“น้ำตบ” ตัวช่วยเติมผิวให้ชุ่มชื้น คืนผิวใส ไร้สิว ผิวหน้าเปล่งปลั่ง

ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงอายุไหนก็อยากให้ใบหน้าดูเปล่งประกาย อิ่มน้ำ ผิวดูมีสุขภาพดีอยู่ตลอดเวลา การใช้ผลิตภัณฑ์น้ำตบจึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ในการบำรุงผิวหน้าให้มีความชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง ดูสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก น้ำตบ เป็นสกินแคร์ประเภทเอสเซ้นส์ มีลักษณะเป็นกึ่งน้ำ มีทั้งแบบใส แบบขุ่น แบบเหลวและแบบกึ่งข้น เนื้อสัมผัสบางเบา เหมาะกับสภาพผิวทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นสาวผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม หรือผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้ได้ เรามาทำความรู้จักสกินแคร์ตัวนี้กันดีกว่าค่ะว่าจะมีประโยชน์ต่อผิวหน้าของเราอย่างไรบ้าง

น้ำตบ คืออะไร?

น้ำตบ หรือ essence ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่มีลักษณะเป็นของเหลวเหมือนกับน้ำ มีความเบาบางสูง สามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวหน้าได้อย่างรวดเร็ว ไม่หนักหน้า ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะหลังจากการใช้ ส่วนประกอบหลักก็คือน้ำแร่ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่มีประโยชน์มากมาย มีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูผิวหน้าเพิ่มความชุ่มชื้น เติมน้ำให้กับผิว แถมยังช่วยกระชับรูขุมขน ทำให้ผิวหน้าเต่งตึง ผิวดูเปล่งปลั่งกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้กลับมาแข็งแรง ผิวนุ่มเด้งดูอ่อนกว่าวัย

น้ำตบ

น้ำตบ มีกี่ประเภท?

น้ำตบเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ต่อการดูแลผิวหน้า ช่วยเตรียมความพร้อมก่อนการบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าต่างๆ ทำให้สารอาหารผิวและแร่ธาตุจากเซรั่มและครีมที่เราใช้อยู่เป็นประจำสามารถซึมเข้าสู่ผิวหน้าได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่น้ำตบก็มีคุณสมบัติในตัวเองที่แตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับประเภทของน้ำตบ

แม้ว่าน้ำตบจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ทั้งน้ำตบลดสิว น้ำตบสำหรับผิวแพ้ง่าย หรือน้ำตบที่ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใส แต่นี่คือสรรพคุณของน้ำตบ หากจะแยกประเภทของน้ำตบ สามารถแยกได้ตามเนื้อของผลิตภัณฑ์ โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

1. น้ำตบเนื้อน้ำ

เป็นประเภทที่คนส่วนใหญ่นิยมมากที่สุด เพราะซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย เหมาะกับสภาพอากาศของเมืองไทยที่ค่อนข้างร้อน เนื้อน้ำตบจะมีความเหลว เทออกมาจะเป็นน้ำใสๆ เหมาะกับผู้ที่มีผิวมัน

2. น้ำตบเนื้อ essence

มีความเหลวน้อยกว่าน้ำตบเนื้อน้ำ เมื่อเทออกมาแล้วจะเห็นเป็นน้ำสีขาวขุ่น เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวผสมที่ค่อนข้างมัน หรือผู้ที่มีผิวมัน ผิวขาดน้ำ ก็สามารถใช้น้ำตบเนื้อเอสเซนส์ได้

3. น้ำตบเนื้อโลชั่น

จะมีลักษณะข้นที่สุด เมื่อเทออกมาแล้วจะมีความขาวขุ่นคล้ายโลชั่นทาผิว แต่เหนียวกว่าเล็กน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่มีสภาพผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ หรือผู้ที่ผ่านการเผชิญแสงแดดมาอย่างหนัก ต้องการปรนนิบัติผิว ฟื้นฟูสภาพผิว

น้ำตบ

วิธีเลือก น้ำตบ ให้เหมาะกับผิว

เทคนิคการเลือกใช้น้ำตบก็เหมือนกับการเลือกสกินแคร์ประเภทอื่นๆ ต้องดูที่เหมาะกับสภาพผิวของเราเป็นอันดับแรก วัตถุประสงค์ของการใช้น้ำตบเพื่ออะไร เช่น สำหรับคนที่เป็นสิวง่าย หน้ามัน ก็จะต้องเลือกน้ำตบที่ช่วยควบคุมความมัน ทำให้ไม่เป็นสิวเพิ่ม หรืออาจช่วยให้รอยสิวดูจางลง หรือคนที่มีผิวหน้าแห้งก็จะต้องเลือกใช้น้ำตบที่เติมเต็มความชุ่มชื้น เพื่อให้ผิวหน้าดูนุ่มนวลขึ้น

