เชียบัตเตอร์ (Shea butter) ตัวช่วยฟื้นฟูผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื้น

               หากพูดถึงส่วนผสมสำคัญในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือสกินแคร์ที่มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นบรรเทาอาการผิวแห้งกร้านชื่อของเชียบัตเตอร์ต้องเป็นชื่อแรก ๆ ที่ต้องนึกถึง เพราะเป็นสารสกัดยอดฮิตที่นิยมใช้ในกันมานาน เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์จากธรรมชาติ อีกทั้งยังผลข้างเคียงน้อย ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ระคายเคือง วันนี้เรามาลองเจาะลึกกันดีกว่าว่าจริง ๆ แล้วเชียบัตเตอร์คืออะไร สามารถบำรุงผิวเราให้สุขภาพดีได้จริงไหม หาคำตอบพร้อมกันได้ในบทความนี้เลย

เชียบัตเตอร์มอยส์เจอร์ไรเซอร์จากธรรมชาติ

               เชียบัตเตอร์ (Shea butter) เป็นไขมันสกัดจากผลของต้นเชียนัท (Shea Nut) พืชพื้นเมืองของชาวแอฟริกา ลักษณะลำต้นสูงได้ถึง 60 ฟุต  สามารถอายุยืนถึง 200 ปี ซึ่งผลของมันเมื่อนำมากะเทาะเปลือกสกัดออกมาแล้วจะให้เนื้อสัมผัสเหนียวข้นคล้ายเนยจึงมีคุณสมบัติช่วยเคลือบผิวกักเก็บน้ำไม่ให้ละเหยออกจากผิว และยังช่วยเติมเต็มน้ำจากอากาศเข้าสู่ชั้นผิวให้ผิวชุ่มชื้นฉ่ำน้ำได้ยาวนาน ไม่เพียงเท่านั้นในเชียบัตเตอร์ยังอุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารสำคัญที่มีประโยชน์ เช่น วิตามินอี วิตามินซี วิตามินเอ กรดซินนามิก สารโพลีฟีนอล (Polyphenols) สารไตรเทอร์พีน (Triterpene) และสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพอื่น ๆ อีกมากมาย

คุณประโยชน์ของเชียบัตเตอร์

               เนื่องจากว่าเชียบัตเตอร์เป็นน้ำมันสกัดจากธรรมชาติจึงอุดมไปด้วยสารอาหารและวิตามินที่มีประโยชน์จำนวนมากซึ่งช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวพรรณให้สุขภาพดีและกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยคุณสมบัติดี ๆ เช่นนี้เชียบัตเตอร์จึงนิยมนำมาใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เพื่อความงามไม่ว่าจะเป็นสบู่ ครีมอาบน้ำ โลชั่นทาผิว ครีม ลิปสติก รวมไปถึงเครื่องสำอางเมคอัพต่าง ๆ ซึ่งคุณประโยชน์ที่จะได้รับเมื่อเราใช้เชียบัตเตอร์บำรุงผิวก็จะมีดังนี้

  1. ผิวชุ่มชื้นฉ่ำน้ำ

               เชียบัตเตอร์เป็นน้ำมันสกัดธรรมชาติมีความเข้มข้นสูงทำให้มีคุณสมบัติเป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ช่วยกักเก็บน้ำให้ชั้นผิว ลดการสูญเสียน้ำ ทำให้ผิวชุ่มชื้นได้ยาวนาน ลดปัญหาผิวแห้งกร้าน ผิวอักเสบลอกเป็นขุย ซึ่งเมื่อผิวเราชุ่มชื้นก็จะทำให้ผิวเต่งตึงยกกระชับไม่หย่อนคล้อย ริ้วรอยต่าง ๆ ก็จะตื้นขึ้นและจางลง เผยผิวที่เรียบเนียนใสน่าสัมผัส

  1. ปลอบประโลม

               สืบเนื่องจากคุณสมบัติที่ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นหั้บผิวจึงช่วยปลอบประโลมผิวให้ผ่อนคลายมีวิตามินหลากหลายชนิดและกรดไขมันที่ช่วยลดการอักเสบระคายเคือง สามารถนำไปใช้บรรเทาอาการระคายเคืองผิว ช่วยรักษารอยแผลไหม้ รอยแดดเผา รวมไปถึงใช้ทารักษาผืนผดคันจากโรคผิวหนัง ช่วยปลอบประโลมผิวให้การอักเสบลดลง พร้อมทั้งยังสมานแผลให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้นด้วย

