สาร ปรอท (Hg) สาร ปรอท ถือเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของสารเคมีหรือกลุ่มสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับปัญหาด้านสาธารณสุขที่สำคัญขององค์การอนามัยโลก พบได้ทั้งในรูปแบบอนินทรีย์และอินทรีย์ ในเครื่องสำอางการใช้เกลือปรอทโดยเจตนาเป็นสิ่งต้องห้ามในเครื่องสำอางในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และอินเดีย เนื่องจากเป็นอันตรายต่อดวงตา อย่างไรก็ตาม เมอร์คิวริกคลอไรด์และไอโอไดด์ที่เป็นอนินทรีย์แอมโมเนียส่วนใหญ่มักใช้ในครีมปรับสีผิวให้ขาวขึ้น สารปรอทในครีมเหล่านี้จะยับยั้งการสร้างเมลานิน ส่งผลให้โทนสีผิวสว่างขึ้น เมื่อตระหนักอันตรายที่มีอยู่ ประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกาและเยอรมนีได้ระบุขีดจำกัดที่อนุญาตให้ใช้เพียง 1 ppm แคนาดาคือ 3 ppm สารประกอบปรอทอินทรีย์ เช่น เกลือไทโอเมอร์ซอลและฟีนิลเมอร์คิวริก เป็นสารประกอบปรอทเพียงสองชนิดเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ใช้เป็นสารกันบูดในเครื่องสำอางบริเวณรอบดวงตา สาร ปรอท ในครีม ไม่ว่าผิวของคุณจะเป็นอย่างไร สิ่งสำคัญคือต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยให้ผิวของคุณมีสุขภาพดีขึ้นและไม่ทำลายผิว สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาเตือนว่าคุณควรหลีกเลี่ยงครีมบำรุงผิว โฟมล้างหน้าและคลีนซิ่งที่มีสารปรอทโดยเฉพาะอย่างยิ่งสารที่วางขายในชื่อ “ต่อต้านริ้วรอย” หรือ “ผิวกระจ่างใส” และสามารถตรวจสอบได้จากการอ่านฉลาก หากมีคำว่า “เมอร์คิวรัสคลอไรด์” “คาโลเมล” “เมอร์คิวริก” “เมอร์คิวริโอ” หรือ “ปรอท” ระบุไว้บนฉลาก แสดงว่ามีสารปรอทเป็นส่วนผสม และคุณควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ทันที ผลิตภัณฑ์นี้มักจะวางตลาดเป็นผลิตภัณฑ์ปรับสภาพผิวและทรีตเมนต์ต่อต้านริ้วรอยเพื่อขจัดจุดด่างดำของอายุ กระ ฝ้า และริ้วรอย […]
Monthly Archives: December 2022
สเตียรอยด์ (Steroids) เป็นหนึ่งในสารที่ถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือช่วยรักษาความผิดปกติของสุขภาพร่างกาย แม้ว่ามันจะมีประโยชน์มากมาย เช่น การบรรเทาอาการอักเสบหรือช่วยรักษาสภาพผิวบางประเภท แต่หลาย ๆ คนยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความปลอดภัยของการใช้สารชนิดนี้อยู่ดี เพราะการใช้สเตียรอยด์ที่ไม่ถูกวิธี อาจส่งผลข้างเคียงที่อันตรายได้ ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้สเตียรอยด์ที่ปลอดภัย รวมทั้งเคล็ดลับในการเลือกใช้ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด สเตียรอยด์ คืออะไร? ทำความรู้จักกับสารสเตียรอยด์และการใช้งาน สเตียรอยด์ (Steroids) คือ สารเคมีที่มีคุณสมบัติที่ช่วยลดการอักเสบและรักษาโรคต่าง ๆ โดยสเตียรอยด์มีทั้งแบบที่ใช้ภายในและภายนอก ในปัจจุบันมีสเตียรอยด์ที่ระบุไว้บนเว็บไซต์พาณิชย์ถึง 32 ประเภท ถูกนำมาใช้ตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ที่ต้องการ สเตียรอยด์ที่นิยมใช้ในทางการแพทย์ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ ประโยชน์ของ สเตียรอยด์ ในด้านความงาม นอกจากใช้สเตียรอยด์ (Steroids) ทางด้านการรักษาแล้ว สารชนิดนี้ ยังถูกนำมาใช้ในการบำรุงผิวพรรณและการเสริมความงาม แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องได้รับการควบคุมอย่างเหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ ดังนี้ อันตรายจากการใช้สเตียรอยด์ที่ไม่ถูกต้อง: ผลข้างเคียงที่ต้องระวัง การใช้สเตียรอยด์อย่างไม่ถูกต้อง หรือใช้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ดูแลความเหมาะสม สามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตรายได้ ดังนี้ ผิวติดสาร สเตียรอยด์ มีอาการอย่างไร […]
ฟิลเลอร์ผิวหนังคือการฉีดที่เติมเต็มริ้วรอยและร่องลึกบนใบหน้าของคุณ ฟิลเลอร์ผิวหนังมีหลายประเภท ผู้ให้บริการด้านสุขภาพมักจะฉีดฟิลเลอร์ผิวหนังบริเวณรอบดวงตา ปาก และจมูกของคุณ ขั้นตอนการเสริมความงามทั่วไปนี้มักจะให้ผลลัพธ์ในทันที และสามารถอยู่ได้นานหลายเดือนหรือหลายปี ฟิลเลอร์คืออะไร การฉีดฟิลเลอร์ผิวหนังเป็นกระบวนการเสริมความงามประเภทหนึ่ง Dermal fillers เติมเต็มร่องริ้วรอย ร่องลึกและฟื้นฟูปริมาตรบนใบหน้าของคุณ ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณฉีดสารเหล่านี้เข้าไปใต้ผิวหนังของคุณ ผู้คนเลือกที่จะรับฟิลเลอร์ผิวหนังเพื่อเพิ่มคุณสมบัติใบหน้าหรือทำให้ดูอ่อนกว่าวัย การรักษาแบบเลือกมักจะใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง และระยะเวลาพักฟื้นก็น้อยมาก เห็นผลทันทีและนานหลายเดือนถึงหลายปีขึ้นอยู่กับประเภทของสารตัวเติมและตำแหน่ง ฟิลเลอร์ผิวหนังมีหลายชนิด ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณจะหารือเกี่ยวกับทางเลือกของคุณกับคุณ เช่นเดียวกับการทำศัลยกรรมความงามใดๆ ก็ตาม มีความเสี่ยง รวมถึงการติดเชื้อ เลือดออก และรอยฟกช้ำ แผนประกันสุขภาพโดยทั่วไปไม่ครอบคลุมขั้นตอนการเลือกเครื่องสำอาง เช่น การฉีดฟิลเลอร์ แม้ว่าฟิลเลอร์ที่ผิวหนังจะรู้จักกันอย่างไม่เป็นทางการว่า “สารเติมเต็มริ้วรอย” แต่ก็สามารถทำได้มากกว่าแค่ทำให้ริ้วรอยเรียบขึ้น แม้ว่าจะทำได้ดีในเรื่องนี้เช่นกัน ต่อไปนี้คือปัญหาทั่วไปบางประการที่ฟิลเลอร์ผิวหนังสามารถช่วยแก้ไขได้: ปรับเส้นรอบจมูกและปากให้เรียบ (หรือที่เรียกว่า หุ่นกระบอก เส้นยิ้ม และวงเล็บ) เสริมและฟื้นฟูวอลลุ่มให้แก้มหรือขมับ ลดเลือนเส้นริมฝีปากในแนวตั้ง เสริมริมฝีปากให้อวบอิ่ม ลดรอยพับคาง ปรับปรุงความสมมาตรของใบหน้า ฟิลเลอร์ทำมาจากอะไร มีผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ได้รับการอนุมัติจาก FDA มากมายที่ศัลยแพทย์ตกแต่งใช้ โดยทั่วไป สารตัวเติมจะถูกจัดประเภทตามสารที่ทำขึ้น หมายเหตุเพื่อความปลอดภัยของคุณ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้รับการอนุมัติจาก FDA ฟิลเลอร์ชื่อแบรนด์ ซึ่งหาได้จากแพทย์ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น […]
ฝ้า คือ สภาพผิวที่มีลักษณะเป็นหย่อมสีน้ำตาลหรือสีน้ำเงินเทาหรือจุดคล้ายกระ ฝ้าเกิดจากการผลิตเซลล์ที่สร้างสีผิวมากเกินไป เป็นเรื่องปกติ ไม่เป็นอันตราย และการรักษาบางอย่างอาจช่วยได้ ฝ้ามักจะจางลงภายในไม่กี่เดือน ฝ้าเป็นโรคผิวหนังที่พบบ่อย แปลอย่างหลวม ๆ คำว่า “จุดดำ” หากคุณมีฝ้า คุณอาจพบจุดสีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาลเข้ม และ/หรือสีเทาอมฟ้าบนผิวของคุณ พวกมันสามารถปรากฏเป็นแพทช์แบนหรือจุดเหมือนกระ บริเวณที่ได้รับผลกระทบทั่วไป ได้แก่ ใบหน้า แก้ม ริมฝีปากบน หน้าผาก และปลายแขน ฝ้ามักจะจางลงเมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนต่างให้คุณค่ากับการมีสีผิวที่สม่ำเสมอและกระจ่างใส โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกล่าวถึงผิวหน้า ผู้คนต่างหลงใหลผู้ที่มีผิวที่กระจ่างใสและสีผิวสม่ำเสมอ สีผิวสม่ำเสมอเป็นสัญลักษณ์ของความอ่อนเยาว์ สุขภาพ และความมีชีวิตชีวา ด้วยเหตุผลนี้ จึงเป็นเรื่องที่เครียดมากสำหรับคนที่ส่องกระจกและพบว่ามีอาการของฝ้า ฝ้าเป็นภาวะผิวหนังที่ทำให้ผู้ป่วยมีจุดสีคล้ำหรือน้ำตาล โรคผิวหนังนี้มีผลกับใบหน้าเป็นหลัก แต่ในบางกรณีพบได้ในส่วนอื่นๆ ของร่างกายด้วย ฝ้าสามารถส่งผลกระทบต่อทุกเชื้อชาติและเพศ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อหลักคือผู้หญิงที่มีผิวคล้ำและอาศัยอยู่ในสภาพอากาศที่มีแสงแดดจัด อาการจะชัดเจนขึ้นในช่วงฤดูร้อน และอาการจะจางหายไปในช่วงฤดูหนาว ตรงกันข้ามกับที่บางคนเชื่อ สภาพผิวนี้ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ ไม่เป็นโรคติดต่อ และผู้คนไม่เกิดฝ้าเพราะอาการแพ้ ด้านบวกของฝ้าคือไม่ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง สาเหตุของฝ้าคืออะไร ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของฝ้า อย่างไรก็ตาม อาการนี้ดูเหมือนจะได้รับอิทธิพลจากทั้งฮอร์โมนและแสงแดด เราทราบดีว่าแสงแดดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาของฝ้า และผู้ป่วยมักสังเกตเห็นว่าฝ้ามีสีเข้มขึ้นหรือเด่นชัดขึ้นเมื่อได้รับแสงแดด การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนยังสามารถทำให้เกิดฝ้าได้ […]