  • ผิวมัน คือผู้ที่มีปัญหาผิวผลิตน้ำมันส่วนเกินมากเกินไป ทำให้หน้ามันง่าย รูขุมขนกว้าง ทาครีมแล้วรู้สึกเหนอะหนะใบหน้า ควรเลือกใช้น้ำตบที่ควบคุมความมันส่วนเกินบนใบหน้า และลดการเกิดสิวอุดตัน มีเนื้อสัมผัสเป็นน้ำ สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย การเลือกใช้น้ำตบจะช่วยให้ผิวหน้าคงความชุ่มชื้น รักษาระดับความสมดุลของผิว ทำให้ผิวไม่เกิดการผลิตน้ำมันส่วนเกินมากเกินไป
  • ผิวแห้ง คือผู้ที่มีปัญหาผิวขาดน้ำ เกิดความแห้งกร้าน ผิวแตก ผิวลอก ควรเลือกใช้น้ำตบที่เน้นในเรื่องของการเติมความชุ่มชื้นเข้าสู่ผิว มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์สูง เนื้อสัมผัสเป็นโลชั่นกึ่งเหลว กึ่งข้น จะช่วยเพิ่มระดับความชุ่มชื้นให้ผิว เพื่อเสริมสภาพผิวที่ดี ผิวดูฉ่ำน้ำ นุ่มนวล ดูมีชีวิตชีวาขึ้น
  • ผิวแพ้ง่าย คือผู้ที่มีปัญหาผิวบอบบาง แพ้ง่าย ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เน้นส่วนประกอบตามธรรมชาติ ไม่มีสารเคมี เพราะผิวจะไวต่อสิ่งกระตุ้นภายนอกมาก หากใช้ผลิตภัณฑ์แบบปกติอาจทำให้เกิดการแพ้ได้ ควรเลือกใช้น้ำตบที่มีส่วนผสมที่อ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม พาราเบนและแอลกอฮอล์ และได้รับการทดลองว่าปลอดภัยสำหรับผิวแพ้ง่าย

ประโยชน์ของการใช้ น้ำตบ

คุณสมบัติหลักของน้ำตบคือการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า ช่วยทำให้ผิวหน้าดูเปล่งปลั่ง กระจ่างใส ฟื้นฟูผิวหน้าที่หมองคล้ำให้กลับมามีชีวิตชีวา บางสูตรยังช่วยในเรื่องของการลดริ้วรอย ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ และยังมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวหน้าขาวใส ลดเลือนจุดด่างดำ ลดรอยสิว ผลัดเซลล์ผิว ลดปัญหาสิวอุดตัน และยังช่วยกระชับรูขุมขนได้ด้วย

  • น้ำตบมีโมเลกุลที่มีขนาดเล็กมากๆ จึงทำให้ซึมเข้าสู่ผิว และบำรุงได้อย่างล้ำลึกจากภายในสู่ภายนอก ไม่ใช่แค่การปรับสภาพผิวภายนอกเท่านั้น แต่ยังทำให้ผิวมีความแข็งแรงขึ้นด้วย
  • น้ำตบเป็นขั้นตอนแรกของการบำรุงผิว สามารถใช้ได้โดยไม่ต้องกังวลในเรื่องของความเหนอะหนะ เนื้อผลิตภัณฑ์มีความเหลว ทำให้รู้สึกเบาบาง ไม่หนักหน้า
  • สามารถจัดการกับความเหนื่อยล้าของผิวพรรณที่ต้องเจอกับมลภาวะมาตลอดทั้งวันได้อย่างตรงจุด เมื่อใบหน้าของเราอ่อนล้าก็จะดูห่อเหี่ยว แต่หากเติมความชุ่มชื้นเข้าไปใบหน้าก็จะดูมีชีวิตชีวา เพิ่มความมั่นใจให้กับเราได้อีกครั้ง
  • เป็นการบำรุงผิวก่อนแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางชนิดอื่นๆ ช่วยลดปัญหาผิวหน้าโดนสารเคมีจากเครื่องสำอางทั่วไปได้ในระดับหนึ่ง และที่สำคัญไม่ก่อให้เกิดปัญหาสิวตามมา
  • น้ำตบไม่ใช่แค่เพียงให้ความชุ่มชื้นกับใบหน้าเท่านั้น สำหรับใครที่รู้สึกว่าหน้ามัน เป็นสิวง่าย ต้องการควบคุมความมันบนใบหน้าก็สามารถใช้น้ำตบได้เช่นกัน
  • สาวๆที่มีผิวแพ้ง่าย ผิวบอบบาง มีปัญหาผิวแพ้ระคายเคืองง่าย การใช้น้ำตบที่มีส่วนผสมช่วยปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบ เป็นส่วนผสมที่อ่อนโยนไม่มีสารเคมีไม่ทำร้ายผิว ก็จะช่วยเสริมสร้างให้ผิวแข็งแรง พร้อมเผชิญกับทุกสภาพแวดล้อมที่ต้องเจอในทุกๆวัน