  1. ฟื้นบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม

               เชียบัตเตอร์นั้นอุดมด้วยกรดไขมันดีที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากมายไม่ว่าจะเป็นกรดปาลมิติ (Palmitic Acid) กรดสเตียริก (Stearic Acid) กรดโอเลอิก (Oleic Acid) กรดไลโนเลอิค (Linoleic Acid) และกรดอะราคิโดนิก (Arachidonic Acicd) ซึ่งช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวเนียนนุ่ม สามารถใช้ทาบริเวณที่มีปัญหาหนังด้านหนังแข็งตามบริเวณตามข้อศอก ตาตุ่ม ก้น หรือส่วนอื่น ๆ ตามร่างกาย จะช่วยฟื้นบำรุงให้ผิวหนังนุ่มขึ้นและกลับมาเรียบเนียนน่าสัมผัส

  1. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว

               ในเชียบัตเตอร์จะมีวิตามินเอซึ่งมีคุณสมบัติเป็น anti-aging โดยกลไกของวิตามินจะเข้าไปจับกับตัวรับ RAR และ RXR ในเซลล์ผิว ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นการแบ่งเซลล์ผิวใหม่ และยังยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ถูกกระตุ้นโดยรังสียูวีให้ออกมาทำลายคอลลาเจน ช่วยให้ผิวยังคงเต่งตึง ยกกระชับ ปัญหาริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ จางลง เผยผิวที่อ่อนวัย

  1. ควบคุมไขมันส่วนเกิน

               เชียบัตเตอร์มีคุณสมบัติเป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์จึงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ซึ่งเมื่อผิวของเราชุ่มชื้นขึ้นแล้วก็จะผลิตไขมันส่วนเกินออกมาน้อยลง ทำให้หน้าของเราบางเบา โอกาสที่จะเกิดสิวต่าง ๆ จากการอุดตันของไขมันตามรูขุมขนก็ลดน้อยลง นอกจากนั้นยังช่วยลดการอักเสบของสิวและยังช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นจากสิวและหลุมสิวให้จางขึ้นด้วย

  1. บำรุงผมและหนังศีรษะ

               นอกจากจะช่วยฟื้นบำรุงดูแลผิวพรรณแล้วเชียบัตเตอร์ยังนำมาใช้กับการดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะด้วย เพราะด้วยความที่เป็นน้ำมันสกัดธรรมชาติจึงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม ลดปัญหาผมลีบแบบผมพันกัน ช่วยให้ผมนุ่มสลวยมีน้ำหนักเงางาม นอกจากนั้นยังมีวิตามินและสารอาหารหลายชนิดช่วยเติมสารอาหารให้กับผมลดปัญหาผิวแตกปลาย พร้อมบำรุงรากผมให้แข็งแรง ลดปัญหาผมขาดหลุดร่วง ให้ผมสลวยเส้นต่อเส้นจากโคนจรดปลาย ไม่เพียงเท่านั้นยังช่วยเติมความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะลดปัญหาหนังศีรษะแห้งคัน เชื้อราบนหนังศีรษะ รวมไปถึงปัญหารังแค

ประโยชน์ทางการแพทย์และเภสัชกรรมของเชียบัตเตอร์

               ด้วยคุณประโยชน์ที่มากมายของเชียบัตเตอร์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและปลอบประโลมผิวจึงมีการนำเอาเชียบัตเตอร์ไปใช้ประโยชน์ในทางการรักษาที่ไม่ใช่เฉพาะแค่ความสวยความงาม

  1. รักษาโรคผิวหนัง

               เชียบัตเตอร์มีคุณสมบัติช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นและปลอบประโลมผิว จึงมีการนำไปใช้บรรเทาอาการผื่นผิวหนังอักเสบ จากการศึกษารายงานว่าเมื่อให้ผู้ป่วยโรคผิวหนังทาน้ำมันเชียบัตเตอร์ติดต่อกัน 2 สัปดาห์ พบว่าสุขภาพผิวโดยรวมและอาการทางผิวหนังของผู้ป่วยดีขึ้น การอักเสบลดลง ความแห้งกร้านและรอยแตกของผิวดูดีขึ้น การบวมนูนและอาการคันค่อย ๆ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญโดยไม่ก่อให้เกิดการแพ้ระคายเคือง ด้วยเหตุนี้ในทางการแพทย์และเภสัชกรรมจึงมีการใช้เชียบัตเตอร์มาเป็นส่วนประกอบของยาในการรักษาโรคทางผิวหนัง

