หน้าขาวใสไร้จุดด่างดำ คือสุดยอดปรารถนาของใครหลายๆคน และเพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภค ทำให้ผู้ผลิตเครื่องสำอางจำนวนไม่น้อย ได้ผลิตครีมหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวขาว (Whitening Products) ขึ้นมามากมายในท้องตลาด และเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่เร็วขึ้น ได้มีการใส่สารอันตรายเข้าไปยังครีมดังกล่าวด้วย ไม่ว่าจะเป็นสารปรอท สารสเตียรอยด์ สารไฮโดรควิโนน กรดเรติโนอิก เป็นต้น ซึ่งสารเหล่านี้ มีผลทำให้ผิวขาวเนียนใสในระยะเวลาสั้นๆ แต่เมื่อใช้ไปนานๆก็เป็นเหมือนฝันร้ายของใครหลายคน เพราะพิษร้ายของสารอันตรายเหล่านี้ได้เริ่มปรากฏ ไม่ว่าจะเป็นสิว รอยแดง ผื่นแพ้ หน้าบาง รอยไหม้ดำที่ค่อยๆแผ่วง กว้าง ที่สำคัญสารอันตรายเหล่านี้ยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้าที่ยากต่อการรักษาและกลายเป็นฝ้าถาวรตามมาได้อีกด้วย เราจะมาทำความรู้จักกับสารต้องห้ามอันตราย ที่นิยมใส่ลงไปในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเถื่อนต่างๆที่ไม่มีคุณภาพมาตรฐานในการผลิต เพื่อที่จะสามารถรับมือและป้องกันไม่ซื้อมาใช้ให้ทุกข์ใจในระยะยาว สารอันตรายที่ทำให้เกิดฝ้า สารปรอท (Mercury) สารปรอท (Mercury) มักถูกนำมาใส่ในครีมประเภทเร่งผิวขาว ทำให้ผิวระจ่างใสขึ้นได้จริงในระยะเวลาเพียงแค่ 1 สัปดาห์ ทำให้ผิวเนียนใสขึ้นจนน่าสัมผัส ถูกกำหนดให้เป็นสารต้องห้าม ไม่อนุญาตให้นำมาเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ลำดับที่ 221 ตามที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา เล่ม125 ตอน พิเศษ 80 ง ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2551 โดยกำหนดชื่อสารห้ามใช้ […]
Monthly Archives: February 2023
“หน้าติดสารสเตียรอยด์” อีกหนึ่งปัญหาผิวที่นำมาซึ่งปัญหามากมายให้บรรดาสาวๆอยู่ไม่น้อยในยุคปัจจุบัน ที่มีครีมกระแสออกมามากมายเกลื่อนท้องตลาด “หน้าขาวใส ภายใน7 วัน” “บอกลาฝ้าภายในเวลา 3 วัน” “หน้าฉ่ำวาว แบบสาวเกาหลีฉบับทันใจ” นี่คือส่วนหนึ่งในคุณสมบัติพิเศษของเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ที่ดึงดูดใจให้หลายคนหันมาใช้กันอย่างแพร่หลาย ทั้งที่รู้ตัวและที่ไม่รู้ตัว ด้วยความปรารถนาที่อยากจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนเร็วขึ้น แต่เมื่อหยุดใช้ ความเสียหายใหญ่หลวงที่เกิดขึ้นกับผิวก็ปรากฏเด่นชัด จนทำให้ตกเข้าไปในข่ายของวงจร “หน้าติดสาร” ซึ่งแสดงอาการต่างๆออกมาในหลากหลายรูปแบบ เช่น สิวหนา ฝ้าเกรอะ หน้าดำ หมองคล้ำ หน้าแห้งสาก หยาบกร้าน เนื่องจากสารสเตียรอยด์ได้เข้าไปทำลายจนถึงระดับเซลล์ผิว ในบทความนี้จะพาทุกท่านเข้าไปทำความรู้จักกับสารสเตียรอยด์ สภาพผิวที่ติดสารสเตียรอยด์ รวมถึงแนวทางในการรักษาและการปกป้องผิวหน้าให้ห่างไกลจากสารอันตรายชนิดนี้อย่างแท้จริง สารสเตียรอยด์คืออะไร สเตียรอยด์ (steroid) เป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นมาเองได้ และนอกจากนั้นยังมีสเตียรอยด์สังเคราะห์ที่ถูกนำมาใช้ทางการแพทย์ด้วย ดังนั้น ถ้าจะกล่าวโดยสรุป สเตียรอยด์สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ สเตียรอยด์ตามธรรมชาติที่ร่างกายสร้างขึ้น จากต่อมหมวกไตชั้นนอก (Adrenal cortex steroids) โดยมีหน้าที่ในการช่วยควบคุมสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย ช่วยต้านอาการอักเสบ ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด กล้ามเนื้อ รวมถึงระบบกระดูก ช่วยปรับความเครียด ลดอาการปวด และช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ […]
“วัยทอง” (Menopause) ภาวะที่เกี่ยวข้องกับระบบฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไปในร่างกาย ในรอยต่อระหว่างวัยเจริญพันธุ์และวัยผู้สูงอายุ โดยสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งกับชายและหญิงที่อยู่ในช่วงอายุ 45-50 ปี โดยเฉพาะในผู้หญิง ซึ่งเป็นภาวะที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน เป็นช่วงที่รังไข่หยุดสร้างฮอร์โมนเพศหญิงอย่างเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ซึ่งไม่เพียงมีสัญญาณทางร่างกายที่กำลังบ่งบอกว่ากำลังก้าวเข้าสู่วัยแห่งการเปลี่ยนถ่าย ไม่ว่าจะเป็นอาการร้อนวูบวาบบริเวณลำตัวส่วนบน หนาวสั่น วิตกกังวลหรือใจสั่น นอกจากนี้ยังมีอาการที่แสดงออกทางผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นผิวเหี่ยว ผิวแห้งบาง ขาดความยืดหยุ่น เป็นแผล หรือเป็นฝ้ากระได้โดยง่ายอีกด้วย ลักษณะผิวของคนวัยทอง โดยปกติ รังไข่ของผู้หญิงจะเริ่มทำงานได้อย่างเต็มที่ในช่วงวัยรุ่นจนถึงวัยกลางคน โดยจะทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนเพศหญิงที่เรียกว่า “เอสโทรเจน” และ “โปรเจสเตอโรน” เมื่อเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ประสิทธิภาพการทำงานของรังไข่จะน้อยลงจนถึงหยุดทำงานไปในที่สุด และแน่นอนว่าเมื่อระดับฮอร์โมนทั้งสองชนิดนี้ลดลง ก็จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของระบบร่างกายและสภาพจิตใจได้อีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น ยังส่งผลกระทบต่อสภาพผิวพรรณตามมาดังต่อไปนี้ ผิวบางลง ในช่วงวัยทอง เลือดที่หล่อเลี้ยงอยู่ใต้ผิวหนังจะไหลเวียนได้น้อยลง เนื่องจากหลอดเลือดใต้ผิวหนังบางส่วนอยู่ภายใต้การควบคุมของฮอร์โมนเอสโทรเจน เมื่อฮอร์โมนชนิดนี้ลดลง ทำให้เกิดภาวะเลือดไหลเวียนได้น้อยลงเมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ส่งผลให้มีการนำพาออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็นต่อผิวได้น้อยลงด้วย นั่นจึงเป็นสาเหตุของผิวบาง ผิวถูกทำร้ายโดยแสงแดดได้ง่าย