ส่วนผสมยอดฮิตของน้ำตบ

1. วิตามินบี 3

วิตามินบี 3 มีสรรพคุณช่วยดูแลและบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก เมื่อเข้าสู่ชั้นเซลล์ผิวจะทำหน้าที่กลายเป็นโมเลกุลที่เรียกว่า NADPH กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ในชั้นเซลล์ผิว ทำให้มีการฟื้นฟูผิวเสียของเราให้มีสุขภาพดีขึ้น และช่วยเสริมความแข็งแรงเป็นเกราะป้องกันผิวให้มีความแข็งแรงขึ้นอีกด้วย ส่งผลให้ผิวมีความชุ่มชื้น ฉ่ำวาว และสามารถช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ทำให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้นได้อีกด้วย

2. วิตามินซี

เป็นส่วนประกอบสำคัญในสกินแคร์แทบจะทุกชนิดเลยก็ว่าได้ เพราะมีคุณสมบัติที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง สุขภาพดี และยังช่วยไม่ให้เกิดเม็ดสีในผิว หรือยับยั้งการสร้างเมลานินได้อีกด้วย ผิวที่ดูคล้ำจางลง ผิวสว่างสดใสมากขึ้น วิตามินซีจึงเป็นส่วนประกอบหลักในน้ำตบที่ช่วยลดรอยดำ ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น

3. ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid)

ไฮยาลูรอนิคเป็นส่วนประกอบสำคัญของน้ำตบแบรนด์ดังๆเลย มีคุณสมบัติดูดซับและกักเก็บโมเลกุลของน้ำในชั้นเซลล์ผิวไม่ให้ระเหยออกไป เนื่องจากโมเลกุลของไฮยาลูรอนที่ใช้ในน้ำตบมีขนาดเล็กกว่า 600 kda ถึงขนาดเล็กกว่า 150 KDA ทำให้สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึก ผิวจึงมีความชุ่มชื้น ยืดหยุ่น ไม่แห้งกร้าน ผิวนุ่มฟู เต่งตึงตลอดทั้งวัน น้ำตบยี่ห้อไหนที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิคจะได้รับความนิยมมาก

4. กรดไกลโคลิค (Glycolic Acid)

กรดไกลโคลิดเป็นสารที่อยู่ในกลุ่มกรดอัลฟาไฮดรอกซี (AHA) มีสรรพคุณช่วยผลัดเซลล์ผิวได้อย่างอ่อนโยน กำจัดสิ่งอุดตันตามรูขุมขน ลดการเกิดสิว ทำให้รอยสิวดูจางลง เผยผิวขาวใสทั่วทั้งใบหน้า ส่วนประกอบนี้พบได้ในน้ำตบที่เน้นเรื่องของการปรับสภาพผิว ทำให้ผิวขาวกระจ่างใส

5. Mois Some P

เป็นสารที่ให้ความชุ่มชื้น ถูกคิดขึ้นโดยการนำ Ceramide และ D-pathenol มารวมให้เป็นอนุภาคเดียวกันด้วย Liposome Technology ให้อยู่ในรูปแบบของเหลวและละลายน้ำได้ มีอนุภาคขนาดเล็ก สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้สูงมาก ไม่ทำให้ใบหน้าเหนียวเหนอะหนะ ช่วยลดอาการอักเสบของผิวและเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว แถมยังมีฤทธิ์ช่วยคุมมันยาวนานถึง 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว

6. กรดอะมิโน

มีคุณสมบัติช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในผิว ทำให้ผิวเนียนนุ่มและแข็งแรงมากขึ้น ลดความหย่อนคล้อย ทำให้ผิวดูเต่งตึง ยิ่งใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่มีส่วนผสมของกรดอะมิโนเร็วเท่าไหร่ ก็จะส่งผลดีต่อผิวมากเท่านั้น

น้ำตบ

น้ำตบ ใช้ตอนไหน?

