หากว่าคุณนั้นเป็นคนที่เกิดมาพร้อมกับร่างกายที่แข็งแรง ก็ไม่มีเรื่องที่วิตกกังวล แต่หากว่าคุณนั้นเป็นคนที่มีภูมิต่ำ หรือว่าเป็นคนที่ไม่กินผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ช่วยให้ร่างกายได้รับสารที่มีผลดีต่อร่างกาย และคุณนั้นมีความกังวลเรื่องฝ้า กระ จุด ด่างดำ ที่อาจจะเกิดขึ้น เมื่อคุณนั้นขาดวิตามินที่เป็นตัวช่วยในการทำงาน ในเรื่องของการต้านอนุมูลอิสระต่างๆ และหากว่าคุณไม่กินอาหารเริ่มจะส่งผลอย่างไรให้กับคุณ วันนี้เรามีคำแนะนำจากคุณหมอที่จะมาบอกทุกข้อสงสัย และการทำงานของร่างกาย การเกิดฝ้าหากว่าร่างกายเรานั้นขาดวิตามิน และเรานั้นต้องหมั่นคอยเติมวิตามินอะไรบ้าง มาเพิ่มความรู้ไปพร้อมกันเลย วิตามินที่ร่างกายต้องการเพื่อช่วยในการป้องกันไม่ให้เกิด ฝ้า ริ้วรอย จุดด่างดำ สำหรับผู้ที่เป็นฝ้า หรือว่าเป็นกระ จุดด่างดำ ซึ่งก็รวมไปถึงสิวด้วย การที่เรานั้นหันมากินอาหารเสริม หรือว่าเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อช่วยเสริมสร้างการทำงานของร่างกายและสร้างภูมิคุ้มกันให้ที่แข็งแรงมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะทำให้ห่างไกลริ้วรอยแล้วนั้น การที่ทานเสริมที่ดีต่อร่างกายก็ทำให้เรานั้นดูอ่อนกว่าเยาว์ และทำให้ระบบการทำงานของร่างกายเรามีระบบงานที่ยืดยาวเสื่อมสภาพช้ากว่าปกติ โดยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายทำให้ผิวพรรณดูเปร่งปลั่งไร้ริ้วรอยดำ ฝ้า กระ ดูจางลง ก็จะเป็นพวก วิตามินเอ, วิตามินบี, วิตามินซี และกรดโฟลิก โดยเฉพาะวิตามินบี 12 ที่ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อร่างกายและช่วยบรรเทาปัญหาการเกิดฝ้าได้ดี สารอาหารสำคัญเหล่านี้มีมากในผักใบเขียว, ผลไม้ และไข่ เป็นต้น หากว่าใครที่ต้องการทานอาหารเสริมก็แนะนำให้ซื้อพวก วิตามินบี 12 มาทาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของร่างกายให้มีการทำงานที่สมบูรณ์ และยิ่งไปว่านั้น ท่านก็ควรที่จะออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายของท่านแข็งแรง […]
Monthly Archives: May 2023
หลายท่านอาจคุ้นเคยชื่อของกรดไฟติค (Phytic acid) ในอาหารประเภทถั่ว แต่ทุกวันนี้ได้มีการนำกรดดังกล่าวเข้ามาใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ในการรักษาฝ้า กระหรือจุดด่างดำบนใบหน้า วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับกรดไฟติค (Phytic acid)กันมากขึ้นว่าคืออะไร มีประโยชน์และข้อจำกัดในการใช้อย่างไรบ้าง เพื่อจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและนำไปสู่ปริมาณการใช้ที่เหมาะสมเพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษาและฟื้นบำรุงผิวตามมา กรดไฟติค (Phytic acid) คืออะไร? กรดไฟติค (Phytic acid) มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าอิโนซิทอลเฮกซาฟอสเฟตหรือ IP6 เป็นหนึ่งในชนิดของกรดที่พบได้ในเมล็ดพืช เช่น ในข้าว โกโก้ กาแฟ และพืชตระกูลถั่วทุกชนิด โดยเฉพาะในเมล็ดโกโก้ ทำหน้าที่เป็นแหล่งสะสมหลักของฟอสฟอรัสในเมล็ดพืช แต่เมื่อเมล็ดนั้นงอก กรดชนิดนี้จะแตกตัวและปล่อยฟอสฟอรัสออกมา มีการศึกษาระบุเอาไว้ว่ากรดไฟติคในรูปของไฟเตต(Phytates) เป็นหนึ่งในสารที่สามารถลดและต้านคุณค่าทางโภชนาการของอาหาร (anti-nutrients) โดยจะไปยับยั้งเอนไซม์ในระบบทางเดินอาหาร และเป็นสารที่มีคุณสมบัติเป็นคีเลตอย่างแรง ที่เข้าไปจับตัวแร่ธาตุ สังกะสี เหล็กและแคลเซียม ทำให้ระบบลำไส้ไม่สามารถดูดซึมเอาแร่ธาตุเหล่านี้ไปใช้ได้อย่างเต็มที่ การจัดการกับกรดไฟติค (Phytic acid) การหลีกเลี่ยงที่จะรับประทานอาหารที่มีกรดไฟติค (Phytic acid) คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เนื่องจากอาหารเหล่านั้นยังมีประโยชน์และให้คุณค่าทางโภชนาการแก่ร่างกายอยู่ สำหรับผู้ที่รับประทานเนื้ออยู่เป็นประจำคงไม่เป็นปัญหา แต่สำหรับประเทศที่มีความจำกัดเรื่องอาหารที่มีแต่จำพวกถั่วหรือธัญพืช อาจจะส่งผลต่อสุขภาพระยะยาว ดังนั้นเพื่อการนำกรดไฟติค (Phytic acid) ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น […]
หากพูดถึงส่วนผสมสำคัญในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือสกินแคร์ที่มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นบรรเทาอาการผิวแห้งกร้านชื่อของเชียบัตเตอร์ต้องเป็นชื่อแรก ๆ ที่ต้องนึกถึง เพราะเป็นสารสกัดยอดฮิตที่นิยมใช้ในกันมานาน เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์จากธรรมชาติ อีกทั้งยังผลข้างเคียงน้อย ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ระคายเคือง วันนี้เรามาลองเจาะลึกกันดีกว่าว่าจริง ๆ แล้วเชียบัตเตอร์คืออะไร สามารถบำรุงผิวเราให้สุขภาพดีได้จริงไหม หาคำตอบพร้อมกันได้ในบทความนี้เลย เชียบัตเตอร์มอยส์เจอร์ไรเซอร์จากธรรมชาติ เชียบัตเตอร์ (Shea butter) เป็นไขมันสกัดจากผลของต้นเชียนัท (Shea Nut) พืชพื้นเมืองของชาวแอฟริกา ลักษณะลำต้นสูงได้ถึง 60 ฟุต สามารถอายุยืนถึง 200 ปี ซึ่งผลของมันเมื่อนำมากะเทาะเปลือกสกัดออกมาแล้วจะให้เนื้อสัมผัสเหนียวข้นคล้ายเนยจึงมีคุณสมบัติช่วยเคลือบผิวกักเก็บน้ำไม่ให้ละเหยออกจากผิว และยังช่วยเติมเต็มน้ำจากอากาศเข้าสู่ชั้นผิวให้ผิวชุ่มชื้นฉ่ำน้ำได้ยาวนาน ไม่เพียงเท่านั้นในเชียบัตเตอร์ยังอุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารสำคัญที่มีประโยชน์ เช่น วิตามินอี วิตามินซี วิตามินเอ กรดซินนามิก สารโพลีฟีนอล (Polyphenols) สารไตรเทอร์พีน (Triterpene) และสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพอื่น ๆ อีกมากมาย คุณประโยชน์ของเชียบัตเตอร์ เนื่องจากว่าเชียบัตเตอร์เป็นน้ำมันสกัดจากธรรมชาติจึงอุดมไปด้วยสารอาหารและวิตามินที่มีประโยชน์จำนวนมากซึ่งช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวพรรณให้สุขภาพดีและกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยคุณสมบัติดี ๆ เช่นนี้เชียบัตเตอร์จึงนิยมนำมาใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เพื่อความงามไม่ว่าจะเป็นสบู่ ครีมอาบน้ำ โลชั่นทาผิว ครีม ลิปสติก รวมไปถึงเครื่องสำอางเมคอัพต่าง ๆ […]
เคยรู้ไหมว่าสกินแคร์ที่เราใช้ทาบำรุงผิวอยู่ทุกวันนั้นมีส่วนผสมอะไรบ้าง เราเลยอยากชวนคุณกลับไปพลิกดูส่วนผสมของสกินแคร์ที่คุณใช้ดูว่ามีอะไรบ้าง เชื่อแน่ว่าในบรรดาสกินแคร์ทั้งหมดที่คุณมีจะต้องมีสักตัวหนึ่งที่มีส่วนผสมของที่ชื่อว่าสควาเลน (Squalane) และมั่นใจว่าหลาย ๆ คนคงคุ้นเคยหรือได้ยินสควาเลนกันมาบ้าง แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าจริง ๆ แล้วสควาเลนนั้นคืออะไรกันแน่ วันนี้เราจะพาทุกคนไปเจาะลึกรายละเอียดของเจ้าสควาเลนคืออะไร แล้วมีคุณประโยชน์อย่างไรในการดูแลผิวพรรณ สควาเลน คืออะไร? สควาเลนเป็นสารสกัดสุดท้ายของน้ำมันจากธรรมชาติที่เรียกว่าสควาลีน (Squalene) โดยเจ้าสควาลีนก็คือไขมันจากธรรมชาติที่สามารถพบได้ทั้งในพืชและสัตว์ ส่วนใหญ่จะพบในผลมะกอก ตับของปลาฉลาม จมูกข้าวสาลี รำข้าว อ้อย เป็นต้น นอกจากนั้นร่างกายของเราก็สามารถผลิตสควาลีนออกมาหล่อเลี้ยงและปกป้องผิวหนังชั้นนอกให้ชุ่มชื้นไม่แห้งกร้าน เพราะสควาลีนทำหน้าที่เสมือนฟิล์มเคลือบผิวป้องกันไม่ให้ผิวสูญเสียน้ำ เมื่อเรานำเอาสควาลีนมาผ่านกระบวนการ hydrogenation ก็จะได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นสควาเลน ซึ่งเป็นโครงสร้างโมเลกุลมีขนาดเล็กลง บางเบาขึ้น เนื้อละเอียดขึ้น ส่งผลให้มีประสิทธิภาพและเสถียรมากกว่าเดิม จึงอาจกล่าวได้ว่าสควาเลนเป็นผลผลิตที่เกิดจากสควาลีนนั่นเอง ในภาวะที่ร่างกายของเราทำงานเป็นปกติผิวของเราจะผลิตสควาลีนออกมาทำหน้าที่เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ตามธรรมชาติ หรือ Natural Moisturizing Factor (NMF) ทำหน้าที่รักษาและกักเก็บความชุ่มชื้นอยู่แล้ว แต่ด้วยปัจจัยในเรื่องของอายุที่มากขึ้น การสัมผัสแสงแดด รังสียูวี และมลภาวะที่พบเจอในชีวิตประจำวัน ตลอดจนการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ทำให้ผิวเราแห้งตลลอดเวลาอย่างเช่นการอยู่ในห้องแอร์นาน ๆ เหล่านี้ทำให้สควาลีนตามธรรมชาติของเราผลิตออกมาน้อยลง จึงจำเป็นที่จะต้องทาบำรุงสความลีนสกัดหรือก็คือสควาเลนลงไปเพื่อฟื้นบำรุงผิวของเราให้เนียนนุ่มชุ่มชื้นดูสุขภาพดีขึ้น ประโยชน์ของสควาเลน เนื่องจากสควาเลนเป็นผลผลิตที่เกิดจากน้ำมันธรรมชาติ มันจึงมีคุณสมบัติเป็นดังมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยกักเก็บและเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับเซลล์ผิว […]