สิว เรียกได้ว่าเป็นปัญหาของใครหลายคนเลยทีเดียว ไม่มีมนุษย์คนใดที่ต้องการให้ใบหน้าที่สวยงามมีสิวขึ้นอย่างแน่นอน เราจึงพบว่ามีผลิตภัณฑ์มากมายที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องสิวขายตามท้องตลาด บางคนโชคร้ายมีสิวขึ้นทั่วใบหน้า ไม่ว่าจะพยายามแก้ไขอย่างไรก็ไม่สามารถรักษาให้สิวทั้งหมดหายไปได้ เมื่อไปทำธุระนอกบ้านต้องพบปะผู้คนก็ทำให้เสียบุคลิก ขาดความมั่นใจ ทางออกที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดก็คือ การกดสิว ไม่ว่าจะเป็นสิวหัวดำ สิวหัวขาว และสิวอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นบนใบหน้า แต่วิธีนี้ดีจริงหรือ เป็นวิธีที่สามารถทำให้สิวหายไปจากใบหน้าได้ถาวรจริงหรือไม่ บทความด้านล่างนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจสำหรับคุณ การกดสิวด้วยตัวเอง การกดสิวและรอยสิวอื่นๆ อาจดูเหมือนง่ายจนใครๆ ก็ทำได้ แต่มีศิลปะที่จะทำให้ถูกต้อง คุณต้องการเทคนิคที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ หลุมสิวถาวร สิวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สิวที่เจ็บปวดมากขึ้น การติดเชื้อ ผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์เหล่านี้มักเกิดขึ้นเมื่อคุณเกิดสิวขึ้นที่ใบหน้า หากคุณดันเนื้อหาบางส่วนภายในสิวลึกเข้าไปในผิวหนัง ซึ่งมักจะเกิดขึ้น คุณจะเพิ่มการอักเสบให้กับผิวหนังส่วนนั้นมากขึ้น ด้วยเหตุนี้สามารถนำไปสู่สิวที่สังเกตเห็นได้ชัดมากขึ้น บางคนมีรอยแผลเป็นจากสิวและเกิดความเจ็บปวดตามมาและเมื่อคุณกดสิวเอง คุณก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อจากแบคทีเรียในมือของคุณด้วย แพทย์ผิวหนังรู้วิธีกำจัดสิวอย่างปลอดภัย แพทย์ผิวหนังใช้เทคนิคต่างๆ สองสามวิธีในการกำจัดสิว หนึ่งเรียกว่าการสกัดสิวซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้อุปกรณ์ปลอดเชื้อเพื่อกำจัดสิวหัวดำและสิวหัวขาว โดยปกติแล้วการกดสิวจะถูกเสนอเมื่อการรักษาสิวแบบอื่นไม่สามารถทำให้ผิวกระจ่างใสได้ มันไม่ค่อยเป็นตัวเลือกแรกเพราะต้องใช้เวลาและอาจมีราคาแพง เมื่อทำโดยแพทย์ผิวหนัง การกดสิวเป็นวิธีที่ปลอดภัยในการกำจัดสิวหัวดำและสิวหัวขาว อีกเทคนิคหนึ่งที่แพทย์ผิวหนังใช้ช่วยให้พวกเขาสามารถกำจัดซีสต์หรือก้อนสิวที่ลึกและเกิดความเจ็บปวดได้ ในการทำเช่นนี้แพทย์ผิวหนังจะฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์ที่จุดของสิว