สารสกัดหญ้าฝรั่น (Saffron Extract) จากเครื่องเทศราคาแพง สู่ผลิตภัณฑ์ความงามเกรดพรีเมียม

“หญ้าฝรั่น (Saffron )” ที่ได้ชื่อว่าเป็นเครื่องเทศที่มีมายาวนานหลายศตวรรษ โดยสามารถใช้ทั้งเป็นส่วนประกอบในการทำอาหารและใช้ในการแพทย์แผนโบราณ เป็นพืชเศรษฐกิจในตะวันออกกลาง ตั้งแต่ 3000 ปี ก่อนที่จะขยายพันธ์และแพร่หลายไปยังหลายประเทศในยุโรป ไม่ว่าจะเป็น ฝรั่งเศส ชิลี หรือเยอรมัน เป็นต้น และในปัจจุบัน ได้มีการนำหญ้าฝรั่น (Saffron Extract) มาสกัดเพื่อใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ประเภทสกินแคร์มากขึ้น เนื่องจากหญ้าฝรั่นได้ชื่อว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระมาก ช่วยให้ผิวดูสดใส เปล่งปลั่ง อ่อนกว่าวัยได้อีกด้วย วันนี้เราจะทำความรู้จักกับหญ้าฝรั่น (Saffron) ด้วยกัน

รู้จักหญ้าฝรั่น

เชื่อกันว่าถิ่นฐานเดิมของหญ้าฝรั่น (Saffron) อยู่ในแถบเอเชียไมเนอร์ และแถบทะเลเมติเตอร์เรเนียน เป็นพืชที่ได้มีการบันทึกเอาไว้อย่างเป็นทางการมายาวนาน ตั้งแต่สมัยกรีก โรมัน จากนั้นได้มีการแพร่ขยายพันธุ์ไปยังประเทศอื่นๆ ซึ่งในปัจจุบันได้มีการปลูกหญ้าฝรั่น (Saffron) เพื่อการค้าขายมากขึ้นในประเทศอิหร่าน อินเดีย สเปน กรีซ จอร์เจีย อิตาลี ฝรั่งเศส และเยอรมัน  โดยประเทศที่ผลิตหญ้าฝรั่น(Saffron) ได้มากที่สุดทั้งในแง่ของคุณภาพและปริมาณคือประเทศอิหร่าน  โดยคิดเป็นร้อยละ 81 ของหญ้าฝรั่นทั่วโลก  บางข้อมูลได้ระบุเอาไว้ว่าหญ้าฝรั่น (Saffron) มักเกิดเฉพาะพื้นที่ลาดเขาเพียงไม่กี่แห่งในโลกเท่านั้นในยุโรปและบางประเทศในตะวันออกกลาง ดังนั้นจึงส่งผลให้ราคาของหญ้าฝรั่น (Saffron) สูงมากนั่นเอง สำหรับประเทศไทยเรา ยังไม่สามารถปลูกหญ้าฝรั่นได้ เนื่องจากความไม่เหมาะสมของภูมิประเทศและภูมิอากาศ

 

ลักษณะทั่วไปของหญ้าฝรั่น (Saffron)

หญ้าฝรั่น(ออกเสียงว่า ฝะ-หรั่น) มีชื่อสามัญคือ  Saffron, True saffron, Spanish saffron, Crocus ชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Crocus sativus L. เป็นพืชที่จัดอยู่ในวงศ์ว่านแม่ยับ (IRIDACEAE) แต่ไม่มีชื่อพื้นเมือง เนื่องจากเป็นพืชสมุนไพรจากต่างประเทศ  จากข้อมูลทางเภสัชวิทยาพบว่ามีสารเคมีที่อยู่ในหญ้าฝรั่นมากมาย ได้แก่ Crocin 2%, Destrose, Picrocrocin 2%, Riboflavin และน้ำมันหอมระเหย

ราคาของหญ้าฝรั่น (Saffron)

