ฟิลเลอร์มีกี่ประเภท ที่นี่มีคำตอบ พร้อมบอกทุกคุณสมบัติความดีของฟิลเลอร์

Filler เป็นสารเติมเต็มซึ่งใช้เติมในส่วนที่ขาดหายไปหรือเสื่อมสลายไป และเป็นที่ยอมรับให้ใช้ในวงการแพทย์เพื่อเสริมความงาม เติมร่อง เติมรอยบุ๋ม ลดสภาวะที่เป็นร่องรอยของความแก่ เพิ่มความอูมอวบให้กับส่วนต่างๆ ของร่างกาย ในปัจจุบันมีสารเติมเต็มออกมามาก 

โดยยังไม่มีการควบคุมอย่างจริงจัง หากผู้ใช้บริการที่ต้องการฉีดสารดังกล่าว ควรศึกษาการใช้สารฉีดเติมเต็ม ฉีดเข้าไปในร่างกายควรมีการศึกษาให้ทราบถึงข้อมูลต่างๆอย่างครบถ้วน เช่น ชนิดของสารที่ใช้ว่าทำจากอะไร มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง  ระยะเวลาที่อยู่ได้นาน 

โดยทั่วไปมักจะไม่สั้นหรือนานจนเกินไป ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ผลิต filler และชนิดของ filler มากมายหลายบริษัท เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียง หรือผลเสียในภายหลังประเภทของฟิลเลอร์

สารสังเคราะห์ที่นำมาใช้เป็นสารเติมเต็มสามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่ม

กลุ่มที่ 1. 

  • สารสังเคราะห์สลายหมด (Temporary Filler)  ข้อดีคือเป็นสารสังเคราะห์ที่เลียนแบบสารในร่างกาย ตัวสารสลายหมดไม่เหลือเป็นสิ่งแปลกปลอมตกค้าง ข้อจํากัดคือ ไม่ได้ผลถาวร 
  • Collagen คอลลาเจน เป็นสารธรรมชาติที่สกัดจากคอลลาเจนของวัว หลังฉีดอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน ข้อด้อยของคอลลาเจน คือ ราคาแพงและมีโอกาสแพ้ประมาณ 3 – 5 % ดังนั้นจึงต้องทำการทดสอบก่อนการฉีดยา  สารที่นำมาใช้ในประเทศไทย ได้แก่ Zyderm และ ZYPlast 
  • hyaluronic acid filler หรือ เรียกว่า HA filler เป็นฟิลเลอร์ชนิดเดียวในประเทศไทย ที่ผ่าน อย. ไทย และใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เป็นชนิดชั่วคราว กล่าวคือมีอายุอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน ถึง 2ปี แล้วจะสลายไปเองตามธรรมชาติ เนื่องจาก HA เป็นองค์ประกอบหลักในชั้นผิวหนังของเราอยู่แล้ว โดย HA ที่ผลิตขึ้นเองในร่างกายเรานั้นมีอายุอยู่ไม่นาน เป็นหลักวัน (ซึ่งเป็นสารที่ทำหน้าที่เป็นเพียงการส่งสัญญานระหว่างเซลล์ผิวหนังของร่างกายเรา เพื่อกระตุ้นในเกิดความแข็งแรงของผิวหนัง) แล้วก็ถูกสลายไปได้ด้วยเอนไซม์ภายในร่างกายเรา แต่ที่ HA filler อยู่ได้นานเป็นหลักเดือน ก็เพราะ โมเลกุลของ HA filler นั้น เป็นโมเลกุลเชิงซ้อน คือมีพันธะระหว่างกัน ซึ่งต่างกับในร่างกายที่เป็นโมเลกุลเดี่ยว พันธะที่ว่านี้ทำให้ฟิลเลอร์ถูกทำลายด้วยเอนไซม์ยากกว่า ทำให้มีอายุที่นานกว่า ซึ่งฟิลเลอร์ตัวไหนที่แข็งและขึ้นรูปมากกว่า ก็จะอยู่ได้นานกว่า เนื่องจากพันธะระหว่างกันมากกว่า โดยแบรนด์ของฟิลเลอร์ใช้กันอย่างแพร่หลาย ตัวอย่างเช่น Juvederm, Restylane, Belotero, Neuramis เป็นต้น

 กลุ่มที่ 2. 