ช่วยเร่งการรักษาและลดความเสี่ยงของการเกิดแผลเป็น การฉีดเหมาะสำหรับการรักษาก้อนสิวหรือซีสต์ที่เจ็บปวดอย่างยิ่ง แต่ไม่สามารถใช้รักษาสิวได้หลายอย่าง หากคุณได้รับคอร์ติโคสเตียรอยด์มากเกินไป อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ เฉพาะแพทย์เท่านั้นที่ควรฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์ ในการกำจัดซีสต์หรือก้อนสิวที่เป็นสิวขนาดใหญ่หรือมีความเจ็บปวด แพทย์ผิวหนังอาจใช้ขั้นตอนที่เรียกว่ากรีดและการระบายน้ำ มันเกี่ยวข้องกับการใช้เข็มฆ่าเชื้อหรือใบมีดผ่าตัดเพื่อเปิดตำหนิแล้วเอาสิ่งที่อยู่ข้างในออกมา เนื่องจากแพทย์ผิวหนังใช้เทคนิคที่เหมาะสม […]
ฝ้าปัญหาใหญ่กวนใจสำหรับใครหลาย ๆ คน ยิ่งอายุมากขึ้นมักเจอปัญหาฝ้ามากขึ้นทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย อย่างไรก็ตามการเกิดฝ้าไม่เพียงเกิดขึ้นในกลุ่มคนที่อายุเพิ่มขึ้นเท่านั้นแต่ยังเป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้กับวัยหนุ่มสาวอีกด้วย โดยเฉพาะฝ้าเลือด เรียกได้ว่าเป็นปัญหาที่แก้ยาก ใช้เวลารักษานานพอสมควร หลายท่านผ่านการรักษามาหลายวิธีทั้งรักษาด้วยตัวเองไม่ว่าจะทาสกินแคร์ที่มีการโฆษณาว่าสามารถกำจัดฝ้าได้ ยารักษาฝ้า หรือแม้แต่การเดินเข้าคลินิกไปทำหัตถการแพง ๆ ก็ไม่สามารถรักษาให้หายได้ บางคนไม่เห็นผลลัพธ์ใด ๆ หรือแย่ลงกว่าเดิมเลยด้วยซ้ำไป ทั้งหมดนี้อาจจะเกิดจากการรักษาได้ไม่ตรงจุด วันนี้เราเลยมีสาระดี ๆ เกี่ยวกับฝ้าเลือดและการรักษาฝ้าเลือดมาแนะนำ เรามาทำความรู้จักกับฝ้าเลือด เราจะได้รู้เท่าทันถึงต้นตอที่มาของการเกิดฝ้ากันก่อน แล้วจะได้หาแนวทางในการป้องกันการเกิดฝ้าได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ ฝ้าคืออะไร ฝ้า ( Melasma) คือบริเวณของผิวหนังที่เกิดปื้นหรือจุดสีดำหรือน้ำตาลอ่อนถึงเข้มมากกว่าปกติ ซึ่งเป็นบริเวณที่ผิวหนังมีการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin pigment) มากขึ้นกว่าเซลล์ผิวหนังทั่วไป เมื่อมีการสร้างเม็ดสีเมลานินมากขึ้นเม็ดสีเหล่านั้นจะถูกลำเลียงออกมายังชั้นผิวหนังบนสุดหรือชั้นหนังกำพร้าจึงปรากฏเป็นรอยให้เห็นทั่วบริเวณต่าง ๆ เป็น รอยด่าง ปื้นสีดำหรือน้ำตาลซึ่งจะมีสีเข้มกว่าสีผิวปกติของเรา โดยตำแหน่งบริเวณที่พบสามารถเกิดได้หลายแห่งอาทิ ใบหน้า แก้ม หน้าผาก จมูก ริมฝีปาก ขมับ เป็นต้น การเกิดฝ้าสามารถพบได้ทั้งในเพศชายและเพศหญิง โดยเฉพาะช่วงวัยอายุระหว่าง 30-40 ปี สาเหตุการเกิดฝ้า ฝ้าเป็นปัญหาผิวที่มีสาเหตุการเกิดมาจากหลากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยภายนอกและภายในร่างกายจึงส่งผลให้ผิวหนังบริเวณนั้นๆเกิดรอยหรือสีเข้มกว่าปกติ ซึ่งสาเหตุและปัจจัยการเกิดฝ้าหลักๆมาจาก แสงแดด เป็นปัจจัยหลักของปัญหาการเกิดฝ้า […]