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าหญ้าฝรั่น (Saffron) นั้นมีราคาที่สูงจนน่าตกใจ โดยมีการขายปลีกเฉลี่ยกิโลกรัมละ 77,700 บาทเลยทีเดียว และในบางช่วงเวลา ราคาของหญ้าฝรั่น (Saffron) ยังสูงกว่าทองคำเสียด้วยซ้ำเมื่อเทียบด้วยน้ำหนัก ซึ่งสาเหตุที่ทำให้หญ้าชนิดนี้มีราคาสูงลิบลิ่วขนาดนี้ ก็เนื่องจากว่าดอกของหญ้าฝรั่น หรือดอกแซฟฟรอน โครคัสแต่ละดอกจะมีเกสรเพียง 3 เส้นเท่านั้น และการเก็บเกสร ก็จะต้องรีบเก็บภายในวันเดียว เพราะไม่เช่นนั้น ดอกไม้จะโรยไปหมด ที่สำคัญเมื่อเก็บเรียบร้อยแล้ว จะต้องรีบนำมาอบหรือคั่วให้แห้งทันที เพื่อป้องกันการเหี่ยวของเข็มเกสรดอก ซึ่งจะส่งผลให้ดอกฝรั่นมีความสดลดลงนั่นเอง และการที่จะเก็บดอกฝรั่นให้ได้น้ำหนัก 1 ปอนด์ (0.45 ก.ก.) จะต้องใช้ดอกฝรั่นมากถึง50,000-75,000 ดอก หรือเกสรตัวเมียจำนวน 225,000 อันเลยทีเดียว จนได้รับการขนานนามว่าเป็นเครื่องเทศที่แพงที่สุดในโลก

ลักษณะของหญ้าฝรั่น (Saffron)

ต้นหญ้าฝรั่น(Saffron) จัดเป็นพืชล้มลุกประเภทหัว มีลำต้นอยู่ใต้ดิน โดยมีลักษณะคล้ายหัวเผือกหรือหัวหอม  ที่มีลำต้นสูงประมาณ10-30 เซนติเมตร มีลักษณะแตกต่างกันตามแต่ละส่วนต่อไปนี้

  • หัวของหญ้าฝรั่น จะเป็นเมล็ดกลมสีน้ำตาล ซึ่งจะเป็นส่วนที่สะสมแป้งเอาไว้ มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 เซนติเมตร และห่อหุ้มกันไว้ด้วยเส้นใยที่ขนานกันเป็นชั้นหนา
  • ใบของหญ้าฝรั่น เป็นใบสีเขียว มีลักษณะเรียว ยาว แหลม แคบ ซึ่งแต่ละใบมีความยาวถึง 40 เซนติเมตรเลยทีเดียว
  • ดอกของหญ้าฝรั่น จะมีลักษณะรูปร่างคล้ายดอกบัว มีสีม่วง มีกลีบดอก 5-6 กลีบ โดยลักษณะของกลีบดอกจะเรียวยาวคล้ายกับรูปไข่ มีเกสรขนาดยาวโผล่พ้นเหนือดอก เกสรตัวเมียจะมีสีแดงเข้ม ส่วนก้านดอกจะแทงออกมาจากหัวใต้ดิน โดยทั่วไปดอกของหญ้าฝรั่นจะอยู่ได้นาน 2-3 สัปดาห์ และมักจะออกดอกในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
  • เกสรหญ้าฝรั่น หรือที่เราเรียกกันว่าหญ้าฝรั่นนั้น จริงๆเป็นส่วนของเกสรดอกนั่นเอง เป็นยอดเกสรเพศเมียที่มีสีแดง ยื่นยาวออกมาโผล่พ้นเหนือดอก โดยมีลักษณะเป็นง่าม 3 ง่าม ซึ่งแต่ละง่ามจะมีความยาวประมาณ25-30 มิลลิเมตร โดยมักจะเก็บดอกของหญ้าฝรั่นมาใช้ประโยชน์ตอนที่ดอกเริ่มบาน จากนั้นจะคัดเอาส่วนที่เป็นเกสรตัวเมีย ซึ่งใน ​1 ดอก จะมีเกสรตัวเมียอยู่เพียงแค่ 3 เส้นเท่านั้น มีรสเผ็ด ขมอมหวาน และมีกลิ่นหอมคล้ายฟาง ดังนั้นจึงถูกนำเอาไปใช้เป็นส่วนประกอบในอาหาร เครื่องดื่ม อุตสาหกรรมการผลิตน้ำหอม สีย้อมผ้า รวมถึงเครื่องสำอางบำรุงผิวด้วย

