังนี้

  1. คาเฟอีนธรรมชาติ เป็นคาเฟอีนที่เราจะพบได้ในเมล็ดกาแฟ ใบชา โกโก้ ซึ่งเมล็ดเหล่านี้ก็จะมักจะถูกนำมานิยมแปรรูปในเครื่อมดื่มที่เรารู้จักไม่ว่าจะเป็น ชา กาแฟ โกโก้ เป็นต้น
  2. คาเฟอีนสังเคราะห์ เป็นคาเฟอีนที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมาในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยคาเฟอีนสังเคราะห์มักพบในเครื่องดื่มชูกำลังและเครื่อมดื่มนอัดลม โดยคาเฟอีนสังเคราะห์จะมีดูดซึมเข้าสู้กระแสเลือดได้เร็วมากกว่าอีกทั้งยังออกฟทธิ์แรงกว่าด้วย จึงทำให้ผู้ที่ได้ดื่มไปอาจจะมีอาการใจสั่น ใจเต้นเร็ว นั่นเอง

ประโยชน์ของ คาเฟอีน (caffeine) ที่ส่งผลดีต่อร่างกาย

โดยสรรพคุณของคาเฟอีน (caffeine) นอกจะช่วยในเรื่องของการตื่นตัว เนื่องจากคาเฟอีนจะเข้าไปบล็อก อะดีโนซิน (adenosine) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้รู้สึกง่วง อ่อนเพลีย จึงทำให้เราง่วงและไม่อยากทำอะไรนั่นเอง แต่นอกจากนั้นแล้วคาเฟอีนก็ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย ดังนี้

  1. ช่วยในการบำรุงสมอง

สมอง เป็นอวัยวะที่ถูกใช้งานตลอดเวลาไม่มีพัก ดังนั้นหากไม่มีการบำรุงหรือพักผ่อนก็อาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายของเราได้ ซึ่งคาเฟอีนนั้นสามารถช่วยบำรุงได้โดยการที่คาเฟอีนจะมีฤทธิ์ไปกดประสาทประเภท ส่งผลให้สารโดปามีน กับนอร์เอพิเนฟริน (Norepinephrine) ทำให้สมองทำงานได้ดี อีกทั้งยังช่วยให้มีอารมณ์ดี กระปรี้กระเปร่านั่นเอง

  1. ช่วยการเผาผลาญในร่างกายได้ดีขึ้น และออกกำลังกายได้นานมากขึ้น

โดยคาเฟอีนจะไปช่วยกระตุ้น อะดรีนาลิน (adrenaline) ซึ่งเป็นสารในร่างกายที่จะช่วยให้ร่างกายเกิดการตื่นตัวและพร้อมสำหรับการใช้แรงมากกว่าเดิม ซึ่งมีการยืนยันว่า สารคาเฟอีนจะไปช่วยย่อยสลายหรือเพิ่มการเผาผลาญเซลล์ไขมัน แต่ทั้งนี้แล้วควรเป็นการดื่มกาแฟดำที่ไม่ใส่น้ำตาลจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดี

  1. ช่วยบรรเทาอาการแวดตามข้อต่างๆ ในร่างกาย

คาเฟอีนจะช่วยในเรื่องของการแก้ปัญหาปวดหัวในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นไมเกรน ภาควะเครียด เป็นต้น โดยในทางการแพทย์นั้นจะมีการใช้คาเฟอีนในการรักษาร่วมกับตัวยาค่อนข้างบ่อย โดยแพทย์บางรายอาจจะมีการแนะนำให้รับประทานยาร่วมกับเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเพื่อบรรเทาอาการปวดให้ลดลง หรือหลังการผ่าตัดเสร็จใหม่ๆ แพทย์บางรายก็จะมีการแนะนำให้ดื่มคาเฟอีนเพื่อลดอาการปวดหลังผ่าตัด หรือใช้ฉีดเข้าเส้นเลือดบริเวณช่องเหนือไขสันหลัง เป็นต้น

  1. ช่วยในเรื่องของระบบหายใจ

โดยสำหรับใครที่เป็นโรคหอบหืด การดื่เครื่องดื่มคาเฟอีนจะช่วยให้สามารถบรรเทาอาการหอบหืดลงไปได้ซึ่งจะต้องเป็นคาเฟอีนธรรมชาติเท่านั้น ซึ่งมีผลวิจัยได้ระบุว่า การดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีนจะช่วยให้รับบทางเดินหายใจดีขึ้นแต่จะแค่ในระยะเวลาสั้น 4 ชั่วโมง อีกทั้งในทางการแพทย์ก็ยังมีการให้คาเฟอีนในเด็กที่คลอดก่อนกำหนดและมีปัญหาในเครื่องของการหายใจอีกด้วย

คาเฟอีน (caffeine) กับคุณประโยชน์ที่ช่วยลดความเสี่ยงในโรคร้ายได้

ใครจะทันคิดว่าเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนจะมีสรพพคุณถึงขนาดที่ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคร้ายได้ โดยโรคร้ายที่สามารถความเสี่ยงได้นั้น มีดังนี้