สารสังเคราะห์อยู่นานขึ้นก่อนสลาย (Semi Permanent Filler) มีความปลอดภัยปานกลาง ตามหลักการถือว่าตัวสารจะสลายได้หมด แต่อยู่นานกว่ากลุ่มแรก ได้แก่ Articoll, Dermalive,Bioplast, Aquamid, Amazing gel, Radiance ซึ่งในกลุ่มนี้บางตัวก็ยังไม่ได้รับอนุญาติจาก อย.ของไทยในการนำมาใช้

กลุ่มที่ 3. 

  • สารสังเคราะห์ไม่สลาย (Permanent Filler) เช่น ซิลิโคน หรือ พาราฟิน, น้ำมันพืช น้ำมันใส่ผม ถือเป็นสารแปลกปลอม เมื่อฉีดเข้าร่างกายแล้วมีอายุการใช้งานประมาณ 8 เดือน – 1 ปี โดยที่หลังจาก 1 ปี สารพวกนี้จะไหลไปที่ต่างๆ ตามแรงโน้มถ่วงของโลกซึ่งยากต่อการแก้ไข ซึ่งสารในกลุ่มนี้ยังไม่เป็นที่รับรองของ อย.ในไทยและตามหลักการถือเป็นข้อห้ามในการฉีดเข้าในร่างกายของมนุษย์
  • เติมไขมันตัวเอง  ตามตำราระบุว่าการย้ายและเติมไขมันตัวเองนั้น ก็เป็นฟิลเลอร์ชนิดนึงเช่นกัน เป็นฟิลเลอร์ชนิดชั่วคราว อยู่ได้หลักเดือนถึงหลักหลายปี ก็แตกต่างจาก HA filler ตรงที่ ระยะเวลาพักฟื้นที่นานกว่า เจ็บตัวหลายที่ อัตราการสลายตัวก็ไม่ต่างกับ HA filler มากนัก ถ้าฉีดมากไปหรือฉีดแล้วไม่สม่ำเสมอ แก้ไขได้อยาก เนื่องจากไม่มียาฉีดสลายเหมือน HA filler แต่ก็มีข้อดีตรงที่เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาหลายตำแหน่ง หรือมีความต้องการเติมในหลายตำแหน่งของใบหน้า ก็จะคุ้มกว่า ยกตัวอย่าง ถ้าลูกค้าคนนึงประเมินแล้ว ต้องใช้การเติมเต็ม 10 ซีซี สมมติราคาตลาด HA filler อยู่ที่ ซีซีละ 12,000 บาท รวมก็ 120,000 บาท เติมไขมันทั่วหน้า ราคาตลาดก็ประมาณ 60,000 บาท เติมไขมันก็จะคุ้มกว่า แถมอาจจะได้มากกว่า 10 ซีซีด้วยซ้ำ
  • ซิลิโคนเหลว คอลลาเจนจากสัตว์ เป็นประเภทถาวร นิยมใช้มากเหมือน 20 ปีที่แล้ว ไม่ผ่าน อย. ไม่สลาย มักจะสร้างปัญหาในระยะยาว เป็นประเภทที่มักจะทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิดกับฟิลเลอร์ และกลัวฟิลเลอร์มาจนถึงปัจจุบันนี้