การเกิดฝ้าขึ้นบนใบหน้าถือว่าเป็นปัญหาชวนกลุ้มใจของใครหลาย ๆ คน เรียกได้ว่ามีฝ้าขึ้นเมื่อไรเหมือนกับฝันร้ายมาเยือน เพราะถือว่าเป็นปัญหาผิวที่ยากต่อการรักษา ยิ่งฝ้าลึกด้วยแล้วยิ่งยากที่จะขจัดให้เลือนหาย วันนี้เราลองมาเจาะลึกถึงปัญหาและกลไกการเกิดฝ้าลึก พร้อมวิธีป้องกันเพื่อให้ผิวของเราแข็งแรงและชะลอการเกิดฝ้าไม่ให้รุนแรงได้อย่างทันท่วงที ทำความรู้จักกับฝ้า ฝ้า (Melasma) เป็นลักษณะของความผิดปกติของผิวหนังที่จะมีอาการแสดงเป็นปื้นสีอ่อนคล้ำ ๆ ไปทางโทนน้ำตาลอ่อนและค่อนไปทางสีดำเข้ม ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับชนิด ความรุนแรง และระยะเวลาของการเกิดฝ้า ยิ่งฝ้าที่เป็นมาแล้วนาน ๆ ยิ่งคล้ำสีเข้มชัดเจน โดยส่วนใหญ่ฝ้ามักจะเกิดที่บริเวณโหนกแก้ม จมูก คาง นอกจากบนใบหน้าแล้วยังพบฝ้าได้ในบริเวณอื่น ๆ ได้อีก เช่น คอ ไหล่ แขน หน้าอก และหลัง ซึ่งฝ้านั้นมีหลากหลายชนิด เช่น ฝ้าลึก ฝ้าตื้น ฝ้าผสม ฝ้าเลือด ขึ้นอยู่กับตำแหน่งการเกิดของฝ้านั้น ๆ ในชั้นผิวหนัง ชนิดและประเภทของฝ้า ฝ้าที่เกิดบนผิวหนังนั้นสามารถจำแนกประเภทได้ ดังนี้ ฝ้าตื้น (Epidermal) เป็นฝ้าที่เกิดบริเวณผิวชั้นนอกหรือชั้นหนังกำพร้า มักจะมีขอบเข้มชัด ฝ้าประเภทนี้รักษาได้ง่าย เพราะสามารถกระตุ้นให้ผลัดเซลล์ผิวและหลุดออกไปง่าย ฝ้าลึก (Dermal) เป็นฝ้าที่เกิดในชั้นผิวหนังแท้ สีจะออกน้ำตาลอมม่วงไปทางคล้ำ เนื่องจากอยู่ในผิวชั้นลึกจึงทำให้ฝ้ามีขอบเขตไม่ชัดเจน […]
ฝ้าปัญหาผิวที่สร้างความกลัดกลุ้มใจให้ใครหลาย ๆ คน ทำให้ขาดความมั่นใจในการเผยผิวหน้า เนื่องจากผิวหน้าไม่เรียบเรียบสม่ำเสมอ อีกทั้งยังปัญหาฝ้าเป็นปัญหาผิวที่ค่อนข้างรักษายากต้องใช้เวลาในการรักษาพอสมควร ยิ่งเป็นฝ้าสะสมที่ไม่สามารถระบุชนิดได้ด้วยแล้วอาจต้องใช้หลากหลายวิธีและระยะเวลาในการรักษามากกว่าปกติ ฟังมาถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัยว่า “ฝ้าระบุชนิดไม่ได้” คืออะไร รักษาให้หายได้อย่างไร และเราสามารถดูแลผิวหน้าให้ห่างใสไกลฝ้าได้อย่างไร ลองตามาหาคำตอบพร้อมกันได้ในบทความนี้ ฝ้าคืออะไร และมีกี่ชนิด ฝ้า (Melasma) คือบริเวณที่ผิวหนังเกิดความผิดปกติจากการที่เซลล์ผิวหนังผลิตเม็ดสีผิวเมลานินมากขึ้น ส่งผลให้ผิวบริเวณนั้น ๆ มีลักษณะเป็นจุดปื้นสีนำตาลอ่อนไปถึงเข้ม บางรายอาจมีสีเทาหรือสีม่วงในบริเวณที่เกิดความผิวปกติ โดยทั่วไปการเกิดฝ้าสามารถเกิดในทั้งเพศชายและเพศหญิงโดยเฉพาะช่วงอายุประมาณ 30-40 ปี อย่างไรก็ตามคนที่อายุน้อยกว่าช่วงวัยดังกล่าวก็สามารถเกิดฝ้าได้เช่นกัน