  • โรคมะเร็ง โดยในสารคาเฟอีนนั้นจะมีตัวช่วยสำคัญที่จะทำหน้าที่ลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็วผิวหนัง เป็นต้น โดยมีผลวัจัยยืนยันว่า การดื่มกาแฟเฉลี่ย 3-4 แก้ว/วัน ช่วยลดการเกิดมะเร็งได้ถึง 18% อีกทั้งยังช่วยบำรุงตับอีกด้วย โดยสามารถลดการเกิดโรคตับแข็งได้ถึง 80% เลยทีเดียว
  • โรคหัวใจ ในตัวสารคาเฟอีนนั้นจะมีฤทธิ์ที่ช่วยลดการเกิดโรคหัวใจได้ถึง 16-18% โดยผู้ที่ดื่มกาแฟต่อวัน 1-4 แก้ว จะเทียบเท่าการได้รับคาเฟอีนประมาณ 100-400 มิลลิกรัม/วัน ซึ่งอยู่ในภาวะที่ร่างกายควรได้รับ
  • โรคเบาหวาน โดยผู้ที่ดื่มกาแฟจะช่วยลดการเสี่ยงเป็นเบาหวานชนิดที่2 (ภาวะดื้ออินซูลิน insulin resistance) ซึ่งผู้ที่ดื่มเป็นประจำจะลดความเสี่ยงได้ถึง 30%
  • โรคหลอดเลือดสมอง ผู้ที่ดื่มกาแฟดำประมาณ 1-2 แก้ว/วัน สามารถที่จะลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดในสมองได้ถึง 14-20%

ปริมาณคาเฟอีน (caffeine) ที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน

ภายใน 1 วัน ร่างกายคนเราควรได้รับคาเฟอีนเท่าไหร่ถึงจะดีต่อสุขภาพและร่างกายของเรา โดยปริมาณและคำแนะนำที่เหมาะสม มีดังนี้

  • ซึ่งในทาง USDA ซึ่งเป็นมาตรฐานทางฝั่งอเมริกาและทาง EFAS ซึ่งเป็นมาตรฐานทางฝั่งยุโรป มีการให้คำแนะนำที่เหมือนกันคือควรได้รับคาเฟอีนต่อวันประมาณ 200-400 มิลลิกรัม/วัน หรือ 2-4 แก้ว
  • ควรเลือกดื่มกาแฟดำ ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล ครีมเทียม เพื่อไม่ให้ได้รับแคลอรีสูง
  • ในคาเฟอีนจะฤทธิ์ที่ช่วยในการขับปัสสาวะอ่อนๆ ดังนั้นแล้ว ในระหว่างที่มีการดื่มกาแฟควรที่จะดื่มน้ำเปล่าตาม 1 แก้ว เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ
  • การดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบขอบคาเฟอีน จะส่งผลให้คาเฟอีนนั้นลดการดูดซึมแคลเซียมในร่างกาย ดังนั้นแล้วในระหว่างวันควรทานนมสด ผัก ผลไม้ เสริมด้วยในปริมาณที่เหมาะสม

หุ่นเฟิร์มได้ด้วยการดื่ม “กาแฟดำ”

แม้ว่าการดื่มกาแฟเพียงอย่างเดียวจะไม่ได้ช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้มาก แต่หากมีการดื่มร่วมกับการออกกำลังกายก็จะยิ่งช่วยผลลัพธ์ให้ร่างกายของตุณมีสัดส่วนที่กระชับและเฟิร์มขึ้นมาได้ โดยก่อนออกกำลังกาย 30 นาที ควรดื่มกาแฟดำก่อนหนึ่งแก้ว เพราะคาเฟอีนในกาแฟดำนั้นจะไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบเมตาบอลิซึมที่จะช่วยให้ระบบการเผาผลาญในร่างกายดีขึ้นโดยการเปลี่ยนไขมันเป็นรูปแบบของการให้พลังงานมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยสร้างน้ำย่อยในกระเพาะอาหารและตับอ่อนอีกด้วย นั่นจึงทำให้กาแฟดำเป็นตัวช่วยที่ดีเยี่ยมในการออกกำลังกายลดน้ำหนัก ยิ่งกับการออกกำลังกายในรูปแบบของคาร์ดิโอด้วยแล้วจะยิ่งเห็นผลมากยิ่งขึ้น

ข้อเสียของการทานเครื่องดื่ม คาเฟอีน (caffeine) มากเกินไป

แม้ว่าการทานเครื่อมดื่มที่มีคาเฟอีนจะช่วยในการลดความเสี่ยงการเกิดโรคร้ายต่างๆ แต่หากทานในปริมาณมี่มากเกินไปติดต่อกันเป็นในระยะนานก็อาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายเราได้เช่นกัน