เมื่อฮอร์โมนเอสโทรเจนของคนวัยทองลดน้อยลง ทำให้เมลาโนไซต์ ซึ่งเป็นเซลล์ที่ผลิตเม็ดสีเมลานินในชั้นผิวมีจำนวนลดลงและเสื่อมสภาพลง ทำให้ประสิทธิภาพในการช่วยป้องกันผิวจากยูวีในแสงแดดลดน้อยลงด้วย ทำให้ผิวคล้ำเสียได้ง่ายขึ้น ผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยชัดขึ้น อีกหนึ่งหน้าที่สำคัญของฮอร์โมนเอสโทรเจน คือช่วยสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน แต่เมื่อฮอร์โมนชนิดนี้ลดลงในช่วงเข้าสู่วัยทอง ก็หมายความว่าคอลลาเจนและอีลาสตินก็ถูกสร้างน้อยลงด้วย และเท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้แสงแดดทำร้ายผิวได้ง่ายขึ้น นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวดูหย่อนคล้อยและมีริ้วรอยชัดมากขึ้น […]
ริ้วรอยเป็นปัญหาผิวที่มักจะมาพร้อมกับวัยที่มากขึ้น เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความแก่ของผิวที่เสื่อมสภาพลงตามวัย อีกทั้งริ้วรอยยังเป็นปัญหาผิวที่ยากต่อการรักษาเมื่อเทียบกับปัญหาผิวอื่น ๆ เพราะว่าปัญหาริ้วรอยเป็นปัญหาผิวที่เกิดกับโครงสร้างผิวระดับลึก เปลี่ยนเสมือนการที่โครงสร้างบ้านหรืออาคารชำรุด แน่นอนว่าจะต้องใช้เวลาและสรรพกำลังมากมายกว่าจะกอบกู้ให้กลับมาแข็งแรงได้เหมือนเดิม การป้องกันก่อนเกิดริ้วรอยจึงง่ายกว่าการแก้ไขรักษา เราลองมาทำความรู้จักกับปัญหาริ้วรอยกันให้มากขึ้นดีกว่าเพื่อเป็นแนวทางในการป้องกันและรักษาไม่ให้ใบหน้าของเรามีริ้วรอยและหย่อยคล้อยก่อนวัย ปัญหาริ้วรอยคืออะไร ริ้วรอย (wrinkle) เป็นปัญหาความเหี่ยวย่นของผิวที่ทำให้เกิดความหย่อนคล้อยไม่ยกกระชับ จึงทำให้เกิดเป็นเส้นริ้วตามจุดต่าง ๆ บนใบหน้าไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยร่องแก้มหรือที่เรียกติดปากกันว่าร่องน้ำหมาก ริ้วรอยใต้ตา รอยตีนกา ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก หัวคิ้ว และบริเวณลำคอ ซึ่งปัญหาริ้วรอยเป็นปัญหาผิวที่จะฟื้นฟูให้ผิวกลับมาเรียบเนียนได้อีกครั้งนั้นยากมาก หลาย ๆ คนต้องกลบพรางด้วยรองพื้นหรือคอนซีลเลอร์หนา ๆ แต่ระหว่างวันก็จะตกร่องเห็นเป็นคราบขาว ทางออกที่ง่ายและไวที่หลาย ๆ คนเลือกจึงเป็นการเดินเข้าคลินิกใช้หัตถการทางการแพทย์จำพวกร้อยไหม ฉีดโบท็อกซ์ ฉีดฟิลเลอร์ เลเซอร์กระตุ้นคอลลาเจน รวมไปถึงใช้คลื่นความถี่ต่ำ เช่น เทอร์มาจ (Thermage) อัลเทอร่า (Ulthera) ไฮฟู (HIFU) ทั้งนี้ก็เพราะการฟื้นฟูด้วยสกินแคร์หรือครีมบำรุงผิวนั้นเห็นผลช้าต้องอาศัยระยะเวลาต่อเนื่องยาวนาน กลไกของการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า ริ้วรอยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของเรานั้นเป็นผลจากความหย่อนคล้อยของผิวที่ไม่กระชับ ซึ่งเราจำเป็นจะต้องเข้าใจถึงโครงสร้างของชั้นผิวเพื่อที่จะทำความเข้าใจปัญหาริ้วรอย เพราะริ้วรอยเกิดจากโครงสร้างผิวระดับลึก โดยชั้นผิวของเราแบ่งออกเป็น 2 ชั้น คือ ชั้นหนังกำพร้า (epidermis) และชั้นหนังแท้ […]