ลักษณะการเกิดฝ้าหลัก ๆ มี 5 ชนิดแบ่งได้ ดังนี้ 1. ฝ้าตื้น (Epidermal Melasma) เกิดบริเวณชั้นหนังกำพร้า มีขอบเขตชัด สีเข้ม 2. ฝ้าลึก (Dermal Melasma) เกิดบริเวณชั้นหนังแท้ จะไม่มีขอบเขตชัดเท่าฝ้าตื้น 3. ฝ้าผสม (Mixed Melasma) เป็นฝ้าที่ผสมกันทั้งฝ้าตื้นและฝ้าลึกในบริเวณเดียวกัน 4. ฝ้าเลือด (Telangiectatic Melasma) เป็นฝ้าที่เกิดจากความผิดปกติของเส้นเลือดฝอยบริเวณใบหน้า […]
“ฝ้า” คำ ๆ เดียวที่ใครได้ฟังแล้วก็ต้องผวา เพราะถือว่าเป็นปัญหาผิวที่สร้างความหนักอกหนักใจให้ใครต่อใครมาหนักต่อหนัก เพราะถือว่าเป็นปัญหาผิวที่รักษาให้หายยากมากในบรรดาปัญหาผิวทั้งหมด ยิ่งใครที่เป็นฝ้าผสมด้วยแล้วยิ่งยากเข้าไปใหญ่ มาถึงตรงนี้อาจจะเกิดคำถามแล้วว่าฝ้าผสมคืออะไร แล้วทำไมถึงรักษายาก บทความนี้จะพาไปหาคำตอบและคลายข้อสงสัยนี้กันตั้งแต่สาเหตุและกลไกการเกิดฝ้า ลักษณะเฉพาะของฝ้าผสม ไปจนถึงเคล็ดลับการสยบฝ้าผสมให้จางหายได้ด้วยนวัตกรรมจาก mesoestetic จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นสามารถติดตามได้พร้อมกันเลย ฝ้าคืออะไร ฝ้า (Melasma) เป็นปัญหาผิวที่เกิดจากกระบวนการทำงานที่ผิดปกติของเม็ดสีเมลานิน (Melanin pigment) ใต้ชั้นผิว ทำให้เกิดความหมองคล้ำขึ้นบนชั้นผิว โดยลักษณะของฝ้าจะเป็นปื้นหรือจุดดำเข้มตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อน ๆ ไปจนถึงม่วงคล้ำและดำ ทำให้สีผิวดูไม่สม่ำเสมอ ปัญญาฝ้าสามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัยแต่มักจะพบในผู้ใหญ่ช่วงอายุตั้งแต่ 30 – 40 ปีขึ้นไป มักไม่ค่อยเกิดกับคนอายุน้อย เมลานินคืออะไร ดังได้กล่าวไปแล้วว่าเมลานินใต้ชั้นผิวของเราเป็นปัจจัยของการเกิดฝ้า เราลองมาทำความรู้จักกับเมลานินกันดีกว่า จริง ๆ แล้วเมลานินรงควัตถุทางธรรมชาติมีทั้งสีดำ สีน้ำตาล และสีเหลืองที่พบได้ในสิ่งมีชีวิตรวมไปถึงพืชผักผลไม้ เช่น องุ่น กล้วย เห็ด ฯลฯ ดังจะสังเกตเห็นได้จากพืชผักผลไม้เหล่านี้เวลาเกิดรอยช้ำหรือแผลมักจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลซึ่งเกิดจากการทำงานของเมลานินนั่นเอง ในชั้นผิวหนังของมนุษย์ก็มีเมลานินอยู่ โดยที่เมลานินถูกผลิตออกมจากเซลล์สร้างเม็ดสีที่ชื่อว่าเมลาโนไซต์ (Melanocytes) โดยมีกรดอะมิโนไทโรซีน (tyrosine) ทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่นกับเอนไซม์ไทโรซิเดส (tyrosinase) ซึ่งจะทำปฏิกิริยาที่ซับซ้อนหลายขั้นตอนจนให้ผลลัพธ์สุดท้ายเป็นเม็ดสีเมลานิน และเมื่อสร้างเสร็จแล้วจะถูกบรรจุในแคปซูล […]
