ผลัดเซลล์ผิวหน้า คือขั้นตอนสำคัญในการดูแลผิว ที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพให้หลุดออกไป เพื่อเผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสและสุขภาพดี แต่การผลัดเซลล์ผิวที่ไม่ถูกวิธี อาจทำให้ผิวบาง แห้งเสีย หรือระคายเคืองได้ ดังนั้น การเรียนรู้วิธีผลัดเซลล์ผิวหน้าอย่างถูกต้อง จึงเป็นสิ่งจำเป็น บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักขั้นตอนการผลัดเซลล์ผิวอย่างปลอดภัย พร้อมเคล็ดลับการดูแลผิวหลังการผลัดเซลล์ เพื่อให้คุณมีผิวเนียนใสอย่างมั่นใจ
ผลัดเซลล์ผิวหน้า คืออะไร? ทำไมต้องทำ?
การผลัดเซลล์ผิวหน้า (Facial Exfoliation) คือ กระบวนการขจัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพ และสะสมอยู่บนชั้นผิวออกไป เพื่อเผยเซลล์ผิวใหม่ที่เรียบเนียน กระจ่างใส และสุขภาพดีตามธรรมชาติ โดยกระบวนการผลัดเซลล์ผิว จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติทุก 28-40 วัน แต่เมื่ออายุมากขึ้นหรือเผชิญกับปัจจัยต่าง ๆ เช่น แสงแดด มลภาวะ และความเครียด จะทำให้การผลัดเซลล์ผิวช้าลง ส่งผลให้ผิวดูหมองคล้ำ หยาบกร้าน และเกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ได้ง่าย
ทำไมต้องผลัดเซลล์ผิวหน้า?
- การกำจัดเซลล์ผิวเก่าช่วยให้ผิวดูสว่าง กระจ่างใส และเรียบเนียนมากขึ้น
- ช่วยลดปัญหาผิวหมองคล้ำ เพราะการผลัดเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวกลับมาสดใสได้อีกครั้ง
- การผลัดเซลล์ผิวหน้า ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่น ลดความหย่อนคล้อยของผิว
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุงผิว เพราะเมื่อผิวได้รับการผลัดเซลล์อย่างเหมาะสม จะช่วยให้สกินแคร์ซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น
- เซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ และน้ำมันที่สะสมในรูขุมขนอาจทำให้เกิดสิว การผลัดเซลล์ผิวหน้าช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนได้
การผลัดเซลล์ผิวหน้ามีกี่วิธี อะไรบ้าง?
การผลัดเซลล์ผิวหน้า เป็นขั้นตอนสำคัญในการดูแลผิว ที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าออก เพื่อเผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสและสุขภาพดี ซึ่งการผลัดเซลล์ผิวหน้าสามารถแบ่งออกได้ 3 วิธีหลัก ๆ ดังต่อไปนี้
- การผลัดเซลล์ผิวหน้าด้วยวิธีทางกายภาพ (Physical Exfoliation)
เป็นการผลัดเซลล์ผิวหน้า ที่ต้องออกแรงขัด ถู หรือนวดผิว ด้วยสครับที่มีเม็ดขัดละเอียด หรืออุปกรณ์เสริม เช่น แปรงขัดผิวและเครื่องผลัดเซลล์ผิวไฟฟ้า ข้อดีของการผลัดเซลล์ผิวด้วยวิธีการดังกล่าวนี้ คือสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง และสามารถเลือกส่วนผสมต่าง ๆ มาใช้ในการขัดผิวได้ เช่น กากกาแฟ นม น้ำผึ้ง หรือน้ำมันมะพร้าว ฯลฯ แต่มีข้อควรระวัง คือไม่ควรขัดผิวแบบรุนแรงมากเกินไป เพราะอาจจะให้ผิวเกิดการระคายเคือง หรือเป็นแผลขึ้นมาได้ - การผลัดเซลล์ผิวหน้าด้วยสารเคมี (Chemical Exfoliation)
การผลัดเซลล์ผิวหน้า ด้วยการใช้สารเคมีที่มีคุณสมบัติในการผลัดผิว หรือเอนไซม์จากธรรมชาติ ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ที่มีส่วนผสมของสารผลัดเซลล์ผิว มีคุณสมบัติในการช่วยสลายเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากชั้นผิว ซึ่งสารแต่ละชนิด ก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังนี้- AHA (Alpha Hydroxy Acid) : ช่วยผลัดผิวชั้นบน เหมาะกับผิวแห้ง และผิวที่มีจุดด่างดำ