การขยายพันธุ์หญ้าฝรั่น

โดยทั่วไป หญ้าฝรั่นสามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยการใช้หัวปลูกลงในดิน ในประเทศอิตาลี จะฝังหัวของหญ้าฝรั่นลงลึกประมาณ 15 เซนติเมตร เว้นระยะห่างแถวละประมาณ 2-3 เซนติเมตร  หญ้าฝรั่นจะเจริญเติบโตได้ดีในที่ที่เป็นเชิงเขา หรือที่ราบที่เอียงเข้าหาแสงแดดที่มีอากาศหนาวจัด และกึ่งแห้งแล้ง โดยสามารถทนความเย็นได้ถึง -10°C เติบโตได้ดีในดินที่มีความร่วนซุย อุ้มน้ำได้ดี หรือในดินเหนียวปนหินปูนที่มีสารอินทรีย์สูง

องค์ประกอบทางเคมีของหญ้าฝรั่น

จากผลการศึกษาองค์ประกอบทางเคมีของเกสรหญ้าฝรั่น ที่ถูกนำมาใช้เป็นสมุนไพร พบว่ามีสารสำคัญที่เป็นประโยชน์ เช่น สารกลุ่ม monoterpene aldehyde เช่น picrocrocin,safranal สารกลุ่ม carotenoid เช่น Crocin,crocetin, β-carotene , lycopene, zeaxanthin และสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ เช่น kaempherol เป็นต้น นอกจากนั้นหญ้าฝรั่นยังให้คุณค่าทางโภชนาการที่สำคัญ ดังนี้  ให้พลังงาน 310 กิโลแคลอรี , คาร์โบไฮเดรต 65.37 กรัม, ใยอาหาร 3.9 กรัม, ไขมัน 5.85 กรัม, โปรตีน 11.43 กรัม, วิตามิน A 530 หน่วยสากล วิตามินบี 1 0.115 มิลลิกรัม, วิตามินบี 2 0.267 มิลลิกรัม ,วิตามิน B3 1.46 มิลลิกรัม,วิตามินบี 6 1.01 มิลลิกรัม ,วิตามิน B9 93 ไมโครกรัม, วิตามิน C 80.8 มิลลิกรัม ,แคลเซียม 111 มิลลิกรัม, ธาตุเหล็ก 11.1 มิลลิกรัม ,แมกนีเซียม 264 มิลลิกรัม, ฟอสฟอรัส 252 มิลลิกรัม, โพแทสเซียม 1,724 มิลลิกรัม, โซเดียม 148 มิลลิกรัม, สังกะสี 1.09 มิลลิกรัมและ ซีลีเนียม 5.6 ไมโครกรัม

 

ประโยชน์ของหญ้าฝรั่น

หญ้าฝรั่น ได้ชื่อว่าเป็นพืชที่มีสรรพคุณที่น่าอัศจรรย์มากจริงๆ เป็นได้ทั้งเครื่องเทศ น้ำหอม หรือถึงสารสกัดออกมาเป็นน้ำจากดอกหญ้าฝรั่น เพื่อนำมาแปรรูปเป็นสบู่ ยาสระผม น้ำหอม ทั้งยังสามารถใช้เป็นยารักษาโรคได้ด้วย ซึ่งในที่นี้ จะขอแบ่งประโยชน์หรือสรรพคุณของหญ้าฝรั่นออกเป็น 4 ด้าน  คือประโยชน์หรือสรรพคุณทางการแพทย์ ประโยชน์ทางด้านเครื่องปรุงอาหาร  ประโยชน์ทางด้านความงาม  และประโยชน์อื่นๆ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ประโยชน์ทางการแพทย์

หญ้าฝรั่นได้ถูกนำไปใช้เป็นส่วนผสมของยาเพื่อช่วยในการบำบัด ฟื้นฟูและรักษาสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ ดังต่อไปนี้