ข้อแนะนำสำหรับการฉีดสารเต็มเติม

  1. จากสารสังเคราะห์ขั้นต้นทั้ง 3 กลุ่ม สรุปว่า Filler จำพวก HA เป็นสารที่ใส่เข้าไปแล้วมีปฎิกิริยากับเนื้อเยื่อน้อย ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย ได้ผลค่อนข้างดีและปลอดภัย ไม่ต้องทดสอบการแพ้ 
  2. ควรตรวจสอบสารก่อนฉีดว่าเป็นสาร HA จริงหรือไม่ จากชนิดของสารที่ฉีด ผลข้างเคียงทั้งระยะสั้นและระยะยาว วิธีแก้ไข สามารถดูดออกได้หรือไม่ ระยะเวลาการดูดทำได้ภายในกี่วัน
  3. ควรขอดูผลิตภัณฑ์ที่ฉีด  กล่องของสารที่ฉีด รวมทั้งผลิตภัณฑ์ ฉลากเพื่อจะได้ไม่ถูกฉีดสารอื่นที่เป็นสารต้องห้าม เช่น น้ำมันซิลิโคน โดยอ้างว่าเป็นสารกลุ่มนี้แล้วมีผลข้างเคียงที่แก้ไขไม่ได้ในที่สุด
  4. ควรฉีดในสถานที่ที่มีสถานประกอบวิชาชีพที่แน่นอน ไม่ควรฉีดตามรถที่รับฉีดหรือผู้ที่ถือกระเป๋าฉีดตามบ้านและที่ต่างๆ
  5. ควรฉีดกับแพทย์ที่มีความชำนาญ
  6. ในกรณีที่ไม่ทราบชนิดสารที่ฉีดและต้องการฉีดมากจริงๆ แล้วไม่แน่ใจว่าเป็นซิลิโคนเหลวหรือไม่ แนะนำให้ฉีดที่บริเวณคาง จะเป็นตำแหน่งที่มีปัญหาน้อยที่สุด เนื่องจากบริเวณคาง สารที่ฉีดถ้ามีการไหลก็จะไหลลงปลายคาง  ตำแหน่งที่ไม่ควรฉีดในครั้งแรก ได้แก่ หน้าผากและแก้ม เนื่องจากมีโอกาสไหลไปที่ตำแหน่งอื่นมากกว่า 80%

วัตถุประสงค์ของการฉีดฟิลเลอร์

หลายคนอาจจะเห็นว่าดูไม่มีอะไร แต่ผมจะแบ่งแบบนี้ว่าจุดประสงค์ของการฉีดฟิลเลอร์ มีอยู่ 2 ข้อ ซึ่งจริงๆจะล้อกันกับหัวข้อต่อไปเรื่องฟิลเลอร์แต่ละตัวต่างกันอย่างไร ฉีดเพื่อเติมเต็มร่องต่างๆ หรือ เพื่อเติมส่วนที่ขาด เติมเต็มร่องต่างๆเช่น ร่องแก้ม เติมส่วนที่ขาดเช่นในคนคางสั้น อยากให้คางยาวขึ้น ก็คือเป็นการเติมเต็มแบบตรงๆตัว ตรงไหนต้องการเพิ่มเราก็เต็มตรงนั้น

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

ฟิลเลอร์ประเภทสารไฮยารูรอนิคเอซิด แม้เป็นสารที่มีความปลอดภัยสูง หากได้รับการฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญและฉีดในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมอาจเกิดคลื่นบริเวณผิวที่ฉีดทำให้ผิวไม่เรียบเนียน เป็นคลื่น ขรุขระ หรือ บุ๋มลงไป มักมีสาเหตุเกิดจาก 

  1. เทคนิคการฉีดของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ละท่านอาจไม่เหมือนกัน สาเหตุนี้อาจเกิดจากบางท่านฉีดแล้วก็ปล่อย ฉีดแล้วก็ปล่อย (ไม่ได้ฉีดครั้งเดียว คล้ายกับฉีดทีละลูกแล้วปล่อย แล้วฉีดเข้าไปอีกลูกแล้วปล่อย) พอฟิลเลอร์เข้าไปเป็นก้อน มันก็อาจทำให้เกิดเป็นคลื่นตั้งแต่ครั้งแรก 
  2. การฉีดฟิลเลอร์ซ้ำเข้าไป ในกรณีที่ฟิลเลอร์เก่ายังสลายไม่หมด เป็นการฉีดซ้ำในเวลาที่เร็วเกิน ในขณะที่คลื่นบริเวณที่เกิดขึ้นครั้งแรกกำลังสลาย (ที่ยังคงเหลืออยู่ที่บริเวณนั้น) ก็อาจทำให้เห็นเป็นก้อนคลื่นได้ 
  3. การฉีดใกล้กล้ามเนื้อบริเวณที่ตื้น เช่น บริเวณผิวหนัง บริเวณคาง พอเวลาเกิดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อก็อาจจะเห็นเป็นคลื่นได้

MesoFiller ฟิลเลอร์ที่ครอบคลุม ครบเครื่องและปลอดภัย

MesoFiller เป็นฟิลเลอร์ผิวหนังประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยม สามารถช่วยคืนปริมาตรและลดการปรากฏของริ้วและริ้วรอยได้  MesoFiller  คือฟิลเลอร์ชนิดหนึ่งที่ฉีดเข้าไปในผิวหนังเพื่อคืนปริมาตรและลดการปรากฏของริ้วรอยเล็กๆ น้อยๆ ประกอบด้วยสารธรรมชาติหรือสารสังเคราะห์ที่ออกแบบมาเพื่อเลียนแบบคอลลาเจนและอีลาสตินของร่างกาย เมื่อเปรียบเทียบกับฟิลเลอร์ประเภทอื่น MesoFiller มีการแพร่กระจายน้อยกว่าและใช้เวลาหยุดทำงานน้อยกว่า อย่างไรก็ตามอาจไม่เหมาะสำหรับทุกคนและขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงอยู่บ้าง สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษาหารือถึงข้อดีและข้อเสียของการใช้ MesoFiller กับผู้เชี่ยวชาญก่อนเข้ารับการรักษา

MesoFiller มีสามประเภทหลัก 

  • ฟิลเลอร์ที่ใช้กรดไฮยาลูโรนิก  สารตัวเติมกรดไฮยาลูโรนิกเป็นวิธีที่ใช้กันมากที่สุดและมีประสิทธิภาพในการรักษาริ้วรอยเล็กๆ น้อยๆ
  • ฟิลเลอร์ที่มีแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์  สารตัวเติมแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ใช้ในการรักษาริ้วรอยลึกและให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานขึ้น
  • ฟิลเลอร์ที่มีกรดโพลี-แอล-แลคติค  สารตัวเติมกรด Poly-L-lactic ใช้เพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและสามารถปรับปรุงเนื้อสัมผัสและสีผิวได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปเมื่อเวลาผ่านไป 

MesoFiller แต่ละประเภทมีคุณประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป และสิ่งสำคัญคือต้องเลือกประเภทที่เหมาะกับความต้องการส่วนบุคคลของคุณ

  • ก่อนที่จะเข้ารับการรักษาด้วยเมโสฟิลเลอร์ สิ่งสำคัญคือต้องเตรียมผิวโดยการหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ แอสไพริน และยาลดความอ้วนอื่นๆ ในระหว่างขั้นตอนนี้ ฟิลเลอร์จะถูกฉีดเข้าไปในผิวหนังโดยใช้เข็มหรือ cannula ที่ละเอียด การวางตำแหน่งของฟิลเลอร์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการบรรลุผลตามที่ต้องการ และผู้ปฏิบัติงานที่มีทักษะจะใช้เทคนิคการฉีดที่หลากหลายเพื่อให้แน่ใจว่ามีการกระจายตัวที่สม่ำเสมอ หลังการรักษา ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ และสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง คุณอาจมีอาการบวมและช้ำบ้าง แต่จะหายไปภายในสองสามวัน สิ่งสำคัญคือต้องรักษากิจวัตรการดูแลผิวเพื่อสุขภาพที่ดีเพื่อให้แน่ใจว่าผลลัพธ์ของคุณจะอยู่ได้ยาวนาน
  • MesoFiller เป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการเพิ่มปริมาตรและลดการปรากฏของริ้วรอยเล็กๆ น้อยๆ ด้วยการทำความเข้าใจประเภทของ MesoFiller ที่มีอยู่และขั้นตอนที่จำเป็นก่อนและหลังการรักษา คุณจะสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลรอบด้านว่าขั้นตอนนี้เหมาะกับคุณหรือไม่ อย่าลืมปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองก่อนเข้ารับการเสริมความงามใดๆ เสมอ

แนะนำสำหรับท่านใดที่กำลังมองหาความสวยแบบไม่เจ็บตัว ทุกคนควรที่จะทำการศึกษาและเรียนรู้ข้อดีข้อเสียขอฟิลเลอร์แต่ละประเภท เพื่อความปลอดภัย และควรปฎิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อรักษาอายุการใช้งานของฟิลเลอร์ให้มีอายุยาวนานกว่าปกติได้เช่นกัน