ในแวดวงเครื่องสำอางและสกินแคร์มีการพัฒนาก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อค้นคว้าหาสารสกัดใหม่ ๆ มาฟื้นบำรุงและดูแลสุขภาพผิวของเราให้กระจ่างใสสุขภาพดี กล่าวได้ว่าสารสกัดสำคัญหรือ active ingredient ในสกินแคร์นั้นเป็นหัวใจสำคัญ ผลิตภัณฑ์ตัวไหนจะใช้เห็นผลหรือไม่เห็นผลยังไงก็อยู่ที่ active ingredient ที่ใช้เลย ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคนไปเปิดโลกทำความรู้จักกับ active ingredient ตัวหนึ่งนั่นก็คือ Ectoin เป็นสารสำคัญในแวดวงสกินแคร์และเภสัชกรรมที่มีประสิทธิภาพสูงในการดูแลผิวพรรณ เราตามไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันในบทความนี้กันดีกว่าว่าเจ้าสารสกัด Ectoin นั้นคืออะไรกันแล้วดีต่อผิวอย่างไร Ectoin คืออะไร? Ectoin หรือ Extremolytes เป็นสารสกัดชีวโมเลกุลในรูปแบบอนุพันธ์กรดอะมิโนที่สกัดจากจุลินทรีย์ชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Halomonaselongata ความโดดเด่นก็คือเจ้าจุลินทรีย์ชนิดนี้อาศัยอยู่ในทะเลสาบน้ำเค็ม WadiNatrun ของอียิปต์ ซึ่งเป็นสภาวะแวดล้อมที่กันดารแร้นแค้น มีแสงแดดคอยแผดเผา ในตอนกลางวันมีอุณหภูมิสูงถึง 60 องศาเซลเซียส ส่วนในตอนกลางคืนอุณหภูมินั้นลดต่ำลงจนเหลือเพียง 0 องศาเซลเซียสเท่านั้น ในขณะที่ความชื้นในอากาศมีน้ำเพียงแค่ 5% เท่านั้น ซึ่งในสภาวแบบนี้ยากมากที่สิ่งมีชีวิตจะอยู่รอดได้ แต่เจ้าจุลินทรีย์ Halomonaselongata กลับสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างน่าประหลาดใจ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1985 ความลับนี้ได้ถูกไขคำตอบว่าเจ้าจุลินทรีย์ Halomonaselongata นั้นจะสร้างสารที่ชื่อว่า Ectoin ออกมาห่อหุ้มเซลล์ของมันไว้ […]
หนึ่งในศาสตร์การรักษาโรคที่อยู่คู่กับมนุษย์มาอย่างยาวนานต้องยกให้กับ “การฝังเข็ม” ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน ไม่ใช่แค่การรักษาโรคภายในร่างกายที่ทุกคนพอจะคุ้นเคย เช่น อาการปวดเมื่อย หมอนรองกระดูก อาการปวดไมเกรน ปวดศีรษะ หรือปัญหาเรื่องประจำเดือนเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีหลายคนเลือกรักษาฝ้าด้วยวิธีนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตามข้อสงสัยที่ต้องการคำตอบให้ชัดเจนนั่นคือ การฝังเข็มช่วยรักษาฝ้าได้หรือไม่? มาศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจเลย ตอบข้อสงสัย? การฝังเข็ม คืออะไร การฝังเข็ม คือ หนึ่งในศาสตร์การรักษาตามตำราแพทย์แผนจีนเพื่อกระตุ้นการทำงานของระบบภายในร่างกาย ฟื้นฟูสุขภาพให้แข็งแรงมากขึ้น ถือเป็นวิธีรักษาที่ถูกใช้มายาวนานมากกว่า 4,000 ปี และปัจจุบันก็ยังคงได้รับความนิยมเพื่อบรรเทาอาการเจ็บป่วยในหลายด้าน