  • ช่วยรักษาอาการซึมเศร้าและปรับปรุงอารมณ์
    แท้จริงแล้ว หญ้าฝรั่นมีชื่อเล่นที่นิยมเรียกกันว่า “เครื่องเทศแห่งแสงแดด” ที่ช่วยให้อารมณ์ของคนเราสดชื่นขึ้นมาได้ ซึ่งจากผลการศึกษาพบว่า อาหารเสริมที่มีส่วนผสมของหญ้าฝรั่นมีประสิทธิภาพมากกว่ายาหลายชนิดที่มีสรรพคุณในการรักษาอาการซึมเศร้าในระยะเล็กน้อยจนถึงปานกลาง โดยมักใช้ในส่วนของดอกเกสรและกลีบดอก และนอกจากนั้นยังพบด้วยว่า การรับประทานหญ้าฝรั่นในปริมาณ 30 มิลลิกรัมทุกวัน มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับวิธีการรักษาภาวะซึมเศร้าอย่าง Fluoxetine, Imipramine และ Citalopram เลยทีเดียว ทั้งยังให้ผลข้างเคียงน้อยกว่าการรักษาในรูปแบบอื่นๆอีกด้วย ด้วยองค์ประกอบ 3 อย่างในหญ้าฝรั่นคือ โครซิน โครเซติน (เม็ดสีแคโรทีนอยด์ในหญ้าฝรั่น) และซาฟรานอล จะทำงานร่วมกัน เพื่อช่วยในการนอนหลับและการปรับปรุงอารมณ์ โดยจะช่วยลดความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน ซึ่งสามารถนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ ไม่เพียงเท่านั้น สารที่อยู่ในหญ้าฝรั่นยังช่วยเพิ่มการผลิตสารเคมีในสมองบางชนิดที่ช่วยทำให้รู้สึกมีความสุขมากขึ้น และช่วยเพิ่มการผลิตเซโรโทนิน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่มีบทบาทสำคัญที่ช่วยควบคุมอารมณ์ และที่มากกว่านั้น หญ้าฝรั่นยังช่วยทำให้หลับง่ายขึ้น มักใช้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคนอนไม่หลับเรื้อรัง
  • ช่วยต้านมะเร็ง

เนื่องจากในหญ้าฝรั่นมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง โดยจะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่เป็นอันตราย ที่อาจก่อให้เกิดโรคเรื้อรังอย่างมะเร็ง ซึ่งจากการศึกษาพบว่าหญ้าฝรั่นและสารประกอบของหญ้าฝรั่น มีฤทธิ์สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ ทั้งยังช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ร้ายได้ด้วย และนอกจากนั้นยังพบว่าสารโครซิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระหลักในหญ้าฝรั่นอาจทำให้เซลล์มะเร็งไวต่อยาเคมีบำบัดมากขึ้นอีก ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