  1. รักษารอยแผลเป็น

               ด้วยความที่เชียบัตเตอร์อุดมไปด้วยวิตามินอีและกรดไขมันดีหลายชนิดช่วยบำรุงให้ผิวหนังนุ่มเนียนขึ้นจึงมีการนำมาใช้กับการรักษารอยแผลเป็นต่าง ๆ โดยมีการศึกษายืนยันว่าเมื่อใช้น้ำมันเชียบัตเตอร์รักษาแผลเป็นนูนชนิดคีลอยด์พบว่าสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์บริเวณแผลคีลอยด์ ช่วยให้แผลยุบตัวลงและนุ่มขึ้น ซึ่งให้ผลลัพธ์ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับยารักษาแผลเป็น

  1. ป้องกันยุง

               ในทางการแพทย์มีการใช้เชียบัตเตอร์มาทากันยุง ซึ่งเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ทาป้องกันยุงพบประสิทธิภาพในการป้องกันใกล้เคียงกัน แต่ในแง่ของระยะเวลาเชียบัตเตอร์สามารถป้องกันยุงได้ยาวนานกว่า ที่สำคัญยังปลอดภัยจากสารเคมี ทาแล้วช่วยบำรุงผิวไปในตัว และยังช่วยลดอาการระคายเคืองจากยุงกัดได้ ทว่า ยังคงเป็นการศึกษาวิจัยเพียงเท่านั้น อีกทั้งยังศึกษากับยุงเพียง 2 สายพันธุ์เท่านั้น ไม่อาจยืนยันประสิทธิผลและความปลอดภัยได้อย่างแน่ชัด ต้องรอการศึกษาวิจัยเชิงลึกในอนาคตต่อไป

  1. รักษาโรคข้อเสื่อม

               สารสกัดจากเชียบัตเตอร์มีส่วนประกอบของสารไตรเทอร์พีน ซึ่งมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดจากการเคลื่อนไหวของข้อกระดูกและกล้ามเนื้อได้ โดยมีการทดลองใช้น้ำมันเชียบัตเตอร์กับผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมและข้อสะโพกเสื่อมจำนวน 89 คน เป็นเวลา 15 สัปดาห์ พบว่าแนวโน้มการอักเสบและการเสื่อมของกระดูกอ่อนลดลง การเคลื่อนไหวของข้อดีขึ้น อาการปวดบวมลดลง

เชียบัตเตอร์เหมาะกับผิวแบบไหน

               ความโดดเด่นของเชียบัตเตอร์ก็คือการเพิ่มความชุ่มชื้นและเนียนนุ่มให้กับผิวจึงเหมาะมาก ๆ กับคนที่มีปัญหาผิวแห้งและผิวขาดน้ำ เพราะจะช่วยทำหน้าที่เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์กักเก็บและเติมเต็มความชุ่มชื้นผิว ช่วยฟื้นฟูผิวให้อิ่มฟูสุขภาพดี แต่จริง ๆ แล้วเชียบัตเตอร์สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิวไม่ว่าจะผิวมัน ผิวแห้ง ผิวธรรมดา ผิวผสม ใช้แล้วช่วยปลอบประโลมและปรับสมดุลผิว ให้ผิวชุ่มชื้นไม่แห้งกร้าน ช่วยควบคุมความมันส่วนเกิน ให้ผิวเนียนเรียบน่าสัมผัสและสุขภาพดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญเลยมีความอ่อนโยนไม่ก่อให้เกิดการแพ้ระคายเคืองผิว ใช้ได้แม้กระทั่งผิวแพ้ง่ายและผิวเด็ก