หลักของการฝังเข็มแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเลือกใช้เข็มที่มีขนาดเล็กมาก ฝังลงไปตามจุดพลังงานหรือจุดรักษาโรคต่าง ๆ ตามร่างกาย มีจุดประสงค์สำคัญเพื่อให้พลังงานบริเวณดังกล่าวกลับมาทำงานได้ดีอีกครั้ง หรือช่วยเพิ่มสมดุลอวัยวะที่กำลังเสื่อมให้ดีขึ้น อาจไม่ถึงกับใช้งานได้ 100% แต่ก็ไม่เจ็บปวด ใช้ชีวิตตามความเหมาะสมต่อไป กลุ่มอาการที่นิยมให้การรักษาด้วยวิธีฝังเข็ม ความน่าเชื่อถือของการฝังเข็มแผ่ขยายไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก และที่สำคัญผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) พร้อมทั้งมีการระบุโรคให้เสร็จว่าอาการใดสามารถรักษาด้วยวิธีนี้ได้ ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ให้ผลการรักษาใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากับการใช้ยาแผนปัจจุบัน ไม่เกิดผลข้างเคียงอื่นใดตามมาภายหลัง ซึ่งกลุ่มอาการยอดนิยมที่มักรักษาด้วยวิธีนี้ ประกอบไปด้วย กลุ่มอาการปวด / กลุ่มโรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก เช่น ออฟฟิศซินโดรม ปวดคอ บ่า ไหล่ […]
“สมุนไพร” เป็นสิ่งที่อยู่คู่คนไทยมาช้านาน ไม่ใช่แค่เรื่องของการทานเพื่อเป็นยารักษาโรค หรือบำรุงสุขภาพเท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาดัดแปลงด้วยการเพิ่มเติมส่วนผสม หรือการใช้สูตรต่าง ๆ เพื่อบำรุงผิวพรรณ ดูแลร่างกายจากภายนอกด้วยโดยเฉพาะเรื่องของ “ฝ้า” ปัญหากวนใจสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหลาย ใครที่อยากลองใช้วัตถุดิบแบบไทยที่ได้จากธรรมชาติ ลดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง ลองมาทำความรู้จักกับ “การรักษาฝ้าด้วยสมุนไพร” กันได้เลย สมุนไพรรักษาฝ้าพร้อมสูตรยอดนิยมเพื่อการดูแลผิว ลำดับแรกอยากพาทุกคนไปทำความรู้จักกับสมุนไพรที่มีสรรพคุณเด่นเรื่องของการช่วยรักษาฝ้า ซึ่งต้องบอกว่ามีด้วยกันเยอะพอสมควร รวมถึงสูตรจากสมุนไพรดังกล่าว ทำได้ง่ายมาก แถมผลลัพธ์น่าประทับใจสุด ๆ เลย ว่านหางจระเข้ หากพูดถึงสมุนไพรที่นิยมนำมาใช้ดูแลผิวยาวนานหลานศตวรรษต้องยกให้กับว่านหางจระเข้ อาทิ แก้โรคผิวหนัง รักษาสิว ริ้วรอย จุดด่างดำ แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก และแน่นอนว่า “ฝ้า” ก็เป็นอีกปัญหาที่สมุนไพรชนิดนี้สามารถลดความรุนแรงที่เกิดขึ้นให้เบาลงได้ ด้วยสรรพคุณเด่นคือการเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการเกิดเม็ดสีเมลานินอันเป็นสาเหตุสำคัญของฝ้า จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมใคร ๆ ต่างก็หลงรักและยังคงใช้กันไม่เสื่อมคลาย สูตรแนะนำ ใช้เฉพาะวุ้นภายในของว่านหางจระเข้ประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ พอกหน้าที่ล้างสะอาดแล้วไว้ประมาณ 20-30 นาที จากนั้นจึงล้างหน้าออก ทำเป็นประจำทุกเช้า-เย็น ใบบัวบก หลายคนอาจเรียกว่าสมุนไพรแก้ช้ำใน […]