  • หากดื่มมากเกินไปในปริมาณที่เกินพอดีก็จะทำให้คาเฟอีนไปกระตุ้นให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ หลอดเลือดและยังไปเพิ่มการทำงานของหัวใจส่งผลทำให้หลอดเลือดหดตัว อีกทั้งยังเพิ่มความดันโลหิตอีกด้วย นอกจากนั้นแล้วในผู้หญิงที่ดื่มกาแฟมากจะส่งผลให้ความหนาแน่นแร่ธาตุในกระดูกลดลง เนื่องจากคาเฟอีนมีสารที่ดูดซึมแคลเซียมนั่นเอง
  • การนอนไม่หลับเนื่องจากร่างกายได้รับคาเฟอีนเกินกว่า 150 มิลลิกรัม/วัน จึงทำให้นอนหลับยากอีกทั้งช่วยเวลาในการนอนยังสั้นอีกด้วย
  • นอกจากนั้นแล้วหากผู้ที่มีการดื่มกาแฟทุกวันและหากหยุดดื่มกะทันหันก็จะทำให้ร่างกายมีอาการปวดหัว อ่อนเพลีย ง่วงนอนได้ ดังนั้นแล้วจึงควรดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของกาแฟในปริมาณที่พอเหมาะในแต่ละวันจึงจะดีที่สุด
  • เร่งการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร โดยคาเฟอีนจะมีการหลั่งกรดเพปซิน (pepsin) และแกสตริน (gastrin) ที่ส่งผลให้เกิดโรคแผลในกระเพาะอาหารได้นั่นเอง

            แม้ว่ากาแฟจะช่วยในเรื่องต่างๆ ได้ดีไม่ว่าจะเป็นการลดความเสี่ยงโรคร้าย ระบบทางเดินหายใจ ลดอาการปวดตามร่างกายต่างๆ แต่ทั้งนี้อะไรที่มากเกินไปก็อาจจะก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายของเราได้เช่นกัน ดังนั้นแล้วจึงควรที่จะรับประทานในปริมาณที่พอดีและพอเหมาะในแต่ละวันตามที่ผู้เชี่ยวชาญได้กำหนดมา เพื่อให้ร่างกายของเราได้รับผลดีแทนการได้ผลเสียจากการดื่มเครื่อมดื่มที่มีคาเฟอีนนั่นเอง

กระชับสัดส่วนด้วยผลิตภัณฑ์จาก คาเฟอีน (caffeine)

นอกจากจะมีคาเฟอีนในรูปแบบเครื่อมดื่มต่างๆ แล้ว ก็ยังมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับทาร่างกายบริเวณนอกอีกด้วย โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะมีส่วนผสมของคาเฟอีน (caffeine) อยู่ ซึ่งคาเฟอีนจะช่วยในเรื่องของการส่งเสริมกระบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกายโดยการเปลี่ยนไขมันให้เป็นกล้ามเนื้อ ดังนั้นแล้วใครที่อยากหุ่นเฟิร์มกระชับขึ้น หรือต้องการให้เห็นผลเร็วโดยควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย ต้องลองกับผลิตภัณฑ์ของ mesoestetic

  • Bodyshock intersive mist mesoestetic

โดยจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาในรูปแบบของสเปรย์เนื้อ biphasic ที่แยกออกเป็นสองชั้นโดยเมื่อนวดไปเรื่อยๆ เนื้อสเปรย์จะเปลี่ยนน้ำมันและซัมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วที่จะช่วยในเรื่องของการสลายไขมัน ลดการสะสมและกระตุ้นการเผาผลาญ โดยผลิตภัณฑ์จะมีส่วนประกอบทั้ง คาเฟอีน (caffeine) และ แอลคาร์นิทิน (L-carnitine) ที่มีสรรพคุณในการช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญไขมันในร่างกาย โดยยิ่งใช้ก่อนออกกำลังกายจะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพได้เป็นอย่างดี

  • Bodyshock celluxpert mesoestetic

เป็นเจลครีมที่จะช่วยดูแลในเรื่องของการขจัดเซลลูไลท์ ป้องกันและลดเลือกผิวเปลือกส้ม ทั้งยังช่วยกระตุ้นในการจำกัดของเสีย สลายไขมันและกระชับผิว โดย Bodyshock celluxpert นั้นจะมีส่วนประกอบของคาเฟอีน (caffeine) และ แอลคาร์นิทิน (L-carnitine) ที่มีสรรพคุณในการช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญไขมันในร่างกาย ซึ่งเมื่อใช้ติดต่อกัน 8 สัปดาห์จะทำให้ผิดูเรียบเนียนขึ้นและยังช่วยลดเซลลูไลท์อีกด้วย นอกจากนั้นแล้วยังช่วยให้การไหลเวียนเลือดได้ดีอีกด้วย

            โดยทั้งหมดเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการดูแลเรื่องผิวพรรณและรูปร่างจากแบรนด์ mesoestetic ซึ่งแบรนด์ขึ้นชื่อและได้รับการยอมรับจากแพทย์ผิวหนังทั่วโลก ซึ่งผลิตภัณฑ์ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงการใช้ภายนอกเท่านั้น ดังนั้นแล้วหากคุณอยากมีรูปร่างที่ดีและผิวพรรณที่ดีมากยิ่งขึ้น จึงควรใช้ควบคู่กับการออกกำลังกายและทานอาหารอย่างมีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ เพื่อสุขภาพและรูปร่างที่ดีขึ้นมากกว่าเดิมของคุณ