จัดรูทีนใช้เชียบัตเตอร์ยังไงให้เห็นผล

               เชียบัตเตอร์เป็นน้ำมันสกัดที่มีความหนักและเข้มข้นสูงมากแต่กลับบางเบาและซึมซาบได้ดี มักจะนำไปทำเป็นครีมหรือผลิตภัณฑ์ที่มีความหนืดหรือเข้มข้นจึงนิยมทาลงบนผิวเป็นขั้นตอนสุดท้ายเพื่อทำหน้าที่เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์เคลือบผิว ยิ่งคนผิวแห้งผิวขาดน้ำหรือต้องอยู่ในห้องแอร์นาน ๆ ยิ่งต้องทาเพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว ทาตอนกลางคืนตื่นมาหน้าจะเนียนนุ่ม แต่ถ้าทาในตอนกลางวันจำเป็นจะต้องทาครีมกันแดดทับปิดท้ายเพื่อปกป้องผิวไม่ให้แสงแดดและรังสียูวีทำร้าย

               นอกจากนั้นเรายังสามารถใช้ผลิตภัณฑ์เชียบัตเตอร์ทาเพื่อบรรเทาการอักเสบของผิวหลังจากทำเลเซอร์หรือโดนความร้อนเพื่อป้องกันผิวไหม้ผิวเบริน ทาหลังจากโกนหนวดหรือแวกซ์ขนเพื่อป้องกันการอักเสบและป้องกันปัญหาขนคุดที่จะตามมาได้อีกด้วย

melan recovery ผลิตภัณฑ์บาล์มบำรุงผิวสูตรอ่อนโยน

ผลิตภัณฑ์บาล์มบำรุงผิวสูตรเข้มข้นจาก mesoestetic สูตรอ่อนโยน ที่เหมาะกับทุกสภาพผิว ใช้แล้วช่วยปลอบประโลมผิวลดการอักเสบแสบแดง เป็นผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนจนถึงขั้นที่สามารถใช้รักษาสิวโดยไม่ก่อให้เกิดการอุดตันและยังใช้ได้แพ้ในคนที่ผิวบอบบางแพ้ง่าย อีกทั้งยังสามารถใช้ทาบำรุงภายหลังจากการทำทรีทเมนต์หรือหัตถการผิวอย่างการทำเลเซอร์ ช่วยลดการอักเสบแสบแดงให้เบาบางลงได้ เพราะอุดมไปด้วยสารสกัด Shea butter อุดมไปด้วยโอเมก้า 6 ช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม เพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว และช่วยบรรเทาอาการแห้งตึงของผิว ไม่เพียงเท่านั้นยังมีส่วนผสมสำคัญอื่น ๆ มากมาย ดังนี้

  • Ectoin ซึ่งเป็นอนุพันธ์กรดอะมิโน จากแบคทีเรียช่วยฟื้นคืนความแข็งแรงให้เกราะปกป้องผิวและช่วยลดการสะสมอนุมูลอิสระบนผิว อันเนื่องมาจากความร้อน แสง UV และอนุมูลอิสระจากภายนอก
  • Rhodosorus marinus extract หรือสารสกัดจากสาหร่ายสีแดง ช่วยปลอบประโลมผิว และบรรเทาอาการอักเสบแสบแดงของผิว
  • Squalane หรือน้ำมันสควาเลน ที่ช่วยมอบความชุ่มชื้นให้ผิว เสริมเกราะปกป้องผิวให้แข็งแรง
  • Bisabolol น้ำมันสกัดจากดอกคาโมมายล์ ช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองผิว ปลอบประโลมผิวให้ผ่อนคลาย
  • Vitamin B3 ช่วยลดเลือนจุดด่างดา และช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใส
  • Prebiotic defense หรือพรีไบโอติก ช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์บนผิวให้สมดุล ซึ่งจะช่วยเสริมให้เกราะปกป้องผิวแข็งแรง

เป็นอย่างไรกันบ้างกับสาระดี ๆ ในวันนี้ เรียกได้ว่าเชียบัตเตอร์เป็นอีกหนึ่งสุดยอดสารสกัดบำรุงผิวที่พลาดไม่ได้เลย ใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาผิวแห้งผิวขาดความชุ่มชื้นต้องรีบไปหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเชียบัตเตอร์มาเป็นตัวช่วยดูแลผิวเพื่อกู้ปัญหาผิวให้กลับมาเนียนนุ่มน่าสัมผัส เพียงเท่านั้นก็จะทำให้ผิวของคุณสุขภาพดีขึ้นได้