- BHA (Beta Hydroxy Acid) : ซึมเข้าสู่รูขุมขน เพื่อละลายน้ำมัน และลดการอุดตัน เหมาะกับผิวมันและผิวที่เป็นสิว
- PHA (Polyhydroxy Acid) : อ่อนโยนกว่า AHA และ BHA เหมาะกับผิวบอบบางและแพ้ง่าย
จุดเด่นของการใช้สารเคมีและเอนไซม์ในการผลัดเซลล์ผิวหน้า คือ เห็นผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และชัดเจนมากกว่าการใช้วิธีทางกายภาพ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารผลัดเซลล์ผิวนั้น จะใช้ทาเฉพาะจุด และจะแทรกซึมเข้าไปในชั้นผิวหนัง ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากกว่า
- การผลัดเซลล์ผิวหน้าด้วยเทคโนโลยี (Mechanical/Medical Exfoliation)
วิธีการผลัดเซลล์ผิวหน้าในลักษณะนี้ ส่วนใหญ่จะต้องใช้เครื่องมือที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวหน้าโดยเฉพาะ ซึ่งมีตั้งแต่เครื่องมือที่สามารถใช้งานได้ด้วยตนเอง ไปจนถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น- Microdermabrasion : เป็นการใช้เครื่องมือที่มีหัวคริสตัล ขัดผิวอย่างอ่อนโยน
- Laser Peeling : เป็นการใช้เลเซอร์ยิงลงบนผิว ในตำแหน่งที่ต้องการ เพื่อขจัดเซลล์ผิวเก่า และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ตามด้วยทรีตเมนต์อื่น ๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างชั้นผิวใหม่ที่สุขภาพดีขึ้น ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
- HydraFacial : ใช้เทคโนโลยีแรงดูดน้ำผสมกับสารบำรุง เพื่อผลัดเซลล์ผิวอย่างล้ำลึก
- แปรงขัดหน้า (Sonic Facial Brush) โดยที่หัวแปรงจะมีการสั่นเล็กน้อย เพื่อทำให้สิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่บนผิวหลุดออกมา สามารถทำได้ด้วยตัวเอง แต่ก่อนใช้ ควรศึกษาอย่างละเอียดถึงวิธีการใช้งาน รวมถึงผลข้างเคียงต่าง ๆ ที่อาจะเกิดขึ้น เพื่อความปลอดภัย
มีข้อควรระวังอย่างไรในการ ผลัดเซลล์ผิวหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาผิวเสีย
การผลัดเซลล์ผิวหน้า เป็นวิธีที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า และเผยผิวใหม่ที่เรียบเนียนและกระจ่างใส แต่หากทำไม่ถูกวิธี อาจทำให้เกิดปัญหาผิวตามมาได้ เช่น ผิวแห้งลอก ระคายเคือง หรือแม้แต่รอยดำที่เกิดจากการอักเสบได้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น มีข้อควรระวัง ดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการผลัดเซลล์ผิวบ่อยเกินไป
การผลัดเซลล์ผิวหน้าบ่อยเกินความจำเป็น จะทำให้ผิวสูญเสียเกราะป้องกันตามธรรมชาติ ส่งผลให้ผิวแห้ง แสบ แดง และระคายเคือง ดังนั้น ควรผลัดเซลล์ผิวประมาณ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
- ต้องทาครีมกันแดดทุกครั้งหลังการผลัดเซลล์ผิว
หลังจากผลัดเซลล์ผิว ผิวหน้าจะไวต่อแสงแดดมากขึ้น หากไม่ทาครีมกันแดดที่มีค่าการปกป้องที่เหมาะสม อาจทำให้ผิวหมองคล้ำ หรือเกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำได้ - เลือกผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวที่เหมาะกับสภาพผิว
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารผลัดเซลล์ผิว ให้เหมาะกับสภาพผิว จะทำให้ผิวได้รับการฟื้นฟูได้อย่างตรงจุด และมีประสิทธิภาพ เช่น- ผิวมันและเป็นสิวง่าย ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ BHA (Salicylic Acid) ที่ช่วยลดความมันและลดการอุดตัน