  • ช่วยลดอาการ PMS
    อาการ PMS(Premenstrual Syndrome) หรืออาการก่อนมีประจำเดือนของผู้หญิง เป็นอาการทางร่างกาย อารมณ์และจิตใจที่เกิดขึ้นก่อนมีประจำเดือน เป็นภาวะทั่วไปที่มีผลต่อผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ จากการศึกษาโดยให้ผู้หญิงที่มีอายุ 20-45 ปี รับประทานหญ้าฝรั่น 30 มิลลิกรัมทุกวัน พบว่า ให้ประสิทธิภาพมากกว่าการใช้ยาที่ใช้บรรเทาอาการเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น ความหงุดหงิด ปวดศีรษะ ความอยากอาหาร และความเจ็บปวดตามส่วนต่างๆในร่างกาย  เช่น ปวดเชิงกราน ปวดท้อง ให้สามารถลดลงได้มากถึง 20-40%  ไม่เพียงเท่านั้น จากการศึกษาอื่นๆยังพบด้วยว่าการดมหญ้าฝรั่นเป็นเวลา 20 นาที จะช่วยลดอาการ PMS อื่นๆได้ เช่นความวิตกกังวล เนื่องจากหญ้าฝรั่นมีผลต่อการลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียดได้
  • ช่วยเรื่องสุขภาพของดวงตา
    เนื่องจากว่าสารสกัดจากหญ้าฝรั่น มีสารประกอบที่มีคุณสมบัติช่วยต้านอนุมูลอิสระ อย่างโครซินและโครเซติน ซึ่งมีประสิทธิภาพในการปกป้องดวงตาจากความเครียดอันสืบเนื่องมาจากอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของจอประสาทตาเสื่อมที่เกี่ยวข้องกับอายุ ช่วยปรับปรุงการมองเห็นให้ชัดเจนมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น การรับประทานหญ้าฝรั่นเป็นประจำทุกวันในช่วงอายุที่ยังไม่มาก จะเป็นการช่วยถนอมสายตาไม่ให้มืดมัวเมื่ออายุมากขึ้นได้ด้วย เพราะเป็นการถนอมเซลล์ที่มีความซับซ้อนภายในดวงตาให้สามารถใช้งานได้นานและทนทานกับโรคต่างๆได้ดี ทั้งยังช่วยป้องกันดวงตาจากแสงแดด ช่วยลดความเครียดที่จอตานอกเหนือจากจุดรับภาพเสื่อม และช่วยป้องกันโรคตาบอดกลางคืนได้อีกด้วย
  • เป็นยาโป๊
    ยาโป๊ เป็นอาหารหรืออาหารเสริมที่ช่วยกระตุ้นความต้องการทางเพศ หรือช่วยเพิ่มความใคร่ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่รับประทานยาแก้โรคซึมเศร้า โดยมีการศึกษาว่าหากรับประทานหญ้าฝรั่น 30 มิลลิกรัม เป็นประจำทุกวันต่อกัน 4 สัปดาห์ จะช่วยให้การแข็งตัวของอวัยวะเพศดีขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น จากผลการวิเคราะห์การศึกษารวม 6 ชิ้น ได้แสดงให้เห็นว่า การรับประทานหญ้าฝรั่นจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางเพศ ความใคร่และความพึงพอใจทางเพศโดยรวม แต่ไม่ส่งผลต่อลักษณะของน้ำอสุจิ
  • ช่วยลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
    หญ้าฝรั่นสามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด และช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดอุดตันได้ด้วย
  • ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
    จากการศึกษาในหลอดทดลองกับหนูที่เป็นเบาหวาน พบว่า สารสกัดจากหญ้าฝรั่นมีฤทธิ์ในการช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ทั้งยังช่วยเพิ่มความไวของอินซูลินอีกด้วย
  • ช่วยปรับปรุงระบบความจำ
    หญ้าฝรั่น มีผลต่อการช่วยปรับปรุงความรู้ ความเข้าใจให้กับคนในกลุ่มผู้ใหญ่ที่เป็นโรคความจำเสื่อมหรืออัลไซเมอร์
  • ช่วยในการลดน้ำหนัก
    ไม่เพียงช่วยในการรักษาโรคต่างๆเท่านั้น แต่หญ้าฝรั่นยังมีฤทธิ์ที่ช่วยระงับความอยากอาหารได้ด้วย โดยได้มีการทดลองเป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ในผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกิน ให้รับประทานหญ้าฝรั่นในรูปแบบของอาหารเสริม โดยจากผลการทดลองพบว่าผู้หญิงเหล่านั้นรู้สึกอิ่มนานและรู้สึกอยากกินจุบจิบน้อยลง ซึ่งได้ส่งผลให้ปริมาณแคลลอรี่โดยรวมลดลง ทำให้น้ำหนักลดตามลงมาด้วย
  • ช่วยรักษาและบรรเทาอาการอื่นๆ
    อย่างที่กล่าวไปว่า หญ้าฝรั่น มีสรรพคุณทางยาที่ช่วยบรรเทาและรักษาอาการผิดปกติในร่างกาย เช่น ใช้แก้ลมวิงเวียน ช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยบำรุงโลหิต  ทำให้โลหิตไหลเวียนดีขึ้นบำรุงธาตุ เป็นยาชูกำลัง ช่วยให้เจริญอาหาร เป็นยาแก้ไอช่วยขับปัสสาวะ  ช่วยขับเหงื่อในคนออกหัด  ช่วยขับระดูในสตรี  แก้ซางในเด็ก  แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ใช้ทำเป็นน้ำกระสายยา ในประเทศเยอรมนีได้มีการใช้หญ้าฝรั่นเพื่อคลายกล้ามเนื้อประสาท สามารถช่วยผ่อนคลายความเครียดของระบบประสาทได้  ช่วยบรรเทาอาการของโรคหอบหืด   ช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง อาการปวดในกระเพาะอาหาร ทั้งยังช่วยเพิ่มระดับออกซิเจนในพลาสม่า  ช่วยแก้อาการใจหวิว  คลื่นไส้ ตาพร่ามัว คล้ายจะเป็นลม  ใช้เป็นยาขับเหงื่อ  ช่วยแก้ไข้ (ใช้ดอกและราก) ช่วยขับเสมหะ  ช่วยแก้อาการบิด (ใช้ราก)  ช่วยแก้อาการปวดท้องหลังการคลอดบุตรของสตรี ช่วยขับระดูของสตรี  ช่วยแก้อาการเกร็ง เส้นกระตุก ลดอาการกล้ามเนื้อกระตุก  ช่วยระงับความเจ็บปวด และเนื่องจากหญ้าฝรั่นมีรสขมอมหวานและมีกลิ่นหอมแบบโบราณ จึงถูกนำมาใช้ทำเป็นยาหอม  และยังมีการใช้สารสกัดที่ได้จากหญ้าฝรั่นที่มีตัวยาที่ชื่อว่า Swedish bitters เพื่อใช้ในการเตรียมยาบำบัดเพื่อรักษาโรคต่างๆได้อีกเช่นกัน