ปัญหาผิวหยาบกร้าน หย่อนคล้อย ไปจนถึงริ้วรอยเหี่ยวย่น เหล่านี้ล้วนเป็นผลจากการที่ผิวของเราขาดน้ำ ทำให้ผิวไม่มีความชุ่มชื้น ปัญหาผิวต่าง ๆ จึงมาเยือน พูดง่าย ๆ ก็คือผิวขาดน้ำเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาผิวเสื่อมสภาพอื่น ๆ ขึ้นมาเลยก็ว่าได้ ดังนั้น เรามาทำความเข้าใจถึงปัญหาผิวขาดน้ำกันให้มากขึ้นดีกว่าว่าเป็นยังไง ส่งผลเสียต่อผิวของเราในรูปแบบไหนได้บ้าง แล้วเราจะมีแนวทางยังไงในการฟื้นฟูผิวให้กลับมาเนียนนุ่มชุ่มชื้น บทความนี้มีคำตอบ ปัญหาผิวขาดน้ำคืออะไรกันแน่? ปัญหาผิวขาดน้ำ (dehydrated skin) เกิดมาจากชั้นใต้ผิวของเราขาดน้ำ ทำให้ความชุ่มชื้นใต้ชั้นผิวไม่เพียงพอ ซึ่งปัญหาผิวขาดน้ำนี้มักจะเกิดขึ้นเวลาที่เราดื่มน้ำน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ อดนอนเป็นเวลานาน ผลที่ตามมาก็คือต่อมไขมันใต้ผิวผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมาเพื่อทดแทนน้ำที่ขาดหายไป ทำให้ผิวหน้ามันเยิ้มดูโทรมไม่สดใส ผิวหมองคล้ำไม่อิ่มฟู แต่งหน้าไม่ค่อยติดทน และจะก่อให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ อย่างปัญหาสิว ริ้วรอย และความหย่อนคล้อยตามมาได้ในที่สุด โดยปัญหาผิวขาดน้ำเป็นอาการที่สามารถเกิดได้กับสภาพผิวทุกประเภทไม่ว่าคุณจะผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม ก็สามารถเกิดปัญหาผิวขาดน้ำได้เหมือนกันหมด กลไกของปริมาณน้ำในชั้นผิว ผิวหนังของคนเราแบ่งออกเป็นหลัก ๆ เป็น 2 ชั้น คือ ชั้นหนังกำพร้า (epidermis) และชั้นหนังแท้ (Dermis) โดยชั้นผิวที่เกี่ยวข้องกับกลไกปริมาณน้ำในผิวมากที่สุดก็คือชั้นหนังกำพร้า […]
ใครที่ติดตามข่าวสารหรืออยู่ในวงการสกินแคร์ ความงาม และ Beauty blog คงจะเคยผ่านหูผ่านตากับสารสกัดตัวหนึ่งที่กำลังมาแรงในหมู่ anti-aging อย่างวิตามินเอ เพราะมีงานวิจัยออกมารับรองและยืนยันจำนวนมากว่ามีประสิทธิภาพช่วยชะลอวัย ลดการเหี่ยวย่นของผิว และต่อต้านการเกิดริ้วรอยได้ เราลองมาทำความรู้จักกับสารสกัดชนิดนี้กันให้มากขึ้นดีกว่าว่ามีกลไกการบำรุงและดูแลผิวอย่างไรแล้วจะมีผลข้างเคียงอะไรที่เป็นอันตรายหรือไม่ มาหาคำตอบร่วมกันได้ในบทความนี้เลย วิตามินเอ (vitamin A) สารสกัดมาแรงในวงการชะลอวัย วิตามินเอหรือในวงการวชสำอางมีชื่อเรียกว่า เรตินอยด์ (retinoid) เป็นสารในกลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ ซึ่งจัดเป็นสารในกลุ่ม active ingredient ที่มีงานวิจัยออกมารองรับหลายชิ้นว่าช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิวได้ โดยสารในกลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอนี้มีชื่อทางเคมีว่า Retinoic Acid หรือ Tretinoin มีประสิทธิภาพเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเสื่อมสลายของคอลลาเจนใต้ชั้นผิว และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ให้ผิวของเราเต่งตึง ด้วยเหตุนี้ Retinoic Acid จึงเป็นสารสกัดที่น่าสนใจและมาแรงมาในแวดวงสกินแคร์และเวชสำอาง Retinoic Acid หรือ Tretinoin เป็นอนุพันธ์วิตามินเอที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพราะเป็น active form ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้เลยทันที เพราะเป็นสารที่จับกับตัวรับบนเซลล์ผิวของเราและซึมซาบได้เลยทันทีไม่ต้องเปลี่ยนรูป ช่วยฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพจากการถูกรังสียูวีทำร้าย ช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวสังเคราะห์อีลาสติน คอลลาเจนชนิดที่ 1 และคอลลาเจนชนิดที่ […]
ปัญหามลภาวะในอากาศเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงขึ้นมาในระยะ 2-3 ปีให้หลังมานี้ ยิ่งในประเทศไทยมีค่าฝุ่นละอองในอากาติดอันดับท็อปต้น ๆ ของโลกก็เคยมาแล้ว โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 ที่เรียกได้ว่าแทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันที่เราต้องประสบในทุก ๆ วัน ซึ่งแน่นอนว่าสะสมไปนาน ๆ เข้าย่อมเป็นผลเสียต่อร่างกายที่อาจก่อให้เกิดโรคร้ายแรงอย่างโรคมะเร็งตามมาได้ ไม่เพียงเท่านั้นเจ้าฝุ่น PM 2.5 นี้ยังส่งผลเสียต่อผิวของเราด้วย การดูแลและฟื้นฟูสุขภาพผิวอยู่เป็นประจำจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ละเลยไม่ได้ เราจะมีวิธีการป้องกันผิวจากอันตรายของ Pm 2.5 อย่างไรนั้นตามมาหาคำตอบกันได้ในบทความนี้เลย มีอะไรใน PM 2.5 ฝุ่น PM 2.5 เป็นมลภาวะในอากาศย่อมาจาก Particulate Matter with diameter of less than 2.5 micron เป็นมลพิษที่ปะปนล่องลอยอยู่ในอากาศซึ่งประกอบไปด้วยอนุภาคและสารเคมีหลายชนิดโดยเฉพาะอนุภาคฝุ่นละอองระดับไมครอน (1 ใน 1000 ของมิลลิเมตร) จึงเรียกรวม ๆ กันว่า PM 2.5 เพราะส่วนใหญ่จะมีแต่สารอนุภาคเล็กระดับ 2.5 ไมครอน […]
อนุมูลอิสระคืออะไร ? หลายคนอาจเคยได้ยินคำนี้บ่อย ๆ แต่รู้หรือไม่ว่า อนุมูลอิสระเป็นศัตรูตัวร้ายที่ทำลายผิวของเราแบบเงียบ ๆ ส่งผลให้ผิวหมองคล้ำ เกิดริ้วรอย และดูแก่ก่อนวัย หากคุณอยากมีผิวสวยสุขภาพดี การปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ในบทความนี้เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับอนุมูลอิสระ สาเหตุการเกิด และวิธีต้านอนุมูลอิสระ เพื่อให้ผิวสวยใส ดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมเคล็ดลับการดูแลผิวอย่างล้ำลึกที่คุณสามารถทำตามได้ง่าย ๆ เพื่อผิวกระจ่างใส สุขภาพดี อนุมูลอิสระคืออะไร? ทำไมถึงเป็นอันตรายต่อผิว อนุมูลอิสระ (Free Radicals) คือโมเลกุลที่ไม่เสถียร ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันภายในร่างกาย หรือเกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น มลภาวะ แสงแดด ควันบุหรี่ ฝุ่น ควัน โลหะหนัก และความเครียด เมื่ออนุมูลอิสระเข้าสู่ร่างกาย จะทำลายเซลล์ผิวหนังและเนื้อเยื่อ ส่งผลให้เซลล์ผิวเสื่อมได้ง่าย และเกิดริ้วรอยก่อนวัย สาเหตุของการเกิดอนุมูลอิสระ นอกจากการหาคำตอบว่า อนุมูลอิสระคืออะไร ? แล้ว เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง เราจำเป็นต้องรู้ถึงที่มาของอนุมูลอิสระด้วย ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ จากหลายสาเหตุ ดังต่อไปนี้ ผลกระทบของอนุมูลอิสระต่อผิว ที่คุณอาจไม่เคยรู้ อนุมูลอิสระได้สร้างปัญหามากมายให้แก่ผิวทุกประเภท […]
ในหลายปีที่ผ่านมา สเต็มเซลล์ (Stem Cell) ซึ่งเป็นเซลล์ต้นกำเนิดหรือเซลล์ตามธรรมชาติของร่างกายได้ถูกพัฒนานำมาใช้มากยิ่งขึ้นในวงการแพทย์และวางการความงาม โดยมีการวิจัยว่าร่างกายตอบสนองได้ดีในหลายๆโรคที่เกี่ยวข้องกับเซลล์ของอวัยวะต่างๆ ทั้งยังมีความปลอดภัยเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งในร่างกายของเราเอง ไม่เพียงเท่านั้น ในวงการความงามก็ยังได้นำสเต็มเซลล์(Stem Cell) มาใช้เพื่อย้อนวัยให้กับผิวอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องทำกับแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญเท่านั้น แท้จริงแล้วสเต็มเซลล์ (Stem Cell) คืออะไร และสามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคหรือการดูแลผิวพรรณได้จริงหรือไม่ เราจะพาคุณไปไขความกระจ่างนี้ด้วยกัน สเต็มเซลล์ (Stem Cell) คืออะไร? สเต็มเซลล์ (Stem Cell) เป็นเซลล์ธรรมชาติที่อยู่ในสิ่งมีชีวิต ทั้งในมนุษย์ พืช และสัตว์ ส่วนในร่างกายมนุษย์จะมีเซลล์อยู่ประมาณ 50-100 ล้านล้านเซลล์ ซึ่งเซลล์เหล่านี้เมื่อประกอบกันก็จะเป็นอวัยวะต่างๆของร่างกายที่ทำหน้าที่แตกต่างกันไป โดยมีจุดเริ่มต้นที่เป็นต้นกำเนิดมาจากเซลล์เดียวที่มีการผสมพันธุ์ระหว่างเพศผู้กับเพศเมีย หรือถ้าพูดง่ายๆคือครึ่งหนึ่งของเซลล์มาจากไข่ของแม่และอีกครึ่งหนึ่งมาจากสเปิร์มของพ่อ จนเป็นหลายเซลล์และพัฒนาไปเป็นอวัยวะต่างๆต่อไป เซลล์ที่เป็นต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย เราเรียกกันว่า “ สเต็มเซลล์ (Stem Cell)” ซึ่งสเต็มเซลล์สามารถพัฒนาไปเป็นเนื้อเยื่อได้ทั้งหมดกว่า 200 ชนิดทีเดียว หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งก็คือว่าเซลล์ทุกเซลล์มีการพัฒนามาจากสเต็มเซลล์นั่นเอง คำว่า “ สเต็มเซลล์ (Stem Cell) ” ถูกเรียกครั้งแรกในปี ค.ศ.1908 โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียท่านหนึ่ง ในการประชุมที่กรุงเบอร์ลิน ที่ตั้งชื่อเช่นนี้เพราะเชื่อว่าสเต็มเซลล์มีความสามารถในการสร้างเลือด และได้มีการศึกษามาอย่างต่อเนื่องยาวนานพร้อมกับการพัฒนาความรู้ที่เพิ่มมากขึ้น […]