- ผิวแห้ง/ผิวแพ้ง่าย ควรเลือก PHA ที่อ่อนโยน และช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นของผิว
- ผิวผสม เลือกใช้ AHA และ BHA สลับกัน หรือตามความจำเป็นของแต่ละบริเวณผิว
- หลีกเลี่ยงการขัดผิวแรงเกินไป
การขัดหรือถูผิวแรงเกินไป โดยเฉพาะการใช้สครับที่มีเม็ดหยาบ อาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนและเกิดแผลที่ผิวหนังชั้นบน ส่งผลให้ผิวระคายเคือง หรือติดเชื้อได้ง่าย
- เติมความชุ่มชื้นให้ผิวหลังการผลัดเซลล์
หลังจากผลัดเซลล์ผิวหน้า ผิวอาจสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย การทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid หรือ Ceramide จะช่วยฟื้นฟูความชุ่มชื้น และเสริมเกราะป้องกันผิว - หลีกเลี่ยงการใช้สารผลัดเซลล์ผิวหลายชนิดพร้อมกัน
การใช้ AHA, BHA และ Retinol พร้อมกัน อาจทำให้ผิวระคายเคืองอย่างรุนแรงได้ หากต้องการบำรุง ควรเริ่มจากความเข้มข้นต่ำก่อน และให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ - หากมีอาการระคายเคือง ควรหยุดใช้ทันที
หากหลังการผลัดเซลล์ผิว หากมีอาการแสบ แดง ลอก หรือคัน ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ทันที และบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ที่ไม่มีส่วนผสมของสารระคายเคือง หากอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังทันที
หลังผลัดเซลล์ผิวหน้าแล้ว ต้องดูแลผิวอย่างไรต่อ?
การผลัดเซลล์ผิวหน้า เป็นขั้นตอนที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่ดูเรียบเนียน และกระจ่างใส แต่หลังจากการผลัดเซลล์ผิวแล้ว ผิวหน้าจะมีความบอบบาง และไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าปกติ หากไม่ดูแลอย่างถูกวิธี อาจทำให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ตามมา ดังนั้น การดูแลผิวหลังผลัดเซลล์ผิวหน้า จึงเป็นสิ่งจำเป็น มีวิธีการ ดังต่อไปนี้
- ทำความสะอาดผิวด้วยความอ่อนโยน
หลังจากผลัดเซลล์ผิว ผิวหน้าจะบอบบาง และไวต่อการระคายเคือง ดังนั้น ควรเลือกคลีนเซอร์สูตรอ่อนโยน ปราศจากแอลกอฮอล์ น้ำหอม และสารระคายเคือง หลีกเลี่ยงการขัดผิวในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เพื่อให้ผิวได้ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ และให้เลี่ยงน้ำอุ่นจัด เพราะจะทำให้ผิวแห้งมากขึ้น - เติมความชุ่มชื้นให้ผิวทันที
หลังจากผลัดเซลล์ผิวหน้า ผิวจะสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย การใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ที่มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid, Ceramide, Panthenol หรือ Glycerin จะช่วยเติมน้ำและสร้างเกราะป้องกันผิวใหม่ ทำให้ผิวกลับมาชุ่มชื้นและแข็งแรงขึ้นได้ - ทาครีมกันแดดอย่างเคร่งครัด
หลังจากผลัดเซลล์ผิว ผิวจะไวต่อรังสี UV มากขึ้น การละเลยการทาครีมกันแดดอาจทำให้เกิด ฝ้า กระ จุดด่างดำ และทำให้ผิวหมองคล้ำ ดังนั้น ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50+ PA++++ และปกป้องผิวจากรังสี UVA/UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ - หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ระคายเคือง
หลังผลัดเซลล์ผิวหน้า ควรงดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี AHA, BHA, Retinol หรือ Vitamin Cที่มีความเข้มข้นสูง หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะสารเหล่านี้ อาจทำให้ผิวระคายเคือง และแห้งลอกมากขึ้น - ให้เวลาผิวได้พักและฟื้นฟู