 

ประโยชน์ทางด้านเครื่องปรุงอาหาร

เนื่องจากหญ้าฝรั่นเป็นพืชสมุนไพรที่นิยมนำมาใช้ในการประกอบอาหารกันอย่างแพร่หลาย ไม่เพียงแต่จะทำให้รสชาติอาหารดีขึ้นเท่านั้น  แต่ยังมีประโยชน์ทางโภชนาการ พร้อมทั้งช่วยเสริมสร้างระบบต่างๆในร่างกายได้อีกด้วย ดังนี้

  • นิยมนำหญ้าฝรั่น มาใช้ในการแต่งสีและกลิ่นของอาหาร ซึ่งจะทำให้อาหารนั้นๆมีสีเหลืองส้มสว่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกกวาด ขนมหวาน เค้ก พุดดิ้ง คัสตาร์ด เหล้า รวมถึงเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ
  • เนื่องจากหญ้าฝรั่นเป็นเครื่องเทศที่มีกลิ่นหอมและมีกลิ่นติดทนมาก เมื่อนำมาใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร จึงไม่ต้องใช้ในปริมาณที่มากและสามารถใส่ในทุกขั้นตอนของการทำอาหาร แต่ด้วยเหตุที่หญ้าฝรั่นเป็นเครื่องเทศที่มีราคาแพง จึงนิยมนำใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารในโอกาสพิเศษต่างๆเท่านั้น
  • ไม่เพียงเท่านั้น หญ้าฝรั่งยังถูกนำมาใช้ในอาหารประเภทข้าวปรุงรสต้นตำรับหรืออาหารจากต่างประเทศ เช่น ข้าวบุหรี่, ข้าวหมาก ข้าวปิลาฟ (Pilaf Rice), ข้าว Pilaus ของอินเดีย, ข้าวปาเอญ่า (Paella) ของสเปน, ข้าว Risotto Milanese ของอิตาเลียน, ซุปทะเลรวมมิตรแบบฝรั่งเศส หรือบุยยาเบส(Bouillabaisse) วิธีการคือ จะนำหญ้าฝรั่นมาชงกับน้ำร้อนแล้วกรองเอาแต่น้ำ หรือนำมาบดให้ละเอียดแล้วค่อยนำมาผสมลงในอาหาร

ประโยชน์ทางด้านความงาม

ไม่ใช่เพียงประโยชน์ทางด้านการแพทย์ และการประกอบอาหารเท่านั้น แต่ปัจจุบันได้นิยมนำสารสกัดจากหญ้าฝรั่น(Saffron Extract) มาใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางประเภทสกินแคร์ทั้งหลาย เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังมากๆ ที่คอยปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระและความเครียดที่เกิดจากสารอนุมูลอิสระ สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ช่วยให้ผิวดูกระชับ กระจ่างใส ช่วยผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่ง สุขภาพดี ยืดอายุของผิวให้ยาวนานขึ้น อีกทั้งยังสามารถช่วยยับยั้งกลิ่นกาย ช่วยลดฝ้า กระ จุดด่างดำ อุดมไปด้วยวิตามิน  A B1 B2 B3 และ C มีกลิ่นหอมนุ่มลึก

Skin Balance เซรั่มเนื้อเข้มข้นจาก mesoestetic ผู้ผลิตเครื่องสำอางแบรนด์ดังระดับโลกจากประเทศสเปน ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาให้มีความอ่อนโยนเป็นพิเศษต่อทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวที่อ่อนแอและแพ้ง่าย (sensitive skin) ซึ่งทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองอยู่บ่อยๆเมื่อมีสิ่งเร้าภายนอก ด้วยส่วนผสมที่คัดสรรมาอย่างเฉพาะเจาะจงเพื่อการบำรุงรักษาผิวให้แข็งแรงอย่างต่อเนื่อง พร้อมสรรพคุณพิเศษที่จะช่วยปรนนิบัติผิวของคุณให้ดูเปล่งปลั่งสุขภาพดี พร้อมเผชิญกับทุกสภาวะแวดล้อมได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็น