ปัญหาผิวที่ขึ้นชื่อว่ารักษายากที่สุดคงหนีไม่พ้นปัญหาฝ้าและริ้วรอย เพราะนอกจากจะมีสาเหตุมาจากแสงแดดหรือมลภาวะภายนอกแล้ว ปัจจัยเรื่องของอายุก็เป็นตัวแปรสำคัญ ยิ่งอายุมากขึ้นฝ้าและริ้วรอยก็จ่อมาเยือนกันถึงหน้าประตูบ้านเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะปัญหาฝ้าที่เมื่อเป็นขึ้นมาแล้วทำให้ผิวหมองคล้ำไม่สม่ำเสมอ ทำให้หน้าไม่กระจ่างสดใส ซึ่งแน่นอนว่าฝ้านั้นมีหลายประเภททั้งฝ้าตื้น ฝ้าเลือด ฝ้าผสม แต่วันนี้เราจะพาไปเจาะลึกถึงฝ้าตื้นกันแบบละเอียดถึงกลไกและสาเหตุการเกิดฝ้า และวิธีการป้องกันรักษาฝ้าเพื่อเป็นแนวทางในการดูแลป้องกันตนเองจากปัญหาฝ้าตื้นก่อนที่จะสายจนกลายเป็นฝ้าสะสมหรือฝ้าถาวร ทำความรู้จักฝ้าตื้น ฝ้าตื้นลักษณะของมันก็ตามชื่อเลยคือเป็นฝ้าที่เกิดขึ้นบนผิวหนังในชั้นผิวที่ตื้น ซึ่งโดยปกติผิวหนังของคนเราจะแบ่งออกเป็น 2 ระดับ ใหญ่ ๆ ก็คือ ชั้นผิวแท้ซึ่งเป็นผิวชั้นลึกที่มีต่อมเหงื่อต่อมไขมันรวมไปถึงคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยผยุงโครงสร้างของผิว ส่วนอีกชั้นที่ถัดขึ้นมาเป็นผิวชั้นบนหรือที่เรียกว่าหนังกำพร้า ซึ่งเป็นผิวที่เรามองเห็นและสัมผัสได้ โดยฝ้าที่เกิดบนผิวชั้นบนหรือหนังกำพร้านี้เองที่เราเรียกว่าฝ้าตื้น ฝ้าตื้นต่างกับฝ้าชนิดอื่นอย่างไร แน่นอนว่าเมื่อมีฝ้าตื้นก็ต้องมีฝ้าลึก ดังได้กล่าวอธิบายไปข้างต้นว่าฝ้าตื้นนั้นเกิดในตำแหน่งชั้นผิวที่ตื้นหรือชั้นหนังกำพร้า ส่วนฝ้าลึกนั้นจะเกิดในชั้นหนังแท้ซึ่งเป็นชั้นผิวระดับลึกก็เลยเรียกชื่อฝ้าที่เกิดบริเวณนี้ว่าเป็นฝ้าลึก ซึ่งมองดูด้วยตาเปล่าเราอาจไม่สามารถแยกแยะฝ้าทั้งสองประเภทนี้ได้ ต้องอาศัยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เรียกว่า Wood’s lamp ที่จะทำงานด้วยการฉายแสงสีฟ้าอมม่วงที่มีช่วงคลื่นแสงยาว 340-400 นาโนเมตร ซึ่งเมื่อนำมาส่องบนผิวในบริเวณที่เกิดฝ้าแล้วจุดดำหรือปื้นของฝ้ามีความเข้มขึ้นกว่าเดิมแสดงว่าเป็นฝ้าตื้น แต่ถ้าส่องแล้วฝ้าไม่เข้มขึ้นแสดงว่าเป็นฝ้าลึก ส่วนใครที่ส่องแล้วมีทั้งฝ้าตื้นและฝ้าลึกอยู่ร่วมกันจะเรียกว่าเป็นฝ้าผสม สาเหตุและกลไกการเกิดฝ้าตื้น กลไกการเกิดฝ้าเป็นกลไกเดียวกับการสร้างสีผิว ซึ่งเกี่ยวข้องกับสารรงควัตถุที่สำคัญอย่างเม็ดสีเมลานิน (Melanin pigment) โดยธรรมชาติแล้วใต้ชั้นผิวของเราจะมีเซลล์ที่ชื่อว่าเมลาโนไซต์ (Melanocytes) ทำหน้าที่ผลิตและสังเคราะห์เมลานินโดยอาศัยเอนไซม์ที่ชื่อว่าไทโรซิเดส (tyrosinase) แล้วนำส่งบรรจุในแคปซูล (melanosome) ขนส่งลำเลียงขึ้นไปสู่ผิวชั้นบนในบริเวณที่เรียกว่าเคราติโนไซต์ (keratinocyte) เกิดเป็นสีผิวขึ้น ซึ่งกรรมพันธุ์และเชื้อชาติของคนแต่ละคนก็ส่งผลต่อขนาดและจำนวนเมลานินที่แตกต่างกัน คนที่ผิวขาวจะมีปริมาณเมลานินน้อยกว่าคนผิวสีเข้ม ทว่า […]