หลังการผลัดเซลล์ผิว ผิวต้องการเวลาในการสร้างเซลล์ใหม่ ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหนัก ๆ อย่างน้อย 2-3 วัน และไม่ควรสัมผัสผิวหน้าบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ รวมถึงควรพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ และรับประทานอาหารที่มีวิตามิน C, E และสารต้านอนุมูลอิสระ
ผลัดเซลล์ผิวหน้า อย่างอ่อนโยนด้วย aox ferulic เคล็ดลับผิวกระจ่างใสไร้ริ้วรอย
aox ferulic เซรั่มสูตรเข้มข้นจาก mesoestetic ที่ช่วยปกป้องผิวจากสารอนุมูลอิสระ ที่มีสาเหตุมาจากรังสียูวี รังสีอินฟาเรด และแสงสีฟ้าจากจอคอมพิวเตอร์ ต้นเหตุของผิวหมองคล้ำ โดย aox ferulic ช่วยผลัดเซลล์ผิวหน้าอย่างอ่อนโยน ปรับผิวให้สว่างกระจ่างใส ช่วยลดเลือนริ้วรอยก่อนวัย และลดรอยดำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ผิวแข็งแรง สุขภาพดี โดยมีส่วนประกอบที่สำคัญ ดังนี้
- Ferulic acid 0.5%
สารแอนติออกซิแดนท์ ช่วยให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น และดูอ่อนเยาว์ - Vitamin C 15%
เป็นหนึ่งในสารแอนติออกซิแดนท์ ที่ช่วยป้องกันผิวคล้ำเสียจากรังสียูวี พร้อมช่วยปรับสภาพผิวให้ดูกระจ่างใส - Protech cell complex 1.5%
ประกอบด้วยวิตามินอี และสารแอนติออกซิแดนท์ ที่มีประสิทธิภาพในการลดเลือนริ้วรอย พร้อมปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ
เพียงใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ในปริมาณ 3-4 หยด หยดลงฝ่ามือ แล้ววอร์มเล็กน้อย จากนั้น ให้ค่อย ๆ กดเบา ๆ ให้ทั่วผิวหน้า ยกเว้นรอบดวงตา เหมาะกับทุกสภาพผิว
การผลัดเซลล์ผิวหน้า อย่างถูกวิธี เป็นกุญแจสำคัญสู่ผิวกระจ่างใสและสุขภาพดี เพียงเลือกวิธีที่เหมาะกับสภาพผิว ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย และดูแลผิวหลังการผลัดเซลล์อย่างสม่ำเสมอ คุณก็สามารถเผยผิวใหม่ที่เรียบเนียนและสดใสได้อย่างมั่นใจ อย่าลืมทาครีมกันแดดทุกครั้งเมื่อต้องออกแดด เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV ที่อาจทำร้ายผิวใหม่ที่บอบบาง หากคุณทำตามคำแนะนำเหล่านี้ รับรองว่าผิวหน้าของคุณจะแลดูอ่อนเยาว์ เปล่งประกาย และสุขภาพดีในทุกวันอย่างแน่นอน
คำถามที่พบบ่อย
Q : ควรผลัดเซลล์ผิวหน้าบ่อยแค่ไหน ?
A : โดยทั่วไป แนะนำให้ผลัดเซลล์ผิวหน้าสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และวิธีการผลัดเซลล์ที่เลือกใช้
Q : ผิวบอบบางแพ้ง่ายสามารถผลัดเซลล์ผิวหน้าได้หรือไม่?
A : สามารถทำได้ แต่ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน และปราศจากสารระคายเคือง เช่น AHA หรือ PHA ความเข้มข้นต่ำ
Q : ผลัดเซลล์ผิวหน้าทำให้ผิวบางจริงไหม?
A : หากทำบ่อยเกินไป หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่แรงเกินไป อาจทำให้ผิวบาง และไวต่อแสงได้ ควรทำอย่างพอดีและถูกวิธี
Q : การผลัดเซลล์ผิวหน้าช่วยลดรอยสิวได้ไหม?
A : ใช่ การผลัดเซลล์ผิวอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดเลือนรอยสิว จุดด่างดำ และช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
Q : ครีมผลัดเซลล์ผิว ควรทาตอนไหน ?
A : ครีมผลัดเซลล์ผิวควรทาในช่วงเวลากลางคืน เพราะเป็นช่วงที่ผิวได้พักผ่อน และฟื้นฟูตัวเองอย่างเต็มที่ การผลัดเซลล์ผิวในเวลานี้จะช่วยให้ครีมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยลดการระคายเคือง และความเสี่ยงที่ผิวจะสัมผัสแสงแดดโดยตรง