  • Acetyl Heptapeptide-4  พรีไบโอติก อาหารสำหรับแบคทีเรียชนิดดี  ช่วยให้แบคทีเรียที่ดีบนผิวเจริญเติบโตขึ้น พร้อมปรับสมดุลจุลินทรีย์บนผิว เพื่อเสริมสร้างการทำงานของเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง
  • Acetyl Tetrapeptide-2 ช่วยปกป้องผิวจากสารอนุมูลอิสระจากสิ่งแวดล้อมภายนอก แสงแดดและมลภาวะต่างๆ
  • Sensicalm complex ช่วยบรรเทาอาการระคายเคือง คัน แดง และอักเสบแสบร้อน ทั้งยังช่วยฟื้นฟูและปรับสมดุลเพื่อให้ผิวรู้สึกสบายและผ่อนคลายมากขึ้น
  • ไม่เพียงส่วนผสมหลักที่มีความเข้มข้นในสัดส่วนที่พอเหมาะพอดีเท่านั้น แต่ Skin Balance ยังมีส่วนผสมของสมุนไพรเกรดพรีเมียมอีกหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น สารสกัดจากสาหร่ายสีแดง ที่ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ สารสกัดจากเมล็ดพืช Tephrosia Purpurea ที่ช่วยรักษาความสมดุลของผิว ป้องกันผิวจากอาการระคายเคือง สารสกัดจากคาโมมายล์ ที่ช่วยปลอบประโลมและช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองผิว สารสกัดจากดอกแคนดูล่า ที่ช่วยปลอบประโลมผิว บรรเทาอาการแดง อักเสบ ช่วยให้ผิวผ่อนคลาย และที่สำคัญมีสารสกัดจากหญ้าฝรั่น(Saffron) สมุนไพรราคาแพงที่หาได้ยาก โดยมีประสิทธิภาพช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ลดสาเหตุการระคายเคืองผิวจากความแห้งกร้าน

ซึ่งวิธีการใช้ Skin Balance ที่ง่ายแสนง่าย โดยเริ่มจาก

  • หลังล้างหน้าทำความสะอาดผิว ซับหน้าให้แห้ง
  • ทา Skin Balance ให้ทั่วทั้งใบหน้า ลำคอ นวดเบาๆเพื่อให้เนื้อเซรั่มซึมลงสู่ผิวได้อย่างล้ำลึกมากขึ้น
  • ให้ใช้เป็นประจำทุกวัน ทั้งเช้าและก่อนนอน

ประโยชน์ในด้านอื่นๆ

  • หญ้าฝรั่น สามารถนำมาแต่งกลิ่นเครื่องหอม น้ำหอมหรือน้ำอบได้
  • ใช้ในการย้อมสีผ้า ให้มีสีเหลือง
  • ในตำรายาสมุนไพรโบราณ Farmakuya ได้ระบุเอาไว้ว่า หญ้าฝรั่นสามารถนำมาทำเป็นทิงเจอร์ที่มีชื่อว่า Tinctura Opiicrocata ได้ด้วย

 

ผลข้างเคียงจากการบริโภคหญ้าฝรั่น

ถึงแม้ว่าหญ้าฝรั่นจะมีความเป็นพิษต่ำ แต่จากการค้นคว้าและวิจัยพบว่า ควรบริโภคหญ้าฝรั่นไม่เกิน 1.5 กรัมต่อวัน เนื่องจากการรับประทานหญ้าฝรั่นในปริมาณที่มากจนเกินไป  สามารถทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ตามมาได้  ดังต่อไปนี้

§  ในกลุ่มคนทั่วไป หากบริโภคหญ้าฝรั่นเกินขนาด อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร  ง่วงซึม  กล้ามเนื้ออ่อนแรง ตัวสั่น ผิวเหลือง มีเลือดกำเดาไหล มีเลือดออกบริเวณเปลือกตาและริมฝีปาก ถ่ายเป็นเลือด เลือดออกภายในมดลูก และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ 

§  กลุ่มสตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร
มีรายงานระบุเอาไว้ว่ากลุ่มสตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร ไม่ควรบริโภค เนื่องจากมีฤทธิ์ไปกระตุ้นการบีบตัวของมดลูก ส่งผลให้เกิดการแท้งบุตรและคลอดก่อนกำหนดได้

 ข้อควรรู้เกี่ยวกับหญ้าฝรั่น

ก่อนที่จะใช้หญ้าฝรั่นหรือสารสกัดจากหญ้าฝรั่น มีข้อควรรู้และข้อควรคำนึง ดังต่อไปนี้