นอกจากจะเลือกน้ำตบให้เข้ากับสภาพผิวหน้าแล้ว ช่วงเวลาในการใช้น้ำตบก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะจะทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดตามที่คาดหวังไว้ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการใช้น้ำตบก็คือหลังล้างหน้าเสร็จใหม่ๆ น้ำตบจะเป็นขั้นตอนแรกของการลงสกินแคร์หลังล้างหน้า หรือหากใครที่มีโทนเนอร์ก็สามารถใช้โทนเนอร์เช็คทำความสะอาดใบหน้าก่อนลงน้ำตบ เพื่อทำความสะอาดรูขุมขนและทำการเปิดผิวให้พร้อมรับสกินแคร์ในขั้นตอนต่อไป หลังจากนั้นให้หยดน้ำตบลงบนฝ่ามือ แล้วตบเบาๆให้ทั่วใบหน้า รอให้เนื้อค่อยๆซึมเข้าสู่ผิวช้าๆจนแห้ง แล้วตามด้วยสกินแคร์ตัวอื่นๆต่อไป

ใช้ น้ำตบ แทนน้ำแร่ได้ไหม?

สามารถใช้น้ำตบแทนน้ำแร่ในระหว่างวันได้ โดยปกติแล้วคุณสมบัติของน้ำแร่คือการเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ไม่ทำให้ผิวแห้ง สามารถแบ่งน้ำตบใส่ในขวดสเปรย์เล็กๆแล้วฉีดเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในระหว่างวันได้ จะทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ ดูสุขภาพดี แถมยังได้ประโยชน์จากแร่ธาตุหรือวิตามินที่เป็นส่วนประกอบของน้ำตบอีกด้วย

หรือหากใช้ก่อนแต่งหน้าแทนน้ำแร่ก็จะช่วยปรับสภาพผิว ทำให้ผิวหน้าพร้อมรับการบำรุงครั้งต่อไป และทำให้เครื่องสำอางติดทนนานขึ้นด้วย

เคล็ดลับ ใช้น้ำตบยังไงให้ได้ผลที่สุด

1. หลังล้างหน้าเสร็จให้รีบใช้น้ำตบทันที

ด้วยความที่น้ำตบมีโมเลกุลขนาดเล็ก เนื้อสัมผัสบางเบา จึงควรใช้เป็นขั้นตอนแรกหลังจากล้างหน้าเสร็จ และต้องทิ้งช่วงให้ซึมเข้าสู่ผิวก่อน จึงค่อยลงสกินแคร์ต่อไป

2. ก่อนทาต้องวอร์มน้ำตบก่อน

ก่อนที่จะใช้น้ำตบให้เทลงบนฝ่ามือแล้ววอร์มเบาๆ ความอุ่นของมือจะช่วยผลักเนื้อผลิตภัณฑ์ให้ซึมเข้าสู่ผิวได้เร็วขึ้น แล้วค่อยๆตบเบาๆลงบนผิวหน้า ไม่จำเป็นต้องใช้สำลี เพราะนอกจากจะไม่ได้ผลแล้วยังทำให้สิ้นเปลืองอีกด้วย

3. ลงสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซีตาม

เมื่อน้ำตบซึมเข้าสู่ผิวแล้วให้ลงเซรั่มหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซีตามลงไป เพราะวิตามินซีจะละลายในน้ำ ทำให้ดูดซึมเข้าสู่ผิวได้ดี โดยอาศัยความชุ่มชื้นของน้ำตบที่อยู่บนผิวหน้าดูดซึมวิตามินซีเข้าสู่ผิว

เมื่อรู้ถึงคุณสมบัติต่างๆและวิธีใช้งานที่ถูกต้องแล้ว หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ความใส่ใจในการดูแลผิวหน้าของตัวเอง ควรใช้สกินแคร์บำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการดูแลผิวหน้าอย่างต่อเนื่อง และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและตอบโจทย์กับผิวของตัวเอง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพียงเท่านี้ก็สามารถออกจากบ้านได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องกลัวหน้าโทรม ผิวหน้าหมองคล้ำอีกต่อไป