หลายคนอาจจะได้เคยศึกษาการทำงานของฝ้ากันมาแล้วแล้ว และสำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าสาเหตุของการเกิดฝ้านั้นมีอะไรบ้างนั้น แอดมินจะขอ re cap สั่นให้ทุกท่านได้มีความรู้ความเข้าใจไปพร้อมกัน เพื่อที่ท่านจะได้สำรวจตัวเองว่าท่านนั้นมีฝ้าขึ้นมาได้อย่างไร และท่านจะมีวิธีรักษาที่เกิดขึ้นกับท่านได้อย่างไร สำหรับสาเหตุของการเกิดฝ้านั้นมีด้วยกัน 4 สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้คุณนั้นเป็นฝ้า ก็คือ แสงแดด แน่นอนว่าสาเหตุหลักของการเกิดฝ้าก็คือแสงแดด เพราะว่าในแสงแดดอย่างที่เรารู้ดีกันว่ามีรังสี UVA และ UVB ที่ทำร้ายผิว ที่ทำร้ายไปถึงระดับชั้นหนังแท้ และนั่นจึงทำให้ร่างกายของเราเกิดกระบวนการป้องกันตัวเอง ด้วยการสร้างเม็ดสีเมลานินเพื่อทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันและทำการดูดซับรังสีเหล่านี้ไว้ในร่างกายของเรา พันธุกรรม หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าการเป็นฝ้า นั้นมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ เพราะว่าฝ้าก็เหมือนโรคอย่างหนึ่งที่สามารถสืบทอดมาจากครอบครัวได้พูดให้เห็นภาพได้ชัด ก็ฝรั่งตาน้ำข้าวนั่นเองที่เราสามารถเห็นได้ชัดเลยว่า กรรมพันธุ์มีผลมากจริงๆ อายุที่มากขึ้น ด้วยอายุที่มากขึ้น การทำงานของร่างคนเราก็เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ฉะนั้นการที่เรานั้นจะเป็นฝ้าได้ก็มามีผลมาจากร่างกายที่เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา กลไก การทำงานของร่างกายที่ไม่ 100% เหมือนวัยเด็ก การกินยาคุม หลายคนอาจจะสงสัยว่า ยาคุมมาเกี่ยวอะไรด้วย บอกเลยว่าการกินยาคุม นั้นก็สืบเนื่องมาจากฮอร์โมน ของร่างกายเราที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน อาจจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง เพราะว่าบางคนร่างกายบางคนตอบสนองการเปลี่ยนแปลงไว จึงทำให้ฝ้าเกิดขึ้นได้ แล้ว ฝ้า กระ มีกี่ชนิด แตกต่างกันอย่างไร หากว่าท่านนั้นเคยเข้าใจว่าการเป็นฝ้า ต้องเป็นจุดด่างดำเป็นปื้นยาวๆ บริเวณโหนกแก้ม นั่นเป็นเพียงแค่ฝ้าชนิดหนึ่งที่เรานั้นคุยกันดี […]
หากพูดถึงเรื่องฝ้า กระ จุดด่างดำต่างๆ หลายคนอาจจะรู้ดีกันอยู่แล้วสาเหตุหลักๆ ของการเกิดฝ้านั้น มาจากเรื่องของแสงแดด และเรื่องของฮอร์โมน แต่ใครจะรู้ว่าแท้ที่จริง การที่เราเลือกใช้เครื่องสำอางในการแต่งหน้า หรือแม้แต่สกินแคร์ บางตัวที่เราใช้อยู่นั้นก็อาจจะก่อนให้เกิดฝ้าได้เหมือนกัน และเครื่องสำอางและสกินแคร์เรานั้น ทำไมถึงทำให้ผิวสวยๆ ของเรานั้นเกิดฝ้าได้อย่างไร อะไรเป็นฉนวนของการนำพาฝ้ามาอยู่ใบหน้าของเรา วันนี้เรามาหาคำตอบ และแนวทางการแก้ไข และดูแลตัวเองไปพร้อมกัน เพื่อให้ผิวสวยๆ ของเราได้อยู่กับเราไปนานๆ เรื่องที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ ใช้เครื่องสำอางแบบไหนทำให้เกิดฝ้า เรื่องความสวยความงาม ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ ยิ่งสำหรับยุคสมัยนี้ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่ดูแลตัวเอง ทางด้านผู้ชายก็หันมาให้ความสนใจเรื่องนี้เช่นกัน ผู้ชายก็เริ่มเข้าวงการกินแคร์และเครื่องสำอาง เพื่อที่จะเพิ่มภาพลักษณ์ให้ดูน่ามองน่าเชื่อถือมากขึ้น และใครจะรู้บ้างว่าเครื่องสำอางที่เรานั้นใช้กัน ต่างก็มีทั้งแบบที่เป็นกระเป็นที่นิยม และเป็นที่รู้อย่างถูกต้อง ผลิตได้มาตรฐาน การทำงานของคุณสมบัติของตัวเครื่องสำอางต่างๆ ตรงกับสิ่งที่อวดอ้าง แต่ก็มีบ้างเครื่องสำอางที่บางแบร์นถูกเปิดตัวออกมาขายแบบไม่ถูกต้อง ไม่ได้รับการตรวจสอบ แต่ว่าคนที่ชื่อใช้ กลับใช้แล้วเห็นผลไว ส่งผลให้มีคนซื้อตามเป็นจำนวนมาก จึงส่งผลให้หลายๆ คนที่ซื้อมาใช้บางรายอาจเกิดอาการแพ้ และเกิดปัญหาผิวตามมาภายหลัง นั่นก็สืบเนื่องมาจากสารบางชนิดที่เป็นสารต้องห้ามในการผลิตสกินแคร์ หรือว่าเครื่องสำอาง เพราะว่าส่งผลระยะยาวต่อผู้บริโภค แต่ผู้ผลิตไม่ได้คำนึงถึง เพราะมุ่งหวังแต่กำไร และสารเหล่านั้นที่เป็นสารต้องห้ามในการนำมาผสมกับสกินแคร์ หรือว่าเครื่องสำอาง จะมีอะไรบ้าง เรามาทำความรู้จักไปพร้อมกัน ว่าถ้าเกิดส่วนผสมเหล่านั้นอยู่ในผลิตภัณฑ์ ที่เราใช้อยู่จะส่งอะไรกับเราบ้าง และเรามีเทคนิควิธีตรวจสอบเบื้องต้นอย่างไร การใช้เครื่องสำอางที่ไม่ผ่านการอนุญาตในการผลิต […]
“กรดโคจิก (Kojic Acid) ” เป็นที่รู้จักกันดีเพราะถูกใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางส่วนใหญ่ ที่สามารถเพิ่มความขาวใสให้กับผิวหน้า ทั้งยังช่วยแก้ปัญหาสีผิวที่เกิดจากการสร้างเมลานินที่มากจนเกินไป ดังนั้นจึงพบได้มากในผลิตภัณฑ์ที่เน้นการรักษาฝ้า หรือปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ไม่เพียงเท่านั้น ยังถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์ การเกษตรและเคมีภัณฑ์ รวมถึงในชีวิตประจำวันด้านอื่นๆ แท้จริงแล้วกรดโคจิก (Kojic Acid) คืออะไร มีคุณสมบัติหรือกลไกลการออกฤทธิ์อย่างไรบ้าง และมีผลข้างเคียงอื่นๆหรือไม่ เราจะไปทำความรู้จักกับสารตัวนี้ด้วยกัน กรดโคจิก (Kojic Acid) คืออะไร กรดโคจิก (kojic acid ; KA) เรียกได้ว่าเป็นสารเมแทบอไลท์ทุติยูมิ (secondary metabolite) เป็นกรดอินทรีย์ที่เกิดจากราบางชนิด เช่น เช่น Aspergillus, Fusarium และ Penicillium จากกระบวนการหมักแบบใช้อากาศ (aerobic fermentation) ของราเหล่านั้นโดยอาศัยปฏิกิริยาทางเอนไซม์หลายขั้นตอน ซึ่งในการผลิตกรดโคจิกของราได้ใช้แหล่งคาร์บอนที่มีความหลากหลาย เช่น กลูโคส ซูโครส เอทานอล อะซิเตท และไซโลส เป็นต้น กรดโคจิกเป็นโมเลกุลขนาดเล็ก มีสูตรเคมีคือ C6H6O4 ที่น่าสนใจคือ […]