  • สภาพอากาศและสภาพภูมิประเทศ มีผลต่อคุณภาพและปริมาณการผลิตหญ้าฝรั่น
    ดังนั้นคุณสมบัติและสรรพคุณของหญ้าฝรั่นในแต่ละพื้นที่เพาะปลูกจึงมีความแตกต่างกัน ซึ่งจากผลการวิจัยพบว่าหญ้าฝรั่นที่ปลูกในประเทศอิหร่าน มีสารพิษที่เจือปนในปริมาณน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับหญ้าฝรั่นจากประเทศอื่นๆ นั่นจึงทำให้คุณภาพและราคาของหญ้าฝรั่นจากประเทศนี้สูงกว่าที่อื่น เป็นต้น
  • ระวังหญ้าฝรั่นปลอม
    ด้วยเหตุที่หญ้าฝรั่น เป็นพืชที่มีราคาสูงลิบลิ่ว ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้มีผู้ฉวยโอกาสผลิตสินค้าที่เป็นสารสกัดจากหญ้าฝรั่งลอกเลียนแบบกันขึ้นมา โดยการนำดอก Rose–Coloured ที่มีลักษณะและสรรพคุณคล้ายหญ้าฝรั่น แต่ราคาถูกกว่ามาผสมกับหญ้าฝรั่นแท้ และเมื่อนำมาละลายน้ำ ก็จะเกิดเป็นสีเหลืองเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีการตรวจสอบ โดย
  • นำหญ้าฝรั่นผงประมาณ 2-3 มิลลิกรัม มาผสมกับกรดซัลฟิวริกเข้มข้น 2-3 หยดในหลอดทดลอง ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง ดูการเปลี่ยนสีของสาร ถ้าหากเป็นหญ้าฝรั่นแท้  จะเปลี่ยนจากสีแดงเข้มหรือสีแดงปนน้ำตาลไปเป็นสีม่วง
  • นำหญ้าฝรั่นผงประมาณ 2-3 มิลลิกรัม นำมาบดกับกรดซัลฟิวริก 1 หยด แล้วนำมาหยดลงบนกระจก นำไปส่องดูด้วยกล้องไมโครสโคป ที่มีกำลังขยาย 100 ก็จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ถ้าเป็นหญ้าฝรั่นแท้ ก็จะเปลี่ยนเป็นสีฟ้า และมีรัศมีทรงกลดสีฟ้าอยู่รอบๆ
  • เนื่องจากสี กลิ่นและรสชาติของสารสกัดหญ้าฝรั่นมีคุณสมบัติที่ระเหยได้ง่าย หากโดนแสงแดดและออกซิเจน โดยเฉพาะที่เป็นผงหรือเป็นฝอย ดังนั้นการเก็บรักษาหญ้าฝรั่นหรือสารสกัดจากหญ้าฝรั่นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยควรเก็บให้พ้นแสงแดดและควรอยู่ในที่ที่ปราศจากความชื้น เก็บใส่ขวดโหลแก้วที่มีฝาปิดหรือขวดโลหะอย่างมิดชิด  เพื่อช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงของรสชาติและสรรพคุณของหญ้าฝรั่น และไม่ควรนำหญ้าฝรั่นออกมาบดเป็นผง หากยังไม่ได้นำไปประกอบอาหารหรือใช้ทำอย่างอื่น

หญ้าฝรั่น (Saffron ) นับว่าเป็นพืชสมุนไพรที่มหัศจรรย์ที่มีราคาแพงและหายาก ที่ไม่เพียงมีประโยชน์ต่อรสชาติอาหาร การนำไปใช้ในวงการแพทย์เป็นยารักษาโรคเท่านั้น แต่ในวงการความงาม ก็ได้นำสารสกัดหญ้าฝรั่นมาใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เพื่อการบำรุงผิวกันมากขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์และส่งผลต่อประสิทธิภาพการช่วยฟื้นบำรุงผิว โดยจากผลการวิจัยหลายฉบับได้ระบุว่าสามารถทำให้ผิวดูสดใสเปล่งปลั่ง เนื่องจากมีสารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวดูอ่อนวัย พร้อมช่วยลดการอักเสบของผิวได้ดีอีกด้วย  ซึ่งคุณสามารถค้นพบความมหัศจรรย์นี้ได้ใน Skin Balance by mesoesteticค่ะ